“สวัสดีค่ะ”
พราวลลิลตื่นขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องนอนนั้นในทันทีก่อนที่เจ้าของห้องจะตื่นขึ้นมาเสียอีก
ก็ด้วยเกิดความอายที่ตอนหัวค่ำนั้นหลังจากที่ดื่มไวน์เข้าไปก็ใจกล้าพูดอะไรออกไปมากมายหลายอย่าง ทำเอาไม่กล้าสู้หน้าเจ้าของห้อง
พอลงมาที่ชั้นล่างของบ้านก็มาเจอเข้ากับแม่เจ้าของห้องอีก ทั้งที่อยากหลบหน้าทุกคนนั่งเงียบๆสักพัก ก็จำต้องทักทายเจ้าของบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่ต้องทักทายแม่แบบนั้นหรอก ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านของหนูได้เลย”
คุณหญิงวรรณวิภารับไหว้หญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดีของเธอ และก็ด้วยความอารมณ์ดีของเธอนั้นด้วย เพราะตื่นเช้ามาทั้งทีก็ได้มาเจอกับลูกสะใภ้คนโปรดที่ตื่นเช้าไม่แพ้เธอเลย
พราวลลิลนั่งลงใกล้ๆกับที่คุณหญิงวรรณวิภากำลังยืนกำกับให้เด็กๆภายในบ้านทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นแจกันโบราณอันใหญ่
เธอนิ่งเงียบไม่รู้จะพูดอะไร ทำตัวไม่ถูกด้วยไม่เคยตื่นขึ้นมาภายในบ้านของคนอื่นมาก่อน
ถ้าเป็นปกติอยู่ที่บ้านของเธอพอตื่นขึ้นมาแบบนี้ ก็ต้องตรงดิ่งไปชงกาแฟหรือไม่ก็ชาเขียวมาดื่มก่อนมื้ออาหารไปแล้วล่ะ
“หรือว่าจะโทรกลับบ้านซะหน่อยไหม”
คุณหญิงวรรณวิภาเอ่ยถามลูกสะใภ้อย่างใส่ใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายลงนั่งอย่างเงียบๆ ใส่ใจทุกรายละเอียดหวังให้หญิงสาวอยู่กับแม่สามีอย่างเธอไปนานเท่านาน
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เธอยังไม่อยากโทรกลับบ้านในตอนนี้ ก็ยังโกรธเคืองที่บ้านอยู่นั่นแหละ อีกอย่างทางบ้านของเธอก็ควรโทรมาง้อเธอก่อนถึงจะถูก ไม่ใช่เธอเป็นฝ่ายต้องโทรไปเอง
“อืม ถ้าอย่างนั้นโอวัลตินอุ่นๆสักแก้วดีไหม”
คุณหญิงก็ยังคงใส่ใจหญิงสาวอยู่ดีราวกับเธอเป็นลูกคนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะทั้งรักและก็ทั้งเอ็นดู ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปขอมาเป็นลูกสะใภ้คนโปรดแบบนี้หรอก
“ค่ะ”
พยักหน้ารับเล็กน้อยตามมารยาททั้งที่ไม่ได้ชอบกินโอวัลตินยามเช้าเลยสักนิด แต่ลองดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร
“แม่ไม่รู้ว่าหนูชอบหวานหรือไม่หวาน เลยลองชงรสกลางๆแบบที่ตานนท์เองก็ชอบกินให้ ลองชิมดูนะถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวแม่ชงให้ใหม่”
คุณหญิงวรรณวิภาเดินไปตรงเคาว์เตอร์ที่อยู่ติดกับห้องอาหารไม่นานก็กลับมาหาหญิงสาวพร้อมกับแก้วโอวัลตินร้อนๆที่เธอนั้นไปลงมือชงมาเองกับมือ
ตั้งใจชงมาอย่างดีเหมือนจะมาให้ลูกในไส้ของตัวเองได้กิน ใส่ทุกอย่างด้วยใจมาเลยล่ะ
“ขอบคุณค่ะ”
พราวลลิลรับแก้วโอวัลตินนั้นมาแล้วก็ลองชิมดูตามมารยาท และก็เริ่มกินจริงจังเพราะว่ามันอร่อยมาก สมกับที่คุณหญิงไปลงมือชงมาให้เธอด้วยตัวเองเลยล่ะ
“เป็นยังไง กินได้ไหม”
“ได้ค่ะ อร่อยมากๆเลย”
“ถ้าอย่างนั้นกินตามสบายเลยนะ อีกสักพักใหญ่ๆกว่ามื้อเช้าจะเสร็จ แม่ขอไปดูเด็กๆในครัวก่อน”
เห็นว่าลูกสะใภ้เอร็ดอร่อยกับโอวัลตินแก้วใหญ่ดีแล้ว แม่อย่างเธอที่มีหน้าที่ดูแลทุกอย่างภายในบ้านนี้ก็ต้องไปดูแลเรื่องอาหารการกินต่อ
เพราะอีกไม่เกินชั่วโมงอาหารเช้าต้องเรียบร้อยพร้อมให้ลูกชายของเธอได้กินแล้ว ประเดี๋ยวชักช้าจะไม่ทันที่พ่อคนหล่อจะไปทำงาน
“หนูไปด้วยได้ไหมคะ”
พราวลลิลนึกเบื่อๆที่จะนั่งอยู่คนเดียว เธอก็เลยหาเรื่องของเข้าครัวไปด้วย
“ได้สิๆ ตามแม่มาได้เลย”
แล้วเธอก็เดินตามคุณหญิงวรรณวิภาเข้าครัวไปพร้อมกับในมือถือแก้วโอวัลตินไปด้วย ยังไงเสียก็ต้องดื่มให้หมดให้สมกับความอร่อย จะทิ้งขว้างไม่ได้เด็ดขาด
คุณหญิงเองก็ทำตัวเป็นแม่สามีที่ดี พอพาลูกสะใภ้ไปถึงห้องครัวที่เต็มไปด้วยเด็กๆภายในบ้านของเธอที่กำลังช่วยกันทำอาหารเช้า เธอก็แนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอ และให้เคารพพราวลลิลเหมือนกับที่เคารพเธอ
“ดูหุ้นแต่เช้าเลยนะครับ”
นนท์ธิวรรธน์เดินลงมายังชั้นล่างของบ้านเมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเช้า แต่เข้านั้นตื่นขึ้นมาแต่เช้าแล้วพร้อมกับคนที่นอนข้างๆเขานั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้ตามเธอลงมา
ตื่นมาก็มานั่งทำงานสักพักหนึ่งก่อน ปล่อยให้เธอนั้นคิดว่าเขายังไม่ตื่นเพื่อเว้นระยะห่างให้เธอได้ใช้ชีวิตในส่วนของเธอ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะอยากหลบหน้าเขา
แต่ก็คงเว้นระยะห่างได้ไม่นาน เพราะเธอมีตำแหน่งเป็นเลขาของเขาด้วย อีกไม่นานก็ต้องไปนั่งทำงานด้วยกัน
“ก็แม่เราเขามีเพื่อนคุยแล้ว พ่อก็เลยว่างๆได้มีเวลาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นบ้าง”
นวัตรที่กำลังนั่งดูหุ้นตัวนั้นตัวนี้ฆ่าเวลาไปเรื่อยเงยหน้าขึ้นทักทายเจ้าลูกชายตัวดีเล็กน้อย แล้วก็ก้มหน้ามองไอแพคของเขาต่อ
กำลังสนุกอยู่กับการจะซื้อหุ้นสักตัวสองตัวเพื่อเอาไว้เกร็งกำลัง เพื่อว่าจะได้ค่าขนมเก็บเอาไว้เลี้ยงหลานๆในอนาคต
“มีเพื่อนคุณแม่มาเยี่ยมเหรอครับ”
ได้ยินว่าคุณแม่ของเขามีเพื่อนพูดคุยด้วย ก็ทำเอาเขาประหลาดใจเล็กน้อย ว่าใครกันน่ะมาบ้านเขาแต่เช้า โดยที่เขาไม่เห็นรู้เรื่องนี้ด้วยเลย
