เมื่อเสียงกรีดร้องโหยหวนของโจวว่านหลี่ดังก้องไปทั่วหุบเขา ศิษย์ทุกคนของสำนักว่านเซี๋ยล้วนหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยออกจากร่างแม้แต่เจ้าสำนักยังพ่ายแพ้ พวกเขามิต้องมีแต่ตายสถานเดียวเหรอ?ในชั่วพริบตา ศิษย์สำนักว่านเซี๋ยหลายร้อยคนต่างแตกกระเจิงหนีไปคนละทิศละทางทันทีทันใดนั้นเอง จุดแสงสีแดงนับไม่ถ้วนก็สาดส่องลงมาบนร่างของพวกเขาต่อจากนั้น!“ปังๆ ๆ!”เสียงปืนดังสนั่นขึ้นอย่างกะทันหันบนสันเขาฝั่งตรงข้าม เหล่าศิษย์สำนักว่านเซี๋ยที่เพิ่งก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกยิงจนทยอยล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นสำนักว่านเซี๋ยที่ตนเองสร้างขึ้นมากับมือถูกทำลายจนสิ้นซาก ใบหน้าของโจวว่านหลี่กลับมีเพียงรอยยิ้มขมขื่นในตอนนี้ ร่างของเขาถูกดอกบัวดำสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนตรึงแน่นอยู่กับพื้น เลือดและปราณแท้ในร่างกายของเขากำลังไหลออกไปอย่างบ้าคลั่งเพียงชั่วพริบตา ดอกบัวดำเหล่านั้นล้วนกลายเป็นดอกบัวสีแดงสดใส และยังเบ่งบานเป็นดอกไม้อันงดงามนับไม่ถ้วนอีกด้วย“สวรรค์...สวรรค์ไม่ช่วยฉันแล้ว”โจวว่านหลี่หอบหายใจหนัก พยายามยกเปลือกตาขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมองไปยังฉู่เฉินที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเด็กกำพร้า
ขณะเดินลงจากภูเขาไป ฉู่เฉินก็หยิบยาสร้างกล้ามเนื้อสองเม็ดออกมามอบให้กับเซียวเฟิงและถานเฟย พร้อมกล่าวว่า “บาดแผลของพวกคุณไม่หนักมาก โดยรวมพรุ่งนี้เช้าก็น่าจะหายดีแล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงก็หันไปมองเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ใบหน้าซีดเผือด แล้วรีบถามว่า “ฉู่เฉิน แล้วน้องสาวของฉันล่ะ?”“เธอ... เมื่อกี้เธอดูเหมือนจะโดนพิษ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็กระแอมเบาๆ หลายครั้ง และมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อนความจริงแล้วตลอดทางที่ผ่านมา เธอเปลี่ยนความคิดที่มีต่อฉู่เฉินไปอย่างสิ้นเชิงถ้ามองจากภายนอก ฉู่เฉินดูเหมือนจะอวดดี แต่ในความเป็นจริง นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าฉู่เฉินมีความมั่นใจมากพอถ้าไม่มีฉู่เฉิน ไม่ต้องพูดถึงการทำลายล้างสำนักว่านเซี๋ย เกรงว่าพวกเขาคงเข้าหุบเขาเฮยเฟิงไม่ได้ด้วยซ้ำ คงจะกลายเป็นศพอยู่ตามป่ารกร้างไปแล้วฉู่เฉินหันหลังกลับไปประสานสายตากับเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะส่ายศีรษะกล่าวว่า “เธอไม่ได้โดนพิษ แต่ถูกยาปลุกกำหนัดชนิดหนึ่งที่เรียกว่าผงร้อยบุปผาต่างหาก”“แค่ยาอย่างเดียวช่วยชีวิตไม่ได้หรอก เว้นแต่ว่า...”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็หยุดพูดทันที“เว้นแต่ว่าอ
ข่าวโจวว่านหลี่โดนสังหาร สำนักว่านเซี๋ยโดนล้างบางแพร่ไปทั่วทั้งโลกแห่งการหยั่งรู้ราวกับพายุหมุนภูเขาด้านหลังวังจื่อเซียว ภายในสระน้ำที่เกิดจากธรรมชาติแห่งหนึ่งมีสาวงามมากมายนับไม่ถ้วนกำลังหยอกเล่นกันอย่างสนุกสนานในสระน้ำสตรีทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงหลิงรั่วล้วนไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย เมื่อมองออกไปดุจดั่งฉากอันงดงามของวังวสันต์เวลานี้เอง ร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งกำลังเดินอ้อมผ่านสระน้ำ มุ่งตรงไปยังสระน้ำลึกแห่งหนึ่งบนยอดเขาเหลียนฮวาภายใต้การนำทางของศิษย์วังจื่อเซียวภายในสระน้ำลึก แสงส่องประกายระยิบระยับ กลีบกุหลาบมากมายลอยอยู่บนผิวน้ำ จื่อเยว่ยืดเรียวแขนงดงามเบา ๆ เอนกายพิงถ่านหินที่อยู่ทางด้านข้าง เพลิดเพลินกับความเย็นสบายเท้าเล็กขาวเนียนกำลังตีผิวน้ำเบา ๆ จนเกิดริ้วคลื่นเป็นระลอก “คุณชายเซียวเหยาอยากมาอาบด้วยกันเหรอ?” เสียงหวานเย้ายวนอย่างยิ่งของจื่อเยว่ดังแว่วมา ร่างสูงใหญ่ของชายผู้นั้นพลันหยุดอยู่ห่างจากสระน้ำลึกออกไปสิบเมตรแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขายังคงอดไม่ได้ที่จะทอดสายตามองไปยังไหล่ขาวเนียนงดงามของจื่อเยว่ จื่อเยว่เป็นเตาหลอมที่อาจารย์ของเขากำหนดด้วยตนเอง เขาไม่กล้
“ฮ่า ๆๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังท่านเจ้าสำนักจื่อเยว่ไม่ได้จริง ๆ ผมมาครั้งนี้ก็เพราะเรื่องของหนิงซวง หวังว่าเจ้าสำนักจื่อเยว่จะอนุญาตให้หนิงซวงเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของผม”เมื่อสิ้นเสียงคำพูดของชายชุดขาว แววตาก็ส่องประกายความหยาบโลม ปกปิดไอชั่วร้ายไม่ได้อีกต่อไป “ถ้าเกิดคุณฆ่าฉู่เฉินได้ เรื่องนี้ก็เอาตามที่คุณว่า” แววตาของจื่อเยว่เคร่งขรึมขึ้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา“ดี งั้นก็ขอบคุณเจ้าสำนักจื่อเยว่มากที่ทำให้สมหวัง ขอลาครับ”ชายชุดขาวกล่าวจบก็หันตัวเดินจากไป ไม่มีความเยิ่นเย้อเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งชายชุดขาวเดินจากไปไกล รั่วหลิงถึงค่อยคลุมชุดกระโปรงยาวแพรบาง เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ “ศิษย์พี่ หนิงซวงกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ แผนการของอาจารย์ยังไม่สำเร็จ นี่ก็จะยกหนิงซวงให้คุณชายเซียวเหยา มะ...ไม่เหมาะสมอยู่บ้างหรือเปล่าคะ?”รั่วหลิงมองไปทางเงาหลังของชายชุดขาว ความเคียดแค้นฉายขึ้นในดวงตา คุณชายเซียวเหยาคนนี้ ช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่าย่ำยีศิษย์หญิงของวังจื่อเซียวไปมากเท่าไหร่ศิษย์หญิงแทบทุกคนต่างก็โดนเขาสูบพลังจนเป็นซากแห้งเหี่ยวภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ไม่เพี
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? หมอเทวดาฮว่า คะ...คุณไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ เหรอ?”นัยน์ตางดงามของเซียวเสวี่ยอิ๋งมีน้ำตาคลอ เอ่ยถามด้วยความร้อนรน“ไม่ใช่แค่ผมช่วยไม่ได้ ต่อให้มองไปทั่วทั้งแดนมังกรก็ยากอยู่ดี!”ฮว่าจิ่วหยางพูดจบก็ลุกขึ้นมาพูดอย่างจนปัญญา “ขอโทษด้วยครับ ความสามารถของผมมีเพียงเท่านี้ ขอตัวก่อนนะครับ” ฮว่าจิ่วหยางกล่าวจบก็ส่ายหน้าติดต่อกันแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพาฮว่าเทียนอวี่ออกไปจากตระกูลเซียว“นะ...นี่จะทำยังไงดี?”เซียวถิงฮั่นร้อนใจจนเดินไปเดินมาในห้องโถง เซียวเสวี่ยอิ๋งเป็นหนึ่งในความหวังในอนาคตของตระกูลเซียว จะเบิกตามองเธอตายไปไม่ได้เด็ดขาด “เซียวเฟิง น้องสาวของแกโดนพิษมาได้ยังไงกันแน่ รีบบอกมาซะ!”เซียวจี้เซียนเห็นพ่อร้อนใจจนตาแดงก่ำ เขาก็ตำหนิด้วยเสียงเกรี้ยวกราด เซียวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา “พ่อ เรื่องนี้...เรื่องนี้โทษผมไม่ได้จริง ๆ นะครับ” เซียวเฟิงกล่าวพลางเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างละเอียด และเล่าสิ่งที่ฉู่เฉินพูดก่อนจะลงจากเขาอีกครั้งหลังจากฟังสิ่งที่เซียวเฟิงเล่าจบแล้ว ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็จมอยู่ในความเงียบงัน“ในความคิดของผม สามารถจัดงานแต่งงานให้เสว
ถึงขนาดที่อยู่ห่างจากระดับควบแก่นแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้นเป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และชี้ไปยังเจียงเยว่ตงที่อยู่ทางด้านข้างแล้วพูดว่า “กินหมอนี่ซะ”เจ้าทึ่มทำเช่นเดิมอีกครั้ง แค่ครึ่งชั่วโมงสั้น ๆ พวกตู้เทียนหัวก็เหลือแค่โครงกระดูกเท่านั้นแต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เฉินไม่เข้าใจมาก ๆ ก็คือลมปราณบนร่างของเจ้าทึ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อีกเลย ตรงกันข้าม ดวงตาที่เคยดูไม่ค่อยเฉลียวฉลาดคู่นั้นของเขาราวกับฉายรัศมีแห่งสติปัญญาขึ้นมาแวบหนึ่ง“ทำไมระดับพลังของนายถึงไม่เพิ่มขึ้นแล้วล่ะ?”ฉู่เฉินมองสำรวจเจ้าทึ่มด้วยสีหน้างุนงง “ผมรู้สึกว่าเหมือนมาถึงจุดคอขวดแล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก ฉู่เฉินก็ตกใจจนสะดุ้ง นะ...นี่เจ้าทึ่มพูดออกมาได้ด้วย? ซี้ด!วินาทีถัดมา ฉู่เฉินเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างเฉินไห่เสวียนเพิ่มพลังของเจ้าทึ่มจริง ๆ แต่ดูเหมือนตู้เทียนหัวกับเจียงเยว่ตงจะบำรุงสมองทว่าปัญหาสำคัญคือใจจริงของฉู่เฉินไม่ต้องการให้เจ้าทึ่มมีสมอง คงอยู่ในสภาพกึ่งโง่กึ่งฉลาดตลอดไปก็ดีมากอยู่แล้วนี่แม่งสิ้นเปลืองแล้วฉู่เฉินเดินวนอยู่ที่เดิมด้วยความกังวลใจ ขบคิดอย่างหน
ในตอนนี้เอง ต้วนหลิงเวยรีบวิ่งมาที่ภูเขาด้านหลัง ก่อนจะมาหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “นายท่าน เซียวจี้หงกับเซียวเฟิงมาขอพบค่ะ คุณคิดว่า...”ฉู่เฉินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”ไม่นานนัก ต้วนหลิงเวยก็พาเซียวจี้หงกับเซียวเฟิงสองอาหลานมาที่ภูเขาด้านหลังเมื่อเซียวจี้หงเห็นเจ้าทึ่มที่มีเลือดเปื้อนเต็มปาก รวมถึงโครงกระดูกเต็มพื้น เขาก็อึ้งไปก่อน แล้วรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่กล้ามองตรง ๆ“ฉู่เฉิน ขอร้องละ ช่วยน้องสาวของฉันด้วยเถอะ กะ...เกรงว่าเธอจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ”เซียวเฟิงก้าวมาข้างหน้า แล้วประสานมืออ้อนวอนฉู่เฉิน เซียวจี้หงก็รีบเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจว่า “คุณฉู่ ทั้งหมดเป็นเพราะเสวี่ยอิ๋งยังเยาว์วัยไม่รู้ความ ถึงได้ล่วงเกินคุณฉู่ ขอให้คุณใจกว้าง อย่าลดตัวไปทะเลาะกับเธอเลยครับ”เซียวจี้หงกล่าวจบก็โค้งคำนับให้ฉู่เฉินสามครั้งต่อหน้าทุกคนฉู่เฉินส่ายหน้าติดต่อกันแล้วเอ่ยว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมช่วยเรื่องนี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ เชิญพวกคุณกลับไปเถอะครับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวเฟิงกับเซียวจี้หงก็ร้อนใจทันที คุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบกัน
ฉู่เฉินกล่าวจบก็ปล่อยให้เซียงเฟิงกับเซียวจี้หงอึ้งอยู่ที่เดิม แล้วพาเจ้าทึ่มเดินไปทางประตูหน้าเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ยอมช่วยเหลือ เซียวจี้หงก็เอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังว่า “เสี่ยวเฟิง จะทำยังไงดี คุณฉู่เขา...”เซียวเฟิงสูดลมหายใจลึกแล้วพูดว่า “ขอร้องคนอื่น”พูดจบก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรศัพท์ไปหาถานเฟยกับโฮ่วเจี้ยนอิงในสายโทรศัพท์ เซียวเฟิงเล่าสั้น ๆ ถึงความร้ายแรง พอโฮ่วเจี้ยนอิงกับถานเฟยฟังจบก็รีบมาที่วิลล่าเฟิ่งหมิงทันทีเมื่อได้ยินว่าเซียวเฟิงเชิญถานเฟยกับโฮ่วเจี้ยนอิงมา ฉู่เฉินก็รู้สึกจนใจอยู่พักใหญ่ ได้แต่เชิญทั้งสี่คนเข้าไปในห้องรับแขกหลังจากนั่งลงแล้ว ถานเฟยก็เอ่ยปากพูดก่อน “คุณฉู่ คุณเองก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วทุ่มเทไปไม่น้อยเพื่อที่จะอบรมฝึกฝนเซียวเสวี่ยอิ๋ง เดิมทีอยากให้เธอได้ฝึกฝนประสบการณ์ แต่ไม่คิดว่า...”พูดถึงตรงนี้ ถานเฟยก็ทอดสายตาไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงฝ่ายหลังรีบลุกขึ้นมากล่าวว่า “คุณฉู่ ตลอดมาผมโฮ่วเจี้ยนอิงไม่เคยขอร้องใครมาก่อน แต่ครั้งนี้ผมขอร้องคุณฉู่จากใจจริง ช่วยชีวิตเสวี่ยอิ๋งด้วยเถอะครับ”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็โค้งคำนับฉู่เฉินติดกัน
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า