เห็นได้ชัดว่า เมื่อกี้เธอถูกใครบางคนจับปลาเค็มมาแล้ว“เฉินปิน ทำอะไรอยู่น่ะ?”ชีเสวี่ยจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง พลางขมวดคิ้วถาม“ฉันกำลังเล่าเรื่องตลกที่ฉู่เฉินทำหน้าใหญ่ใจโตเพื่อนในห้องเราฟังอยู่น่ะสิ”เฉินปินยิ้มกว้าง ก่อนตอบพลางกวาดมองหน้าอกอวบอิ่มขาวเนียนของชีเสวี่ยแวบหนึ่ง“โธ่ พอได้แล้ว ห้องส่วนตัวเบอร์หนึ่งกำลังเรียกพนักงานบริการอยู่ พวกเราสองคนรีบไปกันเถอะ”ชีเสวี่ยกระซิบบอก เหมือนกลัวเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้ยินเฉินปินขมวดคิ้วถามว่า “ห้องส่วนตัวเบอร์หนึ่งมีคนใหญ่คนโตมาอีกแล้วเหรอ? ครั้งนี้ใครล่ะ?”เฉินปินเดินตามชีเสวี่ยไป พลางถามอย่างสงสัยครั้งก่อนก็เป็นแขกในห้องเบอร์หนึ่งนี่แหละที่ถูกใจพวกเขาสองคน พวกเขาสองคนได้ทิปคนละหลายหมื่น เพียงสิบนาทีพวกเขาก็ได้เงินสิบแสนมาครอง ความฝันที่จะได้ซื้อเรือนหอก็ใกล้เข้ามาอีกหนึ่งก้าวแล้ว“เจียงไห่ตง!”ชีเสวี่ยกระซิบบอกเบาๆ“เชี่ย นี่มันโอกาสหายากชัดๆ ถ้าเธอปีนขึ้นเตียงเจียงไห่ตงได้ พวกเราก็สบายแล้ว”เฉินปินบอก พร้อมกับเปลี่ยนชุดพนักงานให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบตามชีเสวี่ยไปพร้อมกันถึงยังไงคู่หมั้นของเขาก็ถูกคนอื่นเล่นอยู่ทุกวันอยู่แล้
เฉินปินกระอักกระอ่วน กลับทำได้เพียงพยักหน้ารัวๆ “ได้ ฉันจะไปเร่งเดี๋ยวนี้”เอ่ยจบ เขาหันตัวเดินไปทางห้องครัวด้านหลังทันที ก่อนจะออกจากห้อง เขาเหลือบมองชีเสวี่ยด้วยสายตาแฝงความหมายแวบหนึ่งสีหน้าของเขาราวกับกำลังพูดว่า ไม่ว่ายังไงก็อย่าโดนไอ้ฉู่เฉินเผด็จศึกเด็ดขาดนะโดนแขกคนอื่นใช้บริการก็แล้วไป ถึงยังไงลูกค้าพวกนั้นก็มีแต่คนที่ไม่รู้จัก แถมยังไม่เกี่ยวข้องกับแวดวงสังคมของพวกเขาเลยสักนิด แต่ฉู่เฉินกลับไม่เหมือนกันถึงแม้หลังจากจบมัธยมต้นทุกคนจะไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขาดการติดต่อกันไปอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเมืองเจียงจงเล็กขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจมีเพื่อนสมัยเรียนคนไหนบังเอิญเจอฉู่เฉินเข้าก็ได้ถ้าหากฉู่เฉินป่าวประกาศต่อหน้าเพื่อนสมัยเรียนคนอื่น ว่าเผด็จศึกชีเสวี่ยในที่ทำงานของเธอ แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?เพียงแต่ชีเสวี่ยกลับไม่มีเวลาสนใจเฉินปินแม้แต่น้อย ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่ฉู่เฉินเท่านั้นมิหนำซ้ำยังดึงถุงน่องขึ้นไปเหนือเข่าแล้วด้วยซ้ำแม่งเอ๊ย!เฉินปินรู้สึกเจ็บปวดจนเหมือนแทบขาดใจผ่านไปไม่นาน อาหารทุกอย่างถูกนำมาเสิร์ฟในห้องส่วนตัว ฉู่เฉินจิบน้ำชา พลางหันไป
“ถ้าอร่อย คุณก็ดื่มเยอะๆ สิคะ จะได้ไม่กระหายอีก”ชีเสวี่ยโอบคอของฉู่เฉิน โน้มตัวเข้าหาฉู่เฉินอีกฉู่เฉินอาจกระหายมากจริงๆ เขาดูดน้ำส้มคั้นสดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปลดเข็มขัด แล้วอุ้มชีเสวี่ยขึ้นมานั่งบนตักเอี๊ยดอ๊าดๆ…ไม่นาน เสียงเก้าอี้สั่นสะเทือนก็ดังออกมาจากห้องส่วนตัวเฉินปินที่ยืนเฝ้าหน้าห้องอยู่ตลอดหน้าดำคร่ำเครียดทันทีไม่ต้องเปิดประตูเข้าไปดู เขาก็จินตนาการออกว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้างพนักงานที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเฉินปินได้ยินเสียงประหลาดที่ดังออกมาจากห้องส่วนตัว อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง“เชี่ย ลือกันว่ายัยชีเสวี่ยครางได้เร้าอารมณ์มาก เป็นเรื่องจริงซะด้วย”ประโยคนั้นทำให้สีหน้าของเฉินปินย่ำแย่ลงกว่าเดิมเพื่อชื่อเสียงของทั้งสองฝ่าย เขากับชีเสวี่ยไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ให้คนในที่ทำงานรู้แต่พอคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เขาก็เหมือนถูกตบบ้องหูเข้าเต็มๆ!สองชั่วโมงก่อน เขายังเยาะเย้ยฉู่เฉินอยู่เลย แต่ตอนนี้ ฉู่เฉินกลับกำลังเผด็จศึกคู่หมั้นของเขานี่สินะที่เขาเรียกว่ากรรมตามทันกระทั่งผ่านไปสิบนาทีกว่า เสียงเก้าอี้สะเทือนค่อยๆ เงียบลง เฉินปินถึงค่อยผ่
ในขณะที่เฉินปินกำลังยืนอึ้งค้างอยู่กับที่ ขณะที่เขายังไม่ทันตั้งสติได้ คำพูดถัดมาของฉู่เฉินก็ได้กระตุ้นไฟโทสะที่ถูกกดข่มไว้ในก้นบึ้งหัวใจของเฉินปินให้ระเบิดออกมา“เงินใส่ซองงานแต่งเดือนหน้าของพวกนายฉันขอไม่ใส่นะ ฉันยกลูกน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำให้เป็นของขวัญแทนแล้วกัน จะได้ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมกันมา”พูดจบประโยค ฉู่เฉินก็เพิ่มแรงกระแทกให้หนักกว่าเดิมเสียงตีกลองดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน แม้แต่พนักงานเสิร์ฟอาหารที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ยังได้ยินเต็มสองหู“ฉะ… ฉู่เฉิน ทำฉันให้ตายไปเลย ออกแรง… ออกแรงทำฉันอีก…”แต่ในตอนนี้ ชีเสวี่ยที่ตกอยู่ในสภาวะลืมตัวอย่างสิ้นเชิงกลับไม่ได้สังเกตเห็นสองคนนั้นที่ยืนอยู่หน้าห้องเลยแม้แต่น้อย เธออ้ากลีบปากเล็กๆ นั่นออก สายตาเลื่อนลอย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอ๊าก!เฉินปินเคียดแค้นจนน้ำตาแทบไหล เขากำหมัดแน่น ไฟโทสะลุกท่วมท้นจนถึงขีดสุดแต่เขาไม่กล้าลงไม้ลงมือกับฉู่เฉินในที่ทำงาน ถึงยังไงพนักงานรักษาความปลอดภัยในร้านนี้ก็ผ่านการฝึกฝนพิเศษมา บางคนเป็นถึงทหารที่เพิ่งปลดประจำการด้วยซ้ำถ้าเขากล้าพุ่งตัวเข้าไป ไม่เพียงจะไม่เกิดอะไร
แต่ตอนนี้ พอเห็นว่าฉู่เฉินไม่เพียงไม่ร้อนใจ แต่กลับยกยิ้มเต็มใบหน้า เฉินปินรู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะเสียสติอยู่ตรงนี้แล้ว!“ต่อสิ อย่าลังเล นี่อาจเป็นวันที่เปล่งประกายที่สุดในชีวิตของนายไปอีกยี่สิบปีเลยก็ได้นะ”ฉู่เฉินกอดอก ก่อนเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“นายหมายความว่าไงวะ?”เฉินปินรู้สึกว่าคำพูดของฉู่เฉินมีความหมายแฝงฉู่เฉินไม่ได้เข้ามาตะลุมบอนกับเขาเหมือนที่เดาไว้ ตรงกันข้ามมันกลับนั่งมองเขาเหมือนตัวตลกอยู่ตรงนั้น ซึ่งนั่นเหนือความคาดหมายของเฉินปินไปมากทีเดียวในการคาดเดาของเขา พอฉู่เฉินเห็นเขาทุบรถของมันอยู่ จะต้องพุ่งตัวเข้ามาจัดการเขา พอถึงตอนนั้นเฉินปินก็จะมีโอกาสชกต่อยกับมัน และเขาก็จะฉวยโอกาสนั้นชกมันให้สาแก่ใจอย่างมากก็ถือเป็นทะเลาะวิวาททั้งสองฝ่าย สุดท้ายไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็แค่โดนปรับเล็กน้อย และโดนขังแค่ไม่กี่วันแต่ฉู่เฉินกลับไม่ได้หงายไพ่ตามกติกา หนำซ้ำมันยังวางท่าเหมือนอยู่เหนือกว่าเขา นั่นทำให้เฉินปินเริ่มไม่มีความมั่นใจแล้ว“ก็ไม่ได้หมายความยังไง ทำลายทรัพย์สินของคนอื่น ถ้ามูลค่าความเสียหายสูงก็ต้องติดคุก รถฉันคันนี้ก็แค่เจ็ดล้านห้ากว่าๆ มากพอที่
“คุณเป็นใคร? ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานถือว่าผิดกฎหมาย รู้หรือเปล่า?”จ้าวเจวียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถามพร้อมกับเชิดโคมไฟดวงใหญ่สองดวงของเธอขึ้น“พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาจับเขา? ฉันจะบอกพวกเธอให้นะ ฉันเป็นทนายความป้ายทองของสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ยเชียวนะ ระวังฉันจะฟ้องพวกเธอให้สิ้นเนื้อประดาตัว!”หญิงอ้วนประกาศตัวอย่างมั่นอกมั่นใจฉู่เฉินยิ้มเย็น ก่อนยกมือขึ้นชี้ไปที่รถเบนซ์จีสปอร์ตที่ถูกทุบจนควันลอยโขมงอยู่ด้านหลังของเธอ “ก่อนจะพูดอะไร ดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนดีกว่านะ เขาทุบรถของผม ผมแจ้งตำรวจจับเขา ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลหรอกเหรอ?”หญิงอ้วนได้ยินอย่างนั้นจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า รถเบนซ์จีสปอร์ตที่อยู่ข้างเฉินปินแม้แต่ฝากระโปรงหน้าก็ปลิวไปแล้ว ส่วนประตูรถก็ร่วงอยู่บนพื้นในสภาพยับเยินไม่เหลือเค้าเดิม“ปินปิน เธอ… เธอทำอะไรลงไปจ๊ะเนี่ย”หญิงอ้วนตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา จึงกระซิบถามเฉินปินกัดฟัน ชี้หน้าฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ไอ้หมอนี่มันเอากับเมียของผมต่อหน้าผม! ผมทนไม่ไหวเลยพังรถมัน!”สิ้นประโยคนั้น สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ฉู่เฉินฉู่เฉินยักไหล่เหมือนตัวเองไร้ควา
เธอเดินไปหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “เจ้านาย ฉันยื่นใบลาออกแล้วนะ น่าจะเซ็นอนุมัติในวันสองวันนี้แหละ พอสะสางเรื่องทางนี้เสร็จ ฉันจะไปรายงานตัวที่บริษัทคุณ”พูดจบ เธอก็เม้มปากหอมแก้มฉู่เฉินหนึ่งทีภาพนั้นหญิงอ้วนก็เห็นเต็มตาด้วย ความโกรธพลันพลุ่งพล่านในใจพอเห็นเฉินปินถูกคุมตัวขึ้นรถตำรวจ หญิงอ้วนกัดฟันตะโกนออกไป “เดี๋ยวก่อน!”จ้าวเจวียนที่กำลังเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ได้ยินเสียงตะโกนก็หยุดชะงัก ขมวดคิ้วหันไปมองหญิงอ้วน“เขาก็ทำรถของประธานเย่แห่งสำนักงานกฎหมายของเราพัง ตามหลักที่พวกเธอพูดมา เขาก็ควรถูกจับด้วยเหมือนกัน!”คราวนี้หญิงอ้วนโมโหแล้วจริงๆ เธอชี้หน้าฉู่เฉินพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกโวยวายจ้าวเจวียนขมวดคิ้ว หันไปพูดกับโจวน่าว่า “เธอรออยู่ในรถก่อน ฉันจัดการเสร็จแล้วจะกลับมา”พูดจบก็ปิดประตูรถดังปัง จากนั้นก็จ้องพิจารณาหญิงอ้วนแล้วพูดว่า “รถประธานเย่ของคุณ? งั้นก็เรียกประธานเย่นั่นมาแจ้งความกับฉันสิ”จ้าวเจวียนไม่ใช่คนใจเย็น เธอแค่เห็นหน้าฉู่เฉินแล้วอารมณ์ดีเฉยๆแต่หญิงอ้วนคนนี้กลับไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย จ้าวเจวียนจะไม่ปล่อยเลยตามเลยอีก ถึงยังไงฉายาจ้าวเจวียนป
สาวสวยชุดแดงมองไปตามนิ้วของฉู่เฉิน ดวงหน้าเรียวสวยพลันแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มเต็มใบหน้า “พี่จ้าว! ทำไมเป็นพี่ได้ล่ะเนี่ย”สาวสวยชุดแดงรีบวิ่งเข้าไปดึงแขนของจ้าวเจวียน ราวกับพี่น้องที่สนิทกันมานานหลายปีจ้าวเจวียนเองก็มองสาวสวยชุดแดงอย่างงุนงงเช่นกัน “ทนายเย่ ที่แท้ก็คุณนี่เอง ไม่เจอกันหลายปี วางแผนจะกลับมาเติบโตในเมืองเจียงจงแล้วเหรอ”สาวสวยชุดแดงพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะถามอย่างแปลกใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”จ้าวเจวียนไม่มัวอ้ำอึ้ง เธอพูดประโยคเดียวกับฉู่เฉินซ้ำอีกรอบ จากนั้นก็บอกกับสาวสวยชุดแดงว่า “ฉันขอแนะนำให้รู้จักก่อนนะคะ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ ฉู่เฉินค่ะ”หมอเทวดา?สาวสวยชุดแดงหันไปมองฉู่เฉินอย่างตกตะลึง เขาอายุน้อยเกินไปจริงๆ“หมอเทวดาฉู่ คุณคนนี้ก็คือทนายเย่ เย่ชิ่นเหยียน”จ้าวเจวียนหันไปแนะนำให้ฉู่เฉินรู้จัก“สวัสดีครับ”ฉู่เฉินยื่นมือไปจับทักทายเย่ชิ่นเหยียนอย่างมีมารยาทมือเล็กๆ คู่นั้นสัมผัสเนียนนุ่มเย็นเยียบ ผิวเรียบลื่นละเอียดอ่อน นิ่มเหมือนไร้กระดูก ดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูบ้านรวย“หมอเทวดาฉู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทนายความบริษัทฉันไ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก