“ครับ เร็วหน่อยก็ดีนะครับ หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมของตัวก่อนนะครับ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ถานหลิงและเดินไปที่ประตูเมื่อเห็นฉู่เฉินจะออกไป จ้าวอีม่านก็รีบยื่นมือไปหาเขาแล้วพูดว่า “คุณฉู่ ช่วยดึงฉันลุกขึ้นหน่อยค่ะ ฉัน... ฉันลุกไม่ขึ้นค่ะ”ไม่ใช่ว่าเธอกำลังอ้อนฉู่เฉินอยู่แต่อย่างใด แต่เธอไม่สามารถยืนขึ้นเองได้จริงๆเธอยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยมาเกือบชั่วโมงครึ่งแล้ว ขาทั้งสองข้างของเธอยืนจนเป็นตะคริวฉู่เฉินหันศีรษะไปมองจ้าวอีม่านแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่สิ คุณเคยกินไส้กรอกต่างประเทศมาก่อน คุณบอบบางขนาดนี้เลยเหรอครับ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวอีม่านก็แก้มแดงขึ้นมาทันที เธอพูดอย่างแหนมอายว่า “ฉันไปเรียน ไม่ได้... ไม่ได้ไปกินไส้กรอกสักหน่อย”“เป็นความผิดของคุณที่ปล่อยให้ฉันยืนนานขนาดนั้น และ... แล้วก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะลุกไม่ได้ได้ยังไงล่ะคะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สมองของถานหลิงก็ไม่สามารถประมวลผลได้ทั้งหมดเมื่อกี้ฉู่เฉินทำอะไรในห้องผู้ป่วยกันแน่?นี่มันห้องผู้ป่วย หรือห้องนัดทำเรื่องอย่างว่ากันแน่?“โอเคครับ งั้นคุณอยากจะขอบคุณผมยังไงดี?”ฉู่เฉินเอื้อมมือไปคว้า
สามวันก่อนงั้นเหรอ?น่าจะเป็นตอนที่เธอกับฉู่เฉินอยู่ในห้องผู้ป่วยแล้ว...เมื่อคิดเช่นนี้ ดวงตาที่สวยงามของถานหลิงก็หรี่ลงเล็กน้อย และเธอจ้องมองฉินอวี่ซานด้วยความตกใจนังแพศยานี่ ทำเอาเธอตกหลุมพรางงั้นเหรอ?“หนูแค่ถูกเขาจูบสองสามครั้ง หากเทียบกับเรื่องเร่าร้อนของคุณป้าวันนั้น มันคงเทียบไม่ติดใช่ไหมคะ? ดังนั้นหนูคิดว่าเราลองมาหารือกันดีไหมคะ?”ริมฝีปากของฉินอวี่ซานยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันขณะที่เธอกล่าว“เธอ... เธอจะเอายังไง?”ถานหลิงกัดฟัน เธอทำอะไรกับนังแพศยานี่ไม่ได้จริงๆ“มันง่ายมากเลยค่ะ หนูแค่อยากแต่งงานกับตระกูลจาง ไม่มีเงื่อนไขอื่นใดเลยค่ะ หากคุณป้าทำให้หนูได้ เรื่องสุดเร้าใจของคุณป้าจะถูกปิดตายไว้ค่ะ”“แต่ถ้าความฝันของหนูพัง คุณป้าก็อย่างหวังว่าจะมีความสุข!”ใบหน้าที่สวยงามของฉินอวี่ซานก็มืดลง และเธอก็ลบความเสแสร้งทั้งหมดของเธอออกทันทีถานหลิงถอยหลังไปหลายก้าวติดต่อกัน เธอไม่ยอมเสียเปรียบหรอกนะแม้ว่าฉินอวี่ซานจะถูกไล่ออกจากตระกูลจาง แต่เธอยังเด็กและมีโอกาสที่จะแต่งงานใหม่แต่ในวัยของถานหลิง ลูกชายของเธอโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ผู้ชายที่ร่ำรวยคนไหนจะแต่งงานกับเธอ?
“วันนี้ฉันยินดีรับใช้นายอย่างเหมาะสม นายช่วยฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ ได้ไหม?”พูดจบ หลิ่วชิงเหอก็คว้ามือของฉู่เฉินและถูมันที่หน้าอกของเธอฉู่เฉินยิ้มเยาะ ผลักหลิ่วชิงเหอออกไป และดึงมือของเขาออก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเธออยากรับใช้ฉันจริงๆ ก็ได้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายสามที่สวนสาธารณะเป่ยลิ่ง และใส่ชุดเดิมมานะ”“แต่เธอต้องข้างในไม่ใส่อะไรนะ ฉันหมายถึงเปลือยกายทั้งตัว เข้าใจไหม?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วชิงเหอก็อดไม่ได้ที่จะตกใจสวนสาธารณะเป่ยลิ่ง?นั่นคือสถานที่รวมตัวเหล่าป้าๆ เต้นออกกำลังที่มีชื่อเสียงในเจียงจงเลยนะ ไม่เพียงแต่มีคนเต้นเท่านั้น แต่ยังมีคนปีนเขา ออกกำลังกาย และผู้คนทุกวัย ฝูงชนมากมายเลยนะฉู่เฉินนัดเธอไปสวนสาธารณะเป่ยลิ่งหมายถึงอะไร?และตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสาม ซึ่งเป็นเวลาที่สวนสาธารณะคึกคักที่สุด!“ฉู่เฉิน นะ... นายอยากจะทำลายชื่อเสียงของฉันหรือเปล่า!”หลิ่วชิงเหอโกรธจนจุกไปหมด“ฉันได้บอกเงื่อนไขของฉันไปแล้ว แล้วแต่เธอจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็แล้วแต่เธอ จำไว้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอ!”ฉู่เฉินยิ้มเยาะและผลักหลิ่วชิงเหอออกไปอย่างจัง แล้วก้าวเข้าไปในบ้านใหญ
“แคว่ก”กี่เพ้าตัวยาวสีแดงเพลิงบนตัวกุหลาบเพลิงถูกฉู่เฉินกระชากจนขาดตั้งแต่คอเสื้อลงมาผิวที่ขาวเนียนดุจหิมะ และเรียวขายาวสวยเผยสู่สายตาโดยไร้สิ่งบดบังกุหลาบเพลิงตะลึงงันเธอคิดว่าฉู่เฉินตั้งใจจะแนะนำให้เธอกับอินซู่ซู่รู้จักกันเสียอีกเธอยืนเก้อรอจับมือทักทายกับอินซู่ซู่ แต่นึกไม่ถึง พริบตาต่อมา สายลมเย็นๆ พัดผ่าน เรือนร่างของเธอเผยสู่สายตาภายใต้แสงอาทิตย์อินซู่ซู่แทบจะแข็งเป็นหินไปแล้วเมื่อมือใหญ่ๆ ของฉู่เฉินล้วงเข้าไปในสวนน้ำผึ้ง จากนั้นก็กระดกนิ้วเบาๆ แม้อินซู่ซู่จะไร้เดียงสาแค่ไหน แต่เธอก็รู้แล้วว่ากุหลาบเพลิงกับฉู่เฉินเป็นอะไรกัน“กรี๊ด”อินซู่ซู่กรีดร้องเสียงแหลม ยกมือขึ้นปิดใบหน้าเล็กๆ จากนั้นก็สะบัดหน้าวิ่งหนีออกไป“วิธีการแนะนำตัวของนายช่างไม่เหมือนใครจริงๆ”กุหลาบเพลิงหน้าแดง หันมาจ้องหน้าฉู่เฉินเขม็ง“ไม่เห็นมีอะไร ต่อไปทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ใช่สิ เมื่อกี้วิธีการฝึกพลังของเธอไม่ถูกต้อง มา ฉันจะสอนเธอ”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินจูงมือสองพี่น้องเดินเข้าไปในห้องด้านใน……กระทั่งเมื่อไฟยามพลบค่ำเริ่มสว่าง สองพี่น้องถึงซบลงบนหน้าอกของฉู่เฉินพร้อมกับหอบหายใจอย่างเ
เย่ชิ่นเหยียนยิ้มถามอย่างมีความหมายแฝงถึงยังไงฉู่เฉินก็ยังเด็กมาก แถมยังเก่งกาจขนาดนั้น ข้างกายจะไม่มีผู้หญิงเลยได้ยังไงกันตามหลักทั่วไปแล้ว เวลาอย่างนี้ผู้ชายทุกคนมักจะกำลังบ่มเพาะความรักอยู่กับแฟนสาว โทรศัพท์สายนี้อาจขัดจังหวะฉู่เฉินก็เป็นได้แต่ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นการหยั่งเชิงอย่างหนึ่งของเธอเหมือนกันถ้าหากฉู่เฉินมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างกายก่อนแล้ว พอได้ยินเสียงของเธอ อีกฝ่ายจะต้องจงใจแสดงความเป็นเจ้าของออกมาอย่างแน่นอน“เปล่าครับ ผมกำลังออกกำลังกายอยู่”ได้ยินเสียงที่เหมือนกำลังตบหลังดังมาจากปลายสาย เย่ชิ่นเหยียนอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “ออกกำลังกาย?”ไม่แปลกที่เย่ชิ่นเหยียนจะสงสัย ไม่ว่าใครถ้าได้ยินเสียงที่ชวนอายแบบนี้ ก็ยากที่จะไม่จินตนาการไปไกล“ผมกำลังฝึกเหวี่ยงหมัดอยู่น่ะครับ”พอฉู่เฉินพูดอย่างนี้ ต้วนหลิงเสวี่ยกับต้วนหลิงเวยหน้าแดงแปร๊ดทันที นี่เขากำลังเล่นมุกคำพ้องเสียงอยู่เหรอแต่ฉู่เฉินก็เหมือนหมัดเล็กๆ จริงๆ นั่นแหละ พอได้ใช้งานแล้วก็รู้สึกโล่งปลอดโปร่ง“คุณฉู่เรียนวิชาต่อสู้ด้วยเหรอคะ”เย่ชิ่นเหยียนที่อยู่ปลายสาย ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึงอย่างเห็น
เช้าวันต่อมา เย่ชิ่นเหยียนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีขาวพลิ้ว คอแหวกลึกเป็นรูปตัววี ลูกแพร์อวบอิ่มขาวเนียนสองลูกโผล่พ้นสายตาออกมาครึ่งหนึ่ง เห็นแล้วชวนให้จินตนาการไปไกลเธอเดินลากรองเท้าแตะสีขาวคู่หนึ่งออกจากบ้านตั้งแต่เช้าพอมาถึงหน้าบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ เป็นเวลาแปดโมงห้าสิบนาทีพอดี หลังจากส่งข้อความหาฉู่เฉินขณะที่นั่งอยู่ในรถเสร็จ เย่ชิ่นเหยียนเปิดประตูรถ ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปผู้ชายที่มาส่งดิลิเวอร์รีคนหนึ่ง เหลือบมองมาทางเย่ชิ่นเหยียนโดยบังเอิญเพียงแวบเดียว ผู้ชายคนนั้นถึงขั้นไม่อาจละสายตา ทำเอาเกือบพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเย่ชิ่นเหยียนเห็นแล้วก็หัวเราะเสียงเล็กแหลมอย่างอารมณ์ดีรอยยิ้มของเธอดูสวยสะดุดตา ทั้งสดใสเป็นประกายผ่านไปไม่นาน ฉู่เฉินอ้าปากหาวกว้างๆ สาวเท้าเดินออกจากประตูบ้านช่วยไม่ได้ เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอน ถึงจะเป็นฉู่เฉินก็ยังรู้สึกเหนื่อย“เป็นอะไรไป เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือ”เย่ชิ่นเหยียนเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นห่วง พลางถามฉู่เฉิน“พอไหวครับ ฝึกเหวี่ยงหมัดมาทั้งคืน เหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร”ฉู่เฉินหาว ก่อนตอบ“ขึ้นรถสิ บนรถฉันมีก
ดูจากอายุ ฉู่เฉินน่าจะอายุน้อยกว่าเย่ชิ่นเหยียนสี่ห้าปี นอกจากนี้ ด้วยนิสัยของเย่ชิ่นเหยียน เธอไม่มีทางคบเด็กผู้ชายแบบนี้เป็นเพื่อนแน่แขกพวกนั้นของเธอมีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้ชายอายุสามสิบสี่สิบปี บางคนถึงขนาดเป็นนักธุรกิจร่ำรวยวัยกลางคนด้วยซ้ำไม่ต้องถามก็รู้ เจ้าแซ่ฉู่คนนี้ต้องเป็นไอ้หนุ่มหน้าอ่อนที่เย่ชิ่นเหยียนเลี้ยงต้อยไว้แน่ๆพอนึกมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเชอฮุยยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมเขาเคยตามจีบเย่ชิ่นเหยียนอยู่สองปี นับรวมแล้วก็เสียเงินไปหลายล้าน แต่กลับไม่เคยได้จับแม้แต่มือของเธอ สุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมตัดใจแต่ไอ้หน้าอ่อนที่หน้าตาไม่ได้สะดุดตา ฐานะทางบ้านก็ดูจะสู้เขาไม่ได้อย่างฉู่เฉินกลับได้หญิงงามไปครอง เรื่องนี้แหละที่เขาไม่พอใจสุดๆ“เอาคันนี้ก็แล้วกัน เอาตัวท็อป”ฉู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบฉู่เฉินไม่ได้ติดใจเรื่องราคารถ ขอแค่รูปลักษณ์ภายนอกของรถต้องดูเรียบหรู ไม่ดูสะดุดตาเกินไป อีกเรื่องหนึ่งก็คือขับคล่องมือ ที่เหลือเขาล้วนไม่สนใจ“เอาตัวท็อป?”เชอฮุยได้ยินก็ขมวดคิ้ว หันไปมองเย่ชิ่นเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆชั่วขณะหนึ่ง ปลายจมูกของเย่ชิ่นเหยียนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบอกต
“เรื่องเป็นมายังไง?!”หยางเส้าหัวขมวดคิ้ว หันไปถามเชอฮุยที่อยู่ข้างๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเชอฮุยเขย่งเท้าชะโงกหน้าเข้าไปข้างหูของหยางเส้าหัว กระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่ง เขายังจงใจแต่งเติมประวัติความเป็นมาของฉู่เฉิน บอกว่าเขาเป็นลูกคนรวยที่มาจากชนบทพอได้ยินอย่างนั้น หยางเส้าหัวสีหน้าดำทะมึนในพริบตาเขาคบกับเย่ชิ่นเหยียนเกือบครึ่งปีก็จริง แต่เขาไม่เคยได้นอนกับเธอเลยสักครั้งเดียวแต่นังสารเลวนั่นกลับซื้อรถให้ไอ้บ้านนอกนั่น หนำซ้ำยังซื้อรถหรูราคาหลายสิบล้านให้ด้วย ดูก็รู้ว่าไอ้หมอนั่นต้องได้เธอแล้วแน่ๆว่ากันว่ารักแต่ไม่ได้มา เป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด ที่จริงประโยคนี้ไม่ได้ถูกทั้งหมดรักแต่ไม่ได้มา ซ้ำยังต้องทนมองคนอื่นได้มันไป นี่ต่างหากที่ทำให้คนเราเคียดแค้นยิ่งกว่า!โดยเฉพาะยิ่งกับหยางเส้าหัวแล้ว เขาคิดว่าในเมืองเจียงจงไม่มีใครเทียบเขาได้เรื่องการคั่วสาว แต่กลับถูกไอ้บ้านนอกนั่นทำพังหมด เรื่องนี้ทนไม่ได้เด็ดขาดนึกมาถึงตรงนี้ หยางเส้าหัวผลักเชอฮุยออก สาวเท้าเดินไปทางเย่ชิ่นเหยียนกับฉู่เฉิน“คุณชายหยาง… คุณชายหยางอย่าวู่วาม…”“ไสหัวไป!”หยางเส้าหัวตะคอกเสียงดัง ทำเอากลุ่มคนที่ก
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า