จนกระทั่งเกาหมิงหลายเดินไปไกลแล้ว หลูติ้งไห่จึงหันมากล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณมั่นใจแค่ไหน?”ในเวลานี้เกาหมิงหลายถึงขั้นมีความคาดหวังในตัวฉู่เฉินสูงมาก เห็นได้ชัดว่าหลูติ้งไห่ได้เดิมพันทั้งหมดกับฉู่เฉินแล้วพูดได้ว่าฉู่เฉินคนเดียวสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนนับพันได้นาทีนี้อนาคตหลูติ้งไห่ได้ถูกผูกติดกับฉู่เฉินอย่างแน่นหนาแล้ว“ไม่มั่นใจครับ”ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจังมาก“มะ…ไม่มั่นใจ?”หลูติ้งไห่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้“ใช่ คืนนี้จะสำเร็จหรือพ่ายแพ้ก็ได้แต่ลองทุ่มสุดตัวดูครับ”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวเมื่อเห็นใบหน้าฉีกยิ้มของฉู่เฉิน หลูติ้งไห่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีจริงๆแต่นี่มันถึงชีวิตเชียวนะ ทำไมฉู่เฉินยังยิ้มออกมาได้?ที่จริงแล้วฉู่เฉินยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นผีดิบเหินฟ้าก็ตาม ขอแค่อวี้ลู่ลงมือให้ก็จะสามารถสะกดข่มได้ในชั่วพริบตาแต่ถ้าไม่ถึงสถานการณ์คับขันจริงๆ ฉู่เฉินจะไม่ใช่ไพ่ไม้ตายนี้เด็ดขาดอีกทั้งระหว่างฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ไม่ได้คบค้าสมาคมเชิงลึกอะไร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบอกเรื่องตัวตนของอวี้ลู่“คืนนี้ฉั
เซียวเฟิงและโจวอวี้หมิงหันหน้าไปมองก็เห็นหลูติ้งไห่กับฉู่เฉินกำลังลงจากรถฝั่งซ้ายและฝั่งขวามุ่งหน้ามาทางนี้“ทำไมหัวหน้าหลูยังไม่ไล่คนแซ่ฉู่นั้นไปอีกนะ”ดวงตาเซียวเฟิงฉายแววความเกลียดชังจ้องมองไปที่ฉู่เฉิน“เหอะ ทำให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นได้เห็นพลังของผมก็ดี อายุยังน้อยจะได้ไม่รู้จักเรียนที่ดี ๆ เอาแต่ทำเก่ง!”สองมือนักพรตชิงซงไพล่หลังมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนโจวอวี้หมิงถอนหายใจเบาๆพร้อมกล่าว “พวกคุณพูดให้น้อยหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวยังมีศึกหนัก ความสามัคคีต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก”กล่าวเสร็จก็เดินไปหาหลูติ้งไห่และฉู่เฉินเป็นคนแรกเซียวเฟิงและนักพรตชิงซงมองกันแล้วก็เดินตามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร“คนบางคนช่างไม่รู้ความจริงๆ ไม่มีความสามารถสักนิดยังแม่งมีหน้ามาร่วมแจมกับเขาด้วย ช่างไร้ยางอายจริงๆ”เซียวเฟิงเหลือบมองสำรวจท่าทีฉู่เฉิน กล่าวด่าแบบอ้อมๆฉู่เฉินหัวเราะเยาะหนึ่งครั้งและขี้เกียจที่จะสนใจเขาหลูติ้งไห่กล่าวเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ผู้บัญชาการเซียว ผมหวังว่าคุณจะพูดจาให้เกียรติสักหน่อย บาดหมางกันไม่เป็นผลดีกับทุกคนสักนิด”เซียวเฟิงได้ยินแล้วก็เอามือไพล่หลังถลึงตาใส่กล่
จะว่ายังไงก็ตามนักพรตชิงซงก็เป็นผู้บำเพ็ญพรตปราณชั้นห้า และมียันต์ในมือที่ไม่รู้ใครวาดออกมา ด้วยเหตุนี้การกระทำเมื่อกี้ค่อนข้างข่มขวัญคนได้จริงๆ เมื่อเห็นอานุภาพยันต์ศักดิ์สิทธิ์แค่เพียงใบเดียวของนักพรตชิงซงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกระเบิดแม้แต่น้อย โจวอวี้หมิงจึงกล่าวออกคำสั่งกับทีมที่ซุ่มโจมตีโดยไม่ลังเลใจอีก “ทีมแรกเตรียมตัว บุกเข้าไปในอีกห้านาทีนี้!”“ครับ!”เสียงแน่วแน่ดังขึ้นจากต้นทางของวิทยุสื่อสารจากนั้นทีมสามสิบกว่าคนต่างหยิบปืนและระเบิดมือออกมาแล้วเคลื่อนทีมไปทิศทางถ้ำอย่างเงียบ ๆนักพรตชิงซงแกว่งไม้ปัดนักพรตพร้อมก้าวเดินอาด ๆ ด้วยความรวดเร็วไปยังฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบหย่งติ้งอย่างน่าเกรงขาม“คุณฉู่…”เห็นเซียวเฟิงไม่ฟังคำของฉู่เฉินสักนิด หลูติ้งไห่จึงกระซิบข้างหูฉู่เฉินครู่หนึ่งฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าว “ถอยห่างร้อยเมตรใกล้เกินไป ถอยสักหนึ่งกิโลเมตร”“ได้ครับ!”หลูติ้งไห่ตอบรับแล้วก็ก้าวฉับๆ มาถึงหน้าโจวอวี้หมิงพร้อมกล่าว “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ตามความเห็นผม ในเมื่อมีนักพรตชิงซงออกคำสั่งด้วยตัวเองแล้วก็ไม่ต้องใช้ทหารมากมายขนาดนั้นสักนิด”“ไม่งั้นเอาอย่างนี้ ให้คน
โจวอวี้หมิงสั่งการอย่างเย็นชาในช่วงที่ทุกคนในทีมที่หนึ่งกำลังจะขว้างระเบิดมือครั้งที่สองนี้เองก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นทันควัน“โอ่ว!”เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้นจากในถ้ำถึงแม้เป็นเพียงการคำรามโกรธ แต่พื้นดินรอบๆ หลายลี้กลับสั่นสะเทือนไม่หยุดแม้แต่ผิวน้ำทะเลสาบหย่งติ้งก็เกิดระลอกคลื่นเช่นกันแข็งแกร่งมาก!ฉู่เฉินหันหน้าขวับไปมองทางถ้ำพร้อมตะโกนเสียงดังลั่นทันที “ผู้บัญชาการกองทัพโจว รีบสั่งทีมแรกถอยออกมา เร็วเข้า!”โจวอวี้หมิงสั่นฉุกคิดขึ้นได้ฉับพลัน รีบพูดกับวิทยุสื่อสาร “ทีมแรก ถอย!”เขาเพิ่งสั่งการลงไปก็เห็นแสงสีแดงราวกับปกคลุมพื้นโลกพุ่งออกมาจากถ้ำ“ฟิ้ว!”ทหารที่ยืนแถวหน้าสุดยังไม่ทันตั้งสติได้ก็โดนลำแสงสีแดงนี้ฉีกจนเป็นเสี่ยงๆ“ถูกโจมตี! ถูกโจมตี!”วินาทีต่อมาทีมที่หนึ่งไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็มีทหารสองนายกลายเป็นหมอกโลหิตฟุ้งกระจายท่ามกลางแสงสีแดงนั้นจากนั้นปากถ้ำก็มีเสียงปืนดังขึ้นทันที“ปังๆ ๆ ๆ!”ในขณะเดียวกันลูกกระสุนนับไม่ถ้วนถูกยิงไปในทิศทางเดียวอาศัยช่วงแสงอ่อนลง ทุกคนต่างมองเห็นเงาร่างใหญ่สูงสองเมตรรางๆ จ้องมองด้วยดวงตาสีแดงก่ำ บินตรงไปยังทหารคนอื่นๆ ที่เหลื