“เพื่อนอะไรที่ไหนกันล่ะ ก็หนูหนมหวานนะสิ ตื่นแต่เช้าแถมยังไปช่วยแม่ดูเด็กๆในครัวด้วยอีก”
คุณหญิงวรรณวิภาเดินออกมาจากในห้องครัวพอดี เลยเป็นผู้ตอบคำถามทั้งหมดเอง ไม่ปล่อยให้ลูกชายต้องสงสัยนาน
“อ๋อ”
นนท์ธิวรรธน์พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเข้าใจ แต่ไม่ได้หันไปมองด้วยไม่อยากตกอยู่ในมนตร์สะกดของความสวยของพราวลลิลแต่เช้า
“ตั้งโต๊ะเลยดีกว่าไหม ข้าวต้มกำลังร้อนๆเลย”
เห็นว่าลูกชายไม่ยอมมองหน้าเมียตัวเอง คุณหญิงวรรณวิภาก็เลยจัดการเสิร์ฟเมียคนสวยให้ไปนั่งตรงหน้าพ่อคนหล่อ
จะได้กินข้าวกันไปมองกันไป ดูสิจะหลบหน้ากันได้อีกนานแค่ไหน
“หุ้นตัวนั้นน่าสนใจนะครับ คุณพ่อเห็นหรือยัง ถ้าจะลงทุนผมว่าก็เหมาะมากๆเลย”
นนท์ธิวรรธน์หันไปพูดคุยกับพ่อของเขาไปพลาง กินมื้อเช้าไปพลาง ค่อนข้างเอร็ดอร่อยไปกับมื้อเช้าตามประสาทนักธุรกิจ
“งานที่บริษัทยังยุ่งไม่พออีกหรือไง ถึงได้มีเวลาเช็คตลาดหุ้นด้วย”
นวัตรผู้เป็นพ่อเองก็มีความสุขไปด้วย กินมื้อเช้าได้เอร็ดอร่อยพอสมควร
“ดูไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ”
“ดูท่าแกจะคล่องกว่าฉัน เดี๋ยวถ้ากินข้าวอิ่มแล้ว ฉันคงต้องขอคำแนะนำซะหน่อย”
“ได้ครับ”
“กินอิ่มตั้งนานแล้ว คุณวัตรไปเดินย่อยหน่อยดีไหมคะ”
คุณหญิงวรรณวิภาที่อดทนมานานแล้วตั้งแต่กินมื้อเช้าจนกระทั่งกินมื้อเช้าอิ่ม เปิดทางให้สองคนพ่อลูกพูดคุยถึงแต่เรื่องหุ้นบ้าๆบอๆอะไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจลูกสะใภ้ของเธอสักนิด
เริ่มส่งสายตาพิฆาตมองไปยังสามี หวังให้อีกฝ่ายรู้ตัวก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
“ขอเวลาอีกแป๊บนะ ผมขอดูหุ้นตัวนี้ก่อน”
นวัตรที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับตลาดหุ้นบอกปัดภรรยา ไม่สนใจสิ่งรอบตัว สนใจแต่หุ้นที่อยู่ในไอแพค
“คุณนวัตร”
เสียงหวานๆของศรีภรรยาเริ่มเข้มขึ้นและเริ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเต็มยศ
“คุณหญิง ผมก็บอกแล้วไงว่าขอเวลาอีกนิดหนึ่ง”
“คุณนวัตรค่ะ ไปได้แล้วค่ะ”
แล้วเสียงของคุณหญิงวรรณวิภาก็เข้มขึ้นจนสุด พร้อมกับสายตาพิฆาตระดับสูงมองไปยังสามี
“เอาไว้ค่อยคุยกันต่อตอนเย็นนะ พ่อไปเดินย่อยก่อน ท้องมันอืดๆยังไงก็ไม่รู้”
นวัตรรู้สึกถึงมีลมเย็นๆพัดผ่านด้านหลังในทันที เขาปิดไอแพคในทันควันแล้วดีดตัวลุกขึ้นเดินไปยังสวนหย่อม
ไม่หันกลับมามองลูกชายอีกเลย หลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับภรรยาแต่เช้า เพราะถ้ามีชีวิตในวันนี้ของเขาจะไม่สงบสุขอีกเลย
“เอาไว้ผมจะส่งข้อมูลให้นะครับ เพื่อว่าพ่อจะสนใจเพิ่มเติม”
“ไม่ต้องส่ง แม่ไม่ให้ซื้อ”
คุณหญิงวรรณวิภาเดินตามสามีของเธอไปแต่ก็ยังมิวายส่งเสียงกลับมาหาเจ้าลูกชาย ปฏิเสธการซื้อหุ้นให้ผู้เป็นสามีตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ด้วยเธอไม่ชอบการลงทุนอะไรทำนองนี้
เปิดทางให้ลูกชายของเธอกับลูกสะใภ้ได้อยู่กันตามลำพัง เพราะคนเป็นผัวเป็นเมียกันคงมีอะไรต้องคุยกันอย่างแน่นอน ค่าความสัมพันธ์จะได้ขยับขึ้นไปในทางที่ดีอีก
“มีอะไร”
เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว นนท์ธิวรรธน์ก็หันไปเรียกอีกคนที่ยืนอยู่ไกลๆให้เข้ามาหาเขา
เพราะเห็นเธอแอบมองเขาหลายหนแล้วราวกับมีเรื่องจะคุยด้วย เขาเห็นตอนแอบมองเธออยู่หลายครั้งเหมือนกันในระหว่างที่เขาพูดคุยกับพ่อของเขา
“ฉันเหรอ”
พราวลลิลแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เดินมาตามคำเรียกของอีกฝ่าย
“อืมใช่ เธอมีอะไรจะพูดงั้นเหรอ”
“คือว่า นี่เงินเมื่อคืน ฉันคืนให้คุณ”
แล้วก็โดนเขาต้อนจนจนมุมเข้าจนได้ นับว่าเขานั้นเก่งเรื่องอ่านใจเธอขาดไปเลยล่ะ
เธอเลยรีบหยิบเอากระเป๋าถือขึ้นมาแล้วหยิบเงินหนึ่งพันบาทที่เขาให้เมื่อคืนขึ้นมาคืนเขา
“เก็บเอาไว้เถอะ หรือถ้าไม่พอก็บอกได้นะ”
เขาไม่รับคืนเพราะรู้ดีว่าเธอนั้นกำลังเดือดร้อน อีกอย่างเธอถูกส่งตัวมาที่นี่อย่างกะทันหัน ดูก็รู้ว่าเธอคงไม่มีเงินติดตัวมา เขาในฐานะสามีที่ถูกบังคับก็ควรจะดูแลเธอให้มีกินมีใช้ ไม่ให้คนอื่นมาต่อว่าเขาได้
“แล้วฉันก็อยากให้คุณรู้เอาไว้ด้วย”
ไม่รับเงินคืนก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ต้องคุยกันถึงเรื่องเมื่อคืนให้เรียบร้อย ให้เคลียร์กันไปเลย อย่าให้มีอะไรติดค้าง ไม่งั้นเธอคงได้อายไปตลอดแน่ๆ
“รู้อะไร”
“เมื่อคืนฉันเริ่มเมา ก็เลยพูดอะไรมากไปหน่อย ความจริงแล้วฉันน่ะไม่เคยคิดถึงเรื่องเงินเดือนของภรรยาอะไรทำนองนั้นเลยนะ คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเราก็แค่ยังหาทางออกเรื่องคลุมถุงชนครั้งนี้ไม่ได้”
“อืม”
“ส่วนเงินเดือนเลขา ฉันหวังว่าคุณจะโอนมาตรงเวลานะ”
“อืม เงินเดือนภรรยาเธอก็สมควรได้รับมันนะ อืม จะให้เธอมาอยู่ฟรีๆมันก็คงไม่ได้”
เขาคิดทบทวนมาแล้วเมื่อคืนนี้ เขาคิดว่าควรจะจ่ายเงินเดือนให้เธอในทุกส่วนของหน้าที่ มันเป็นสิ่งที่เธอที่เป็นผู้หญิงควรจะได้รับมันไป
“ไม่ต้องๆ ฉันไม่ถือหรอก ยังไงคุณก็ให้ฉันกินฟรีอยู่ฟรี”
“เอาเป็นว่าเธอจะเรียกเท่าไหร่ก็บอกมา ฉันจะรับไว้พิจารณา แล้วเราค่อยตกลงกันว่าจะจ่ายทุกวันที่เท่าไหร่ของเดือนหรือว่าจะพร้อมเงินเดือนเลขา”
“บอกว่าไม่รับก็คือไม่รับสิ”
เธอบอกว่าไม่รับเงินเขาก็ยังจะยัดเหยียดให้อีก เสียงเล็กๆก็เลยเริ่มโวยวายขึ้นมา
“หรือว่าเธอจะทำหน้าที่ก็ได้นะ ฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เวลาที่เธอรับเงินเดือนจะได้ไม่มีข้อกังขาใดๆ”
แต่คนตัวโตก็หาเรื่องปราบจนอยู่หมัดอีกจนได้ ด้วยรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้ายังเวอร์จิ้นอยู่ถ้าลองได้พูดเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ยังไงเสียก็ยอมรับเงินของเขาอยู่แล้ว
“ใครจะทำแบบนั้นกันล่ะ”
พอพูดถึงการต้องร่วมเตียงกัน ในหัวของพราวลลิลก็คิดเตลิดไปไกลจนใบหน้าของเธอมันเห่อร้อนขึ้นมา และเผลอๆมันอาจแดงขึ้นมาด้วยก็เป็นได้
ทำเอาเธอต้องก้มหน้าหลบเขาในทันทีก่อนที่จะถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรลามกอยู่
“ก็เธอไง ให้เงินฟรีๆก็ไม่เอา สงสัยคงอยากทำหน้าที่แลกเงิน”
ใบหน้าหล่อคมขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานที่ก้มหลบเขาเพื่อจะดูสิว่าแก้มของเธอนั้นแดงขึ้นหรือเปล่า
“เอาก็ได้ จะให้เท่าไหร่ก็โอนมาก็แล้วกัน”
พราวลลิลถึงกับรีบเดินหนีไป ไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย
“แล้วนั้นจะไปไหนกันล่ะ”
“ก็ไปทำงานนะสิ นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะ ชักช้าจริงๆเลย”
“รถอยู่ทางนู้น”
เขาเรียกเธอกลับมา เพราะทางที่เธอจะเดินไปนั้นมันเป็นทางเดินไปหลังบ้าน แต่รถที่จะรับเธอไปทำงานนั้นจอดอยู่หน้าบ้านนู้น
“ฉันลองดูเชิงนายหรอก ฉันรู้อยู่แล้วน่ะว่ารถอยู่ทางนู้น”
คนตัวเล็กกลับหลังหันในทันที แล้วก็รีบวิ่งแจ้นไปขึ้นรถ
“หึๆ”
นนท์ธิวรรธน์หัวเราะเบาๆในลำคออย่างไม่ให้ใครได้ยิน ขำขันกับท่าทีของเธอที่กำลังอายด้วยเรื่องผัวๆเมียๆ
ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเธอไปขึ้นรถเพื่อออกไปทำงานพร้อมกันเหมือนอย่างเมื่อสองวันก่อน
“พี่นนท์คะ”เสียงหวานเอ่ยเรียกสามีของเธอที่นั่งรออยู่บนเตียงนอนอย่างเย้ายวนพร้อมกับค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าออกมาจากภายในห้องแต่งตัว ด้วยชุดนอนแบบที่เรียกได้ว่าใส่แล้วคงไม่ได้นอน เป็นผ้าลื่นๆมันๆตัดขอบด้วยผ้าลูกไม้สีดำทั้งชุดร่างบางที่ตุ้ยนุ้ยขึ้นพร้อมกับท้องโตๆที่ใกล้คลอดเต็มแก่แล้วนั่งลงบนตักใหญ่ของสามีอย่างจงใจยั่วยวนเขาแม้ใกล้คลอดเต็มทนไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้กัน แต่ทว่าบรรยากาศมันก็พาไปทำให้เธออดใจเอาไว้ไม่ไหวจริงๆอีกอย่างการอยู่ใกล้ท่านประธานที่หล่อเหลากว่าหนุ่มโฮสเป็นไหนๆแบบนี้ ใครล่ะจะไปอดใจถือศีลไหวกัน“หืม นมหวาน”นนท์ธิวรรธน์วางมือหนาบนท้องโตๆของเมียคนสวยแล้วลูบวนเบาๆอย่างอดใจต่อไปไม่ไหว ก่อนจะขยับปลายมือมาบีบขย้ำไปตามอกอวบของเธอที่มันใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการเตรียมตัวเป็นแม่คนไม่คาดคิดเลยว่าของขวัญวันเกิดในปีนี้ที่ได้เมียมานั้นจะแสนถูกใจเสียจนห้ามใจเอาไว้ไม่ไหวเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเป็นพ่อที่ดีไม่ไปเร่งรัดให้ลูกน้องคลอดออกมาก่อนกำหนด“แบบนี้พอจะเป็นของขวัญของพี่นนท์ได้ไหมคะ”พราวลลิลเอนกายซบพิงไปกับร่างกำยำของผู้เป็นสามีพร้อมกับเปิดชายของชุดนอนขึ้นมาเล็กน้อยให้พ
ชีวิตหลังแต่งงานของนนท์ธิวรรธน์ไม่ต่างอะไรจากชีวิตก่อนแต่งงานเลยสักนิดเดียว เขายังคงทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่มีเธอเดินเข้ามาในชีวิตวันแรกไม่มีเปลี่ยนไปเลยเขาตื่นแต่เช้าออกไปทำงานทุกวัน บางวันก็พาเมียไปทำงานด้วย บางวันก็ไม่ได้พาเธอไปด้วยอย่างเช่นตอนนี้เพราะเธอนั้นท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทนแล้ว เขาก็เลยให้เธอพักอยู่บ้านซะมากกว่า จะมีพาไปบ้างก็แค่บางวันที่เธอดูจะเบื่อการอยู่บ้านเท่านั้นและเขาก็จะรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อมาที่บ้านในทันทีหลังจากที่เลิกงาน ไม่เคยแวะข้างทางที่ไหนเพื่อจะมาหาเมียให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีเธอไปด้วยเขาก็รีบกลับบ้านอยู่ดีถ้าเธออยากกลับหรือพาเธอออกไปใช้ชีวิตหลังเลิกงานด้วยกันบ้างถ้าเธออยากไปและในวันนี้เขาก็เลิกงานค่อนข้างดึกพอสมควรเพราะอาทิตย์หน้าเจ้าตัวน้อยในท้องเมียน่าจะลืมตาดูโลกแล้วตามที่หมอคาดการณ์เอาไว้ เขาก็เลยคิดว่าน่าจะต้องลางานอีกหลายวันเลยละก็เลยเริ่มที่จะเคลียร์งานออกไปบ้างแล้ว แล้วก็รีบกลับบ้านมาหาเมียในทันที“ทำอะไรอยู่ครับ”ร่างสูงรีบเดินขึ้นมายังห้องนอนที่เมียขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วหลังจากที่เขานั้นให้เธอกินมื้อเย็นล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขาด้วยวันน
“วันนี้นมหวานสวยจังเลย”เสียงของนนท์ธิวรรธน์เอ่ยชมเมียคนสวยของเขาไม่ขาดปากในขณะที่กำลังเริ่มแต่งหน้าสำหรับงานเลี้ยงในรอบเย็น หลังจากที่เมื่อเช้านั้นเพิ่งจะจัดงานแต่งกันแบบไทยๆกันไปเมื่อในสายตาของเขานั้นเห็นว่าเมียสวยอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มาตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกก็ว่าได้“สวยตรงไหน