เวรเอ๊ย!นั่นเป็นนางฟ้าในใจของพวกเขานะ! โดนฉู่เฉินทำลายแบบนี้!ในขณะที่ทุกคนปวดร้าวปานจะขาดใจ หลินรั่วเวยกลับเงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูกว่า “หมอเทวดาฉู่คะ ถ้าเกิดฉันรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก ฉันโทรศัพท์ไปหาคุณให้มารักษาที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”“งั้นถ้าเกิดฉันอยากกินยาอีก ฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?”พอพูดถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเขินอาย “ได้สิ” กิน?! หัวใจของทุกคนในที่แห่งนี้แทบจะระเบิดหมดแล้ว!แค่คำว่า “กิน” คำเดียว แต่...ครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย ข่งลิ่งเจี๋ยเซ่อซ่าไปแล้ว ขนาดฮว่าจิ่วหยางก็ยังแขนสั่นเล็กน้อย “คุณหลิน โรคของคุณ...”หลินรั่วเวยยิ้มพลางเอ่ยกับฮว่าจิ่วหยางว่า “ผู้อาวุโสฮว่า ฉันรู้สึกว่าอาการป่วยของฉันหายดีแล้ว รบกวนคุณช่วยยืนยันอีกทีด้วยค่ะ” เธอพูดจบก็ควงแขนของฉู่เฉินเดินมาที่โต๊ะแพทย์ การกระทำเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตาของข่งลิ่งเจี๋ย ทำให้เขาโกรธจนปอดแทบจะระเบิดแล้ว!ก่อนที่เขาจะเตะประตู ฉู่เฉินอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาเตะประตูแล้ว ฉู่เฉินแม่งเหมือนกับทำทุกอย่างที่เขาควรทำแ
เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
เหตุการณ์ในช่องไลฟ์สดเมื่อครั้งก่อนเพิ่งจะสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกระแสสังคมผลักขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?พอวางโทรศัพท์มือถือลง หลิ่วชิงเหอก็ไม่อาจสงบใจได้อีกเช่นกัน หรือว่าฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนั้นจริง ๆ? “ฮึ สวะอย่างฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้ยังไง จะต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินแน่ ๆ!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นเป้าหมายของอีกฝ่ายจะต้องอยากยืมมือของฉู่เฉินมากดดันฉู่ซื่อกรุ๊ปกับแม่ลูกตระกูลหลิ่วอย่างแน่นอน ต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ! แต่หลิ่วชิงเหอกลับเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินเหรอ? เป็นไปไม่ได้...” อันที่จริงในใจของเธอก็มีความมึนงงเช่นกัน ถึงแม้ฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรักษาแม้แต่โรคมะเร็งได้ง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?แต่ถ้าจะบอกว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินเป็นของปลอม นี่ก็ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ฉู่เฉินรักษาจนหายคนนั้นเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้เลยนะ
หลิ่วชิงเหอมองหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หรูเยียน แม่เคยบอกลูกตั้งนานแล้วว่าฉู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ถ้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานอย่างฉู่เฉิน ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีอะไรแตกต่างกันคะ เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกยัยแก่โจวเทียนเฟิ่งนั่นเลี้ยงดูอยู่จริง ๆ ก็ได้”“ฮึ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแค่โจวเทียนเฟิ่งคนเดียวจะปิดบังความจริงไว้ได้อีก?”“หนูอยากดูว่าพอถึงการแข่งขันระดับเมืองแล้ว ฉู่เฉินไม่มีนักแสดงช่วยหนุน เขายังจะรักษาภาพลักษณ์หมอเทวดาของเขาได้ยังไง!”ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลิ่วหรูเยียนพลันดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สวะอย่างข่งลิ่งเจี๋ย หลิ่วหรูเยียนก็โกรธจัด เธอปฏิเสธสายแล้วบล็อกข่งลิ่งเจี๋ยทันที“สวะ! สวะถึงขนาดที่เทียบกับไอ้สวะฉู่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ตะโกนอย่างบึ้งตึง หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งขึ้นชั้นสองด้วยความฉุนเฉียว เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงแค่นี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนให้ฉู่เฉินรู้สำนึกบ้าง!..... อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินพากู้รั่วเสวี่ยกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นก
ฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน” พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี นายยังเป็นคนสบาย ๆ เหมือนเดิมเลยนะ”สบาย ๆ?ทำไมฉู่เฉินจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นคนสบาย ๆ มากอันที่จริงนั่นเป็นเพียงการทำดีกับน้องสาวคนสวยไม่กี่คนในชั้นเรียนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แต่ฉู่เฉินขี้เกียจจะอธิบายเรื่องพวกนี้เช่นกัน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยให้เซี่ยฉีฉี“จริงสิ เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงรุ่นเล็ก ๆ ของเพื่อนสมัยม.ปลายของพวกเรา ถึงยังไงนายก็ไม่มีธุระอะไร ไม่สู้ไปเจอหน้าทุกคนด้วยกันดีกว่า ถึงยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนเก่าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะยังได้เกี่ยวข้องกันบ้าง” เซี่ยฉีฉีขับรถพลางเอ่ยแนะนำเรื่องของตระกูลฉู่ เธอเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ยินว่าหลังจากที่คุณพ่อฉู่คุณแม่ฉู่เกิดอุบัติเหตุ ฉู่เฉินก็โดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปบวกกับฉู่เฉินแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแม้แต่รถสำหรับใช้เดินทาง เซี่ยฉีฉีก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็มีจำกัด เธอถึงได้ค
“คุณชายฉู่? ยังมีคุณชายฉู่อะไรอีก เรียกว่าขอทานยังใกล้เคียงมากกว่า” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมองฉู่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าดูแคลน เขาชื่อหลี่เฟิง ตอนสมัยเรียนก็เป็นลูกน้องของหลูฉีเหว่ย ผู้ชายทางด้านข้างที่ชื่อสวีเจี้ยนก็พูดหยอกล้อตามว่า “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉันได้ยินว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน คุณชายฉู่เหมือนจะโดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนี่นา?” “ขนาดคฤหาสน์หลังนั้น ตอนนี้ก็โดนยึดไปแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ทางด้านข้างต่างก็ทำหน้าดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหลือบมองฉู่เฉินแวบหนึ่งก็พากันหันหน้าไปทางอื่น เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางหลี่เฟิงกับสวีเจี้ยนแล้วพูดว่า “หลี่เฟิง สวีเจี้ยน พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง! ถึงยังไงฉู่เฉินก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเรา พวกนายไปซ้ำเติมเขาได้ยังไง!”ทั้งสองคนที่โดนเซี่ยฉีฉีถามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพากันมองไปทางหลูฉีเหว่ยเห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็นพระเอกของวันนี้ หลูฉีเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา หรี่ตามองฉู่เฉินโดยไม่พูดไม่จา “ช่างเถอะ ฉีฉี ไม่เป็นไรหรอก” ฉู่เฉินตบบ่าเซี่ยฉีฉีเบา
ทั่วทั้งห้องหรือแม้แต่เซี่ยฉีฉีก็ยกแก้วเหล้าลุกขึ้นมาดื่มคารวะให้เขา มีเพียงฉู่เฉินคนเดียวที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในมุมห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉู่เฉิน นายทำอะไรน่ะ? ยังไม่รีบดื่มคารวะให้พี่เหว่ยอีก!” “ใช่แล้ว ถ้าเกิดพี่เหว่ยอารมณ์ดี บางทีอาจจะหางานในบริษัทที่บ้านพวกเขาให้นายทำก็ได้นะ” ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดกันเซ็งแซ่ พากันตำหนิฉู่เฉินว่าไม่รู้จักกาลเทศะเกินไปแล้ว “ขอโทษทีนะ ฉันไม่ดื่มเหล้าคุณภาพต่ำ” ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเฉยชาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ฉู่เฉินพูดออกมา ทั่วทั้งห้องส่วนตัวก็เงียบกริบอย่างน่าประหลาด บรรยากาศเย็นลงในชั่วพริบตา! “หัวหน้าห้อง ฉันคิดว่าฉู่เฉินเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นแน่ ๆ เขาแค่...”เซี่ยฉีฉีกำลังอยากอธิบายแทนฉู่เฉิน หลูฉีเหว่ยกลับยิ้มหยันพลางวางแก้วเหล้าลงแล้วพูดตัดบทว่า “ฉีฉี นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมว่าคุณชายฉู่ของพวกเรายังนึกว่าตัวเองเป็นคุณชายของฉู่ซื่อกรุ๊ปอยู่สินะ”“ดูท่าวันนี้ต้องสั่งสอนบทเรียนทางสังคมให้คุณชายฉู่ดี ๆ หน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเอาแต่ไม่เข้าใจสถานะของตัวเองแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใ
“ไอ้ขี้ขลาด!” หลูฉีเหว่ยกลอกตาใส่ฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนแล้วพูดพลางยิ้มหยันว่า “ถ้าเกิดผู้หญิงคนไหนอยู่กับนาย คงโชคร้ายไปแปดชาติจริง ๆ” พวกหลี่เฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็พากันพูดเยาะเย้ยว่า “คุณชายฉู่ ต่อให้ไม่มีตระกูลฉู่เป็นแบ็คใหญ่ นายก็ไม่เห็นต้องขี้ขลาดแบบนี้เลยนะ?”“นั่นสิ เห็นแฟนตัวเองถูกคนรังแกแต่ไม่กล้าลงมือ นี่ยังถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?”“เฮ้อ ฉีฉี ฉันว่าเธออยู่ห่าง ๆ คนอย่างฉู่เฉินหน่อยดีกว่า คนแบบเขาพึ่งพาไม่ได้หรอก ถ้าเกิดวันไหนเธอถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าเขา คาดว่าเขาคงไม่กล้าเข้าไปห้ามหรอก”ทุกคนพากันพูดขึ้นมา เซี่ยฉีฉีฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหูอย่างแรง! เธอเชื่อว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนแบบที่พวกเขาพูด นอกจากนี้เธอก็เชื่อการตัดสินใจของฉู่เฉินเช่นกัน สถานเริงรมย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันเช่นนี้ ระวังตัวหน่อยย่อมใช่เรื่องผิด“พวกนายพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ฉู่เฉินก็แค่หวังดี ฉันว่าเชื่อฉู่เฉินดีกว่านะ พวกเราเปลี่ยนที่เล่นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วกล่าว “ฮ่า ๆ ฉีฉี เธอวางใจได้เลย มีพี่เหว่ยอยู่ พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามหรอก จริงไหม พี่เหว่ย?” หลี่เ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่