สัมผัสที่นุ่มลื่นทำให้ฉู่เฉินอดมองไปทางเจียงถิงด้วยความประหลาดใจไม่ได้ยัยนี่คงไม่ได้โดนอะไรกระตุ้นมาใช่ไหม?ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผเข้ามาในอ้อมกอดเองล่ะ“คุณฉู่ ฉันมีข้อสงสัยมาตลอด ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงช่วยตระกูลหลูคว้าโครงการบูรณะสะพานเจียงมาได้ล่ะ ฉันคิดว่าด้วยเส้นสายของคุณฉู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาใจตระกูลหลูเลยนะ?” เจียงถิงพูดพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งคร่อมตักของฉู่เฉินทันทีเส้นผมสีดำเต็มศีรษะของเธอปล่อยสยายลงมา กลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่นั้นพลันแตะบนริมฝีปากของฉู่เฉินราวกับแมลงปอสัมผัสน้ำ ก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วหน้าอกนุ่มนิ่มสองข้างแนบชิดหน้าอกของฉู่เฉิน“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบคลำเอวบางของเจียงถิงจำเป็นต้องพูดว่าถึงแม้เจียงถิงจะเป็นพี่สะใภ้ของเจียงอิ่ง แต่ความจริงแล้ว เธออายุน้อยกว่าเจียงอิ่งสองปีไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือว่าผิวพรรณล้วนดูแลรักษาได้ดีกว่าเจียงอิ่งนอกจากนี้ด้วยลักษณะงานของเจียงถิง ทำให้ตัวเธอมีความสง่างามเป็นเอกลักษณ์พิธีกร ตรงกันข้ามกับสไตล์ใสซื่อบริสุท
ปกติแล้ว ดูเย็นชาสูงส่งราวกับหงส์ขาวที่เย่อหยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนทำได้เพียงมองชมอยู่ไกล ๆ ไม่อาจล้อเล่นได้ แต่พอลงมือจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยวนหรือว่าควบคุมขอบเขต เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่เสนอเงื่อนไขนี้ เลือกได้พอเหมาะพอดีต่อให้ฉู่เฉินไม่อยากรับปากอะไรกับเธอ ก็คงไม่อาจพูดคำว่า NO กับเธอในช่วงเวลาครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้หรอกใช่ไหม?“ก็แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ที่ขึ้นเวทีไม่ได้เท่านั้น ประสบความสำเร็จอะไรไม่ได้ แต่ผมคิดว่าสถานีโทรทัศน์อาจจะไม่เหมาะกับคุณ”ฉู่เฉินผลักริมฝีปากของเจียงถิงออก แล้วดันหลังของเธอจนติดกับพวงมาลัยรถ แย่งชิงสิทธิ์ในการรุกกลับคืนมาก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้าย“จริงเหรอ?”เจียงถิงหอบอย่างไร้เรี่ยวแรงพลางเอ่ยถามด้วยความดีใจอย่างคาดไม่ถึงเห็นได้ชัดมากว่าฉู่เฉินตั้งใจจะให้เธอออกจากสถานีโทรทัศน์แล้วเริ่มต้นเส้นทางอื่นแต่ในใจของเจียงถิงกำลังเต้นระรัวอยู่จริง ๆ ถึงอย่างไรสาขาวิชาของเธอก็คือการกระจายเสียงแพร่ภาพ แทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาชีพอื่นเลยและด้วยสถานะเช่นนี้ของฉู่เฉิน ไม่มีทางเก็บซ่อนไว้ในห้องไม่ให้พบผู้คนได้เลยยิ่งไปกว่
เชี่ย!ฉู่เฉินที่เปิดกระจกรถสูบบุหรี่อยู่ริมป่าละเมาะ ได้ยินคำพูดนี้ของเจียงถิงชัดเจนยัยนี่ช่างเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือจริง ๆ การโกหกอาจจะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้แม้แต่เจียงอิ่งก็พูดโกหกได้ไม่ธรรมดาเช่นกัน แต่ว่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงอย่างเจียงถิงแล้ว ก็ยังห่างชั้นกันมากเกินไปคำโกหกที่ร้ายกาจที่สุดของผู้หญิงก็คือการแสร้งทำตัวน่าสงสารไปด้วย พูดโกหกกึ่งจริงกึ่งเท็จไปด้วยต่อหน้าผู้ชายต่อให้สักวันหนึ่งที่หลูไคหมิงกับจางหมิงเผชิญหน้ากันก็ไม่อาจเปิดโปงเจียงถิงได้เหมือนกันดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้นเมื่อคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินก็หรี่ตา โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของเจียงอิ่งเวลานี้ เจียงอิ่งกำลังนอนอยู่บนโซฟากับหลูไคซานกันสองคน หันหน้าเข้าหากันโดยที่เข่าชนกัน ความเงียบที่นี่ดังก้องยิ่งกว่ามีเสียงเสียอีก ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เจียงอิ่งกับหลูไคซานตกใจจนสะดุ้งโหยง“หลูไคซาน ฉันบอกคุณแล้วตั้งแต่วันที่สองของการแต่งงานว่าฉันไม่ได้เป็นภรรยาของคุณแล้ว”“ตอนนี้ คุณอย่าคิดแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้วอีก!”“ถ้าเกิดคุณอยากทำเรื่องแบบนั้นให้ได้ก
เจียงอิ่งพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อสถานที่ตรงนี้ห่างจากคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลหลูไม่ถึงสามสิบเมตรถ้าเกิดไฟถนนสว่างขึ้นอีกหน่อย แม้แต่คนในรถหน้าตาแบบไหนก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเลยนะ!นี่มันไม่ต่างอะไรกับการเอากับเจียงถิงใต้หน้าต่างห้องของหลูไคหมิงเลยไม่ใช่เหรอ?“อ้อ เมื่อกี้เธอบอกว่ารู้สึกไม่สบาย ผมเลยช่วยเปิดเส้นลมปราณให้เธอ”ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง“แถมยังเปิดจนโล่งมากเลยใช่ไหม”ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งหน้าซีดเผือด กลอกตาใส่ฉู่เฉินอย่างรุนแรงคราวนี้กลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้วจริง ๆ“อืม จริงสิ เรื่องโครงการบูรณะสะพานเจียง ดูเหมือนว่าต่อให้คุณไม่อยากรับก็ไม่ได้แล้วละ ตอนนี้ตระกูลหลูถูกเฉียวเทียนฉี่เพ่งเล็งแล้ว จะต้องมีคนไปรับโครงการนี้ ผมไม่อยากให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไป ดังนั้น...”ฉู่เฉินพูดพลางยื่นมือไปโอบเจียงอิ่งเข้ามาในอ้อมแขน“ฮึ!”เจียงอิ่งแค่นเสียงอย่างงอน ๆ กำหมัดนุ่มนิ่มทุบแผงอกของฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณใกล้ชิดกับเจียงถิงแบบถึงเนื้อถึงตัวแล้ว ทำไมยังให้ฉันมารับงานอีกล่ะ?” “อีกอย่าง เส้นสายของเธอในวงการต่าง ๆ ของเจียงจงเหนือกว่าฉันเยอะมาก คุณให้เธอมารับงานจะดีกว
ฉู่เฉินและเจียงอิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องแล้วได้เห็นอาหารและเครื่องดื่มจัดวางเต็มโต๊ะไว้ก่อนแล้วหลูไคซานนี่คือจัดงานเลี้ยงเพื่อพูดคุยสัพเพเหระเหรอะ?“คุณฉู่ เชิญนั่งครับ”หลูไคซานลากเก้าอี้แล้วนั่งลงเองในขณะพูดฉู่เฉินไปนั่งตรงข้ามหลูไคซานอย่างเฉยเมย เจียงอิ่งทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มานั่งข้างฉู่เฉิน จงใจเว้นระยะห่างจากหลูไคซาน“คุณฉู่น่าจะแปลกใจมากสินะ?”หลูไคซานฝืนยิ้มกล่าวพร้อมเทเหล้าให้ฉู่เฉินฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าว “ที่จริงก็แปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ตามที่คาดไว้”ได้ยินแล้วหลูไคซานเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นัยน์ตาเผยความเย็นชาครู่เดียว และก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลูไคซานคำนวณสักพักแล้วจึงกล่าวตามที่ครุ่นคิด “คุณฉู่ ผมคิดอย่างละเอียดแล้ว เรื่องระหว่างคุณกับเจียงอิ่งนั้น ผมจะไม่คัดค้าน กลับกันจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย”“กระทั่งว่าถ้าคุณฉู่สะดวกมาพักที่บ้าน ผมก็ยอมรับได้”ซี้ดๆ!บัดซบ คำพูดของหลูไคซานทำเอาแม้แต่ฉู่เฉินยังต้องสูดลมเย็นเข้าปากนี่มันคำพูดโหดร้ายอะไร?“คุณฉู่ ผมมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ นั่นก็คือทำให้ผมกลับไปทำงานข้างกายผู้ว่าการเฉียวอีกครั้ง ส่วน
แต่ทันทีที่ข่าวการล่มสลายของตระกูลหลูแพร่กระจายไปทั่วเมืองเจียงจง อนาคตที่รอคอยตระกูลหลูอยู่นั้นอาจจะน่าอัปยศอดสูมากกว่าสิบเท่าพันเท่าเมื่อเทียบกับการสละภรรยาดังสุภาษิตที่ว่า จงแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย แม้ว่าจะมีผลเสียอยู่สองประการ แต่ต้องเลือกผลเสียที่น้อยกว่า“เขาก็ไม่น่าทำแบบนี้เลย”เจียงอิ่งกำหมัดกัดฟันกล่าว“งั้นเธอลองช่วยเขาคิดสิ ควรจะทำยังไง?”ขณะฉู่เฉินพูดอยู่ก็ยื่นมือไปลูบต้นขาเรียวสวยของเจียงอิ่ง“ไปซะ!”เจียงอิ่งกลอกตาใส่ฉู่เฉินพร้อมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ฉันไปข้างบ้านเรียกเจียงถิงมาให้คุณไหม?”แค่กๆ…ฉู่เฉินกระแอมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อผู้หญิงหึงหวงขึ้นมาความกล้าทวีคูณจริงๆ นี่เป็นลานใหญ่ของตระกูลหลูเชียวนะแม้ว่าหลูไคซานไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลูไคหมิงจะไม่ใส่ใจนะ เขาไม่ใช่พวกชอบเพศเดียวกันสักหน่อย“เวลาก็ผ่านไปสักพักใหญ่แล้ว หลูไคซานไปเดินเล่นที่ลานบ้านแล้ว พวกเราก็ต้องทำเวลากันหน่อย เผื่อคนอื่นๆ ในตระกูลหลูบุกเข้ามา นั่นจะเป็นการผิดต่อความตั้งใจดีของหลูไคซานได้นะ?”ฉู่เฉินกล่าวเสร็จก็อุ้มเจียงอิ่งขึ้นแล้วมุ่งไปยังห้องนอน“คุณ
อะไรนะ?!ถูกฉู่เฉินคาบไปกินแล้ว?!คำพูดสั้นๆของเจียงถิง ราวกับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อเนื่องสำหรับหลูไคหมิงจริงๆการโทรสามสี่สายของฉู่เฉินทำให้ตระกูลหลูพังทลาย ตอนนี้แม้แต่ภรรยาก็ถูกฉู่เฉินคาบไปกินแล้วแม่มันสิ!กลิ่นเหล้าของหลูไคหมิงโชยขึ้นรอบกายทันทีพร้อมกับความโมโหในทรวงอกที่เดือดปุดๆ เช่นกัน สายตาแดงก่ำด้วยความแค้นจ้องเจียงถิงพร้อมกล่าว “หญิงชั่ว กล้าทำให้ฉันเป็นคนโง่!”เมื่อเห็นว่าหลูไคหมิงเริ่มควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้แล้ว เจียงถิงก็เริ่มกลัวหน้าซีดไปเล็กน้อยจึงรีบกล่าวเสริม “นายคิดว่า ทำไมฉู่เฉินจะต้องช่วยตระกูลหลูของพวกนายเอาโปรเจกต์ฟื้นฟูสะพานเจียงล่ะ?”อะไรนะ?หลูไคหมิงได้ยินแล้วสมองก็สั่งให้ใจเย็นลงทันทีใช่แล้ว!ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าฉู่เฉินไม่ได้มีส่วนสำคัญในหลายๆ เรื่องของตระกูลหลู แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉู่ซื่อกรุ๊ปก็ทำให้เขาได้เข้าใจที่แท้ไม่ว่าการเลื่อนตำแหน่งเลขาธิการผู้ว่าการของไคซานหรือโครงการฟื้นฟูสะพานเจียง เบื้องหลังล้วนมีเงาของฉู่เฉินอยู่แต่ฉู่เฉินไม่มีเหตุผลที่จะช่วยตระกูลหลูโดยไร้เงื่อนไขนี่“ปล่อยฉันนะ!”เจียงถิงรีบผลักตัวหลูไคหมิงออกใ
น้ำเสียงของฉู่เฉินมีความเย็นชา ไม่มีอารมณ์อื่นใดแม้แต่น้อยหลูไคซานฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเขารู้ดีถึงความหมายในคำพูดนี้ เบื้องหลังฉู่เฉินยากหยั่งถึงยิ่งเสียกว่าเขาจะจินตนาการได้มากนัก!และถ้าวินาทีที่เขาได้กลับสู่จุดสูงจุดในชีวิตของเขาอีกครั้งก็ต้องเป็นสุนัขเชื่องติดตามข้างกายฉู่เฉินอย่างเชื่อฟัง สุนัขไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระได้อีกแล้ว“ผมเข้าใจ ผมยินยอมเป็นสุนัขของคุณ”หลูไคซานกัดฟันพูดเสียงทุ้มฉู่เฉินได้ยินแล้วเผยยิ้มบางเดินเข้ามาตบไหล่พร้อมกล่าวต่อหลูไคซาน “คุณรู้ความดีมาก เก่งกว่าพี่ชายของคุณเป็นไหน ๆ รีบพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”ฉู่เฉินพูดแล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลหลูทันทีหลูไคซานรอจนกระทั่งแผ่นหลังของฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้วจึงทิ้งก้นบุหรี่ในมือ จากนั้นก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว สายตาจดจ้องเจียงอิ่งที่อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงภายในห้องนอนอย่างไม่ละสายตา ภายในใจเขาก็รู้สึกซับซ้อนยากที่จะกล่าวได้……วันถัดมาทันทีที่ฉู่เฉินเพิ่งจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จในตอนเช้าตรู่ กู้รั่วเสวี่ยก็โทรเข้ามาฉู่เฉินกลืนซาลาเปาคำสุดท้ายลงคอแล้วก็รับสายทันที “ทำไมวันนี้
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่