“อะแฮ่ม!”ฉู่เฉินกระแอมเบาๆ “เธอยังเด็ก เรื่องหลายอย่างยังไม่ต้องถามมาก”“คนอื่นเขาไม่เด็กแล้วนะ”อินซู่ซู่เชิดหน้าอกขึ้นอย่างไม่ยอมรับ แต่วินาทีถัดมา เธอนึกถึงเรื่องที่หญิงชุดแดงว่าเธอว่าหน้าอกเล็ก จึงกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจฉู่เฉินเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสะอาด สาวเท้าออกจากประตู ก่อนไป เขาวางค่ายกลซ่อนเร้นไว้รอบๆ บ้านใหญ่ตระกูลเฉิน เผื่อตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน กุหลาบเพลิงจะได้ไม่ย้อนกลับมาโจมตีอีกเมื่อเสียงสตาร์ตรถยนต์ดังกระหึ่ม ฉู่เฉินก็ขับรถเบนซ์จีคลาสคันนั้นของเขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว……เวลานี้ ณ สวนดอกไม้ด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วชิงเหอใส่ชุดเดรสสีชมพูเข้ารูปเปิดหัวไหล่ เธอกำลังสาวเท้ายาวๆ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในสวนดอกไม้ตั้งแต่ที่สมาคมจันทราโลหิตรับใบเสร็จสังหารฉู่เฉินไป เธอก็อดกระสับกระส่ายไม่ได้“เกิดอะไรขึ้น? นี่หรือฉันกำลังเป็นห่วงไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินนั่น? เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วชิงเหอปฏิเสธความคิดนี้ทันทีเธอแทบอยากจะฆ่าฉู่เฉินด้วยมือตัวเอง จะเป็นห่วงเขาได้อย่างไร?ในขณะที่หลิ่วชิงเหอกำลังความคิดสับสนวุ่นวาย ป้าอู๋ก็วิ่งเข้ามาในสวนดอกไม้ ก่อนพูดด้วยสีหน้าย่ำแ
เพี๊ยะ!ฉู่เฉินไม่เปิดโอกาสให้หลิ่วชิงเหอโต้แย้ง เขาตวัดฝ่ามือใส่แก้มของเธอเสียงดังฟังชัด“ไอ้เดรัจฉาน แกกล้าตบฉันเหรอ ไม่แกก็ฉันต้องตายกันไปข้าง!”ผมยาวๆ ของหลิ่วชิงเหอสยายยุ่งอยู่บนหัวไหล่ของเธอ ก่อนจะพุ่งตัวใส่ฉู่เฉินฉู่เฉินตวัดสายตามองหลิ่วชิงเหอ ก่อนจะยิ้มเย็น คว้าข้อมือของหลิ่วชิงเหอ จากนั้นก็บังคับให้เธอหันหลัง“จะสู้ตายกับฉันเหรอ? มั่นใจว่ามีปัญญา?”ฉู่เฉินพูดจบก็จับร่างของหลิ่วชิงเหอตรึงกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าหลิ่วชิงเหอถูกหลิ่วชิงเหอตรึงร่างไว้แน่น ได้แต่กัดฟันและหันหน้าไปพูดกับฉู่เฉินที่อยู่ข้างหลังว่า “ไอ้เดรัจฉาน แกจะทำอะไร! ที่นี่บ้านฉันนะ!”“บ้านของเธอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ควรเป็นตระกูลฉู่ต่างหาก!”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินกระชากชุดเดรสของหลิ่วชิงเหอเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดัง ก่อนที่แผ่นหลังเนียนขาวดุจหยกของหลิ่วชิงเหอจะปรากฏอยู่ต่อหน้าของฉู่เฉิน“ไอ้สารเลว แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”หลิ่วชิงเหอตะโกนกรีดร้องสุดกำลังแต่ไม่ว่าเธอจะขัดขืนสักแค่ไหน ร่างกายที่ถูกฉู่เฉินตรึงติดกับต้นไม้ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อยฉู่เฉินเชยชมเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกลิ
ฉู่เฉินยิ้มเย็นขณะสาวเท้าเข้าไป กระชากผมของหลิ่วชิงเหอ จับร่างเธอขึงติดกับกระจกใสบานใหญ่“เธออยากให้ฉันตายมากไม่ใช่เหรอ? ฉันขอเตือนให้เธอดูเวลาตอนนี้ให้ดีๆ!”หลิ่วชิงเหอส่ายหน้า พลางออกแรงดันฉู่เฉินออกไป พร้อมกับด่าสาดเสียเทเสียไปด้วย “ไอ้ฉู่เฉิน! ไอ้เดรัจฉาน แกอย่าคิดจะแตะต้อง…”เธอยังพูดไม่ทันจบ เสียงพูดก็เงียบหายไปในทันที!พอเห็นเข็มนาฬิกาชี้ไปที่สามโมงตรง หลิ่วชิงเหอรีบอ้อนวอนทันที “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกได้ไหม? อีกไม่นานหรูเยียนก็จะกลับมาแล้ว”“ให้ฉันได้รักษาศักดิ์ศรีความเป็นแม่คนไว้หน่อยเถอะ ได้ไหม?”ฉู่เฉินเพียงยิ้มอย่างเย็นชาเป็นคำตอบให้หลิ่วชิงเหอ“เต๊ง เต๊ง เต๊ง!”เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาสามครั้งดังขึ้นจากห้องรับแขก หัวใจของหลิ่วชิงเหอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะจบการประชุมช่วงบ่ายของวันนี้ เธอบิดขี้เกียจพร้อมกับหาวกว้างๆ ชุดทำงานสีดำบนตัวถูกเบียดจนเป็นทรงนูนเว้าไปตามการเคลื่อนไหวของเธอหลังจากเก็บกวาดเล็กน้อย หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเลขาว่า “หาคนขับส่งฉันกลับบ้านด้วย ฉันเหนื่อยแล้ว”วันนี้เธอยุ่งอยู่ทั้งวัน รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวตอนนี้เ
หลิ่วหรูเยียนได้ยินอย่างนั้น เธอกลับไม่ได้ตกใจเท่าหลิ่วชิงเหอยังไงซะวีดิโอที่ฉู่เฉินรักษาหลินรั่วเวยจนหายก็ได้แพร่ไปทั่วโซเชียลแล้ว แม้จะใช้เส้นสายขนาดไหนก็ไม่สามารถลบชื่อฉู่เฉินออกจากการแข่งขันได้แต่ทว่า ของปลอมไม่มีวันเป็นของจริงได้อยู่แล้ว“เขาก็แค่เข้ารอบแรก ไม่ได้ชนะได้รางวัลซักหน่อย คนที่บริษัทของเราส่งไปต่างหากที่เป็นม้ามืดคว้ารางวัลในครั้งนี้ได้”หลิ่วหรูเยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเธอได้ส่งคนไปสืบเรื่องของหลี่จวิ้นเฟิงอย่างลับๆ แล้ว ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์จากยอดเขาที่เจ็ดแห่งสำนักหมอเซียน ถึงแม้อายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ไม่ได้ด้อยกว่าฮว่าจิ่วหยางมากนักคนแบบนี้ใช่คนที่จอมลวงโลกอย่างฉู่เฉินเทียบได้เสียที่ไหน?“หลี่จวิ้นเฟิงอะไรนั่นเก่งขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”หลิ่วชิงเหอยังคงมีท่าทีสงสัยต่อเรื่องนี้เธอเคยเห็นความสามารถด้านการแพทย์ของฉู่เฉินมากับตา หนำซ้ำ วีดิโอที่เขารักษาหลินรั่วเวยเธอก็ดูมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วด้วยไม่ใช่การแสดงอย่างแน่นอนหลิ่วชิงเหอส่งคนไปสืบเรื่องอาการป่วยของหลินรั่วเวยอย่างลับๆ ทุกอย่างเป็นความจริง อีกอย่าง อาการป่วยของหลินรั่วเวยก็หายแล้วจริงๆ“แม
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์จากเซี่ยฉีฉีดังขึ้นฉู่เฉินหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย เสียงอ่อนหวานของเซี่ยฉีฉีดังมาจากปลายสาย “ฉู่เฉิน ว่างไหม? ช่วงนี้ในเมืองเจียงจงมีร้านอาหารส่วนตัวเปิดใหม่ ถ้าไม่มีธุระอะไร ไปกินข้าวกับฉันหน่อยได้ไหม?”ปลายสาย เสียงของเซี่ยฉีฉีสะท้อนแววเขินอายอย่างชัดเจน เห็นได้ว่าเธอยังคงอยู่ในภวังค์หลังจากที่แยกกับฉู่เฉินเมื่อวาน“ได้ คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปรับ”ฉู่เฉินพยักหน้าทันที“ฉันไปรับคุณดีกว่า รอฉันอยู่นั่นแหละ สิบนาทีก็ถึงแล้ว”พูดจบ เซี่ยฉีฉีก็วางสายไปผ่านไปไม่นาน หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ก็มีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นฉู่เฉินเก็บกวาดเล็กน้อย จากนั้นก็กำชับอินซู่ซู่ว่า “จำไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามสู้กับคนอื่นง่ายๆ ต้องรอฉันกลับมาก่อน เข้าใจไหม?”อินซู่ซู่ได้รับบทเรียนจากหลี่เต้าผิงและกุหลาบเพลิง รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองยังอ่อนหัดเกินไป ไม่มีความสามารถมากพอที่จะช่วยฉู่เฉินแก้ปัญหาต่างๆ ได้ จึงได้แต่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “อืม นายท่านวางใจได้ ฉันจะไม่วู่วามอีกแล้ว”ฉู่เฉินถึงได้ผลักประตูและเดินออกไปอย่างวางใจเวลานี้ เซี่ยฉีฉียืนพิงประตูรถโคโรลล่าอยู่ เธอยกมือเสย
ขณะที่เวลานี้ เซี่ยฉีฉีเองก็สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้ออันกำยำบนตัวของฉู่เฉินด้วยเช่นกันครั้นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเพศชายลอยเข้ามาในโพรงจมูก หัวใจของเซี่ยฉีฉีเต้นเร็วจนเหมือนจะกระเด็นออกมาเวลานี้ ปากเล็กๆ ของเธออยู่ห่างจากปลายจมูกของฉู่เฉินไม่ถึงหนึ่งนิ้ว และท่าของพวกเขาในตอนนี้ก็ล่อแหลมสุดๆแค่ฉู่เฉินขยับปากเล็กน้อย เขาก็จะสัมผัสโดนกลีบปากที่ทาลิปของเธอแล้วฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงความเนียนเด้งและนุ่มลื่นจากผิวของเซี่ยฉีฉี จังหวะลมหายใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงผ่านไปสิบกว่าวินาที กว่าเซี่ยฉีฉีจะได้สติกลับมาจากเหตุสะเทือนขวัญเมื่อครู่ เธอหลุบตาต่ำเล็กน้อย ดวงตางามจับจ้องไปที่กลีบปากของฉู่เฉินที่กำลังหอบหายใจหนักๆ ดวงหน้าเรียวงามแดงแปร๊ดจนเหมือนจะมีเลือดหยดออกมาเซี่ยฉีฉีในตอนนี้ งดงามน่าหลงใหลดุจแสงอาทิตย์ยามสายัณห์“ฉู่เฉิน นะ…นายพกอาวุธอะไรมารึเปล่า? เหมือนมีอะไรทิ่มเอวฉันอยู่…”เซี่ยฉีฉีจ้องฉู่เฉินตาไม่กะพริบ“อะแฮ่ม!”ฉู่เฉินหน้าแดงกับคำถามของเธอ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากปัญหาคือเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่สาวงามที่อยู่ตรงหน้ากลับน่าเย้ายวนจนเกินต้านนี่นาถ้าสาวสวยอยู่ตรงหน้า แต
“บริษัทยาเหรอ? งั้นถ้าบริษัทนายอยากทำโลโก้ ฉันช่วยได้นะ บริษัทของเราเชี่ยวชาญเรื่องนี้ อีกอย่างบริษัทใหญ่หลายที่ในมณฑลก็เป็นลูกค้าเก่าของเรา”“ด้านความน่าเชื่อถือและความสวยงาม นายไว้ใจได้เลย”เซี่ยฉีฉีเอ่ยพลางหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะโชว์โลโก้ที่บันทึกเก็บไว้กว่าหนึ่งร้อยรูปให้ฉู่เฉินดูต้องยอมรับว่า วิสัยทัศน์ด้านความงามของเซี่ยฉีฉีเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงมากทีเดียวหนำซ้ำมีหลายโลโก้ที่ไม่ว่าจะดูจากด้านแนวคิดการออกแบบ หรือสไตล์การออกแบบ ล้วนไม่แพ้แบรนด์ระดับนานาชาติ!“อืม แน่นอนอยู่แล้ว พอดีเลย เดี๋ยวอีกช่วงหนึ่งบริษัทของเราต้องนำเสนอยาตัวใหม่ ถึงตอนนั้นมอบหมายงานนี้ให้บริษัทของเธอก็แล้วกัน”ฉู่เฉินยิ้มบอกตอนนี้ยาบำรุงปราณยังขายแค่ในตลาดออฟไลน์ ถ้าเป็นที่รู้จักกันในตลาดเมื่อไร เขาก็จำเป็นต้องออกแบบโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เซี่ยฉีฉี ฉู่เฉินเองก็ค่อนข้างวางใจทีเดียวในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของเซี่ยฉีฉีก็ดังขึ้น ฉู่เฉินกวาดสายตาไปที่หน้าจอ เป็นหมายเลขที่ถูกบันทึกไว้ว่า ‘คุณชายจาง’“ฉีฉี โทรศัพท์เธอน่ะ”ฉู่เฉินยื่นโทรศัพท์ให้ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรพอเห็นชื่อที
“จางไห่หยาง คุณจะทำอะไร!”เซี่ยฉีฉีเห็นลูกน้องอันธพาลสิบกว่าคนนั้นถือท่อนไม้บ้าง มีดปอกผลไม้บ้าง เธอลุกขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะดึงฉู่เฉินไปหลบข้างหลัง“ทำอะไรงั้นเหรอ?”จางไห่หยางตวัดสายตาไปที่ฉู่เฉินซึ่งยังคงจิบชาอย่างสงบนิ่งดุจภูเขาไท่ซาน ก่อนจะยิ้มชั่วร้ายและบอกว่า “นางแพศยาเซี่ยฉีฉี ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอ แต่เธอกลับไม่เห็นค่ามัน!”“ไสหัวออกไป!”พูดจบ จางไห่หยางก็เอื้อมมือมาจะดึงเซี่ยฉีฉีแต่มือของเขายังไม่ทันสัมผัสโดนแขนของเซี่ยฉีฉี เสียงอันเยือกเย็นก็ดังมาจากข้างหลังของเซี่ยฉีฉีก่อน“ไว้หน้าแล้วใช่ไหม?”“หมาหมู่รุมเห่าหอน ตอนแรกก็ไม่อยากใส่ใจ แต่นี่คิดจะใช้กำลังกันด้วย? ใจกล้ามาจากไหน!”พูดจบ จางไห่หยางยังไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ฉู่เฉินก็ลุกขึ้น สะบัดฝ่ามือใส่หน้าของจางไห่หยางอย่างแรงเพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือปะทะเข้ากับกกหูดังก้องไปทั่วทั้งห้องจางไห่หยางหน้าอันไปอีกทาง ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลถึงสองเมตรกว่า ก่อนที่หัวจะกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงส่งผลให้หัวแตกเลือดไหลอาบหน้า“คุณชายจาง ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”ลูกน้องสองคนรีบวิ่งเข้าไปประคองจางไห่หยางขึ้นมา“ไอ้เด็กเปรต แกอยากต
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้