จู่ๆ เธอก็รู้สึกโกรธผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาจนควันออกหู เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณพ่อแน่ คอยดูฤทธิ์เธอสิน่า เอ...หรือควรส่งไลน์ให้พ่อดูตอนนี้เลยดีนะ
ไม่! ยังส่งตอนนี้ไม่ได้ เธออยากเห็นสีหน้าของนายปราบดาและพี่สาวของเขาตอนถูกพ่อของเธอไล่ตะเพิดออกจากบ้านกับตาตัวเอง มันคงสะใจพิลึก หญิงสาวค่อยๆ เก็บโทรศัพท์มือถือก่อนเร้นกายออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองเธอจนหายลับไปจากห้อง
ปราบดากระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่เหยื่อก้าวมาติดกับ...
หึ! ยายเด็กบ้าเอ๊ย...จะแอบดูแอบถ่ายทั้งทียังแอบไม่มิดเลย ฝีมือการสอดแนมของยายนั่นเทียบชั้นอนุบาลยังสูงไปด้วยซ้ำ เขาเห็นตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องแล้ว หรืออีกนัยคือเขาจงใจแง้มประตูไว้รอให้เธอเข้ามาชมกิจกามนี้เลยต่างหาก มันเป็นแผนที่เสี่ยงอยู่ แต่หนังติดเรตที่เขาจงใจแสดงให้หญิงสาวจอมหยิ่งชมดูท่าจะได้ผล เมื่อเขาแอบเห็นปฏิกิริยาของเธอที่คล้อยไปตามความต้องการตามธรรมชาติทางเพศโดยไม่รู้ตัว
ปราบดารู้โดยสัญชาตญาณว่า...แม่เด็กตรงหน้าคงยัง ‘ไม่เคย’ แต่นับจากนี้เขาจะเป็นฝ่ายสอนให้เธอเคยกับเขาเป็นคนแรกให้ได้ หยิ่งดีนัก ดื้อดีนัก ดูซิถ้ามาอยู่บนเตียงด้วยกันจะดื้อกับเขาท่าไหน พ่อจะทำให้ดิ้นเร่าๆ เลยคอยดูสิ
เขาจะปราบพยศแม่เด็กนั่นให้หายซ่า นึกแล้วก็อยากฟังเสียงหวานๆ มาครวญครางใต้ร่างแกร่งของเขา มาอ้อนวอนขอให้เขาพาขึ้นสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหนืบไปหมด ปราบดากัดฟันข่มอารมณ์ก่อนก้าวลงจากเตียง
“คุณจะรีบไปไหนคะปราบ” เสียงหวานฉ่ำดังมาจากข้างกาย พร้อมกับแขนเรียวเสลาโอบรั้งรอบเอวสอบอย่างติดใจหลงใหลในรสสวาทสมกับคำเล่าลือที่เคยได้ยินมาว่าบุรุษรูปงามตรงหน้าคือยอดนักรักที่แข็งแกร่ง
“ฉันยังไม่หายเหนื่อยเลยนะคะ คุณอึดสุดยอดเลย ทำฉันเกือบสลบคาอกเลยรู้ไหม ไหนบอกหน่อยว่าอะไรทำให้คุณโซฮอตเว่อร์วังแบบนี้ หืม...”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากแต่ไม่ยอมตอบ หากหญิงสาวตรงหน้ารู้ว่าตลอดเวลาที่แสดงบทเลิฟซีนไปนั้น ในหัวของเขานึกจินตนาการถึงใบหน้าสวยของผู้หญิงอีกคน เธอจะว่ายังไงนะ คงโกรธพิลึก แต่ใครจะสน!
“ผมมีธุระต้องรีบไปสะสาง คุณก็รีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะ แต่งตัวซะ เดี๋ยวผมจะโทร. เรียกแท็กซี่มารับ”
“อ้าว แล้วรถคุณล่ะคะ”
“เสีย! ยางแบนหมดแล้วละ” ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงรถสุดที่รักที่ถูกหญิงสาวมือดีกรีดยางทั้งสี่เส้น
“จะแบนได้ยังไงคะ ก็ตอนมามันยังดีๆ อยู่”
“ตอนนี้มันวิ่งไม่ได้แล้ว ผมคงพาคุณไปส่งไม่ได้”
“งั้นก็ได้ค่ะ” สาวทรงโตถอนหายใจอย่างเสียดายก่อนยักไหล่ เพราะรู้จักนิสัยคนตรงหน้าดีว่าหากผู้หญิงคนไหนคิดจะจับเขาก็จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คิด เพราะปราบดาไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะจับได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่สมยอมให้จับ
“แล้วนัดครั้งหน้าของเราที่ไหนเมื่อไหร่ดีคะปราบ”
“เอาเป็นว่าผมจะโทร. บอกคุณเองแล้วกัน” ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะจัดการใคร นอกจากศัตรูตัวฉกาจอย่างแม่ลูกเลี้ยงแสนสวยของพี่สาวเขาเท่านั้น
แล้วเราจะได้เห็นดีกันยายคุณหนูจอมแสบ!
“ฮัดเช้ยๆ!”
“อ้าว ไม่สบายเหรอคะคุณหนู” วิศราจามติดๆ กัน จนทำให้แม่บ้านอดถามไม่ได้ “แล้วอย่างนี้ยังจะออกไปว่ายน้ำไหวอีกเหรอคะ ป้าว่า...”
“โธ่ ไหวสิคะป้า ส้มแค่ครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย ออกกำลังกายนิดเดียวก็หาย” หญิงสาวยักคิ้วอย่างทะเล้น ซึ่งเป็นกิริยาที่น้อยคนจะเห็น แต่รื่นรมย์ผู้เป็นแม่บ้านคนสนิทของมารดาเธอเห็นจนชินตา
หญิงสาวตรงหน้าถึงจะดื้อไปนิดอวดดีไปหน่อยแต่ก็น่ารักนัก ยิ่งยามออดอ้อนละก็ วิศราเป็นที่หนึ่งเชียว แต่น่าเสียดายที่ระยะหลังๆ มานี่หญิงสาวมีเรื่องระหองระแหงกับบิดาบ่อยครั้ง ต้นเหตุก็เพราะแม่เลี้ยงคนใหม่กับน้องชายที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านนั่นเอง คนในบ้านที่เห็นคุณหนูตัวน้อยมาแต่เด็กๆ พากันตั้งป้อมตามนายสาว แต่นางรื่นรมย์นั้นพยายามมองอย่างเป็นกลาง เธอว่านายหญิงคนใหม่นั้นนิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ส่วนปราบดาผู้เป็นน้องชายนั่นก็ดูเงียบๆ ขรึมๆ ตามประสาผู้ชาย แต่ก็นั่นแหละ คุณหนูของเธอยังตั้งป้อมรังเกียจสองพี่น้องนั่นอยู่ดี
“ค่ะๆ ตามใจคุณหนูเถอะค่ะ”
หญิงสาววัยสิบแปดยิ้มกริ่มสมใจ นางรื่นรมย์ไม่รู้เลยว่าที่จริงเหตุผลของการมาออกกำลังกายน่ะมีมากกว่านั้น คุณหนูคนสวยของเธอต้องการเบี่ยงเบนอารมณ์ใคร่ตามธรรมชาติ โดยการออกแรงให้มากๆ เข้าไว้ เหนื่อยแล้วจะได้นอนหลับสนิท ไม่ต้องมีภาพสุดหวามหลอนติดตาตลอดเวลาแบบนี้ต่างหาก จนถึงเดี๋ยวนี้ภาพรูปร่างเซ็กซี่ของเขายังคอยตามวนเวียนกวนใจหญิงสาวไม่เลิกเลย ตอนเดินผ่านหน้าห้องของหมอนั่นเธอพบว่าเขาปิดประตูแล้ว แต่รถของเขายังคงจอดอยู่
“เอ่อ...ป้าคะ ตานั่น เอ่อ...ออกไปข้างนอกเหรอคะ”
“ตานั่น...” นิ่งคิดไปอึดใจ “อ๋อ คุณปราบเหรอคะ เอ...ไม่ทราบสิคะ คุณหนูถามทำไมเหรอคะ”
“ปละ...เปล่าค่ะ ก็แค่...เอ่อ ช่างเถอะค่ะๆ อยู่ไม่อยู่ก็ช่าง ส้มไม่เห็นสนเลย” หญิงสาวเชิดคางอย่างไม่ยี่หระ เขาจะออกไปได้ไงเล่า ในเมื่อยางรถแบนทั้งสี่เส้นแบบนั้น หึ...
สระน้ำกว้างหลังบ้านร่มรื่นด้วยแมกไม้เขียวชอุ่มที่เจ้าของบ้านหญิงที่ล่วงลับลงมือปลูกเอง หญิงสาวร่างอวบอิ่มเกินวัยกระตุกปมชุดคลุมออก เผยให้เห็นร่างผุดผ่องในชุดบิกินีสีขาวตัวโปรด
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่