“เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาอวดดีเกินไป ถ้าเขามีเวลาเติบโตอีกสักหน่อย แม้จะทะลวงผ่านระดับควบแก่นแท้ไปแล้ว มองไปทั่วทั้งสำนักชิงอวิ๋น เขาจะไม่มีคู่ต่อสู้อีกต่อไป!”ชายชราผมขาวประเมินอย่างตรงไปตรงมาและเที่ยงธรรมชายชราในชุดคลุมสีดำที่นั่งอยู่ที่นั่งสุดท้าย ในขณะนี้ก็ลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาที่เย็นชาจับจ้องไปยังฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกเก่งมากจริงๆ แต่เกมของวันนี้จบลงแค่นี้แหละ!”ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายชราในชุดคลุมสีดำผู้นี้ไม่เคยกล่าวอะไรเลย เอาแต่เก็บงำพลังมาโดยตลอดแม้ว่าเขาจะอยู่ในอันดับสุดท้ายในบรรดาเจ็ดผู้อาวุโส แต่ในเจ็ดคนกลับเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!นอกจากธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นแล้ว ผู้อาวุโสเจ็ดคือผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ของสำนักชิงอวิ๋น!“แค่กๆ… งั้นเหรอ? งั้นผมก็อยากลองว่าค่ายกลกระบี่ชิงอวิ๋นของพวกคุณจะมีอานุภาพมากแค่ไหน!”ฉู่เฉินกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ไปพลาง ขณะเดียวกันก็หยิบยาสร้างกล้ามเนื้อใส่เข้าไปในปากหนึ่งเม็ดขณะที่ฤทธิ์ของยาลูกกลอนแพร่กระจายไปทั่วร่างของฉู่เฉิน อาการบาดเจ็บทั่วร่างก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ!เพียงแต่ในขณะที่ทุกคนค
สิ้นเสียงผู้อาวุโสสาม กระบี่ยักษ์อีกเล่มก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน!ในขณะนี้ ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า!เพราะกระบี่ยักษ์เล่มที่สาม แสงสีครามเรืองรองออกมาจากตัวกระบี่ ให้กลิ่นอายหนักอึ้งราวกับความตาย!“กระบี่ยักษ์ทั้งสามเล่มนี้ ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะสอดคล้องกับตรีปฏิภาณสวรรค์ โลกและมนุษย์!”หลินเจี้ยนเฟิงหรี่ตาลง แววตาเผยให้เห็นถึงความหวาดหวั่นถ้าไม่ใช่เพราะของเขตพลังของผู้อาวุโสทั้งเจ็ด พลังของค่ายกลกระบี่ชิงอวิ๋นคงไม่จำกัดอยู่แค่เท่านี้!แม้แต่เขายังสามารถรู้สึกได้ ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองไม่สามารถแสดงพลังของค่ายกลกระบี่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบส่วน ไม่งั้น ในตอนนี้ฉู่เฉินคงถูกตัดศีรษะไปแล้ว!เห็นได้ชัดว่าสำนักชิงอวิ๋นในอดีตนั้นรุ่งโรจน์เพียงใด!ตูม!กระบี่เล่มที่สามฟาดลงมาอย่างแรงอีกครั้ง โดยไม่มีกลอุบายใดๆ เป็นการเผชิญหน้ากันโดยตรง!“ทำลายซะ!”จากนั้นฉู่เฉินก็ตะโกนก้องทันที กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ ต้านทานกระบี่เล่มที่สามไว้ได้อย่างหวุดหวิด!แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ ก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน!การอาศัยพลังปะทะกันซึ่งหน้าแบบนี้ ส่งผลต่อฉู่เฉินอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้อ
ทุกคนต่างมองออกว่าตราบใดที่ฉู่เฉินตาย เทพสังหารและหลินเจี้ยนเฟิงจะไม่มีวันนั่งเฉย เมื่อถึงเวลานั้น สำนักชิงอวิ๋นจะต้องนองเลือดเป็นแน่!“ฉู่เฉิน!”ซ่งหนิงซวงได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง ก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความร้อนใจ“ฉู่เฉินจะต้องไม่ตาย!”ถานอวี้ซานก้าวเข้าไปกอดซ่งหนิงซวงพร้อมกระซิบปลอบโยนหนึ่งประโยคความจริงแล้ว ในใจเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน เพียงแต่ไม่อยากเห็นฉู่เฉินที่เพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียง ต้องมาตายอย่างอนาถตรงหน้าเท่านั้นเองผู้อาวุโสรองเอาสองมือไพล่หลังพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็น “ฉู่เฉิน แกได้ตายในค่ายกลที่ปรมาจารย์ของเราสร้างขึ้น ก็ถือเป็นเกียรติของแกแล้ว!”“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ไม่เป็นไรที่จะให้แกได้เห็นชัดๆ ว่ารากฐานของสำนักชิงอวิ๋นของฉันมีมากแค่ไหน!”เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนก็ร่ายกระบวนท่ากระบี่และท่องในใจแทบจะในเวลาเดียวกันตูม!ด้วยเสียงดังกึกก้องราวกับแผ่นดินไหว โคลนบนพื้นดินโดยรอบปั่นป่วน จากนั้นกระบี่ยักษ์ยาวสามจั้งและหนาสามนิ้วก็พุ่งออกมาจากใต้ดิน!“คือ... คือกระบี่ชิงอวิ๋น!”เมื่อเห็นกระบี่โบราณที่มีคราบสนิมจับ แทบทุก
หลินเจี้ยนเฟิงถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ผมก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเบาะแส อันที่จริงเมื่อคุณฉู่ก้าวเข้าสู่ค่ายกลในตอนนั้น เราก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้แล้ว!”กล่าวจบ หลินเจี้ยนเฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปยังผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของสำนักชิงอวิ๋นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า!ตราบใดที่ฉู่เฉินพลาดท่า วันนี้เขาจะต้องฉีกร่างทุกคนในสำนักชิงอวิ๋นออกเป็นชิ้นๆ!ในขณะนี้ ภายในภูเขาสือว่าน สำนักจำนวนมากที่ทราบข่าวต่างก็ส่งตัวแทนมาร่วมชมการต่อสู้เช่นกันท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็ชวนให้ตกตะลึงเกินไป!ไม่ว่าใครก็อยากเห็นว่าฉู่เฉินจะสามารถกวาดล้างสำนักชิงอวิ๋นได้จริงอย่างที่เขาโอ้อวดไว้หรือไม่!แต่เมื่อทุกคนเห็นว่ามีแค่ฉู่เฉินที่เข้าร่วมเกมเพียงลำพัง ก็อดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชมในความกล้าหาญของฉู่เฉิน!“สำนักชิงอวิ๋นเป็นสำนักใหญ่ที่มีรากฐานลึกซึ้งนะ ฉู่เฉินคนนี้ช่างกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!”“หึ ในความคิดของฉัน เขาแค่ไม่เห็นหัวใครต่างหาก!”“เมื่อครั้งที่สำนักชิงอวิ๋นก่อตั้งขึ้น เคยถูกหกสำนักใหญ่ร่วมกันโจมตี สุดท้ายหกสำนักใหญ่นั้นก็ต้องพ่ายแพ้กลับไป นั่นก็เพราะอาศัยค่ายกลสังหารชิงอวิ๋น!”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้
“แม้แต่ยอดฝีมือระดับควบแก่นแท้ก็ไม่กล้าบุกรุกสำนักชิงอวิ๋นของฉันโดยพลการ! แกอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่เจ็ด ยังกล้ามาโอ้อวด ช่างไม่เจียมตัวซะจริง!”เมื่อเสียงชราเมื่อครู่สิ้นลง หมอกหนาทึบโดยรอบก็จางหายไปฉู่เฉินกวาดตามอง เห็นเพียงเบื้องหน้าเป็นหุบเขาลึกสุดหยั่งถึง รอบด้านเกือบทั้งหมดล้วนเป็นหน้าผาสูงชันและรอบตัวเขา มีเนินเขาเล็กๆ เจ็ดลูกที่สูงเกือบสิบเมตร แต่ละลูกมีชายชราผมขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ชายชราผมขาวที่อยู่ตรงข้ามเขากำลังใช้มือข้างหนึ่งลูบเคราพร้อมกับยิ้มเยาะฉู่เฉินอย่างได้ใจพลังของคนทั้งเจ็ดนี้ เกือบทั้งหมดต่างอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด และรอบตัวพวกเขายังมีศิษย์สำนักชิงอวิ๋นอีกกว่าร้อยคนที่อยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นที่สองถึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่อยู่ฉู่เฉินยิ้มจางและกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยที่กล้าตะโกนโวยวายต่อหน้าสาธารณชน ที่แท้ก็เตรียมตัวมาดีนี่เอง!”ในขณะนี้ เทพสังหารและหลินเจี้ยนเฟิงทั้งสองต่างยืนอยู่กลางอากาศ มองเห็นทุกสิ่งในหุบเขาได้อย่างชัดเจน!เมื่อเห็นฉู่เฉินเข้าไปในวงล้อมของสำนักชิงอวิ๋นเพียงลำพัง ก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกแทนฉู่เฉิน!แต่ฉู่เฉินเคยบอก
เมื่อฉู่เฉินและกลุ่มคนมาถึงประตูภูเขาของสำนักชิงอวิ๋น ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำได้นำศิษย์สำนักชิงอวิ๋นสิบกว่าคนมารออยู่ที่หน้าประตูภูเขาแล้วเมื่อเห็นฉู่เฉินและคนอื่นๆ เดินมาถึงหน้าประตู ชายวัยกลางคนก็ชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายจริงๆ อย่าพึ่งพาพลังภายนอกมาต่อสู้กับสำนักชิงอวิ๋นของฉัน!”หลังจากตะโกนคำเหล่านี้ออกไป แม้แต่ชายวัยกลางคนเองก็รู้สึกไม่มั่นใจ จึงถอยกลับไปสิบกว่าก้าว เตรียมพร้อมที่จะหนีได้ทุกเมื่อฉู่เฉินมองชายวัยกลางคนด้วยรอยยิ้มเย็นและกล่าวว่า “สำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี สำนักที่มีคนหลายร้อยคน คิดไม่ถึงว่าจะมาล่อลวงผมเข้าสู่เกมเพียงลำพัง?”“ช่างเถอะ ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นของคุณจะมียอดฝีมือมากมายแล้วไง? ผมก็จะแสดงให้พวกขยะอย่างพวกคุณเห็นเองว่าอะไรคือลูกผู้ชายตัวจริง!”สิ้นเสียง ฉู่เฉินก็กำลังจะก้าวไปข้างหน้า“คุณฉู่ ไม่นะ!”“คุณฉู่ ระวังจะติดกับนะครับ!”เทพสังหารและหลินเจี้ยนเฟิงก้าวออกมาพร้อมกัน และขวางฉู่เฉินไว้นี่เป็นกับดักที่สำนักชิงอวิ๋นวางไว้อย่างชัดเจน ตราบใดที่ฉู่เฉินเข้าไปในสำนักชิงอวิ๋น โอกาสรอดคงริบหรี่!ฉู่เฉ