ต่อให้เป็นช่วงที่ตระกูลหลูรุ่งเรืองที่สุดก็ไม่อาจเทียบได้เลยตอนนี้คนเดียวที่ปกป้องเธอได้อาจจะมีแค่ฉู่เฉินเท่านั้น ถ้าเกิดตอนนี้แม้แต่ฉู่เฉินไม่อยากช่วยเธอละก็ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็ยากจะหนีรอดจากกรงเล็บมารแล้วจริง ๆแทนที่เธอจะถูกบีบบังคับให้ยอมพลีกายให้ชายแก่วัยห้าสิบกว่าอย่างหลัวจื้อหย่ง เธอยอมให้ฉู่เฉินเอาเปรียบดีกว่า พลีกายเหมือนกัน ใครจะไม่อยากหาคนที่หนุ่มแน่นล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยรับรู้ถึงอำนาจอิทธิพลของฉู่เฉินในเจียงจงด้วยตัวเองมาแล้ว โทรศัพท์แค่ไม่กี่สายก็สามารถกดตระกูลหลูจนโงหัวไม่ขึ้นได้ สำหรับเจียงถิงแล้ว การติดตามบุคคลเช่นนี้ก็เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่ง! อย่างน้อยต่อไป ผู้อำนวยการสถานีของพวกเธอย่อมไม่กล้าอ้างชื่อต่าง ๆ สั่งให้เธอไปเป็นเพื่อนดื่มกับชายแก่มากตัณหาเหล่านั้นแน่นอนฉู่เฉินค่อย ๆ หันตัวไปมองชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูท ผูกเนกไทเอียง ๆ ไว้ทรงผมหัวล้านกลางศีรษะ อายุราว ๆ ห้าสิบปีที่อยู่ด้านหลัง“พูดกับแกนั่นแหละ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ชายวัยกลางคนเอามือชี้ไปที่ฉู่เฉิน ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว สาวเท้าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วไวเวลานี้เอง คนอื่น ๆ ใน
ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หันหน้าไปมองหลัวจื้อหย่งแวบหนึ่ง ก่อนจะจูงเจียงถิงกลับไปยังห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่งโดยไม่หันหน้ากลับไปอีก เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินไปอย่างสง่าผ่าเผยของฉู่เฉิน หลัวจื้อหย่งก็โกรธจนอกกระเพื่อมแรง แต่ว่าก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง เขายังไม่กล้าไปหาเรื่องฉู่เฉินจริง ๆต้องรู้เอาไว้ว่า บอดี้การ์ดสองคนข้างกายเขานั้นเป็นยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นห้า แต่ถูกฉู่เฉินจัดการจนไม่รู้ว่าเป็นหรือตายแล้วคนธรรมดาอย่างเขาบุกเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย“คุณหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะครับ ผมจะส่งคนไปดูไอ้หมอนั่นเอง”ผู้อำนวยการสถานีจางกัดฟันกรอดพลางมองไปทางห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง“ไม่จำเป็น อีกไม่นานคนของฉันก็มาถึงแล้ว”หลวงจื้อหย่งกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม.....เมื่อกลับมาถึงห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งเห็นฉู่เฉินจูงสาวงามหยาดฟ้ามาดินอีกคนกลับเข้ามาในห้องก็ยิ่งยากจะปกปิดความอิจฉาบนใบหน้าถ้าหมอนี่จะโชคดี ขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่จริง ๆ!เพิ่งจัดการกับหลี่จิงจิงไป นี่ก็มีพิธีกรสาวสวยมาอีกคน ถ้าเกิดสุขภาพร่า
ไม่อย่างนั้นก็คงยืนหยัดในสถานที่แบบนั้นไม่ได้เลยโดยเฉพาะสาวงามหยาดฟ้ามาดินที่หุ่นดีหน้าตาสะสวยอย่างเจียงถิงยิ่งยากจะหนีพื้นเงื้อมมือมารไปได้“วางใจเถอะค่ะ ต่อไปติดตามคุณฉู่แล้ว ต่อให้จางหมิงมีความกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้ามอบคุณให้ใครอีก” เมื่อหลี่จิงจิงเอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงถิงก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมีอะไรกับฉู่เฉินด้วย “แหม ยังจะเขินอีก มีอะไรต้องเขินด้วย” หลี่จิงจิงเห็นดวงหน้าเล็กของเจียงถิงพลันแดงไปจนถึงลำคอ ทำท่าทางหลุบตาลง เกรงว่าคงจะเขินอายกับคำพูดเมื่อกี้ของตัวเองเธอเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้หญิงอย่างเราอยู่ในสังคมที่คนกินกันเองนี้ ถ้าอยากยืนหยัดได้อย่างมั่นคง อยากเดินไปได้ไกลก็ต้องพึ่งพาผู้ชายที่มีความสามารถสักคนสองคน”“คุณฉู่ทั้งเป็นหนุ่มหล่อทั้งร่ำรวยมาก มีอะไรไม่ดีกัน ถ้าฉันยังสาวกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามจีบเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หลี่จิงจิงพูดพลางยื่นมือเล็ก ๆ ข้ามเจียงถิงไปจับฉู่เฉินไว้แล้วยังออกแรงบีบสองทีหืม...ฉู่เฉินกำลังดื่มน้ำแกงไก่อยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนลวนลามตัวเอง แต่ยังไม่
สายตาสองคู่ประสานกัน ฉู่เฉินตะลึงงัน หยวนคุนก็ตะลึงงันเช่นกันพูดตามตรง ความประทับใจที่หยวนคุนมอบให้ฉู่เฉินถือว่าไม่เลวเลย นอกจากนี้เรื่องการบูรณะสะพานเจียง ฉู่เฉินก็นึกถึงคนคนนี้อยู่เหมือนกันเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอหน้ากันครั้งที่สองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งคิดไม่ถึงว่าหยวนคุนจะมีบารมีสูงส่งขนาดนี้ในเจียงจง ขนาดเมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งก็ยังบอกใบ้ชัดเจนว่าให้เขายอมแพ้หยวนคุนถึงอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เฉินกับเฉียวเทียนฉี่ นั่นก็หมายความว่าในความคิดของฟางอวี่เจิ้ง แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยวนคุนในบางด้าน สมาคมหงเหมินมีขุมอำนาจมากขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?“เป็นคุณ?” หยวนคุนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะสดใสว่า “ดูเหมือนว่าผมกับน้องชายจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ ด้วย”ฉู่เฉินก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะชี้ไปยังเก้าอี้ว่างข้าง ๆ แล้วพูดว่า “คุณหยวน เชิญนั่งครับ”"ขอบคุณครับ"หยวนคุนประสานหมัดคารวะฉู่เฉิน จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของพวกหลัวจื้อหย่งและจางหมิงเมื่อเขานั่งลงไปอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ทำเอาหลัวจื้อหย่งมีสีหน้าหลาก
หยวนคุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่งว่า “คุณฉู่โปรดวางใจ สมาคมหงเหมินไม่ใช่สถานที่ไร้กฎเกณฑ์”หยวนคุนพูดจบ สีหน้าพลันเย็นชาขึ้นมา ก่อนจะเบนศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดกับถังหลงที่อยู่ข้างหลังว่า “หลัวจื้อหย่งลวนลามสุภาพสตรี ลงโทษตามกฎสมาคม!”“ครับ!”ถังหลงตอบรับคำ ก่อนจะก้าวไปหาหลัวจื้อหย่ง“ไว้ชีวิตด้วยครับ คุณฉู่... ผมผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ช่วยพูดให้ผมด้วยเถอะ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมมันไม่ใช่คน... อ๊าก!”หลัวจื้อหย่งเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็เห็นถังหลงเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นมือไปจับแขนของหลัวจื้อหย่ง แล้วใช้เข่าข้างหนึ่งกระแทกเข้าที่ลำคอของหลัวจื้อหย่ง“กร๊อบ!” เสียงดังชัดเจน ถังหลงกระชากแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่งลงมาอย่างรุนแรงหลัวจื้อหย่งเจ็บจนร้องโหยหวน หมดสติไปทันทีถังหลงโยนแขนโชกเลือดให้ชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอามือชี้ไปที่หลัวจื้อหย่งแล้วพูดกับสองคนที่อยู่ข้างหลังว่า “พาตัวไป!” “ครับ!”พวกเขาหามหลัวจื้อหย่งที่บาดเจ็บจนลุกไม่ไหว แล้วเดินออกไปจากห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็วแม้แต่ฉู่เฉินที่เห็นฉากนี้ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ มองไปทางหยวนคุนด้วยความประหลาดใจอย่างมากหยวนคุนยิ้มเล
สัมผัสที่นุ่มลื่นทำให้ฉู่เฉินอดมองไปทางเจียงถิงด้วยความประหลาดใจไม่ได้ยัยนี่คงไม่ได้โดนอะไรกระตุ้นมาใช่ไหม?ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผเข้ามาในอ้อมกอดเองล่ะ“คุณฉู่ ฉันมีข้อสงสัยมาตลอด ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงช่วยตระกูลหลูคว้าโครงการบูรณะสะพานเจียงมาได้ล่ะ ฉันคิดว่าด้วยเส้นสายของคุณฉู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาใจตระกูลหลูเลยนะ?” เจียงถิงพูดพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งคร่อมตักของฉู่เฉินทันทีเส้นผมสีดำเต็มศีรษะของเธอปล่อยสยายลงมา กลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่นั้นพลันแตะบนริมฝีปากของฉู่เฉินราวกับแมลงปอสัมผัสน้ำ ก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วหน้าอกนุ่มนิ่มสองข้างแนบชิดหน้าอกของฉู่เฉิน“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบคลำเอวบางของเจียงถิงจำเป็นต้องพูดว่าถึงแม้เจียงถิงจะเป็นพี่สะใภ้ของเจียงอิ่ง แต่ความจริงแล้ว เธออายุน้อยกว่าเจียงอิ่งสองปีไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือว่าผิวพรรณล้วนดูแลรักษาได้ดีกว่าเจียงอิ่งนอกจากนี้ด้วยลักษณะงานของเจียงถิง ทำให้ตัวเธอมีความสง่างามเป็นเอกลักษณ์พิธีกร ตรงกันข้ามกับสไตล์ใสซื่อบริสุท
ปกติแล้ว ดูเย็นชาสูงส่งราวกับหงส์ขาวที่เย่อหยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนทำได้เพียงมองชมอยู่ไกล ๆ ไม่อาจล้อเล่นได้ แต่พอลงมือจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยวนหรือว่าควบคุมขอบเขต เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่เสนอเงื่อนไขนี้ เลือกได้พอเหมาะพอดีต่อให้ฉู่เฉินไม่อยากรับปากอะไรกับเธอ ก็คงไม่อาจพูดคำว่า NO กับเธอในช่วงเวลาครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้หรอกใช่ไหม?“ก็แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ที่ขึ้นเวทีไม่ได้เท่านั้น ประสบความสำเร็จอะไรไม่ได้ แต่ผมคิดว่าสถานีโทรทัศน์อาจจะไม่เหมาะกับคุณ”ฉู่เฉินผลักริมฝีปากของเจียงถิงออก แล้วดันหลังของเธอจนติดกับพวงมาลัยรถ แย่งชิงสิทธิ์ในการรุกกลับคืนมาก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้าย“จริงเหรอ?”เจียงถิงหอบอย่างไร้เรี่ยวแรงพลางเอ่ยถามด้วยความดีใจอย่างคาดไม่ถึงเห็นได้ชัดมากว่าฉู่เฉินตั้งใจจะให้เธอออกจากสถานีโทรทัศน์แล้วเริ่มต้นเส้นทางอื่นแต่ในใจของเจียงถิงกำลังเต้นระรัวอยู่จริง ๆ ถึงอย่างไรสาขาวิชาของเธอก็คือการกระจายเสียงแพร่ภาพ แทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาชีพอื่นเลยและด้วยสถานะเช่นนี้ของฉู่เฉิน ไม่มีทางเก็บซ่อนไว้ในห้องไม่ให้พบผู้คนได้เลยยิ่งไปกว่
เชี่ย!ฉู่เฉินที่เปิดกระจกรถสูบบุหรี่อยู่ริมป่าละเมาะ ได้ยินคำพูดนี้ของเจียงถิงชัดเจนยัยนี่ช่างเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือจริง ๆ การโกหกอาจจะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้แม้แต่เจียงอิ่งก็พูดโกหกได้ไม่ธรรมดาเช่นกัน แต่ว่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงอย่างเจียงถิงแล้ว ก็ยังห่างชั้นกันมากเกินไปคำโกหกที่ร้ายกาจที่สุดของผู้หญิงก็คือการแสร้งทำตัวน่าสงสารไปด้วย พูดโกหกกึ่งจริงกึ่งเท็จไปด้วยต่อหน้าผู้ชายต่อให้สักวันหนึ่งที่หลูไคหมิงกับจางหมิงเผชิญหน้ากันก็ไม่อาจเปิดโปงเจียงถิงได้เหมือนกันดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นเมื่อคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินก็หรี่ตา โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเจียงอิ่งเวลานี้ เจียงอิ่งกำลังนอนอยู่บนโซฟากับหลูไคซานกันสองคน หันหน้าเข้าหากันโดยที่เข่าชนกัน ความเงียบที่นี่ดังก้องยิ่งกว่ามีเสียงเสียอีก ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เจียงอิ่งกับหลูไคซานตกใจจนสะดุ้งโหยง“หลูไคซาน ฉันบอกคุณแล้วตั้งแต่วันที่สองของการแต่งงานว่าฉันไม่ได้เป็นภรรยาของคุณแล้ว”“ตอนนี้ คุณอย่าคิดแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้วอีก!”“ถ้าเกิดคุณอยากทำเรื่องแบบนั้นให้ได้ก
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก