ดูเหมือนว่าฉู่เฉินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ปัดป้องเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาไปพลาง ขณะเดียวกันก็พูดเหน็บแนมว่า “ลูกเล่นนี่ใช้ได้เลยนี่ แต่เสียดายที่วิชาแมวสามขานี้ยังไม่เข้าตาผม”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่หัวยิ้มอย่างภูมิใจและเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ไม่เข้าตาแก? มากสุดสามลมหายใจ ฉันจะทำให้เลือดของแกเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว!”ทันทีที่พูดจบ เย่หัวก็เร่งความเร็วในการโจมตีมากขึ้นในเสี้ยววินาที แม้แต่อากาศโดยรอบล้วนปกคลุมไปด้วยลมกระบี่ที่หนาวเหน็บฉู่เฉินรับมืออย่างเยือกเย็นไปพลาง ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาจุดอ่อนในท่าทางของเย่หัวความจริงแล้ว ตาข่ายกระบี่ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ไม่ได้ไร้ช่องโหว่ แต่คนทั่วไปยังไม่ทันจะสังเกตเห็นจุดอ่อนก็ถูกพลังอำนาจของเย่หัวทำให้ตกใจกลัวโชคดีที่ในมรดกของมังกรเฒ่ามีทักษะกายาที่เรียกว่าเจ็ดก้าวดารา แม้จะเป็นทักษะกายาที่ใช้หนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังเป็นวิชาระดับสวรรค์และถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นช่องโหว่ในกระบวนกระบี่ของเย่หัวและลอบคำนวณหาจังหวะทำลายการโจมตีในวินาทีต่อมา ฉู่เฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แทงกร
“เย่หัวเอามือกุมหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ถอยหลังไปหลายก้าวและใช้กระบี่ชิงหลงค้ำพื้นเอาไว้ จึงฝืนไม่ล้มลงไปได้แค่ก! ในวินาทีต่อมา เย่หัวและฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกแทบจะพร้อมกัน “นี่เป็นไปได้ยังไง?”เย่หัวเพียงรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดจนกระทั่งเขาไม่มีแรงพอที่จะยกกระบี่ขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญอิสระระดับสร้างรากฐานชั้นที่สี่ เหตุใดถึงสามารถทำร้ายเขาได้?!แค่ก!เย่หัวรู้สึกถึงเลือดลมแปรปรวน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก เมื่อกี้นี้เขารับกระบี่ของเย่ฮัวอย่างเต็มแรง แม้ภายนอกดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น แค่แรงสะท้อนก็ทำให้แขนทั้งสองข้างของฉู่เฉินชาไปหมดแล้ว และภายในจุดตันเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่านถ้าไม่ใช่เพราะเงามังกรในร่างกายที่ช่วยต้านการโจมตีไว้มากกว่าครึ่ง เกรงว่าตอนนี้ฉู่เฉินคงจะศีรษะขาดจากร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก วังเทียนเจี้ยนของพวกคุณก็แค่นี้แหละ มาอีกสิ!”ฉู่เฉินพยายามอดทนกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายและยิ้มกว้างออกมา ความจริงแล
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล
ติ๋ง!เลือดหยดหนึ่งหยดลงมาบนดวงหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ทำให้หลิ่วหรูเยียนเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเย่หัวยังคงอยู่ในท่วงท่าฟาดฟันกระบี่ เพียงแต่สายตาของเขาพร่าเลือน เลือดทะลักออกจากปากไม่หยุดตรงหน้าอกของเขาปรากฏตัวกระบี่ที่เปล่งแสงเย็นเยียบไปทั่ว และบนตัวกระบี่นั้นก็มีเลือดหยดลงมา“ฉู่เฉิน!”จนกระทั่งตอนนี้เอง หลิ่วหรูเยียนถึงมองเห็นชัดเจนว่า ในชั่วเวลาที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น ฉู่เฉินแทงกระบี่ทะลุหัวใจของเย่หัว ถึงช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้หลิ่วหรูเยียนที่ทั้งตกใจและดีใจวิ่งมาอยู่ข้างหลังฉู่เฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ก่อนจะจับแขนของฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “นะ...นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”ฉู่เฉินหันหน้าไปกลอกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเธอฆ่าเขาเร็วสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรนานแล้ว โชคดีที่ฉันทะลวงระดับได้ก่อน ไม่งั้นเธอกับฉันได้ตายกันหมดแล้ว”หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำกล่าวก็ยื่นปากเล็ก ๆ แล้วพูดว่า “แต่...แต่ว่าฉันไม่กล้าจริง ๆ นี่นา ขะ...เขาตายหรือยัง?” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางเดินไปข้างหน้า ก่อนจะเตะก้นของเย่หัวหนึ่งที ภายใต้สายตาจ้องมองด้วยความประหลาดใจของฉู่เฉินพรวด!ลูกเตะน
.....อีกทางด้านหนึ่ง หลิงเสวี่ยที่กำลังรับการคารวะเหล้าจากบรรดาคุณลุงผู้ทรงอิทธิพล สีหน้าพลันชะงักไปก่อนจะหันหน้ามองไปยังทางด่วนระหว่างมณฑลทันทีเห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้าส่องประกายพราวพร่างเต็มผืนฟ้า นัยน์ตางดงามของเธออดฉายแววเย็นเยียบไม่ได้ “ศิษย์น้องเย่หัว...”หลิงเฟิงเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน เย่หัวตายแล้วเหรอเนี่ย?ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าเกาเซิ่งอี้ได้ ก็ไม่มีทางฆ่าเย่หัวได้“ศิษย์พี่ ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้!”หลิงเสวี่ยสีหน้าเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง สูดลมหายใจลึกก่อนจะกล่าวว่า “รอให้งานเลี้ยงจบก่อน พวกเราค่อยไปด้วยกัน”“แต่ว่า...”หลิงเฟิงมองไปทางถนนหลวงด้วยสีหน้าร้อนใจ “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จะต้องมีคนอื่นลงมือสังหารศิษย์น้องเย่หัวแทนฉู่เฉินแน่นอน นายไปคนเดียวน่าจะรอดกลับมายาก” หลิงเสวี่ยกล่าวจบถึงค่อยหันตัวกลับมา ดวงหน้างามปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับบรรดาผู้ทรงอิทธิพลในงานว่า “ทุกท่าน ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียนติมาที่นี่ในวันนี้ แต่ว่าฉันมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการสักเล็กน้อย เลยไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนทุกท่านได้แล้ว”“ขอให้ทุกท่านสนุกกันให้เต็มที่ ขอตั
จนกระทั่งรถของพวกหลิงเสวี่ยจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อย ๆ เดินออกจากในพุ่มไม้ตรงหน้าประตู เขามองเจ้าทึ่มก่อน แล้วมองรถของพวกหลิงเสวี่ย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ตบไหล่เจ้าทึ่มแล้วพูดว่า “ยืนเฝ้าให้ดี ต่อไปยังมีรางวัลให้นายอีก”ฉู่เฉินคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าทึ่มจะมีฤทธิ์ข่มขวัญได้มากขนาดนี้อย่างไรก็ตาม ผีดิบเลือดคลั่งระดับสร้างรากฐานชั้นแปดก็น่าสะพรึงกลัวเกินพอแล้วจริง ๆถ้าเกิดไม่มีกระจกแปดทิศล่ะก็ ฉู่เฉินยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าทึ่มอย่างแน่นอนการต่อสู้กับสำนักอวี้ซือเมื่อหลายวันก่อน บวกกับมีเลือดและสารพลังงานของพวกเกาเซิ่งอี้และถังเทียนอวี่บำรุง แม้แต่ฉู่เฉินก็ไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้เจ้าทึ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติแล้ว บนตัวมันมีไอโลหิตเลือนรางหนึ่งชั้น แค่เห็นแวบเดียวก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนถอยหนีดูเหมือนว่าเจ้าทึ่มยังคงมีค่าให้เลี้ยงดูอย่างมาก ต่อให้อยู่เฝ้าประตูบ้าน ประสิทธิภาพก็ดีเป็นพิเศษ“ครับ” เจ้าทึ่มตอบรับด้วยเสียงแหบพร่าช่วงนี้สติปัญญาของเจ้าทึ่มจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สามารถทำการสนทนาง่าย ๆ ได้บ้างแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณอวี้ลู่ หลัง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
หลินเยว่หรูพูดจบก็รูดคีย์การ์ดห้องทันที ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทลั่วหัวเอ๋อร์อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของหลินเยว่หรูว่าต้องการโยนเคราะห์ให้คนอื่น ลั่วหัวเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง .....อีกทางด้านหนึ่ง เมื่อหลินซานมาถึงเจียงจง ฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยก็เดินออกมาจากทางออกของเมืองชิงหลงที่อยู่ในเจียงจงพอดี เมื่อเห็นฉู่เฉิน หลินซานก็รีบเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณฉู่ ผมได้รับคำสั่งจากคุณนายให้มารับคุณครับ” ฉู่เฉินมองหลินซานแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณนาย? คุณนายไหน?”“คุณนายของบ้านชื่อหลินเยว่หรูครับ!”หลินซานรีบแนะนำตัวเองฉู่เฉินถึงค่อยพยักหน้า แล้วจูงมือหลิงเสวี่ยเดินไปยังรถเอสยูวีที่จอดอยู่ทางด้านข้าง“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินจูงหลิงเสวี่ยมานั่งที่เบาะหลัง แล้วออกคำสั่งอย่างเฉยชา หลินซานสตาร์ตรถทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมในชานเมืองปินเฉิน หลายชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม“คุณฉู่ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับตระกูลลั่วมากที่สุด ดังนั้นเลยจัดเตรียมห้องเพ
เมื่อลั่วเทียนเต๋อเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ลั่วหัวเอ๋อร์ก็อดรู้สึกหนักอึ้งในใจไม่ได้!เธอเคยเจอเจ้าสำนักน้อยคนนั้นแค่ครั้งเดียว แต่ว่าต่อให้เห็นผ่าน ๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น เธอก็ดูออกได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ดูดีแค่ภายนอกตามมาตรฐานเลย ถ้าต้องแต่งกับผู้ชายแบบนั้นจริง ๆ ชีวิตนี้ของเธอมีหวังได้จบสิ้นแล้วไม่ใช่หรือไง?และถ้าครั้งนี้กัวเฟิงช่วยตระกูลลั่วให้ผ่านพ้นวิกฤติได้จริง ๆ เธออยากปฏิเสธการแต่งงานก็คงไม่ได้แล้ว“เจ้าสำนักน้อย? ไอ้กัวเฟิงนั่นมันตัวอะไรกัน! ลูกสาวฉันจะไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง!”หลินเยว่หรูกัดฟันกรอด ดึงลั่วหัวเอ๋อร์ให้มาอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเอามือชี้หน้าลั่วเทียนเต๋อแล้วพูดว่า “ไอ้คนแซ่ลั่ว คุณเป็นคนหาเรื่องเอง เลิกลากพวกเราแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องได้แล้ว” พอลั่วเทียนเต๋อได้ยินคำพูดนี้ โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ดี! คุณมันแพศยาไร้ยางอาย รีบไสหัวออกไปจากบ้านตระกูลลั่วเดี๋ยวนี้เลยนะ!”“ไม่ต้องพึ่งตระกูลหลินของพวกคุณ ฉันก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี!” อะไรนะ?หลินเยว่หรูถลึงตาใส่ลั่วเทียนเต๋อ กัดฟันกรอแล้วกล่าวว่า “คุณ
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่