สิวเม็ดเท่าช้างอยู่บนหน้าเนี้ยนะ”คนสวยตอบกลับด้วยความจริงเมื่อฮอร์โมนของคนท้องทำให้สิวหัวช้างขึ้นหน้าเธอตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดีหัวสิวนั้นใหญ่เสียจนแต่งหน้ากลบยังไม่มิดเลย จะมีความสวยที่ไหนกันได้ล่ะ“สวยทุกตรงนั้นแหละ และก็สวยทุกวันเลยด้วย”ท่านประธานหนุ่มก็ยังคงไม่เลิกที่จะเอ่ยชมเมียตัวเล็กตัวน้อยของเขาที่สวยที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี“หน้าก็ยังไม่ได้แต่ง ชุดก็ยังไม่ได้ใส่เนี้ยนะ”ถึงเขานั้นจะมองข้ามเรื่องสิวไปได้ก็ต้องเห็นเรื่องแต่งหน้าทำผมใส่ชุดของเธอบ้างแหละ ไม่ใช่มาหลับหูหลับตาชมเธอจนช่างแต่งหน้าอายแทนได้แบบนี้“เจ้าบ่าวออกไปรออีกห้องได้แล้วจ้ะ”นนท์ธิวรรธน์ยังไม่ทันได้เอ่ยชมเมียอีกสักรอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงของแม่เขาที่เปิดประตูเข้ามาพอดี“ครับคุณแม่”และนั้นทำให้นนท์ธิวรรธน์ต้องรีบออกจากห้องแต่ง
“วันนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า”เสียงหวานๆเอ่ยทักทายผู้เป็นสามีพร้อมกับเดินเข้าไปหาเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อสูทออกจากตัวหลังจากที่เขาเพิ่งจะกลับมาจากทำงานทำหน้าที่ภรรยาเป็นอย่างดีแต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำหน้าที่เลขาเลย ด้วยเธอนั้นยังคงมีอาการแพ้ท้องอยู่ ท่านประธานก็เลยเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรมากไปกว่านี้ก็เลยสั่งหยุดงานเธออย่างไม่มีกำหนดไปก่อนเธอก็เลยทำได้แค่ส่งเขาออกไปทำงานในตอนเช้า และก็รอรับเขากลับเข้าบ้านในตอนเย็นเท่านั้น“อืม ก็นิดหน่อย”นนท์ธิวรรธน์เอ่ยตอบไปตามความจริงพร้อมกับหอมแก้มเมียไปอีกฟอดใหญ่เพื่อเติมเมียเข้าปอดให้ได้ชื่นใจ หลังจากที่เขาต้องนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดมาทั้งวัน“ปวดหัวไหมคะ ให้หนูนวดให้ไหม”พราวลลิลขันอาสาเป็นหมอนวดให้เขาอีกครั้งเมื่ออาการแพ้ท้องของเธอนั้นเริ่มดีขึ้นมากแล้ว และก็อยากจะช่วยเขาแบ่งเบาความเครียดหลังเลิกงานด้วย“ก็ดีเหมือนกันนะ”ท่านประธานรีบประคองเมียให้เดินไปที่โซฟาในทันที ให้เธอนั่งลงอย่างนุ่มนวลภายใต้การคอยมองของเขา ก่อนที่เขาจะลงนอนหนุนตักเธอรีบหลับตาพริ้มในทันทีเพื่อรอมือเล็กๆของเธอนั้นมากดนวดให้ตามจุดต่างๆที่มักรู้สึกปวด
“เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ตื่นสายจัง”หลังจากที่เมื่อวานครอบครัวของเขาและก็ของเธอนั้นได้รวมตัวกันกินข้าวมื้อใหญ่เพื่อประกาศข่าวดีกันที่บ้านของคุณยายเธอ เขากับเธอก็กลับมานอนกันที่บ้านตามปกติด้วยตอนเช้านั้นเขามีประชุมต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้า ก็เลยไม่ได้อยู่ค้างกันที่นู่นแต่พอในเช้าวันใหม่นี้ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น เมื่อคนตัวเล็กที่มักตื่นนอนพร้อมกับเขาหรือบางทีก็ตื่นก่อนเขา วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆเขานั้นอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจะเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมสีหน้ายังไม่สดชื่นอีกตั้งหาก“สงสัยเมื่อวานหนูจะกินขาหมูมากเกินไป เช้านี้ก็เลยไขมันขึ้น”พราวลลิลมีอาการพะอืดพะอมตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ และก็เวียนหัวจนแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะเป็นอาการไม่สบายที่ทำให้นึกถึงคุณยายเป็นอย่างมากในเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูงจนต้องพาไปพบหมออยู่บ่อยๆ“อาการมันเป็นยังไง ทำไมถึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายแบบนั้นล่ะ”มือหนาๆวางลงบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะลูบเบาๆด้วยความเป็นห่วง “ก็หนูเวียนหัวเหมือนคุณยายเวลาที่ไขมันท่านขึ้นสูง”“พี่ว่าไม่น่าจะใช่นะ”อาการของเธอไม่น่าจะใช้ไขมันขึ้นสูงแบบที่เธอกำลังค
“เป็นอะไรไป”เสียงหนาเอ่ยถามอย่างอบอุ่นเช่นเคยในเช้าวันหยุดที่เขากับเธอยังคงนอนเล่นกันอยู่บนเตียงไม่ได้รีบร้อนลุกไปทำงานเหมือนทุกวันเมื่อเขาเห็นว่าเธอดูจะหงอยเหงาผิดปกติไปจากเช้าวันอื่นๆที่ถึงแม้รีบเร่งไปทำงานก็ยังดูสดชื่นกว่าวันนี้เป็นเท่าตัวอาการเหล่านี้มันออกหลังจากที่เธอนั้นหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแจ้งเตือนบางอย่างที่ส่งเสียงร้องอยู่สักพัก ก่อนจะวางมือถือนั่งลงแล้วก็ถอดถอนหายใจยาวออกมาเขาไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่มันคงไม่ดีสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นพราวลลิลที่เปรียบเสมอความสดใสนั้นคงไม่ดูหม่นหมองถึงเพียงนี้“เปล่า”มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆรับรู้เรื่องราวของเธอไปด้วย ก่อนหน้านี้เธอเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่พอมาถึงวันนี้ในระยะเพียงสั้นๆเท่านั้นเธอกลับเสียใจตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำไป“ไม่เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมคะ”ท่าทางของเธอไม่ได้โจ่งแจ้งสักเท่าไหร่แต่ทว่าเขานั้นอยู่ใกล้เธอมากจนไม่อาจมองข้ามไปได้ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาก็ยังรับรู้ได้อยู่ดี“ฮืออออ”พราวลลิลก็ปล่อยเสียงร้องไห้