ตูมตามตูมตาม!ขณะที่เขวี้ยงยันต์ปราบผีหลายสิบใบไปยังร่างผีดิบเลือดคลั่งก็เกิดควันดำขึ้น แต่นอกจากผีดิบเลือดคลั่งถูกแรงสะเทือนถอยหลังสองก้าวแล้วแม้แต่ขนก็ยังไม่เป็นอะไรนักพรตชิงซงอดสูดลมหายใจเข้าไม่ได้ตอนอวดเก่งได้ใจแค่ไหน ถึงคราวหน้าแหกก็เจ็บเท่านั้นจริงๆเมื่อเห็นว่าใช้ยันต์ปราบผีร้อยใบในตัวจนหมดเกลี้ยงแล้ว ผีดิบเลือดคลั่งตรงหน้าก็ยังไม่ตาย ตรงกันข้ามเหมือนได้กินยาบำรุงเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น พลังเพิ่มขึ้นสุดต้านทานและกลิ่นอายรอบตัวก็ยิ่งดุร้ายยิ่งขึ้นนักพรตชิงซงยังไม่ทันตั้งสติ ผีดิบเลือดคลั่งก็คำรามอย่างโมโหกระโจนเข้าไปหานักพรตชิงซงทันที“แม่งเอ๊ย! ไร้พลัง...ช่วยด้วย!”เดิมทีนักพรตชิงซงกะจะลองกระบี่ไม้ท้อในมือเขาแต่ผลลัพธ์คือเมื่อโดนตัวผีดิบเลือดคลั่ง กระบี่ไม้ท้อเล่มนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆจนกลายเป็นขี้เลื่อย ระเบิดกลางอากาศเป็นลูกไฟนักพรตชิงซงเห็นฉากตรงหน้าแล้วก็ตัวเย็นแข็งทื่อไปเลย แม่งสะพรึงเกินไปแล้วท่ามกลางความเป็นความตาย ภาพลักษณ์เอ่ย หน้าตาเอย นักพรตชิงซงไม่สนอีกแล้ว โคจรปราณตันเถียนแล้ววิ่งใช้เท้าเหยียบไปบนผิวน้ำทะเลสาบหย่งติ้งถอนตัววิ่งหนีทันที“อ๊ากกก!”เขาวิ่ง
ขณะนี้เอง นักพรตชิงซงวิ่งหอบกลับมา กล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับหายใจหอบไปด้วย “วิ่ง รีบหนี! นี่…นี่คือผีดิบเลือดคลั่ง ไม่อยากตายก็รีบหนีซะ!”“แต่ถ้าพวกเราหนีไป พวกพ้องแก๊งมังกรสิบกว่าคนนั้นจะทำยังไง?”โจวอวี้หมิงตวาดด้วยใบหน้าหนักใจ“ไปสนพวกเขาจะเป็นจะตายอะไรอยู่ ถ้ายังไม่หนี ยังไม่หนีอีกพวกเราได้ตายกันหมดแน่!”“ใครให้พวกเขายิงผีดิบเลือดคลั่งล่ะ? ถ้าไม่เป็นเพราะพวกเขายิงผีดิบเลือดคลั่งจนคลั่ง ผม... ผมคงทำให้ปีศาจร้ายนั่นยอมศิโรราบไปแล้ว!”นักพรตชิงซงตะคอกกล่าวเสียงดัง“แก!”แม้แต่เซียวเฟิงถึงกับจ้องมองนักพรตชิงซงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อทั้งทั้งที่แกแม่งสั่งให้ยิงพวกพ้องของฉันทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตแกอยู่ข้างหน้า แกกลับวิ่งหนีซะได้?ทั้งยังโยนความผิดมาให้บรรดาพวกพ้องของฉันอีก?!ถ้าสถานการณ์ไม่เร่งรัดจริงๆ เซียวเฟิงคิดจะยิงไอ้สารเลวคนนี้ให้ตายไปซะ!ในระหว่างที่ทะเลาะกันอยู่นี่เอง เห็นเงาร่างหนึ่งพุ่งสวนทางตรงไปยังผีดิบเลือดคลั่ง!“แกไปทำอะไรวะ!”นักพรตชิงซงมองแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยสีหน้าโมโหจนเขียวปัดนี่มันแย่งบทเขาไม่ใช่เหรอ?เขาที่วิ่งหนีอย่างทุลักทุเลเหมือนหมาไม
