"เอาละ ในเมื่อรู้จักกันแล้ว แผนกของเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นระบบที่ส่งผลตรวจไปที่ห้องแล็บระบบที่จัดส่งนี้ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์นำทาง แต่ละครั้งคุณหมอจะส่งหลอดที่ต้องตรวจมาที่ท่อนี้และกดส่งชั้นที่ต้องตรวจสอบ
“อี๊ หมายถึง…”
ส้มถึงกับอุทานออกมาในทันที วิชุดานึกเอาไว้แล้วว่าเธอน่าจะเป็นคนที่เรื่องเยอะที่สุดแต่เธอก็พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้มากที่สุดเพราะเธอเป็นผู้ใหญ่
“ใช่ อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ มีทั้งเลือด ปัสสาวะ อุจจาระของคนไข้ ทุกอย่าง หน้าที่ของพวกเธอคือดูแลระบบพวกนี้ให้ทำงานให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้น”
“อย่าบอกนะคะว่า….เราต้องถือพวกนั้นไปส่งน่ะ”
“ก็ดูแลให้เครื่องทำงานตามปกติก็แล้วกัน เอาละวันแรกก็ไม่มีอะไรมาก เดี๋ยวจะพาไปรู้จักกับคนในแผนกทั้งหมด”
“รวมถึงคุณหมอด้วยไหมคะ”
วิชุดาข่มใจครั้งแล้วครั้งเล่ากับความอยากรู้อยากเห็นของนักศึกษาคนนี้ เธอไม่ตอบแต่เดินนำทุกคนออกมาเพื่อแนะนำแต่ละคนให้รู้จัก
“นี่พี่ขวัญ พี่อ้อม พยาบาลประจำเค้าน์เตอร์กะนี้ ยังมีอีกสองคนที่จะมาสลับเอาไว้พวกเธอมาเข้ากะแล้วค่อยแนะนำอีกที”
“สวัสดีค่ะพี่อ้อม พี่ขวัญ”
“สวัสดีค่ะทุกคน”
“คุณหมอประจำในแผนกเรามีสามท่าน หมอชลดา หมอนิรุตน์ และคุณหมอตะวัน”
“คุณหมอชลดาคะ เด็กฝึกงานค่ะ”
“หมอชลดา หมอหญิงเพียงคนเดียวในแผนกออกมายืนยิ้มเพื่อรับไหว้ทุกคนที่เข้ามาฝึกงาน เธอเป็นคุณหมอใจดีที่ยิ้มให้ทุกคน กล่าวทักทายเล็กน้อยและกลับเข้าห้องเพื่อรอตรวจคนไข้”
“คุณหมอนิรุตน์คะ เด็กฝึกงานค่ะ”
“อ้อ สวัสดีทุกคน ตามสบายนะ คนสวยฝากดูแลด้วยนะ ผมไปห้องผ่าตัดก่อน คุณหมอตะวันล่วงหน้าไปแล้ว”
“ได้ค่ะคุณหมอ”
“ว๊า คุณหมอตะวันไม่อยู่ น่าเสียดายจัง”
“ส้ม สำรวมหน่อย”
“อะไรละน้ำ กระทุ้งอยู่ได้เป็นบ้าอะไร”
“เอาละ บอกไว้อีกอย่าง กฎระเบียบของพวกเธอไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่ที่นี่ อ่านและจำให้ขึ้นใจอย่าสร้างความวุ่นวายและอย่าเสียมารยาท..กับคุณหมอ และขอเตือนว่าอย่าได้ถามเรื่องส่วนตัวกับคุณหมอเป็นอันขาด”
พวกเธอเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานและนั่งอ่านกฎระเบียบของโรงพยาบาลรวมไปถึงงานที่ต้องแบ่งหน้าที่กันดูแล ส้มเริ่มอิดออดและรู้สึกว่าเบื่อกับการที่จะต้องดูแลระบบนี้ขึ้นมา
“แย่จังเลย เรื่องอะไรต้องมาทำหน้าที่เฝ้าเครื่องส่งฉี่ละเนี่ย เฮ้อ”
“นี่ตันหยงเที่ยงนี้ไปกินข้าวที่ไหนเหรอ”
“นัดกับแคทเอาไว้ว่าจะลองไปกินที่ห้องอาหารน่ะ ไปด้วยกันไหมกิต”
“เอาสิ ๆ พวกเธอละ ไปไหม”
“ไป ๆ เราไปด้วย”
“นี่พวกเธอไม่เบื่อบ้างเหรอ อยู่ในโรงบาลทั้งวันแล้วยังต้องกินข้าวในห้องอาหารโรงบาลอีก ไม่เอาด้วยหรอก เหม็นกลิ่นยาฆ่าเชื้อ ไปกินข้างนอกดีกว่าอยากกินสเต๊ก”
“เราไปด้วยนะตันหยง”
“น้ำ!!”
ส้มมองหน้าเพื่อนที่จู่ ๆ ก็จะทิ้งเธอไปกับตันหยง ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คอยตามเธออยู่ตลอดเวลา น้ำหันมามองหน้าส้มที่ยังไม่พอใจและเอาแต่ใจตัวเองไม่เลิก
“ส้ม เราว่าจะลองกินที่นี่ดู มันสะดวกและไม่เสียเวลา อีกอย่างช่วงนี้คงต้องรัดเข็มขัดเรื่องการใช้จ่ายแล้วด้วย”
“แต่ว่า..แค่สเต๊กเองนะ”
“ไม่ละ เราไม่ไป ส้มไปเองเถอะนะมื้อนี้เราขอตัว ไปกันเลยไหม”
“ไปสิ”
ส้มถูกเพื่อนทิ้งเป็นครั้งแรก เธอเริ่มหันมามองหน้าตันหยงและเริ่มไม่พอใจนิด ๆ
“ตามใจพวกเธอเถอะ”
ห้องอาหารชั้น 11
“ตันหยง ทางนี้ ๆ”
แคทมาถึงก่อนแล้วและยังจองโต๊ะเอาไว้แล้ว เธอแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนอีกสองคนตามมาด้วย
“เธอชื่อ..น้ำ และนายก็กิตติสินะ”
“ว๊าว ยอดไปเลย แคทจำชื่อเพื่อนในคลาสแม่นจังเลย”
“แน่นอนสิ แม้ว่าจะไม่ค่อยสนิทกับใครแต่เรื่องจำชื่อคนน่ะเราแม่นมากเลยละ เอาละไปสั่งข้าวกันเถอะ อาหารที่นี่น่ากินทุกอย่างเลย”
พวกเขาผลัดกันไปสั่งอาหาร ตันหยงกับแคทนั่งรอน้ำและกิตที่เดินไปซื้อข้าวอยู่ที่โต๊ะและเริ่มแลกเปลี่ยนกันว่าแต่ละคนได้ดูแลเรื่องอะไร
“ก็ดูไม่น่าเบื่อดีนะ แต่ออกจะเหมาะกับคนที่ใจแข็งนิดหนึ่ง เพราะคนไข้ที่เข้ามาแต่ละคนคือ…ช่างเถอะ ว่าแต่เห็นพวกนั้นคุยกันว่าหมอที่แผนกหล่อมากเลยนี่ เจอหรือยังละ ที่แผนกฉุกเฉินมองใครก็เหมือนกันหมดเพราะทุกคนใส่แต่แมส”
“เป็นความบังเอิญที่วินาศสันตะโรเลยละแก”
“ว่ายังไงนะ แกจะบอกว่า….”
ตันหยงกระซิบบอกบางอย่างกับแคทจนเธอตกใจจนหลายคนเริ่มหันมามอง
“แก โลกมันกลมหรือพรหมลิขิตละนี่”
“พรหมลิขิตบ้าอะไร เขายังไม่เห็นหน้าฉัน จำไม่ได้และ…บุคลิกนั่นผิดกับที่เคยเจอเลย เขาด่ายัยส้มไปชุดใหญ่ที่เดินไปถามเขาเรื่องเอกสาร”
“แกแน่ใจนะว่าเขาจะจำแกไม่ได้”
“แก อยากสลับแผนกกับฉันไหม”
“เอ้อ…ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คงได้แหละ แต่ตอนนี้รายงานตัวแล้วนี่”
""เฮ้อ….""
“ถอนหายใจอะไรกันทั้งสองคน ไปเถอะ อาหารน่ากินมากเลยเดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้ เราซื้อเสร็จแล้ว”
“เอาวะ กองทัพเดินด้วยท้อง ไป”
กิตมองหน้าสองสาวที่เรียกความฮึดขึ้นมาอย่างน่าประหลาดจนเขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อทั้งคู่เดินออกไปเลือกอาหาร ซึ่งเรียกได้ว่าเรียกความสนใจให้คนที่ห้องอาหารได้มากพอสมควรเพราะทั้งคู่เป็นนักศึกษาที่หน้าตาดี
แคทแม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งดาวคณะหรือดาวมหาลัยแต่เธอแค่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยไม่ได้ลงแข่งเท่านั้น ตันหยงเองก็เช่นกัน
“นี่ ดูสิ น่ารักมากเลยว่ะ”
“อ๋อน้องคนนั้นอยู่แผนกฉุกเฉิน”
“ไม่ อีกคนสิคนที่ผมสั้นนั่นน่ะ ขาวอย่างกับเจ้าหญิงหิมะ”
“ไม่รู้ว่ะ”
“เหมือนจะอยู่ชั้นสี่ หรือชั้นเจ็ดนี่แหละ”
“ต้องสืบ ๆ”
“พอเถอะ จัดการในสต๊อกให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”
ดูเหมือนว่าสองคนที่ถูกพูดถึงจะไม่รู้เรื่องเลยว่าในตอนนี้พวกเธอล้วนเป็นที่พูดถึงทั้งโรงพยาบาล
สองสัปดาห์ผ่านไป
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วนะ วันๆใช้แต่เอาเอกสารไปให้คนโน้นคนนี้ นี่มันงานอะไรกัน”
“ส้ม เราเป็นแค่เด็กฝึกงาน เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า”
“นั่นสิครับ ทุกงานก็สำคัญหมดนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเหรอ ตันหยง เธอเองก็ยอมทำงานเบ๊นี่เหรอ”
“เบ๊ ส้มเธอก็พูดเกินไป งานทุกงานมันก็เกี่ยวข้องกันทั้งนั้นแหละ”
“ใช่สิ เธอไม่เคยเอา…อีพวกนั้นไปส่งที่ห้องแล็บนี่”
“ก็เครื่องไม่เคยมีปัญหานี่ แล้วจะให้ฉันเอาไปส่งได้ยังไง”
“ย่ะ ไม่ต้องอวดก็ได้มั้งว่าเก่งน่ะ”
“ส้ม เราว่าไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”
“แหมน้ำ พอมีเพื่อนเรียนเก่งเป็นเด็กเนิร์ดนี่เถียงเก่งขึ้นเยอะเลยเนอะ”
“ว่าไงนะ พูดใหม่สิ”
“ทำไม เธอมีปัญหาอะไร”
“ตันหยง”
วิชุดาเข้ามาห้ามสงครามครั้งนี้ได้ทัน เธอสังเกตถึงความผิดปกติได้ในทันทีแต่ก็ไม่พูดออกมา
“ตันหยง ออกมานี่หน่อย”
“ค่ะพี่ออย”
ตันหยงยังมองส้มอย่างไม่พอใจเมื่อเดินตามออยออกไป ก่อนถึงเค้าน์เตอร์ ออยจึงหันมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็แค่เรื่องไร้สาระ พี่ออยมีอะไรให้หยงทำเหรอคะ หยงกำลังเบื่อเลยค่ะ”
“อะไรกัน คนอื่นชอบบ่นว่าไม่ใช่หน้าที่โปรแกรมเมอร์ แต่เรากลับของานทำเหรอ”
“อย่าพูดถึงเลยค่ะ ว่าแต่พี่ออยมีอะไรเหรอคะ”
“มานี่สิ มาดูคอมพิวเตอร์ให้พี่ทีสิพี่จนปัญญาแล้วละ”
“คุณพ่อครับ ตันหยงพึ่งจะเรียนจบเองนะครับ งานแต่งก็ยังอีกสี่เดือนกว่าจะจัด เรือนหอก็ยังตกแต่งอยู่”“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มีหลานก่อนก็ได้นี่นาหรือว่าอาหยง กลัวว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยงั้นเหรอ ไอหยาไม่ต้องกลัวหรอกยังไงหลานสะใภ้ปู่ก็สวยอยู่แล้วละน่า”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณปู่ คือว่า….”“คุณปู่ครับ ผมรู้หน้าที่ดีน่า คุณปู่อยากได้หลานกี่คนก็มาบอกผมสิ ผมเป็นคนทำนะไปขอตันหยงทำไมกันแล้วก็พวกคุณปู่กับพ่อใช้งานเมียผมให้น้อย ๆ หน่อยสิครับพวกเราจะได้มีเวลาทำหลานให้เยอะ ๆ หน่อย นี่อะไรใช้งาน หยงอย่างกับพนักงานของบริษัท ดูสิผอมไปหมดแล้วเนี่ย ชุดต้องแก้อีกแล้ว”“ไอ้นี่มันขี้บ่นได้แม่จริง ๆ เลย”“คุณคะ พูดดี ๆ นั่นก็ลูกคุณเหมือนกันลองพูดใหม่สิว่าเหมือนใคร”“เหมือนผมเอง เหมือนผม ๆ ตกลงไหม”“โธ่พ่อ ต่อหน้าแม่ทีไรเป็นแบบนี้ทุกที”“นี่ แกหัดเรียนรู้เอาไว้บ้างก็ดี เชื่อเมียไว้ชีวิตจะสบาย”“งั้นเหรอครับพ่อ เพราะเมียจะทำแทนเราเหรอ”“ไม่ใช่ จะได้ตัดเรื่องน่าเบื่อ แกอยากนั่งฟังเมียบ่นทั้งวันงั้นเหรอ”ตะวันหันไปยิ้มให้พ่ออย่างรู้ใจกันพร้อมกับหันไปที่ตันหยงและแม่ของเขาที่กำลังจัดแจงอาหารว่างในวันนี้“ว่าแต่เรือนหอแก
ตันหยงเบียดบั้นท้ายบดกับกลางลำตัวของคู่หมั้นหนุ่มเมื่อเขาเริ่มจัดการกับกางเกงในลูกไม้สีขาวชิ้นสุดท้ายและฝังจมูกไปที่บั้นท้ายของเธอ“อื้อ…หมอ ทำอะไร”“ยืนดี ๆ สิ แอ่นตัวหน่อย หอมมากเลย ตันหยง”เขาใช้เวลาสำรวจกลีบคู่งามจากด้านหลังซึ่งปกติไม่เคยทำ แต่วันนี้เขาเห็นว่าเธอตื่นเต้นกับบรรยากาศใหม่ ๆ บนเรือ เลยอยากทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น“อ๊าา หมอ อย่าเลียแบบนั้นมันเสียว…อร๊อยย อ๊าา ทนไม่ไหวแล้ว ที่รักคะ”“หวานมาก ดูน้ำนี่สิ ตันหยง คุณชอบแบบนี้เองเหรอที่รัก”“อ๊าาา เร็วเข้า หยงต้องการมัน เอาเข้ามาเร็ว ๆ ที่รักคะได้โปรด”“ขอเลียอีกหน่อย”“อ๊าาาา หมอ…..อย่าเล่นแบบนี้ อ๊าาา”“ไม่เล่นแล้วก็ได้ ผมก็ไม่ไหวแล้ว”เขาเริ่มสอดใส่จากด้านหลังทันที ตันหยงแอ่นรับเขาได้ถูกจังหวะ เขาจึงสอดกายเข้าไปโดยง่ายมือของเธอดันที่กระจกและส่งเสียงร้องที่เร้าอารมณ์มากกว่าทุกครั้ง เขาคิดถูกแล้วที่พาเธอออกมาข้างนอกบ้าง อย่างน้อยเธอก็ยอมให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างว่าง่าย“หมอคะ อ๊าาา อื้อ….”ลิ้นหนาเอื้อมไปทักทายเธออีกครั้ง ตันหยงหันมารับพร้อมกับกอดรอบคอของเขาเอาไว้แน่นเพราะเธอต้องเอี้ยวตัวกลับ
“ก็…หยงก็รู้นี่ เราเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง คืนนี้พักที่นี่นะ”“แต่ว่าคุณไม่บอกหยงสักคำว่าเราจะค้าง หยงไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย”“ผมเตรียมมาให้หมดแล้ว”“คุณทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ”“เอาน่า โปรแกรมนี้ผมจัดเตรียมเพื่อคุณเลยนะ ไม่ต้องห่วงงานของคุณพ่อหรอก ผมลางานให้คุณแล้วบอกว่าคุณเองก็ต้องพักผ่อนสายตาบ้าง”“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ หยงไม่ได้อยากจะมาสักหน่อย”“ผมไม่อยากให้คุณหักโหมมากเกินไป ยังไงคุณก็ยังเป็นเด็กมหาลัยอยู่นะ”“แต่คุณก็น่าจะบอกหยงก่อนนี่คะ”“โกรธเหรอ”เขาเดินมายืนซ้อนด้านหลังของเธอและกอดตันหยงที่จับราวระเบียงเรือเอาไว้ เธอพึ่งรู้ตัวว่าเรือจอดแล้ว“หมอคะ อย่าทำรุ่มร่ามสิคะคนเยอะแยะ”“นี่เรือส่วนตัว กลัวอะไรถึงมีคนก็อยู่เรือลำอื่นต้องสนด้วยเหรอ”“หมอคะ นี่คุณวางแผนอะไรอยู่กันแน่คะ”ตันหยงหันมา ในเมื่อหนีไม่ได้ก็เผชิญหน้าไปเลย เขาบอกเองว่านี่เรือส่วนตัว ถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าที่นี่มีเพียงแค่พวกเขากับคนขับเรือ แต่เมื่อครู่ตันหยงเห็นว่ามีเรือเล็กมารับคนขับกลับไปแล้ว“ผมไม่พาคุณมาขายหรอก หิวหรือยังไปกินข้าวกัน”“ค่ะ”ตะวันพาเธอเดินมาที่ด้านในที่มีโต๊ะอาหารวางอยู่ อาหารเย็นเตรียมเอาไว้สำหร
เขายกน้องชายที่ยังแข็งแกร่งอยู่ในมือให้เธอดู ตันหยงพลิกตัวหันไปคร่อมบนตัวเขาเอาไว้และเริ่มใช้ลิ้นกับปลายยอดอกสีเข้มตรงหน้า เธอเองก็ไม่ปิดบังความคิดถึงเอาไว้แล้วเช่นกัน“อาา หยง อย่าเร่งสิ ผมจะทนไม่ไหว อาจจะเผลอทำรุนแรง…”“คิดว่าแรงได้คนเดียวงั้นเหรอคะ หมอคะหยงคิดถึงหมอนะคะ”“ยอมสารภาพมาแล้วเหรอเด็กดื้อ กว่าจะพูดออกมาต้องรอให้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”“ก็หยงกลัวว่าคุณ….”“ผมที่คุณเคยเจอครั้งแรกกับตอนนี้คนละคนกันแล้วนะ ไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดู”“อ๊ะ อย่าค่ะ หยงขออยู่ข้างบนบ้าง อ๊าา หมอ มัน…แน่น จุก อ๊าาา หมอ!! เสียว อร๊ายยย”หยงเริ่มขยับเอวเล็ก ๆ แต่เซ็กซี่จนตะวันเริ่มหน้าแดงก่ำเพราะทนไม่ไหวกับการยั่วยวนแบบนี้ไม่ได้ เขาแพ้เธอทุกครั้งกับท่านี้ และมักจะทนได้ไม่นานเพราะมันทั้งเสียวและเร้าอารมณ์เป็นที่สุด “หยง โน้มลงมาหน่อย อยากกินนม”“อ๊าา ดูดแรงกว่านี้หน่อยค่ะ อ๊าา นั่นแหละที่รัก อ๊าา เด้งรับหน่อย อื้อ…ไม่ไหว จะแตก หมอคะ อ๊าา”“หยง…ตันหยง เมียจ๋า อาา…..เสียวมาก พอก่อน ท่านี้ไม่ไหว หันหลังไป”“แต่ว่า…หยงอยากมองหน้าหมอ”“แต่ผมจะทนไม่ไหว ขอท่านี้ก่อน คิดถึง”“หมอบ้า!!”“ทำไม ท่าหมามันเร่งอารมณ์คุณสิ
ตะวันวิ่งเข้ามาในห้องเพราะเธอไม่ได้ล็อกประตูเพราะนี่ยังไม่ห้าโมงแต่ว่าข้างนอกเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเขาตัวเปียกเพราะรีบวิ่งลงจากรถและวิ่งเข้ามาในบ้านนึกเอาไว้แล้วว่าเธอคงจะกลัวแต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ ร่างบางโผเข้าหาเขาทันที ตัวเธอสั่นเป็นลูกนกที่ตกจากรังหาแม่ไม่เจอ เขาไม่ควรปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแบบนี้เลย“หยง ผมมาแล้วไม่ต้องกลัวนะ”“ฮือ…คุณไปไหนมา กรี๊ด!! ฟ้า…ฟ้าผ่าอีกแล้ว”เสียงฟ้าผ่าทำให้เธอกรีดร้องอีกครั้ง เธอกอดเขาเอาไว้แน่น หัวใจเธอเต้นแรงจนเขากลัวว่าเธอจะช็อกเพราะความตื่นกลัว เธอในตอนนี้เหมือนกับเป็นโรค แพนิกจนเขาต้องกอดเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับลูบหลังเธอพลางปลอบ“ไม่ต้องกลัวนะผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะหยง ได้ยินผมไหมพยักหน้าให้ผมหน่อย”เธอทำตามที่เขาบอกแต่ตัวยังสั่นอยู่จนเขาไม่ค่อยวางใจ ภาพที่เขาวิ่งเข้ามาเห็นคือเธอซุกตัวกอดเข่าอยู่มุมห้องและกรีดร้องจนน่าสงสาร เขาจะกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วแต่ว่างานยังไม่เสร็จก็เลยต้องมาในวันนี้ “หยงกลัว กรี๊ด!!!”“หยง ผมอยู่นี่มองหน้าผมเอาไว้ มองสิหยงอย่าหลับตา ตั้งสติก่อนหายใจเข้าลึก ๆ เชื่อผม ผมช่วยคุณได้”เขาเอามือปิดที่หูของเธอ ตันหยงค่อ
“แต่นั่งแบบนี้มันอึดอัด ขยับไปนั่งตรงโน้น”“แต่ผมอยากนั่งใกล้ ๆ คุณนี่ จะได้แกะกุ้งให้คุณด้วย”“เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“ใครใช้ให้คุณมีเสน่ห์เกินไปละ ผมถึงได้คลั่งรักคุณขนาดนี้ ช่วยไม่ได้ละนะ”“ปากเปราะ”“พูดจริง ๆ ไม่เชื่อเหรอลองชิมก็ได้นะ”“อาหารมาแล้วครับ”เสียงของบริกรที่เคาะประตูทำเอาอารมณ์ของตะวันเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที “กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว”ตันหยงขยับออกมาและรอให้บริกรนำอาหารที่เขาสั่งวางบนโต๊ะจนหมดและขอตัวออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกด้วยกัน“ที่จริงห้องที่คุณพักอยู่ตอนนี้ก็เห็นพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกันนะ คุณไม่เคยดูเหรอ”“ไม่ค่ะ หยงปิดม่านไว้ตลอดเลย”“ทำไมละคงไม่คิดว่าจะมีใครส่องคุณจากกลางทะเลหรอกมั้ง คุณไม่รู้เหรอว่าที่วิลล่านั่นมีอุปกรณ์ช่วยตรวจจับการสอดส่องจากข้างนอก”“รู้สิคะ แค่ไม่อยากให้สมาธิว่อกแว่กเท่านั้น แล้วก็กลางคืน….”“คุณกลัวผีเหรอ”“คุณหมอคะ อย่ามาล้อเล่น”“ให้ตายสิ เรื่องจริงเหรอ”“กินข้าวสิคะ ไหนบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ”เขาหันมายิ้มให้กับคนข้าง ๆ ดีละเขารู้จุดอ่อนเธอแล้ว และรู้แล้วว่าคืนนี้จะทำยังไงให้ได้เข้าไปในห้องนอนนั่น เขาแกะกุ