ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
กระบี่แหลมคมออกจากฝัก ปราณกระบี่ราวกับสายรุ้ง!ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อแม้แต่เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะลงมือสังหารฉู่เฉินถึงแม้ว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงรองขุนพลของซ่งหนิงซวง แต่รองขุนพลของขุนพลใหญ่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?ลมปราณของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานชั้นสาม แผ่ออกมาผ่านคมกระบี่ ตรงไปที่จุดตายของฉู่เฉิน“คุณฉู่...”“น้องฉู่...”ปฏิกิริยาของพวกเฉียวเทียนฉี่กับฟางอวี่เจิ้งทำให้ซ่งหนิงซวงขมวดคิ้วขึ้นมาเธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉู่เฉินจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ในเจียงจง ทุกคนรวมไปถึงผู้ว่าการยืนอยู่ฝั่งฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัดเวลานี้เธอนึกเสียใจภายหลังนิดหน่อยแล้วถ้าเกิดเฉินเยว่เอ๋อร์สังหารฉู่เฉินในกระบี่เดียว เช่นนั้นไม่ใช่แค่โลหิตโอสถศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหมดไปเฉย ๆ เท่านั้น พวกเฉียวเทียนฉี่จะต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งแน่นอนถ้าเกิดรายงานไปถึงเมืองหลงจิงก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอถึงขนาดที่จะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติของเธอด้วยหลิ่วชิงเหอที่นั่งอยู่ทางด้านข้างก็ตกใจ
เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ วางถ้วยชาลง ฟึบ!จากนั้นก็เห็นน้ำชาในถ้วยชาก่อตัวเป็นน้ำวน ต่อมาหยดน้ำที่สาดกระเซ็นออกมาหนึ่งหยดพลันพุ่งไปหาเฉินเยว่เอ๋อร์ราวกับลูกกระสุนผัวะ!เฉินเยว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติกลับมา น้ำชาหยดนั้นก็กระแทกหมวกของเธอจนกระเด็นออกไปทันที หยดน้ำทะลวงหิน ใบไม้สังหารคนนี่คือสัญลักษณ์ของระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแม้แต่นัยน์ตางดงามของซ่งหนิงซวงก็แข็งทื่อไปในพริบตาฉู่เฉินเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นห้าเหรอเนี่ย?“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”ฉู่เฉินมองเฉินเยว่เอ๋อร์ที่ตกใจกลัวจนดวงหน้าสวยขาวซีดเล็กน้อย หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ราวกับสายฝนตอนนี้เธอไม่สงสัยคำพูดของฉู่เฉินแม้แต่น้อยแล้ว เมื่อกี้ขอเพียงเธอกล้าชักปืนออกมา ฉู่เฉินย่อมมีวิธีการมากกว่าร้อยแบบที่จะสังหารเธอให้ตายดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงหรี่ลงเล็กน้อย มองฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ฉู่เฉิน คุณทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ แต่คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่คุณต่อต้านด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นกองทัพของประเทศจีน”“ยาพวกนี้ ทางกองทัพ...”ไม่รอให้ซ่งหนิงซวงพูดจบ ฉู่เฉินก็แค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือเอ่ยตัดบทว่
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวก็พากันมองไปทางหน้าประตูจากนั้นก็เห็นเพียงถานเฟยนำเซียวเฟิงและสมาชิกแก๊งมังกรอีกแปดคนเดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผาย“ถานเฟย?”ซ่งหนิงซวงกำหมัด กัดฟันแน่นก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดกับฉู่เฉินว่า “นี่ก็คือที่พึ่งของคุณในการท้าทายฉันเหรอ?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ผมไม่เคยพึ่งพาใครทั้งนั้น ผมเป็นที่พึ่งของตัวผมเอง”บ้า!แม่งบ้าเกินไปแล้ว!ซ่งหนิงซวงรู้สึกแค่ว่าในหน้าอกเหมือนซ่อนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุเอาไว้ หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมติดต่อกัน“ขุนพลเทียนเฟิ่ง ผมหวังว่าคุณใจเย็นลงได้นะครับ”ถานเฟยก้าวมาข้างหน้า ขวางอยู่ระหว่างซ่งหนิงซวงกับฉู่เฉิน ก่อนจะมองซ่งหนิงซวงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุนพลทั้งแปด ผมหวังว่าคุณจะสำรวมตัวเองด้วยนะครับ”“ยาโลหิตวิญญาณคืออะไร คุณรู้ดีแก่ใจตัวเอง คุณฉู่ปฏิเสธคุณก็สมเหตุสมผลแล้ว” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็เหมือนกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายในดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงถึงแม้ถานเฟยจะไม่ได้พูดชัดเจน แต่คำพูดของเขายืนยันคำพูดของฉู่เฉินทางอ้อม นี่ไม่เท่ากับบอกว่าเธอเกิดอารมณ์ตัณหาจนควบคุมไม่ไหวแล
นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมแก๊งมังกรถึงได้โดดเดี่ยวไร้พันธมิตรมานานขนาดนี้ถ้าพูดให้ละเอียด ซ่งหนิงซวงก็เป็นคนของโลกแห่งการหยั่งรู้เช่นกันไม่ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในขุนพลใหญ่ทั้งแปด หรือว่าเป็นขุนพลเทพพิทักษ์ชาติก็เปลี่ยนแปลงภูมิหลังไม่ได้ว่าเธอเป็นศิษย์ของวังจื่อเซียวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งหนิงซวงพลันมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน คุณคงไม่ได้คิดจะบอกว่าคุณฉู่คนนี้ก็จะเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยหรอกใช่ไหม?” ถานเฟยหันตัวไปมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง เมื่อเห็นฝ่ายหลังพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถานเฟยถึงค่อยเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดตามตรง คุณฉู่เป็นคนแรกที่ให้แหล่งกบดานของสำนักว่านเซี๋ยกับแก๊งมังกรก่อนครับ” “ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้ย่อมต้องมีคุณฉู่อย่างแน่นอน ทำไมครับ? ท่านขุนพลมีความเห็นอะไรเหรอครับ?”ซ่งหนิงซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชา “ไม่มีความเห็นอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อกี้คุณฉู่คนนี้พูดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? ตัวเขาก็คือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้น่าจะไม่ต้องให้ฉันไปลงมือทำอะไรเกินความจำเป็นแล้วสินะ”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งงา
โฮ่วเจี้ยนอิงถลึงตาใส่เซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพวกเรากับแก๊งมังกร แม้แต่แก๊งมังกรก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณฉู่ คุณยังมีอะไรไม่ยอมอีก!”“จำไว้ว่านี่คือคำสั่ง ผมไม่ได้ขอความเห็นจากคุณ!”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็เอ่ยกับถานเฟยอีกครั้งว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ถ้าเกิดสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หรือว่าต้องการกำลังเสริม สามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ศูนย์บัญชาการกองทหารรักษาการณ์เจียงจงเตรียมพร้อมรบแล้ว สามารถไปเป็นกำลังเสริมที่ภูเขาเฮยเฟิงได้ตลอดเวลาครับ” ถานเฟยพยักหน้ากล่าวว่า “ขอบคุณผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วที่ให้ความร่วมมือครับ” พอกล่าวจบก็โบกมือให้แก๊งมังกรพลางพูดว่า “ขึ้นรถ” สมาชิกแก๊งมังกรที่ติดอาวุธพรั่งพร้อมหลายสิบคนพากันเข้าไปนั่งในรถตำรวจ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็กระโดดขึ้นรถทหารอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “ทั้งหมดออกเดินทางได้!”รถทหารหลายสิบคันและรถตำรวจสิบกว่าคันแล่นไปทางภูเขาเฮยเฟิงอย่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งขบวนรถจากไปแล้ว ถานเฟยถึงค่อยผายมือเชื้อเชิญฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณฉู่ พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไป
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก