“มะ... แม่... แม่ตบหน้าหนูเพื่อฉู่เฉิน... งั้นเหรอครับ?”ดวงตาสวยของหลิ่วหรูเยียนน้ำตารื้น มองไปที่หลิ่วชิงเหอด้วยความไม่เชื่อสายตาตั้งแต่เล็กจนโต หลิ่วหรูเยียนก็เหมือนกับไข่มุกในมือที่ถูกทะนุถนอมของหลิ่วชิงเหออย่าพูดถึงเรื่องทุบตีเธอเลย แม้แต่ตะคอกใส่เธอสักครั้งยังไม่เคยแต่ตอนนี้หลิ่วชิงเหอกลับตบหน้าเธอเพื่อไอ้สวะฉู่เฉินงั้นเหรอ?“หรูเยียน...”เมื่อหลิ่วชิงเหอตบหน้าเสร็จแล้ว หลิ่วชิงเหอถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เธอรีบเข้าไปรั้งหลิ่วหรูเยียนไว้ พูดอธิบายขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แม่ไม่ได้ตั้งใจนะลูก แม่... แม่แค่อยากให้ลูกได้สติ”“ผู้ชายแบบราชันมังกรไม่ใช่คนที่พวกเราสองคนแม่ลูกจะพึ่งพาได้”“หรือว่าตอนนี้ลูกยังไม่เห็นอีกเหรอว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ไม่มีใครเคารพพวกเราสองคนแม่ลูกทั้งนั้น”“หากเรายังไม่รีบผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว สิ่งที่รอเราอยู่อาจจะไม่ใช่แค่ล้มละลาย พวกเราเผชิญวิกฤตที่ใหญ่ขนาดนี้ ใครที่ช่วยเราผ่านพ้นไปได้ ลูกมองไม่ออกจริงๆ งั้นเหรอ?”“แม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งยังเคยเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อนลูก แม่รู้ดีมากกว
“หน้าอกใครจะไปกองอยู่ตรงนั้นกันเล่า”เจียงอิ่งกระตุกยิ้ม พร้อมทั้งตีฉู่เฉิน รีบดึงขึ้นมา จัดตำแหน่งให้ถูกต้อง หลังจากนั้นก็ติดตะขอยื้อยุดไปสักพักหนึ่ง เจียงอิ่งถึงจะสามารถหยิบชุดเครื่องแบบสีขาวที่เปียกปอนมาสวมใส่ได้บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อของฉู่เฉิน แต่เธอไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมายหรอก ในเมื่อบนรถก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้ว“บนเสื้อมีแต่กลิ่นของผม หลูไคซานคงจะไม่ได้กลิ่นใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินขับรถไปด้วย หันหน้าไปพูดกับเจียงอิ่งที่นั่งข้างๆ คนขับ“ฮึ! เขาได้กลิ่นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะคะ? ในรถไม่มีเสื้อตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้วค่ะ อ้ออีกอย่าง”เจียงอิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เธอก็พูดกับฉู่เฉินอย่างกะทันหันว่า “ข้างหลังรถของคุณยังมีที่ว่างอยู่ พรุ่งนี้ฉันเอาเสื้อผ้ามาไว้ที่รถคุณสักสองตัว ต่อไปจะได้ไม่ต้องใส่ชุดเปียกๆ ไม่สบายตัวสุดๆ ไปเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ขยิบตา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมาว่า “อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ สมมุติโดนผู้หญิงคนอื่นจับได้เข้าจะเกินเรื่องใหญ่เอาน่ะครับ”“คุณหมายถึงฉีฉีเหรอคะ?”ในหัวของเจียงอิ่งฉายภาพของเซี่ยฉีฉีขึ้นมาฉู่เฉินตอบขึ้นมาอย่
สิ่งที่ไร้หนทางที่สุดในชีวิตของคนคนหนึ่งก็คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าโดนสวมเขาอยู่ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย อีกทั้งยังไม่กล้าทำอะไรกับเมียของตัวเองอีกตอนนี้หลูไคซานหมดหนทางจริงๆจะให้ไปหาเรื่องฉู่เฉินงั้นเหรอ?ตอนนี้ฉู่เฉินเป็นคนที่ตระกูลเฉียวไว้ใจแบบสุดๆ ไปเลยการกล้ายุ่งกับฉู่เฉินก็เหมือนกับไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเฉียว ต่อให้หลูไคซานกินดีเสือมา เขาก็ยังไม่กล้าถ้าจะให้ซักถามกับเจียงอิ่ง งั้นเขาก็จะเป็นไอ้โง่คนหนึ่งคาดว่าเจียงอิ่งมาทางฉู่เฉินแบบนี้แล้ว เธอคงอยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลหลู แล้วเข้าไปสู่อ้อมกอดของฉู่เฉินหากหลูไคซานถามเธอไปในตอนนี้ เขาจะจบลงด้วยสิ่งที่ไม่ได้อะไรเลย เหมือนกับการตักน้ำด้วยตะกร้าไม้ไผ่ตอนนี้เขารับรู้ได้แล้วล่ะว่าอะไรคือการอดกลั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห ตามหลังไปก้าวหนึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเปรียบ หลูไคซานหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แม้แต่เจียงอิ่งเวลาเดินยังต้องจับกำแพงเพื่อพยุงเลย หลูไคซานก็เกิดโทสะภายในใจนังแพศยาคนนี้!เขาต้องอดทนที่จะเข้าไปตบเจียงอิ่ง หลูไคซานสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รีบเดินเข้าไปประคองเจียงอิ่ง
“ข้าทำไม หรือว่าข้าถูกอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”ฉู่เฉินแสร้งทำเป็นนวดแขน กวักมือเรียกต้วนหลิงเวยให้เข้ามาในห้องลับเมื่อเห็นแผ่นหลังของฉู่เฉิน อวี้ลู่ก็โมโหจนกระทืบเท้า ทิ้งพู่กันในมือ เดินกลับห้องตัวเองด้วยความโกรธเคืองเธอไม่เคยเห็นใครที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน!ทั้งๆ ที่เธอช่วยฉู่เฉินไว้ครั้งใหญ่ อีกทั้งยังช่วยสาวรับใช้ของฉู่เฉินไว้อีกด้วยแล้วฉู่เฉินล่ะ?แม้แต่ประโยคขอบคุณสักคำยังไม่มีอีกทั้งยังผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เธอ นี่... นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดีหน้าประตูห้องลับ ต้วนหลิงเวยหันไปมองที่ห้องของอวี้ลู่ พูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “นายท่าน ท่านผู้อาวุโสเธอ...”“อย่าสนใจเธอ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีเขาไม่มีทางประเมินสำนักอวี้ซือต่ำอยู่แล้ว ที่พูดไปเมื่อกี้ก็เพื่อให้อวี้ลู่ไม่อวดดีอีกหลังจากอยู่ด้วยกันมาไม่กี่วันนี้ ฉู่เฉินสรุปหลักการได้หนึ่งอย่างผู้หญิงแบบอวี้ลู่ไม่ควรให้หน้าเธอในด้านที่เธอถนัดเด็ดขาดยิ่งเขายิ่งกดเธอให้ต่ำเท่าไหร่ เธอจะยิ่งอยากพิสูจน์ตัวเอง แบบนี้อวี้ลู่ถึงจะไปจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ในระยะเวลานี้ตอนนี้สถานกา
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าจำกัดสำนักอวี้ซือเลย!”อวี้ลู่หยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันที่ติดตรงมุมปาก เธอหายใจหอบหนักขณะที่แลบลิ้นน้อยๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเผ็ดร้อนมากแต่แบบนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งมือน้อยๆ ของเธอที่ไปหยิบบาร์บิคิวด้วยความรวดเร็วยิ่งเผ็ดยิ่งฟิน ยิ่งเผ็ดยิ่งอยากกินตอนนี้เธอตกอยู่ในกับดักของอร่อยที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหนีได้ และเธอก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เช่นกัน“พี่สบายใจเถอะครับ ผมไม่มีทางให้พี่เข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด พี่ทำแค่มองดูความครึกครื้นจากข้างหลังผมก็พอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยาง หรือสำนักอวี้ซือ ผมสามารถจัดการได้ครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะหืม?อวี้ลู่ได้ยินประโยคนี้ เธอก็อึ้งไปเลย อมลูกชิ้นปลาเอาไว้ในปาก กะพริบตา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของฉู่เฉินทันทีมีเธอระดับเทวะมากความสามารถแบบนี้คอยหนุนหลังฉู่เฉินไว้ ใครจะกล้าทำอะไรฉู่เฉินล่ะ?สำนักอวี้ซืองั้นเหรอ?หากพูดในสายตาของทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเต๋าระดับทารกวิญญาณก็ยังไม่มี เมื่อถึงตอนนั้นสำนักอวี้ซือคงจะอยู่ในน้ำมือของเขาคนที่สามารถกำราบสำนักอวี้ซือได้นั่นก็คืออวี้ลู่ แต่ฉู
“นายท่านใหญ่ ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ผมว่าไม่ใช่คนที่ตระกูลหยางของเราจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะฆ่าผู้อาวุโสต่ง เธอยังประกาศว่าจะจำกัดสำนักอวี้ซือให้สิ้นซาก”หยางเทียนหมิงสีหน้าไร้หนทางมองไปยังหยางติ่งเทียนเมื่อถึงคราวที่ต้องต่อสู้กันระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋า พวกเขาไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตระกูลหยางก็ไม่ได้ทำถูกต้องตั้งแต่แรกแล้วสมมุติฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามายังสำนักอวี้ซือ ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาแน่ๆ !หยางติ่งเทียนหรี่ตาลง สีหน้าดูวิตกกังวลเล็กน้อย “อย่าพึ่งกังวลไป ให้ฉันคิดก่อน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางติ่งเทียนเดินไปเดินมาในห้องโถง“นายท่านใหญ่ ตระกูลหยางของเราจะล่มสลายเพราะหยางเส้าหัวคนเดียวไม่ได้นะครับ!”หยางเทียนฉีที่ก่อนหน้าเอาแต่เรียกร้องให้ฉีกร่างฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้กลับยอมแพ้กลัวหัวหดในเมื่อหยางเทียนฉีเป็นแค่สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลหยางวันนี้แม้ว่าทายาทจะถูกสังหาร แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายกับตระกูลหยางในเมืองหลงเฉิงแต่ว่าหากไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุแล้ว ตระกูลหยางก็จะตกอยู่ในความอันตรายหยางเทียนเสียงลุกยืนพร้อมพูดขึ้นมาว่า “นายท่านใหญ่ ในฐานะล
ต้วนหลิงเวยสองพี่น้อง ก็ตามหลังของฉู่เฉินเดินออกไปที่ประตูใหญ่ด้วยกันในตอนที่ถึงหน้าประตูแล้ว ก็อึ้งเกือบทุกคนพวกเขาเห็นชายแก่หัวขาว พาหยางเทียนหลงและชายวัยกลางคนอีกคน และชายหนุ่มอีกยี่สิบกว่าคนคุกเข่าที่หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่แม้แต่ฉู่เฉินก็มองไปที่ชายแก่หัวขาวด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า ท่านกำลัง...”“ผมคือหยางติ่งเทียน ตั้งใจมาขอโทษและน้อมรับความผิดกับคุณฉู่ครับ!”ในระหว่างที่พูด หยางติ่งเทียนก็ใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือสะกิดหยางเทียนหลงที่อยู่ข้างๆหยางเทียนหลงก็รับคุกเข่าคลานไปข้างหน้าฉู่เฉิน “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณฉู่ได้โปรดเมตรและปล่อยตระกูลหยางของผมด้วยเถอะครับ”พูดจบหยางเทียนหลงก็หมอบลงไปที่พื้น พร้อมทั้งโขกหัวไปที่พื้นเสียงดังลั่นฉู่เฉินใช้สายตามองหยางเทียนหลงและหยางติ่งเทียนทั้งสองคน ผ่านไปสักพักถึงจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมเหรอครับ ส่งคนมาฆ่าผมแต่ไม่สำเร็จ แล้วยังจะอยากใช้ไม้อ่อนจัดการผมอีกเหรอครับ?”ประโยคนี้ออกไป หยางติ่งเทียนและคนอื่นๆ รีบส่ายมือ “ไม่กล้าหรอกครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ”“คุณฉู่ ก่อนหน้าน
โดยเฉพาะผิวของเธอที่นุ่มลื่นเหมือนผ้าซาติน แม้ว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสแค่ครู่หนึ่ง ก็ทำเอาฉู่เฉินใจสั่นไปหมด“หลีกไป!”อวี้ลู่ปัดมือของฉู่เฉินออก พร้อมทั้งถลึงตาใส่ฉู่เฉินเจ้าหมอเด็กนี่นับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นทุกวัน กล้าฉวยโอกาสกับเธอหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ของกิน ไม่อย่างนั้นเธอคงสั่งสอนฉู่เฉินไปแล้วล่ะ!หึ!อวี้ลู่ส่งเสียงพึมพำ อวี้ลู่นำมือทั้งสองข้างไพล่ไว้ที่หลัง เดินเข้าไปในห้องเมื่ออวี้ลู่เดินออกไปไกลแล้ว หยางติ่งเทียนจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาพูดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า “ตระกูลหยางของผมยินดีติดตามคุณฉู่ บุกน้ำลุยไฟไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ!”“หากผิดคำสาบาน พวกเรายินดีให้สายฟ้าผ่าลงมา ให้ลูกศรธนูปักเข้ามายังที่กลางใจของพวกเรา!”หลังจากที่คำพูดของหยางติ่งเทียนจบลง คนอื่นๆ ก็ทำตามฉู่เฉินวาดยันต์ยื่นสัตย์สาบานกลางอากาศ พร้อมทั้งชี้ไปทางคนของตระกูลหยางตู้ม!ทันใดนั้นก็เหมือนมีพลังงานลึกลับบางอย่าง ทะลุเข้ามาภายในร่างกายของคนตระกูลหยางแม้แต่หยางเทียนหมิงที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ ก็สามารถสัมผัสถึงร่างกายของเขาถูกพลังงานบางอย่างผูกมัดไว้ “คุณอยู่ตรงนี้ก่อน ส่วนคนอื่นอ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่