เมื่ออธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉิน
ปราญติญารู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขามันค่อนข้างคุ้นตา เธอคิดว่าเขาน่าจะใช่ผู้ชายที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนก่อนแต่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่
เมื่อหญิงสาวมาเปิดดูประวัติของเขาในคอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอเลย ที่หญิงสาวรู้ก็เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มส่งใบรายชื่อที่เคยถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่หกเข้ามาในไลน์กลุ่มซึ่งในนั้นมันไม่มีชื่อของผู้ชายคนเมื่อกี้อยู่ด้วย บางทีเขาก็แค่คนหน้าคล้ายก็ได้
“ป่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าพยาบาลถามเมื่อเห็นหญิงยืนมองไปนอกห้องฉุกเฉินอยู่นาน
“เปล่าค่ะพี่บี”
“ดูท่าทางเหมือนป่านไม่สบายนะมานั่งพักก่อนไหม”
“ป่านก็แค่มึนนิดหน่อยค่ะพี่บี พอดีผู้ชายคนเมื่อกี้ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองต่อ
เวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยมาใช้บริการไม่มากเท่าไหร่ทำให้เธอมีเวลาเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยชั้นมัธยมปลายซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ คุยกันถึงงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากแยกย้ายกันไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยและจบมาทำงานเกือบสองปีแล้ว
โรงเรียนที่เธอเรียนอยู่เป็นโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมซึ่งพอเรียนจบทุกคนก็แยกย้ายหญิงสาวเข้ามาเรียนพยาบาลในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพหลังจากเรียนจบก็เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้กับเพื่อนสนิทที่ชื่อพรชนก
ปราญติญามีครอบครัวอยู่ที่นครปฐมซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนกลางพี่คนโตของเธอรับราชการครูและสอนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน ส่วนน้องสาวของเธอตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
มารดาของเธอเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ชายและอีกไม่กี่ปีท่านก็จะเกษียณส่วนบิดามีอาชีพทำสวนผลไม้ซึ่งพี่ชายของเธอก็ช่วยท่านดูแลสวนผลไม้ด้วย
หญิงสาวออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เรียนชั้นปีที่หนึ่งจากนั้นก็ไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเพราะกลัวว่าบิดาจะจับให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนสนิทซึ่งเธอไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด
เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนชั้นมัธยมปราญติญาก็รู้สึกสงสารตัวเองมากๆ ตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างอ้วนใบหน้ามีแต่สิวฟันก็เหยิน จนเพื่อนบางคนก็เรียกว่ายัยเหยินบางคนก็เรียกว่ายัยอ้วนตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกเจ็บใจมากและคิดว่าสักวันหนึ่งสายตาที่เพื่อนผู้ชายใช้มองเธอมันจะเปลี่ยนไป
เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งปราญติญาเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เริ่มควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันจนถึงตอนนี้หญิงสาวก็เป็นผู้หญิงที่หุ่นดีคนหนึ่ง ฟันที่เหยินก็ถูกจัดเข้าที่ใบหน้าที่มีแต่สิวตอนนี้ก็เรียบเนียนดูต่างจากอดีตจนเห็นได้ชัด
เธอคิดว่าการไปงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้อาจจะเป็นการปลดล็อกปมในใจของเธอ
หญิงสาวอยากให้เพื่อนทุกคนเห็นว่าตัวจริงของเธอเป็นยังไงเพราะปราญติญาเคยเอารูปของตัวเองลงในโซเชียลแต่เพื่อนบางคนก็คิดว่าเธอใช้แอปพลิเคชันเพื่อการตกแต่งรูปการไปกับเพื่อนในครั้งนี้ปราญติญาจะได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้ใช้แอปพลิเคชันอะไรทั้งนั้นรูปทุกรูปที่ลงในโซเชียลเป็นรูปจริง
ปราญติญาออกจากความคิดของตัวเองเมื่อมีผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่แผนกฉุกเฉินหญิงสาววุ่นวายกับการดูแลผู้ป่วยจนกระทั่งถึงเวลาลงเวรก็เดินมายังรถของตัวเองเธอต้องชะงักฝีเท้าไม่เห็นว่าตอนนี้มีใครบางคนยืนอยู่ที่รถของเธอ
หญิงสาวกำลังจะเดินหนีแต่ชายคนนั้นก็หันกลับมาเสียก่อน
“เดี๋ยวสิป่านเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะคุณกอล์ฟ”
“ก็เรื่องคืนนั้น”
“คืนที่คุณแอบเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่ในเครื่องดื่มของฉันใช่ไหมล่ะ”
“ป่านครับผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วนะ ผมไม่ใช่คนทำแบบนั้นเลย คนที่ทำคือเพื่อนของผม”
“แล้วทำไมคุณไม่ห้ามเขาล่ะคะหรือเพราะคุณก็เห็นดีเห็นงามกับเขาด้วย”
หญิงสาวมองหน้าผู้ชายที่เธอเคยเรียกว่าเป็นแฟนด้วยความผิดหวังเขาและเธอรู้จักกันในแอปหาคู่แอปหนึ่งจากนั้นก็คบหากันได้ประมาณสามเดือน
ทั้งสองคบกันเหมือนคู่รักปกติทั่วไปวันหยุดก็ออกไปเดินเที่ยวไปทานข้าวไปดูหนังด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอคบหลังจากอกหักจากคนรักเก่ามาหนึ่งปีก่อน
ในคืนที่เกิดเรื่องเขาชวนเธอไปฉลองวันเกิดของเขาที่ผับแห่งหนึ่งหญิงสาวตอบตกลงเพราะคิดว่าเป็นวันเกิดกับเขาทั้งที่ตัวเองไม่ชอบไปเที่ยวสถานบันเทิงแบบนั้นเลย
แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะแอบเอายาปลุกเซ็กซ์ในเครื่องดื่มและพยายามจะพาเธอออกไปทางหน้าร้านหญิงสาวจึงขอเขาไปเข้าห้องน้ำจากนั้นก็แอบออกมาทางประตูหลังจนได้เจอกับผู้ชายคนนั้นจนเผลอไปมีอะไรกันหลังจากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อเธอมาอีก
“ผมห้ามแล้วแต่พวกมันก็ยังทำ”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ เราสองคนไม่เหมาะสมกันเลยเลิกกันน่าจะดีกว่า”
“เราจะเลิกกันไปเพราะเรื่องแบบนั้นเหรอป่าน”
“คุณคิดว่าเรื่องแค่นั้นเหรอคะ สิ่งที่คุณทำมันเลวมากนะ”
“ผมรู้ว่าผมผิดผมก็มาขอโทษป่านแล้วไง แล้วคุณล่ะไม่คิดจะขอโทษผมบ้างเหรอ”
“ทำไมฉันจะต้องขอโทษคุณด้วยล่ะ”
“ก็คุณออกไปกับผู้ชายคนอื่น”
“ถึงเขาจะเป็นคนอื่นแต่ก็ยังดีกว่าออกไปกับคุณ” ปราญติญายอมนอนกับคนที่ไม่รู้จักคนนั้นยังจะดีกว่าผู้ชายที่กำลังยืนคุยกับเธอตรงหน้า
“แล้วเป็นยังไงล่ะมันช่วยให้คุณหายจากฤทธิ์ยาไหมมันถึงใจคุณหรือเปล่าล่ะหรือติดใจมันจนลืมไปแล้วว่าคุณน่ะมีแฟนแล้ว”
“อย่ามาพูดจาดูถูกกันแบบนี้นะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะผู้หญิงที่โดนยาแล้วหายไปกับผู้ชายคนอื่น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพาคุณไปส่งที่หอโดยไม่เกิดอะไรขึ้นในเมื่อคุณก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้วทำไมไม่ลองให้โอกาสผมบ้างล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่านอนกับผมไงแค่นี้ไม่เห็นจะยาก”
“ไม่มีทาง ฉันขอสั่งนะว่าจากนี้ไม่ต้องมาหาฉันที่นี่และไม่ต้องติดต่อฉันมาอีกเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” ปราญติญาไม่คิดว่าจะคบหากับผู้ชายคนนี้ต่อเพราะหลังจากคืนนั้นเธอก็บล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปแล้ว
“แน่เหรอป่านผมว่าผู้หญิงที่มีอะไรกับผู้ชายไปแล้วยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่และผมจะเติมเต็มให้ตกลงไหมล่ะ”
พูดจบเขาก็คว้าเธอมาจูบหญิงสาวพยายามผลักไสเธอรู้สึกรังเกียจขยะแขยงกับริมฝีปากหนาที่จูบลงมาเมื่อเขาใช้ปลายลิ้นสอดมาในโพรงปากเล็กหญิงสาวก็กัดลิ้นของเขาไปอย่างแรง
“โอ๊ย...บ้าอะไรเนี่ย กัดมาได้ยังไง”
“ก็กัดให้คุณมีสติไงล่ะอย่ายุ่งกับฉันอีก” หญิงสาวรีบเข้าไปในรถก่อนจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงหอก็ร้องไห้อยู่หลังพวงมาลัยอีกพักใหญ่ก่อนจะขึ้นไปยังห้องพักของตนเอง
ปราญติญาขับรถมาส่งพรชนกที่หน้าโรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงเวลาที่แฟนของเธอเลิกงานพอดี“บุ๋มดีใจกับป่านด้วยนะ”“ขอบใจจ้ะ ป่านก็ต้องขอบคุณบุ๋มมากถ้าบุ๋มไม่บอกให้ณุตามป่านไปที่สมุยป่านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง”“ป่านโชคดีมากๆ นะที่ณุเข้ามาช่วยไว้”“ใช่ป่านโชคดีมากทั้งเขาช่วยป่านไว้ทั้งคืนนั้นที่ป่านโดนยาปลุกเซ็กซ์และครั้งที่โดนผู้ชายเมาเข้ามาทำร้าย ถ้าไม่ได้ณุเข้ามาป่านคงแย่”“เพราะแบบนี้ป่านถึงยอมใจอ่อนแล้วยกโทษให้เขา”“มันก็มีส่วนอยู่นะแต่ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ป่านห่างจากณุป่านก็ไม่เคยลืมเขาได้เลย บุ๋มว่ามันเร็วไปไหม”“ไม่หรอกนะป่านกับณุไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันสักหน่อย ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเพียงแต่ว่าแยกย้ายกันไปและกลับมาเจอกันอีกครั้ง บุ๋มบอกแล้วว่าคนเป็นเนื้อคู่กันยังไงวันหนึ่งก็ต้องกลับมาเจอกันอยู่ดี บุ๋มใจด้วยมากๆ บุ๋มไปก่อนนะ”เมื่อพรชนกลงจากรถไปแล้วปราญติญาก็ขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์อีกครั้งเมื่อมาถึงชายหนุ่มก็อาบน้ำสวมชุดนอนรออยู่แล้ว “วันนี้เป็นยังไงบ้างปวดแผลหรือเปล่า”“ไม่ปวดเลย ผมนอนทั้งวันจนจะปวดหลังแล้ว”“อดทนหน่อยนะยิ่งพักผ่อนเยอ
ปราญติญาและพรชนกนั่งคุยกันต่อไม่นานก็มีอุบัติเหตุเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินเสียก่อนทั้งสองคนจึงรีบวิ่งออกมาทำงานซึ่งกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ถึงเวลาลงเวรเช้าพอดี“บุ๋มอยากไปเยี่ยมณุมั้ย”“จะดีเหรอ”“ดีสิณุต้องดีใจมากๆ ที่บุ๋มไปเยี่ยม”“จะไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปใช่ไหม”“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวป่านขอโทรถามณุก่อนว่าอยากจะกินอะไรเราจะได้ซื้อไปกินที่นั่น ว่าแต่บุ๋มจะไปกับป่านได้หรือเปล่าล่ะ”“ได้สิวันนี้พี่อรรถลงเวรสองทุ่มบุ๋มมีเวลาให้ป่านเยอะเลย ไปเยี่ยมณุหน่อยก็ดีเหมือนกัน”ปราญติญาโทรศัพท์ไปหาภาณุวิชญ์และบอกว่าจะชวนพรชนกมาทานอาหารเย็นด้วยชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพรชนกก็คือเพื่อนของเขาและถ้าไม่มีเธอเขากับปราญติญาก็คงยังไม่เข้าใจหญิงสาวแวะซื้ออาหารที่ร้านด้านหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขับรถพาพรชนกไปยังคอนโดมิเนียมของภาณุวิชญ์“เป็นยังไงบ้างเจ็บหนักเลยใช่ไหม” พรชนกทักทายภาณุวิชญ์ที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ก็นิดหน่อยนะแต่เจ็บครั้งนี้มันคุ้มมากๆ เลยนะ” เขาพูดแล้วมองหน้าปราญติญาแล้วยิ้ม“บุ๋มดีใจด้วยนะที่ป่านกับณุเข้าใจกันตกลงคบกินจริงใช่ไหม”“ผมต้องขอบคุณบุ๋มมากๆ ถ้าบุ๋มไม่ช่วยผมกลับป่านก็คงไม่เข้าใจกันเร็วแ
“ป่านทำไมถึงนอนห่างผมขนาดนั้นล่ะ ขยับเข้ามาใกล้ๆ ได้ไหม นอนห่างแบบนั้นแล้วผมจะกอดได้ยังไง”“ณุลืมอะไรไปหรือเปล่าณุมีแผลอยู่นะ ป่านกลัวจะดิ้นไปโดนแผลจริงๆ แล้วป่านน่าจะออกไปนอนอีกห้องหนึ่งหรือไม่ก็นอนที่ห้องรับแขกด้วยซ้ำ”“ไม่ได้นะ ป่านต้องนอนกับผมถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วใครจะช่วยผมล่ะ”“ณุไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนอนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เอาหมอนข้างกั้นไว้แบบนี้ดีแล้วเกิดป่านดิ้นไปโดนแผลขึ้นมามันจะแย่เอานะ”“ทำไมไม่เห็นใจกันเลยนะ ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งเดือนกว่าแล้วนะแล้วจะมานอนห่างกันแบบนี้ได้ยังไง”“ณุอย่างอแงเป็นเด็กสิตัวเองเจ็บอยู่นะ”“ก็อยากนอนกอด”“ถ้าณุยังงอแงพูดไม่รู้เรื่องป่านจะออกไปนอนที่ห้องรับแขกแล้วนะ”“ถ้างั้นขอจับมือได้ไหมนิดเดียวนะ”“ได้สิ” ปราญติญาตอบตกลงและให้ภาณุวิชญ์จับมือไว้จนกระทั่งชายหนุ่มหลับสนิทเธอแกะมือเขาออกแล้วห่มผ้าให้เขาจากนั้นก็กลับมานอนอีกฝั่งของเตียงปราญติญาตื่นนอนตั้งแต่เช้าเธอลงไปซื้อแซนด์วิชกับขนมปังมาให้ภาณุวิชญ์ทานเป็นอาหารเช้า ส่วนอาหารกลางวันจะให้เขาสั่งขึ้นมาทานเองเพราะเธอทำกับข้าวไม่เป็นหญิงสาวให้เขาทานยาก่อนอาหารและทาน
“ผมขอโทษนะป่านที่ทำให้การมาเที่ยวสมุยของคุณต้องอุดอู้อยู่แต่ในโรงพยาบาล”“ไม่เป็นไรหรอกอย่างน้อยป่านก็ได้เที่ยวก่อนหน้าที่ณุจะมาแล้ว ว่าแต่ณุเถอะไหวแน่นะที่จะต้องออกโรงพยาบาลวันนี้”“ไหวสิผมไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวหรอกนะ ป่านกลับกรุงเทพผมก็จะกลับด้วย หมอก็บอกแล้วว่าแผลของผมไม่ได้เป็นอะไรมากกลับไปรักษาตัวที่บ้านหรือโรงพยาบาลที่กรุงเทพก็ได้”“แล้วณุจะเอายังไงต่อจะไปนอนโรงพยาบาลไหมป่านจะได้ให้คุณหมอที่นี่เขาประสานงานให้”“ผมว่าไม่ดีกว่าตอนนี้ผมก็ดีขึ้นมากๆ แล้ว”“แต่ณุต้องกินยาแก้อักเสบให้ตรงเวลาและครบตามที่คุณหมอสั่งให้เข้าใจไหม”วันนี้เธอต้องกลับกรุงเทพตามกำหนดเดิมและภาณุวิชญ์ก็ไม่ยอมอยู่โรงพยาบาลต่อ เมื่อปรึกษาคุณหมอแล้วท่านก็อนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้แต่ต้องระวังเรื่องแผลและทานยาให้ครบคุณหมอให้ประวัติการรักษาไปด้วยเพราะเขาต้องไปให้หมอที่กรุงเทพตัดไหมให้ตอนนี้เธอเก็บของใช้ของตัวเองลงกระเป๋าเสร็จแล้วส่วนกระเป๋าเดินทางของภาณุวิชญ์ทางรีสอร์ทก็เอามาให้ตั้งแต่วันที่พาตำรวจมาสอบปากคำโรงพยาบาล เรื่องคดีเธอก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและทางรีสอร์ทจัดการเพราะถึงเวลาแล้วที่หญิงสาวจะต้องบิน
ปราญติญาระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาโดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภาณุวิชญ์นั้นรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เธอกลับมาจากห้องน้ำ ภาณุวิชญ์รู้สึกดีมากที่ได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขาเองก็รู้สึกไม่ได้ต่างจากปราญติญาเลยระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนนั้นทำให้เขารู้ใจตัวเองมากขึ้น เขาไม่สามารถลืมเรื่องราวระหว่างตนเองกับหญิงสาวได้เลย เขาตั้งใจไว้ว่าจะตามมาขอโทษเธออย่าจริงจังและขอโอกาสกับปราญติญาอีกครั้ง เขาจะบอกความรู้สึกที่มีกับเธอทั้งหมดเพราะกลัวว่าจะเสียเธอไปภาณุวิชญ์มาถึงสมุยในเย็นวันศุกร์หลังจากเช็กอินที่รีสอร์ทเดียวกับปราญติญาแล้วก็ไปหาเธอที่บ้านพักซึ่งรู้มาจากพรชนกว่าหญิงสาวพักอยู่ที่บ้านหลังไหนเมื่อไปถึงก็ยืนเคาะประตูอยู่นานแต่ทั้งบ้านก็เงียบสนิทชายหนุ่มจึงเดินไปหาเธอบริเวรชายหาดเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะไปเดินเล่นเขาเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นเธอเดินอยู่ที่ชายหาด แต่ก็ไม่ได้ตามเธอในระยะใกล้เพราะกลัวจะรบกวนเวลาของหญิงสาว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าการที่เขาทิ้งระยะห่างจากเธอมากนั้นมันจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ถ้าหากปราญติญาเป็นอะไรไปเขาคงรู้สึกผิดและให้อภัยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน“คุณจะหลับแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ น
เพราะมัวแต่ตกใจปราญติญาจึงไม่ทันได้สังเกตว่าผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอนั้นคือใคร แต่พอพาเขาขึ้นมาบนรถพยาบาลและกำลังตรงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพยาบาลที่มาด้วยก็เริ่มซักประวัติชายหนุ่มเพราะกลัวว่าถ้าไปถึงที่โรงพยาบาลแล้วเขาจะหมดสติไปเสียก่อน“คนเจ็บชื่ออะไร อายุเท่าไหร่คะ เคยมารักษาที่นี่ไหม คุณมีบัตรประจำตัวหรือบัตรประกันติดตัวมาหรือเปล่า”“ผมชื่อภาณุวิชญ์อายุ 27 ปี บัตรประจำตัวบัตรประชาชนผมอยู่ในกระเป๋าครับ” เสียงที่ตอบนั้นฟังดูเบาแต่มันก็ทำให้ปราญติญารีบหันหน้าไปมองเธอตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าคนที่นอนเจ็บอยู่ตรงหน้าคือภาณุวิชญ์“ณุมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”ภาณุวิชญ์ยิ้มก่อนจะตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา“ผมมาหาป่าน” เขาตอบเบาๆ เพราะตอนนี้เริ่มเจ็บแผลมากขึ้นเรื่อยๆ“คุณรู้จักกับคนเจ็บเหรอคะ” พยาบาลที่นั่งมาถามขึ้น“ค่ะฉันรู้จักเขา”“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวไปถึงโรงพยาบาลคุณช่วยทำประวัติคนไข้ให้ฉันด้วยนะคะ เราอาจจะต้องรีบพาเขาเข้าไปผ่าตัดด่วนเพราะตอนนี้เลือกเขาออกเยอะมาก”“ที่นี่มีคุณหมอประจำห้องผ่าตัดใช่ไหมคะ”“มีค่ะคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่คนไข้ค่อนข้างเสียเลือดมาก คุณเลือกกรุ๊ปอะไรคะพอจะจำได้ไหม” พยาบ