ฉู่เฉินแหงนหน้าหัวเราะ “ก็แค่มายากลอย่างหนึ่งเท่านั้น ศพกระตุกอะไรกัน”ขณะพูด ฉู่เฉินใช้นิ้วชี้ไปที่เสื่อผืนหนึ่งที่อยู่อีกด้าน เขาตะโกนเสียงเบา “ขึ้น”ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน เสื่อผืนนั้นกลับตั้งขึ้นเชี่ย!เสื่อมีชีวิตขึ้นมาแล้วเหรอ?!พอเห็นเหตุการณ์นั้น ดวงหน้าที่ซีดเผือดเพราะความตกใจของกู้รั่วเสวี่ยพลันมีสีเลือดขึ้นมาหลายส่วนฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ “ถ้าคุณเป็นนักสู้ คุณก็จะทำได้เหมือนกัน ก็แค่ปล่อยปราณแท้ออกมา แล้วประคองมันขึ้นมาเท่านั้นเอง”ได้ยินอย่างนั้น ผู้จัดการสวีกับพวกหัวหน้าเฉินต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหตุการณ์เมื่อกี้น่าตกใจมากจริงๆ แต่ก็ได้ผลมากด้วย ไม่ใช่แค่หญิงวัยกลางคนที่ก่อความวุ่นวายที่สงบเสงี่ยม แม้แต่นักข่าวพวกนั้นก็หนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทางพริบตาเดียว ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงบขึ้นไม่น้อย“ฉู่เฉิน งั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วสินะ”กู้รั่วเสวี่ยเดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ถามเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบาฉู่เฉินส่ายหน้า เมื่อกี้เป็นแค่มายากล แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ดินผืนนี้ไม่มีปัญหาอะไรไม่อย่างนั้น สมองและอวัยวะภายในของสวี่เอ้อร์โก่วค
มองดูท้องฟ้าเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว กู้รั่วเสวี่ยจึงเพิ่งนึกถึงเรื่องงานขึ้นมาได้ เธอหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ฟ้าก็มืดแล้ว ต้องเตรียมตัวอะไรหน่อยไหม”ถึงเธอจะไม่เคยเห็นการจับผีที่แท้จริง แต่ก็เคยดูหนังที่คล้ายๆ กันอยู่ในหนังต้องใช้เลือดไก่ตัวผู้ หรือกระบี่เหรียญทองแดงอะไรทำนองนั้นด้วยไม่ใช่เหรอ“ยังเร็วไปอยู่ ผ่านยามจื่อไป ถึงจะเผยเงื่อนงำออกมาให้เห็น พวกเรามาต่อกันเถอะ”พูดจบ ฉู่เฉินคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พร้อมกับโถมตัวเข้าใส่ร่างอรชรของกู้รั่วเสวี่ย……เมื่อเวลาล่วงเลยสู่กลางดึก ทั่วทั้งไซต์งานเงียบสงัดเหมือนเป่าสากฉู่เฉินใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว สาวเดินออกจากห้องพักในโรงงานแสงจันทร์นวลผ่องสาดกระทบลงมา ส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ มีเพียงทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ยังคงมืดมิดไปทั้งผืน ราวกับที่ตรงนั้นตัดขาดจากโลกภายนอกก็ไม่ปานฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายจะสาวเท้าเดินไปทางนั้น ทว่าทันใดนั้น!ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราวกับมีบางสิ่งกำลังมุดขึ้นมาจากพื้นดิน หน้าดินสั่นสะเทือนไม่หยุด ผ่านไปไม่นานพื้นดินตรงนั้นก็กลายเป็นเนินดินลูกหนึ่งจากนั้น ก็มีเสียงน้ำดังมาจากเนินดินกอง
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณของมัน และเมื่อมนุษย์บรรลุมหาธรรมวิถีก็จะกลายเป็นเซียนหากสายพันธุ์อื่นบรรลุมหาธรรมวิถีก็อาจจะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งขุนเขาหรือภูตพรายอย่างไรก็ตาม อสูรน้ำตนนี้ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่โดยไร้ที่มาที่ไปเป็นอันขาด จะต้องเกิดจากการที่มีใครบางคนเล่นตุกติกอย่างแน่นอนแต่หัวหน้าเฉินเข้าใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน เมื่อได้ยินฉู่เฉินบอกให้เขาขุดกองดินที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นโผล่ออกมา เขาก็ปัสสาวะราดตรงนั้นเลย“ปะ...ปรมาจารย์ฉู่ เจ้านี่ตายไปแล้ว ยังต้องขะ...ขุดอีกเหรอครับ?”ฉู่เฉินกลอกตาใส่หัวหน้าเฉินแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัวครับ อสูรน้ำตายไปแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรฝังอยู่ข้างใต้แล้วออกมาทำร้ายคนอีกละก็ ผมไม่สนใจแล้วนะ” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าเฉินก็รีบพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ! ผะ...ผมจะให้คนมาขุดกองดินนั่นพรุ่งนี้เช้า!”แม้ว่าในใจยังคงหวาดกลัวมาก แต่ฉู่เฉินพูดชัดเจนแล้วว่าหากไม่ขุดแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับฉู่เฉินแล้วหัวหน้าเฉินไม่อยากให้มีเรื่องแปลกประหลาดอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากที่ฉู่เฉินจากไปแล้ว คิดไปคิดมา ทำตามที่ฉู่เฉินบอกจะดีกว่า ทั้งคื
“จากที่คุณพูดเมื่อกี้ น่าจะเป็นตระกูลเหยียนร่วมมือกับตระกูลหลี่จงใจวางแผนนี้ขึ้นมา”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะถูกต้องแล้ว“งั้นตระกูลเหยียนก็มีเส้นสายกับวงการบำเพ็ญเพียรด้วยใช่ไหม?” ฉู่เฉินเอ่ยถามกู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าแรง ๆ แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ เหยียนหรูซง คุณชายรองตระกูลเหยียนได้ร่ำเรียนวิชาในสำนักบำเพ็ญเพียร เพียงแต่ว่าเขาออกจากตระกูลเหยียนไปเกือบยี่สิบปีแล้ว”“หรือว่าเป็นฝีมือของเหยียนหรูซง?” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามโดยที่ดวงหน้าเล็กเคร่งเครียด ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ตอนนี้ยังพูดยาก แต่หลี่โย่วถังย่าจะมีคำตอบ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อืม คุณปู่บอกว่าเรื่องของตระกูลหลี่ ให้พวกเราจัดการกันเอง ส่วนทางฝั่งตระกูลเหยียน เขาจะไปเจรจาเองค่ะ” “นอกจากนี้ ฉันบอกกับคุณปู่แล้วว่าพี่ตัดสินใจลงทุนโครงการนี้แทนตระกูลหลี่ คุณปู่ก็เห็นด้วยแล้วค่ะ” “แต่ว่าเงินที่ตระกูลหลี่ควรออกจะขาดไปไม่ได้แม้แต่แดงเดียว เรื่องที่ควรรับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบด้วย” กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวฉู่เฉินพยักหน้ากล่าวว่า “งั้นก็ดี พวกเราไป
“คุณชาย คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยัยเด็กกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นไปเชิญยอดคนมาจากไหนก็ไม่รู้ แค่ลงมือก็ทำให้นักข่าวพวกนั้นตกใจกลัวกันหมด ไม่ว่าพวกเราจะให้เงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่อยากรายงานข่าวเรื่องนี้อีกเลยครับ”“แถมยายแก่แซ่หลิวคนนั้นถึงขนาดไม่ยอมรับสายของเรา และไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหนแล้ว ต่อให้พวกเราอยากสร้างกระแสก็ไม่มีใครยอมช่วยเลยครับ” เลขารีบอธิบาย“โอ๊ะ? กู้รั่วเสวี่ยเชิญยอดคนมา? สืบประวัติคนคนนี้หรือยัง?” หลี่โย่วถังพูดพลางหรี่ตาขึ้นมา นี่เกี่ยวพันถึงธุรกิจขนาดใหญ่หลายพันล้าน จะเลินเล่อไม่ได้แม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นยอดคนแบบไหน หากกล้าขัดขวางหนทางหาเงินของตระกูลหลี่ก็ต้องตายสถานเดียว“สืบมาแล้วครับ ชื่อว่าฉู่เฉิน และเป็นคนที่มาจากเจียงจงด้วยครับ” เมื่อได้ยินคำว่าฉู่เฉิน ตู้เสี่ยวเยวี่ยอดตกตะลึงไม่ได้ ฉู่เฉิน ?! โลกช่างแคบเสียจริง เธอกำลังกลุ้มใจว่าไม่มีโอกาสให้ฉู่เฉินรักษาโรคให้เธออยู่เลย ผลคือใครจะคาดคิดได้ว่าฉู่เฉินจะมาที่เมืองหมอตูแล้ว นอกจากนี้เขายังบังเอิญล่วงเกินตระกูลหลี่ด้วย ไม่แน่ว่าพอถึงเวลานั้นเธออาจจะข่มขู่ฉู่เฉินได้ ขอเพียงเขารับปากว่าจะรักษาอาการม
ตู้เสี่ยวเยวี่ยตอบรับ แล้วเดินลงรถจากรถหรูไปพร้อมกับหลี่โย่วถัง.....ผ่านไปไม่นาน เมื่อลิฟต์จอดที่ชั้นบนสุด หลี่โย่วถังเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเหลืองซีดราวกับกระดาษ สวมชุดโซ่วอีสีดำสำหรับพิธีศพ รีบลุกขึ้นมาจากโซฟา “คุณชายหลี่ คุณกลับมาแล้ว” หลี่โย่วถังขมวดคิ้วมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “อาจารย์จื่อหยาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? คุณบอกว่าถ้าฝังอสูรน้ำรูปสลักหินลงไปก็จะทำให้ตระกูลกู้ปั่นป่วนจนอยู่ไม่เป็นสุขได้ไม่ใช่เหรอ?” “แต่ทำไมผมได้ยินมาว่าตระกูลกู้ไม่เพียงไม่เดือดร้อนวุ่นวาย แต่คุณยังทำให้กู้รั่วเสวี่ยหาปรมาจารย์อะไรมาจนโดนแว้งกัดแทน?”เมื่อได้ยินหลี่โย่วถังพูดแบบนี้ ดวงหน้าชราของอาจารย์จื่อหยางก็แดงสลับขาว “คุณชายหลี่ คุณฟังผมนะ อีกฝ่ายอาจจะเป็นยอดฝีมือ นอกจากนี้ค่ายกลปลุกศพของผมไม่มีทางที่จะไม่ก่อปัญหาให้ตระกูลกู้ จากที่ผมรู้มา มีคนตายในไซต์งานก่อสร้างแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ของอาจารย์จื่อหยางเหมือนตำหนิหลี่โย่วถังเป็นนัย ๆ ว่าจะการไม่ดีเองเกิดเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิตคนขนาดนี้ หลี่โย่วถังกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ให้ดีได้ จะโทษว่าเข
ตู้เสี่ยวเยวี่ยฝืนพยักหน้าพูดตามตรง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอกแต่เธอเป็นเพียงสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ในเจียงจง ไฉนเลยจะไปควบคุมคุณชายใหญ่หลี่โย่วถังจากตระกูลหลี่ที่แสนยิ่งใหญ่ได้? แม้ว่าในใจจะมีความไม่ยินยอมนับร้อย แต่เธอก็ได้แต่ทำตามความคิดของหลี่โย่วถังเท่านั้นเมื่อเห็นตู้เสี่ยวเยวี่ยไม่มีความคิดต่อต้าน อาจารย์จื่อหยางถึงค่อยหยิบตุ๊กตากระดาษสีแดงเล็ก ๆ ออกมาสองตัวแล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ พูดง่าย ๆ คือขอเพียงคุณคิดหาวิธีเอาตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายข้างของกู้รั่วเสวี่ยก็พอ” “พอถึงเวลานั้น ผมจะทำพิธีอยู่ข้างล่าง ไม่นานกู้รั่วเสวี่ยคนนั้นจะเปลื้องผ้าให้คุณชายหลี่เชยชมได้ตามใจชอบเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลี่โย่วถังก็เต้นเร็วขึ้นหลายเท่าอาจารย์จื่อหยางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ ด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคืออาจารย์จื่อหยางรู้ว่าในใจของเขาต้องการอะไร“ดี งั้นก็ลำบากอาจารย์จื่อหยางแล้ว” หลี่โย่วถังตาเป็นประกาย ถูมือสองข้าง ก่อนจะรับตุ๊กตากระดาษสีแดงตัวเล็กหนึ่งในนั้นจากในมือของอาจารย์จื่อหยาง“แต่ว่า คุณชายหลี่...จะกินคนเดียวไม่ได้นะครับ ให้ผมด้วยไ
“คุณก็อยู่รอคุณหนูกู้ที่นี่ละกัน”ฉู่เฉินหรี่ตา เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?” หลี่โย่วถังแค่นเสียงเบา ๆ กวาดตามองฉู่เฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณไม่ดูตัวเองเลยนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร คุณมีสิทธิพูดจาที่นี่ได้ด้วยเหรอ?!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่โย่วถังก็หันหน้าไปมองกู้รั่วเสวี่ยแล้วกล่าวว่า “คุณหนูกู้ เรื่องธุรกิจระหว่างพวกเราสองตระกูลไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามมาฟังใช่ไหม? “ถ้าเกิดคุณยืนกรานว่าจะพาคนนอกมาคุยกับผม งั้นก็ขอโทษด้วยครับ เชิญกลับไปเถอะ” หลี่โย่วถังกล่าวจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง เดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองนี่...กู้รั่วเสวี่ยเองก็ตัดสินใจไม่ได้อยู่ชั่วขณะอย่างไรก็ตาม ที่นี่มีระยะห่างจากห้องทำงานของหลี่โย่วถังแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดเช่นนี้ กู้รั่วเสวี่ยถึงค่อยพูดกับฉู่เฉินว่า “ฉู่เฉิน ถ้าอย่างนั้นพี่ก็รอฉันอยู่ตรงนี้สักพัก ฉันไปแล้วเดี๋ยวก็กลับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ แต่คุณต้องระวังคนแซ่หลี่คนนี้นะ ผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาไม่หวังดี”กู้รั่วเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “
ชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญเพียร ต่อให้เป็นคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็มีพลังฝึกปรือราว ๆ ระดับหลอมปราณชั้นแปดต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่สามารถสั่นคลอนทั้งเมือง เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเลย และตู้หรงเฉิงก็เป็นตัวตนที่อยู่จุดสูงสุดในกลุ่มพวกเขา ด่าตู้หรงเฉิงก็เท่ากับด่าพวกเขาทุกคน!สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาดูไม่ออกจริง ๆ ว่าฉู่เฉินมีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่น ราวกับว่าไม่มีแม้กระทั่งคลื่นพลังลมปราณเลยสักนิดดัยว คนธรรมดาคนหนึ่งถึงกับกล้าสบประมาทผู้บำเพ็ญเพียรเนี่ยนะ? “ไอ้หนู คุณบ้าดีเดือดมากเลยนะ”ตู้หรงเฉิงหรี่ตา ลมปราณระดับสร้างรากฐานชั้นหนึ่งรอบกายพลันระเบิดออกมา พรืด!หลิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ข้างฉู่เฉินเห็นแบบนั้นก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมาทันทีระดับสร้างฐานชั้นหนึ่งก็ไม่เลวจริง ๆ แต่นั่นต้องดูด้วยว่าเทียบกับใคร อย่าว่าแต่ฉู่เฉินเลย แค่เธอก็สามารถตบตู้หรงเฉิงให้ตายได้ในฝ่ามือเดียว! เพียงแต่ว่า ตอนที่ออกจากโลกแห่งการหยั่งรู้ ฉู่เฉินใช้ยันต์ซ่อนวิญญาณเก็บซ่อนลมปราณของพวกเธอสองคนไว้ ดังนั้นดูแล้วถึงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาต้องพูดว
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินซานก็อึ้งไปด้านหนึ่งคือหลินเยว่หรูกับลั่วหัวเอ๋อร์เข้าพักแล้ว อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลินเยว่หรูเชิญมาจะปล่อยให้ฉู่เฉินถูกเมินตรงนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?แต่ตู้หรงเฉิงคนนี้ หลินซานเองก็ล่วงเกินไม่ไหวเช่นกันต่อให้เป็นตระกูลหลินก็ต้องไว้หน้าตระกูลตู้เล็กน้อย ถึงอย่างไรคนหนุนหลังของตระกูลตู้ก็แข็งแกร่งไม่ธรรมดาพอเห็นหลินซานอึ้งอยู่กับที่ ตู้หรงเฉิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ว่ายังไง ลูกน้องตระกูลหลินอย่างคุณกล้าไม่ไว้หน้าผมด้วยเหรอ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมา กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็พากันมองไปทางหลินซานด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ในขณะเดียวกัน ชายร่างกำยำที่แต่งกายทะ มัดทะแมงไว้ผมเกรียนคนหนึ่งก็มองหลินซานอย่างพิจารณาด้วยสายตาเย็นชาหลังจากสิ้นเสียงของตู้หรงเฉิง“คุณชายตู้เข้าใจผิดแล้วครับ ผะ...ผมแค่...”ในตอนนี้เอง ชายร่างท้วมวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะเอ่ยตัดบทหลินซานว่า “ท่านทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”ตู้หรงเฉิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งเล็กน้อยว่า “คุณเป็นเจ้าของ
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้