“ผู้บัญชาการเซียว รีบมานี่เร็ว!”หลูติ้งไห่พูดกับวิทยุสื่อสารเสียงดังลั่นเซียวเฟิงหอบหายใจด้วยความหนักอึ้ง จัดการขว้างวิทยุสื่อสารทิ้งไปอีกทางพร้อมจดจ้องผีดิบเลือดคลั่งด้วยความเคียดแค้นคนของแก๊งมังกรสี่นายที่หนีรอดมาได้ก็ไปหยุดอยู่บริเวณใกล้กับเซียวเฟิงแล้วในเวลานี้ ทุกคนยกมือไรเฟิลขึ้นเล็งผีดิบเลือดคลั่ง“ยังไม่ถอยอีก!”ฉู่เฉินหันหน้ามาก็เห็นพวกเซียวเฟิงที่หมอบลงพื้นยกเล็งปืนไปทิศทางที่ผีดิบเลือดคลั่งอยู่พอดี เขาจึงรีบตะคอกเสียงดังยกใหญ่“ถ้าไม่ล้างแค้นให้พี่น้อง ฉันแม่งจะตายอยู่ตรงนี้นี่แหละ!”เซียวเฟิงกัดฟันกรอด ร่างกายเขาสั่นไม่หยุดฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆตอนนี้เขาไม่สนอะไรมากแล้ว หากชักช้าผีดิบเลือดคลั่งจะตามมาพัวพันเขาอีกครั้ง ถึงตอนนี้ก็คงไม่มีทางชนะได้แล้วฉู่เฉินคิดแล้วก็ควักกระจกแปดทิศออกมาจากอกทันที เคลื่อนพลังวิญญาณรอบกายไปสู่กระจกแปดทิศ“วิ้ง!”เงาของกระจกแปดทิศเปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างกะทันหันมันส่องสว่างท้องฟ้ายามค่ำรอบๆ ฉู่เฉินในทันทีเหมือนกับไฟฉายจากนั้นลำแสงสีขาวนั้นส่องไปยังร่างผีดิบเลือดคลั่งจนเกิดควันสีแดงขึ้นพร้อมกับเสียงดังซู่
ถ้าไม่ใช่เพราะกระจกแปดทิศในมือฉู่เฉินเอาชนะสิ่งชั่วร้ายได้ละก็ ฉู่เฉินอาจถึงขั้นตกสู่สถานการณ์เลวร้ายมากกว่าดีฉู่เฉินสูดลมหายใจลึกๆ แล้วรีบเก็บกระจกแปดทิศ เว้นระยะและเผชิญหน้าจ้องมองผีดิบเลือดคลั่งสักพักใหญ่เมื่อเห็นว่าผีดิบเลือดคลั่งยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ได้มีเจตนาลุกขึ้นจู่โจมใส่ฉู่เฉินสักนิด เขาจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจบัดซบ!อันตรายมาก!ฉู่เฉินหยิบยาบำรุงปราณกลืนเข้าไปพลางเดินโซเซบนผิวน้ำตรงยังไปทิศทางของผีดิบเลือดคลั่งด้วยระดับของฉู่เฉินตอนนี้ม้าสามารถสังหารผีดิบเลือดคลั่งที่เทียบเท่าระดับรากฐานขั้นเจ็ดได้เลยถ้าสามารถทำให้จำนนได้ก็จะเป็นการดีที่สุด และก็นับว่าได้ผลตอบแทนกลับมาโดยไม่คาดคิดแต่ฉู่เฉินยังคงระมัดระวังตัวมากด้วยการกุมกระจกแปดทิศไว้ในมือ เตรียมพร้อมตอบโต้ทุกเมื่อถ้าผีดิบเลือดคลั่งเกิดระเบิดขึ้นมาเห็นฉู่เฉินเดินไปหาผีดิบเลือดคลั่งทีละก้าว หลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงต่างกลั้นหายใจ“นี่คุณฉู่จะทำอะไร?”โจวอวี้หมิงกลืนน้ำลายลงคออย่างแรงพร้อมกล่าวด้วยความตึงเครียด“ไม่… ไม่รู้สิ ทำไมผีดิบเลือดคลั่งตัวนั้นถึงคุกเข่าไม่ขยับเลยล่ะ?”หลูติ้งไห่ก็อยากรู้เหมือนกันแล
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก