“พอแค่นี้เหอะ แฮกระบบแล้วลบทั้งหมดซะ เอาแค่นี้พอ ค่าตบฉันไม่ได้แพงขนาดนั้น”
“นับว่านางยังโชคดีที่เจอตันหยงของเรา ถ้าเป็นฉันนะยัยนี่ไม่ได้เกิดอีกแน่”
“ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง เหลือทางรอดให้เธอบ้างเถอะ”
“โอเค ตามนั้น”
ตันหยงเริ่มแฮกเข้าระบบของกล้องวงจรปิดและลบภาพของนางแบบสาวตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนกระทั่งเข้าห้องไปกับนายทุนออกจนหมด แคทที่นั่งดูอยู่ได้แต่ส่ายหน้าเสียดาย
“เฮ้อ…แกจะใจดีไปหรือเปล่านะ”
“ไม่หรอก แกคิดว่าฉันจะใจดีแบบนั้นเลยเหรอ ฉันสำรองไฟล์เอาไว้อีกที่หนึ่งแล้ว เอาไว้วันไหนเธอแว้งกัดขึ้นมา วันนั้นฉันจะไม่ใจอ่อนอีก”
“ต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นตันหยงของแท้ ว่าแต่…คุณนายคนนั้นคงหวงลูกชายมากเลยนะถึงได้ทำถึงขนาดนี้”
“แกก็เห็นเบื้องหลังแล้วนี่ ถ้าแกเป็นแม่ของเขาแกจะไม่กันผู้หญิงแบบนั้นออกจากชีวิตลูกแกเหรอ”
“ก็…นะ ที่จริงน่าจะให้เขาเห็นธาตุแท้เธอเองสิจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ คนเป็นแม่ก็ไม่น่าจะยุ่งกับชีวิตลูกชายขนาดนั้นป่าววะแก”
“พูดยาก คนรวยมักจะทำอะไรที่เราไม่เข้าใจเสมอแหละ”
“นั่นสินะ เอาละเราจะเอาระบบแฮกเกอร์ของมายแองเจิลนี่ออกจากที่นี่เลยไหม”
“ไม่ต้อง ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เก็บเอาไว้ก่อน”
“นี่เธอจ๋า นี่เป็นที่ที่แปดแล้วนะ เซิร์ฟเวอร์จะรับไม่ไหวเอานะ”
“ฉันสั่งสำรองเพิ่มให้แกแล้ว ทีนี่เลิกบ่นได้หรือยัง”
“อู๊วว เทพตันหยงจงเจริญ นี่แกเอาเงินค่าจ้างไปซื้อเซิร์พเวอร์เพิ่มเลยเหรอ”
“ในส่วนของทิปน่ะคุ้มค่าก็ลงทุน ไปก่อนนะ”
“นี่ วันนี้จะไปไหนอีกละ"
“แกลืมแล้วเหรอว่าเราเป็นนักศึกษาฝึกงานน่ะ”
“เออ จริงด้วย ไปเถอะ ๆ แต่ทำไมต้องเป็นโรงพยาบาลด้วยนะ”
“ระบบปฏิบัติการที่โรงพยาบาลที่ผิดพลาดไม่ได้ นั่นไม่ใช่การฝึกงานที่คู่ควรและท้าทายความสามารถของว่าที่โปรแกรมเมอร์หรอกเหรอ อย่าบ่นรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
“จ้า ๆ ไปจ้า”
โรงพยาบาล
“สวัสดีนักศึกษาทุกคน วันนี้จะให้พวกคุณแบ่งแผนกไปรับผิดชอบตามจุดต่าง ๆ นะครับ เอาละ แต่ละคนจะมีเอกสารส่งตัวอยู่แล้ว จากนี้อีกสามเดือนก็ขอให้พวกคุณเรียนรู้ให้มากนะครับ”
""ขอบคุณค่ะ/ครับ""
“แคท แกไปที่ไหน”
“แผนกฉุกเฉิน แกละ”
“อายุรกรรม”
“ฉุกเฉินอยู่ชั้นหนึ่ง อายุรกรรมชั้นสี่ ห้องอาหารอยู่ชั้นสิบเอ็ด เอาเป็นว่าตอนเที่ยงมาเจอกันที่ห้องอาหารนะ”
“โอเคแยกกัน”
“แยกกัน”
ตันหยงเดินตามเพื่อนอีกสามคนคือส้ม กิต และน้ำไปที่แผนกอายุรกรรม เธอไม่ค่อยสนิทกับใครในนี้เท่าไหร่นัก เพราะเธอเป็นพวกเด็กเนิร์ดที่อยู่ในห้องเรียนที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร
“ถึงแล้วละ นี่ ๆ ได้ยินว่าหมอแผนกอายุรกรรมหล่อมากเลยนะ”
“เหรอ ส้มแกนี่รู้ดีจริง ๆ เลย เอ่อ ตันหยงเธอก็ไปที่แผนกอายุรกรรมเหรอ”
“อ้อ..เอ้อใช่”
“เราชื่อกิตนะ ที่จริงอยากทักทายเธอมานานแล้วละแต่เหมือนเธอจะไม่ค่อยคุยกับคนอื่นเลย”
“อ้อ ใช่เรา…คุยไม่ค่อยเก่งนะ”
“เด็กเนิร์ดอ่ะนะ พูดยาก”
“ส้ม!!”
น้ำพยายามปรามส้ม เพื่อนคณะเดียวกันที่พูดแขวะตันหยงขึ้น แม้ว่าทั้งสองจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ส้มก็นับว่าเป็นคนสวยของคณะวิศวะ เธอเป็นรองแค่ดาวคณะและดาวมหาลัยเท่านั้น เมื่อลิฟต์ถึงชั้นเจ็ด แต่ละคนก็เดินออกมา
“ตันหยงเอาเอกสารมาสิ เราจะรวบรวมและไปส่งให้”
“อ้อ ขอบใจนะ…กิต”
“ไม่เป็นไรจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ”
“ได้เลย”
“งั้นพวกเรานั่งรอตรงนี้เถอะ”
น้ำชวนทุกคนมานั่ง แต่เมื่อกำลังเดินไปพวกเธอก็พบคุณหมอที่เดินออกมาจากห้องพักส่วนตัวมาที่ เค้าน์เตอร์ ส้มหันไปมองเขาด้วยความสนใจทันทีพร้อมกับเดินไปที่กิตเพื่อจะแย่งเอกสารในมือเขาและเดินไปที่เค้าน์เตอร์เอง
“สวัสดีค่ะ นักศึกษาฝึกงานค่ะ นี่เอกสารค่ะไม่ทราบว่า…”
เธอเอ่ยทักคุณหมอหนุ่มแว่นที่ดูท่าทางใจดีที่ยืนอยู่หน้าเค้าน์เตอร์และทำสายตาหวานให้เขา แต่เขากลับหันมามองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ตันหยงหันไปมองด้วยความอยากรู้ในทันที แม้ว่าจะผ่านแว่นตานั้นแต่เธอก็จำเขาได้แม่นยำ
“เอ่อ….”
“นักศึกษา เค้าน์เตอร์ก็อยู่ที่นี่ นั่นเจ้าหน้าที่ที่จะรับเรื่องให้คุณ ผมเป็นหมอไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามของคุณ”
เขาตอบและคว้าแฟ้มบางอย่างและเดินออกจากเค้าน์เตอร์นั้นไปทันทีทิ้งให้ส้มที่ยืนถือเอกสารอยู่ที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้วเพราะความอับอาย กิตรีบเดินไปหาเธอทันทีพร้อมกับรีบยื่นเอกสารและมีเจ้าหน้าที่ยืนรออยู่
“คุณหมอที่นี่ดุจังเลยเนอะ”
“นั่นสิ ดุจนไม่น่าเข้าไปคุยด้วยเลยทางที่ดีห่าง ๆ เอาไว้ชีวิตน่าจะปลอดภัยมากกว่า”
“ตันหยงพูดตลกจังเลย คิดไม่ถึงว่าเธอเป็นคนตลกแบบนี้ น่าแปลกที่ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“เราเป็นคนคุยไม่เก่งน่ะ แล้วก็…”
“เรารู้ ข่าวลือที่บอกว่าเธอหยิ่งนั่นใช่ไหม แต่เราคิดว่าเธอแค่เริ่มคุยกับคนอื่นไม่เป็นใช่ไหม”
“ขอบใจที่เข้าใจนะน้ำ ยินดีที่ได้ฝึกงานร่วมกัน สามเดือนนี้ก็ฝากตัวด้วย”
“ยินดี ๆ เราคงได้คุยกันบ่อยขึ้นนะ เรารู้ว่าเธอเก่งมาก”
“ไม่หรอก ก็เรียนเหมือน ๆ กันนั่นแหละ เอาตัวรอดไป”
น้ำหัวเราะกับคำพูดที่ตันหยงพูด ที่จริงเพื่อน ๆ ในคณะก็ไม่ได้จะเข้าหายากขนาดนั้น แต่ตันหยงไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครเพราะเหตุผลบางอย่าง เธอไม่ได้มีพร้อมเหมือนคนอื่น พ่อแม่เสียเพราะอุบัติเหตุตอนเธออยู่ปีหนึ่ง ทิ้งหนี้สินมากมายเอาไว้ให้ ตั้งแต่นั้นเธอต้องขายบ้านและรถยนต์ของพ่อ สมบัติทั้งหมดให้กลายเป็นเงินเพื่อจะได้มาจ่ายค่าเทอม
หากไม่ได้พบแคท เพื่อนสนิทที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในบางครั้งที่ลำบาก ตันหยงก็คิดว่าเธอคงมาไม่ได้ถึงขนาดนี้ ทั้งหางานพิเศษให้ทำตลอดจนงานที่ต้องปลอมตัวเพื่อ แฮกระบบและรับงานเหมือนวันก่อน ที่เธอทำได้เพราะทุกครั้งเธอต้องปลอมตัวและสวมวิกทุกครั้งเธอจึงมีความมั่นใจ
“ตันหยง ไปกันเถอะ”
“อ้อ ไปกัน”
ห้องทำงานที่พวกเธอถูกส่งมาเป็นเหมือนกับศูนย์ระบบของคอมพิวเตอร์ แต่ละคนมีโต๊ะเป็นของตัวเองแต่คอมพิวเตอร์มีเพียงสองเครื่อง ในห้องมีโต๊ะประชุมเล็กตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
“พวกเธออยู่ในห้องนี้นะ ระบบงานก็ตามนี้ช่วงแรกจะให้ศึกษาเรื่องเอกสารไปก่อน นี่เธอน่ะ”
“หนูเหรอคะ”
“ใช่เธอนั่นแหละ เอาเอกสารนี้ออกไปข้างนอกและถ่ายเอกสารมาให้เพื่อน ๆ กรอกที”
“อ่อ น้ำ เอาไปสิ ไปถ่ายเอกสาร”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมองหน้าของส้มทันทีและสั่งเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าน้ำรับเอกสารนั้นมา
“หยุดก่อน ฉันสั่งเธอไม่ได้สั่งเพื่อนเธอ”
“แต่ว่างานถ่ายเอกสารนี่ใช่งานของโปรแกรมเมอร์เหรอคะ”
“เธอชื่ออะไร ฉันจะได้รายงาน…”
“ก็ได้ค่ะ!!”
“นี่เธอขึ้นเสียงเหรอ”
“ก็ได้ค่ะ ส้มไปเอง”
เธอดึงเอกสารจากมือน้ำจนกระดาษบาดไปที่นิ้ว น้ำไม่กล้าร้องแต่ตันหยงรีบหยิบกระดาษเปียกในกระเป๋าออกมาเช็ดแผลให้
“เจ็บไหมน้ำ ถือไว้ก่อนนะเรามีพลาสเตอร์”
“ขอบใจนะตันหยง”
“ไม่เป็นไร ๆ”
ไม่นานส้มก็เดินเอาเอกสารที่เดินไปถ่ายเอกสารมาส่งให้กับทุกคนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทุกพฤติกรรมอยู่ในสายตาของ"วิชุดา หรือ พี่ออย" หัวหน้าที่ดูแลเด็กฝึกงานในครั้งนี้จนหมด
“เอาละ แนะนำตัวเองหน่อย ฉันชื่อวิชุดา เรียกพี่ออยก็ได้”
""สวัสดีค่ะพี่ออย""
“คุณพ่อครับ ตันหยงพึ่งจะเรียนจบเองนะครับ งานแต่งก็ยังอีกสี่เดือนกว่าจะจัด เรือนหอก็ยังตกแต่งอยู่”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีหลานก่อนก็ได้นี่นาหรือว่าอาหยง กลัวว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยงั้นเหรอ ไอหยาไม่ต้องกลัวหรอกยังไงหลานสะใภ้ปู่ก็สวยอยู่แล้วละน่า”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณปู่ คือว่า….”“คุณปู่ครับ ผมรู้หน้าที่ดีน่า คุณปู่อยากได้หลานกี่คนก็มาบอกผมสิ ผมเป็นคนทำนะไปขอตันหยงทำไมกันแล้วก็พวกคุณปู่กับพ่อใช้งานเมียผมให้น้อย ๆ หน่อยสิครับพวกเราจะได้มีเวลาทำหลานให้เยอะ ๆ หน่อย นี่อะไรใช้งาน หยงอย่างกับพนักงานของบริษัท ดูสิผอมไปหมดแล้วเนี่ย ชุดต้องแก้อีกแล้ว”“ไอ้นี่มันขี้บ่นได้แม่จริง ๆ เลย”“คุณคะ พูดดี ๆ นั่นก็ลูกคุณเหมือนกันลองพูดใหม่สิว่าเหมือนใคร”“เหมือนผมเอง เหมือนผม ๆ ตกลงไหม”“โธ่พ่อ ต่อหน้าแม่ทีไรเป็นแบบนี้ทุกที”“นี่ แกหัดเรียนรู้เอาไว้บ้างก็ดี เชื่อเมียไว้ชีวิตจะสบาย”“งั้นเหรอครับพ่อ เพราะเมียจะทำแทนเราเหรอ”“ไม่ใช่ จะได้ตัดเรื่องน่าเบื่อ แกอยากนั่งฟังเมียบ่นทั้งวันงั้นเหรอ”ตะวันหันไปยิ้มให้พ่ออย่างรู้ใจกันพร้อมกับหันไปที่ตันหยงและแม่ของเขาที่กำลังจัดแจงอาหารว่างในวันนี้“ว่าแต่เรือนหอแก
ตันหยงเบียดบั้นท้ายบดกับกลางลำตัวของคู่หมั้นหนุ่มเมื่อเขาเริ่มจัดการกับกางเกงในลูกไม้สีขาวชิ้นสุดท้ายและฝังจมูกไปที่บั้นท้ายของเธอ“อื้อ…หมอ ทำอะไร”“ยืนดี ๆ สิ แอ่นตัวหน่อย หอมมากเลย ตันหยง”เขาใช้เวลาสำรวจกลีบคู่งามจากด้านหลังซึ่งปกติไม่เคยทำ แต่วันนี้เขาเห็นว่าเธอตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ ๆ บนเรือ เลยอยากทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น“อ๊าา หมอ อย่าเลียแบบนั้นมันเสียว…อร๊อยย อ๊าา ทนไม่ไหวแล้ว ที่รักคะ”“หวานมาก ดูน้ำนี่สิ ตันหยง คุณชอบแบบนี้เองเหรอที่รัก”“อ๊าาา เร็วเข้า หยงต้องการมัน เอาเข้ามาเร็ว ๆ ที่รักคะได้โปรด”“ขอเลียอีกหน่อย”“อ๊าาาา หมอ…..อย่าเล่นแบบนี้ อ๊าาา”“ไม่เล่นแล้วก็ได้ ผมก็ไม่ไหวแล้ว”เขาเริ่มสอดใส่จากด้านหลังทันที ตันหยงแอ่นรับเขาได้ถูกจังหวะ เขาจึงสอดกายเข้าไปโดยง่ายมือของเธอดันที่กระจกและส่งเสียงร้องที่เร้าอารมณ์มากกว่าทุกครั้ง เขาคิดถูกแล้วที่พาเธอออกมาข้างนอกบ้าง อย่างน้อยเธอก็ยอมให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างว่าง่าย“หมอคะ อ๊าาา อื้อ….”ลิ้นหนาเอื้อมไปทักทายเธออีกครั้ง ตันหยงหันมารับพร้อมกับกอดรอบคอของเขาเอาไว้แน่นเพราะเธอต้องเอี้ยวตัวกลับ
“ก็…หยงก็รู้นี่ เราเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง คืนนี้พักที่นี่นะ”“แต่ว่าคุณไม่บอกหยงสักคำว่าเราจะค้าง หยงไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”“ผมเตรียมมาให้หมดแล้ว”“คุณทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ”“เอาน่า โปรแกรมนี้ผมจัดเตรียมเพื่อคุณเลยนะ ไม่ต้องห่วงงานของคุณพ่อหรอก ผมลางานให้คุณแล้วบอกว่าคุณเองก็ต้องพักผ่อนสายตาบ้าง”“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ หยงไม่ได้อยากจะมาสักหน่อย”“ผมไม่อยากให้คุณหักโหมมากเกินไป ยังไงคุณก็ยังเป็นเด็กมหาลัยอยู่นะ”“แต่คุณก็น่าจะบอกหยงก่อนนี่คะ”“โกรธเหรอ”เขาเดินมายืนซ้อนด้านหลังของเธอและกอดตันหยงที่จับราวระเบียงเรือเอาไว้ เธอพึ่งรู้ตัวว่าเรือจอดแล้ว“หมอคะ อย่าทำรุ่มร่ามสิคะคนเยอะแยะ”“นี่เรือส่วนตัว กลัวอะไรถึงมีคนก็อยู่เรือลำอื่นต้องสนด้วยเหรอ”“หมอคะ นี่คุณวางแผนอะไรอยู่กันแน่คะ”ตันหยงหันมา ในเมื่อหนีไม่ได้ก็เผชิญหน้าไปเลย เขาบอกเองว่านี่เรือส่วนตัว ถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าที่นี่มีเพียงแค่พวกเขากับคนขับเรือ แต่เมื่อครู่ตันหยงเห็นว่ามีเรือเล็กมารับคนขับกลับไปแล้ว“ผมไม่พาคุณมาขายหรอก หิวหรือยังไปกินข้าวกัน”“ค่ะ”ตะวันพาเธอเดินมาที่ด้านในที่มีโต๊ะอาหารวางอยู่ อาหารเย็นเตรียมเอาไว้สำหร
เขายกน้องชายที่ยังแข็งแกร่งอยู่ในมือให้เธอดู ตันหยงพลิกตัวหันไปคร่อมบนตัวเขาเอาไว้และเริ่มใช้ลิ้นกับปลายยอดอกสีเข้มตรงหน้า เธอเองก็ไม่ปิดบังความคิดถึงเอาไว้แล้วเช่นกัน“อาา หยง อย่าเร่งสิ ผมจะทนไม่ไหว อาจจะเผลอทำรุนแรง…”“คิดว่าแรงได้คนเดียวงั้นเหรอคะ หมอคะหยงคิดถึงหมอนะคะ”“ยอมสารภาพมาแล้วเหรอเด็กดื้อ กว่าจะพูดออกมาต้องรอให้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”“ก็หยงกลัวว่าคุณ….”“ผมที่คุณเคยเจอครั้งแรกกับตอนนี้คนละคนกันแล้วนะ ไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดู”“อ๊ะ อย่าค่ะ หยงขออยู่ข้างบนบ้าง อ๊าา หมอ มัน…แน่น จุก อ๊าาา หมอ!! เสียว อร๊ายยย”หยงเริ่มขยับเอวเล็ก ๆ แต่เซ็กซี่จนตะวันเริ่มหน้าแดงก่ำเพราะทนไม่ไหวกับการยั่วยวนแบบนี้ไม่ได้ เขาแพ้เธอทุกครั้งกับท่านี้ และมักจะทนได้ไม่นานเพราะมันทั้งเสียวและเร้าอารมณ์เป็นที่สุด “หยง โน้มลงมาหน่อย อยากกินนม”“อ๊าา ดูดแรงกว่านี้หน่อยค่ะ อ๊าา นั่นแหละที่รัก อ๊าา เด้งรับหน่อย อื้อ…ไม่ไหว จะแตก หมอคะ อ๊าา”“หยง…ตันหยง เมียจ๋า อาา…..เสียวมาก พอก่อน ท่านี้ไม่ไหว หันหลังไป”“แต่ว่า…หยงอยากมองหน้าหมอ”“แต่ผมจะทนไม่ไหว ขอท่านี้ก่อน คิดถึง”“หมอบ้า!!”“ทำไม ท่าหมามันเร่งอารมณ์คุณสิ
ตะวันวิ่งเข้ามาในห้องเพราะเธอไม่ได้ล็อกประตูเพราะนี่ยังไม่ห้าโมงแต่ว่าข้างนอกเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเขาตัวเปียกเพราะรีบวิ่งลงจากรถและวิ่งเข้ามาในบ้านนึกเอาไว้แล้วว่าเธอคงจะกลัวแต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ร่างบางโผเข้าหาเขาทันที ตัวเธอสั่นเป็นลูกนกที่ตกจากรังหาแม่ไม่เจอ เขาไม่ควรปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแบบนี้เลย“หยง ผมมาแล้วไม่ต้องกลัวนะ”“ฮือ…คุณไปไหนมา กรี๊ด!! ฟ้า…ฟ้าผ่าอีกแล้ว”เสียงฟ้าผ่าทำให้เธอกรีดร้องอีกครั้ง เธอกอดเขาเอาไว้แน่น หัวใจเธอเต้นแรงจนเขากลัวว่าเธอจะช็อกเพราะความตื่นกลัว เธอในตอนนี้เหมือนกับเป็นโรค แพนิกจนเขาต้องกอดเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับลูบหลังเธอพลางปลอบ“ไม่ต้องกลัวนะผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะหยง ได้ยินผมไหมพยักหน้าให้ผมหน่อย”เธอทำตามที่เขาบอกแต่ตัวยังสั่นอยู่จนเขาไม่ค่อยวางใจ ภาพที่เขาวิ่งเข้ามาเห็นคือเธอซุกตัวกอดเข่าอยู่มุมห้องและกรีดร้องจนน่าสงสาร เขาจะกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วแต่ว่างานยังไม่เสร็จก็เลยต้องมาในวันนี้ “หยงกลัว กรี๊ด!!!”“หยง ผมอยู่นี่มองหน้าผมเอาไว้ มองสิหยงอย่าหลับตา ตั้งสติก่อนหายใจเข้าลึก ๆ เชื่อผม ผมช่วยคุณได้”เขาเอามือปิดที่หูของเธอ ตันหยงค่อ
“แต่นั่งแบบนี้มันอึดอัด ขยับไปนั่งตรงโน้น”“แต่ผมอยากนั่งใกล้ ๆ คุณนี่ จะได้แกะกุ้งให้คุณด้วย”“เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“ใครใช้ให้คุณมีเสน่ห์เกินไปละ ผมถึงได้คลั่งรักคุณขนาดนี้ ช่วยไม่ได้ละนะ”“ปากเปราะ”“พูดจริง ๆ ไม่เชื่อเหรอลองชิมก็ได้นะ”“อาหารมาแล้วครับ”เสียงของบริกรที่เคาะประตูทำเอาอารมณ์ของตะวันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที “กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว”ตันหยงขยับออกมาและรอให้บริกรนำอาหารที่เขาสั่งวางบนโต๊ะจนหมดและขอตัวออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกด้วยกัน“ที่จริงห้องที่คุณพักอยู่ตอนนี้ก็เห็นพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกันนะ คุณไม่เคยดูเหรอ”“ไม่ค่ะ หยงปิดม่านไว้ตลอดเลย”“ทำไมละคงไม่คิดว่าจะมีใครส่องคุณจากกลางทะเลหรอกมั้ง คุณไม่รู้เหรอว่าที่วิลล่านั่นมีอุปกรณ์ช่วยตรวจจับการสอดส่องจากข้างนอก”“รู้สิคะ แค่ไม่อยากให้สมาธิว่อกแว่กเท่านั้น แล้วก็กลางคืน….”“คุณกลัวผีเหรอ”“คุณหมอคะ อย่ามาล้อเล่น”“ให้ตายสิ เรื่องจริงเหรอ”“กินข้าวสิคะ ไหนบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”เขาหันมายิ้มให้กับคนข้าง ๆ ดีละเขารู้จุดอ่อนเธอแล้ว และรู้แล้วว่าคืนนี้จะทำยังไงให้ได้เข้าไปในห้องนอนนั่น เขาแกะกุ