มอบให้เป็นหน้าที่คนอื่นในบ้านพักตากอากาศ เธอก็ไม่วางใจพวกเขาสามคนขึ้นนั่งบนรถกระบะ ขณะขับมาถึงตีนเขา เจอเข้ากับพี่ซุนพอดีเย่มู่มู่ส่งกุญแจบ้านให้พี่ซุน ให้เขามาดูแลบ้านเวลาว่าง สองสามวันทำความสะอาดครั้งหนึ่ง และจะให้เงินเขาเป็นค่าตอบแทนพี่ซุนรู้ว่าเย่มู่มู่จะไปเข้าเรียนที่เมืองหลวง ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของเธอก็จะจากไปด้วยเขาขับรถไปส่งพวกเขาสามคนที่สนามบินหลังลงจากรถ เย่มู่มู่ก็ส่งกุญแจรถกระบะให้พี่ซุนบอกว่าคนขับหวงเป็นคนขายรถให้เธอ ยังไม่ได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ ให้เขาไปจัดการกับคนขับหวง ส่วนรถยกให้เขาเลยพี่ซุนกำลังคิดจะปฏิเสธ เย่มู่มู่ก็หอบแจกันเข้าไปตรงที่ตรวจตั๋วแล้วที่เวินลี่จองให้เป็นชั้นเฟิร์สคลาส เมื่อเย่มู่มู่ขึ้นไปบนเครื่องบินก็เอนเบาะนอนทันทีหลูซีกับหลูหมิงยังคงล้วงโทรศัพท์ออกมาถ่ายโน่นถ่ายนี่ ราวกับเด็กน้อยชอบอยากรู้อยากเห็นเช่นเดิมแม้ทั้งสองคนจะไม่พูด ทว่าสีหน้าแววตาตื่นเต้นฉายออกมานานแล้ว มือถือแทบจะจ่ออยู่บนหน้าต่าง ถ่ายวิวถนนในเมืองที่ค่อย ๆ เล็กลง ถ่ายท้องฟ้าครามเมฆก้อนขาว ถ่ายเครื่องบินบินผ่านชั้นเมฆทั้งสองคนตื่นเต้นจนหน้าค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น
เมื่อเย่มู่มู่เห็นเธอลังเล ก็ผลักกล่องไป “ให้คุณรับไว้ก็รับไว้เถอะ นี่เป็นค่าลำบาก ฉันรบกวนคุณมามากพอแล้ว เกาะที่ต่างประเทศยังต้องรบกวนให้คุณติดตามอีก”อีกอย่าง เธอยังต้องซื้อหินมาจากต่างประเทศ แปรรูปให้เรียบร้อยต้องให้เวินลี่ช่วยติดต่อหากซื้อเอเคไว้ที่เกาะเล็ก ๆ ช้าเร็วเวินหลี่ก็ต้องรู้การซื้อตัวเธอสำคัญมากตอนนี้เกรงว่าเวินลี่จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอนิดหน่อยแล้ว แต่เดาไม่ออกว่าที่เธอซื้อของเข้ามาเป็นจำนวนมากนั้น ตกลงแล้วจะทำอะรกันแน่เวินลี่ไม่บอกปัดอีก เธอปิดกล่องแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าก่อนจะรูดซิป“ไป ๆ ๆ เพิ่งมาวันแรก ทีแรกฉันอยากจะพาพวกคุณไปกินข้าวที่ร้านอาหารใหญ่ เพื่อเลี้ยงต้อนรับ ป้าหลิวเอาแต่บ่นถึงคุณ บอกฉันว่าต้องพาคุณกลับไปกินข้าวให้ได้ เธอทำอาหารไว้เต็มโต๊ะไปหมด”“ตอนบ่าย คุณไปรายงานตัวที่มหาลัย กรอกแบบฟอร์มขอออกมาอยู่ข้างนอก”“ส่วนหลูซี ฉันช่วยจัดการโรงเรียนให้เขาเรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายจะพาเขาไปเที่ยวชม”“ได้ยินว่าหลูหมิงกำลังสอบใบขับขี่ โรงเรียนสอนขับรถฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนคุณไปเข้าเรียน เขาก็จะไปเรียนขับรถ...”“พวกคุณสามคนฉันจัดการให้เรียบร้อยตามคว
เวินลี่ถามกลับ “ไหวไหมอะไร? คุณหมายถึงให้พวกบอดี้การ์ดอ่อนให้หน่อย?”เย่มู่มู่ส่ายศีรษะ “ฉันหมายถึง บอดี้การ์ดใหม่ไหวไหม?”นี่ยังไม่ทันเริ่มต่อสู้กันเลย คุณหนูเย่ก็สงสัยว่าฝีมือพวกเขาไหวหรือเปล่าอดไม่ไหวแล้วครั้งนี้อดกลั้นไม่ไหวแล้วทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าเด็กสองคนนี้ เดี๋ยวกลับถึงคฤหาสน์ที่คุณหนูเย่เช่าอยู่ ต้องประชันฝีมือกับเจ้าเด็กนี่ดี ๆ แล้วให้เขาได้รู้ว่า ล่วงเกินใครก็ได้ แต่ล่วงเกินพวกเขาไม่ได้เย่มู่มู่เห็นคัลลิแนนคันหนึ่ง พร้อมกับรถตู้อเนกประสงค์เมอร์เซเดสเบนซ์ สไตล์ค่อนข้างฮาร์ดคอร์มาก เธอนั่งที่นั่งข้างคนขับ เวินลี่เป็นคนขับรถหลังขึ้นรถ ดวงตาทั้งสองของหลูซีและหลูหมิงก็มองไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้นพวกเขาเห็นตึกใหญ่และสูงกว่าเมืองที่เย่มู่มู่อยู่หลายเท่าตึกที่สูงเทียมเมฆนั่น มองไม่เห็นยอดแสงไฟเคลือบสะท้อนแสงนั่น แยงตาจนพวกเขาลืมตาไม่ขึ้นกระทั่งถนน ยังใหญ่กว่าหลายเท่าบนถนนการจราจรคับคั่ง รถหรูขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย!ทุกคนเร่งรีบฝีเท้า ราวกับหยุดไม่ได้นี่ก็คือเมืองหลวงในโลกของท่านเทพ...ไม่เหมือนกับที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้สักนิดสิ่งปลูกสร้างสวยวิจิตร
“โอ้โฮ พี่อี้ เขาจริงจัง?”กระทั่งฮ่าวอี้ยังคาดไม่ถึงเจ้าเด็กคนนี้บ้าคลั่งอยู่นิดหน่อย เดิมทีเขาไม่ได้ใส่ใจแต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานจะประชันฝีมือให้ได้ ได้คืบจะเอาศอกอยู่หน่อย ๆ!ทันใดนั้น ฮ่าวอี้ก็มองไปที่เย่มู่มู่ได้ยินมาว่าเจ้าเด็กสองคนนี้เป็นญาติของเถ้าแก่ เกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเขาไม่รับผิดชอบเย่มู่มู่พูดขึ้นว่า “ไปประลองเถอะ อย่าลืมเอาแค่เบาะ ๆ พอนะ อย่าทำร้ายคน!”หลูซีพยักหน้า “ขอรับ!”ฮ่าวอี้ตอบกลับ “แน่นอนครับ!”ทุกคนเดินมายังสนามบาสเกตบอลฮ่าวอี้ยืนอยู่ตรงกลาง เขาขมวดคิ้วมุ่น มองเด็กหนุ่มที่แววตาเย็นเยียบ ทำไม่ลงเล็กน้อย...หลังเขาปลดประจำการ อันดับแรกก็อัดเด็กแล้วลือสะพัดออกไปก็คงไม่น่าฟังนัก!“ไม่งั้น เราอย่า...”สุดท้าย เด็กที่อยู่ตรงหน้ากลับกล่าวอย่างคุยโวขึ้นว่า “เจ้าคนเดียวไม่พอ พวกเจ้าเข้ามาด้วยกันเลย!”ให้ตายเถอะ คนอารมณ์ร้อนอย่างเขา...ทนไม่ไหวแล้ว!ฮ่าวอี้ล้วงนวมในกระเป๋าออกมา เตรียมจะใส่หลูซีพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง หมัดของเจ้าทำร้ายข้าไม่ได้!”หวังเสี่ยวเฉิงเห็นเขายโสแบบนี้ ก็คันไม้คันมืออยากต่อสู้ “พี่ฮ่าว เราอัดมันพร้อมกันเถอะ เจ้าหมอนี่เป็นคนข
หลูซีก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “คราหน้าข้าจะไม่อ่อนข้อให้แล้ว!”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ก็จะกระอักเลือดออกมาโดยตรงซัดพวกเขาจนเป็นแบบนี้ หลายคนตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังอ่อนข้อให้อีกถ้าไม่อ่อนข้อให้ เดาว่าพวกเขาคงหมดลมหายใจแล้วหวังเสี่ยวเฉิงกับฮ่าวอี้ดึงให้ลุกขึ้นมาทีละคน หลังบอกกล่าวกับเย่มู่มู่เสร็จ พวกเขาก็ประคองเตรียมจะพากันไปนอนที่ห้องบอดี้การ์ดเมื่อคืนเย่มู่มู่ส่งข้อความให้เวินลี่ เวินลี่หาคนอยู่ทั้งคืนเช้าตรู่ พวกเขาก็มาสมัครงานหน้าคฤหาสน์เวินลี่เคยอ่านเรซูเม่แล้ว บวกกับเป็นคนที่ลูกน้องของผู้อาวุโสสวี่แนะนำมา ภูมิหลังของตนและครอบครัวสะอาด ล้วนผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแล้วฉะนั้นจึงรับเข้ามาทำงานเลยแบ่งหอของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว อยู่กันคนละห้อง พร้อมห้องส้วมและห้องอาบน้ำ ยังมีระเบียงแยกเดี่ยวอีกสำหรับผู้ว่าจ้างในเมืองหลวง เงื่อนไขนี้ถือว่าดีมากทีเดียวครู่เดียวก็ไปทีหกคน บอกว่าจะไปรักษาตัวหวังเสี่ยวเฉิงไปอุดฟันฮ่าวอี้ต้องมองหลูซีใหม่ ทว่าก็รวมเจ้าเด็กคนนี้เข้าไปในอันดับบุคคลอันตรายด้วยเมื่อเวินลี่เห็นหลูซีเก่งกาจขนาดนี้ ก็ฉีกยิ้มพร้
หลูซีชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง ไม่ได้สนใจเขา ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อฮ่าวอี้เองก็ไม่ได้จี้ถามต่อ ขอแค่เจ้าเด็กคนนี้อยู่ที่คฤหาสน์ ช้าเร็วก็ต้องมีโอกาสแสดงความสามารถออกมาหลังกินข้าวเสร็จ เย่มู่มู่ก็จัดการห้องให้หลูซีและหลูหมิงเย่มู่มู่อยู่ชั้นสาม หลูซีและหลูหมิงอยู่ชั้นสี่ทั้งสองคนล้วนมีห้องส่วนตัว ห้องหับหรูหรา ไม่คิดเลยว่าจะใหญ่กว่าที่บ้านพักตากอากาศเซียนหยวนสองเท่าห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำ กระทั่งห้องรับแขกมีครบหมดทุกสิ่งเวินลี่จัดการเรื่องน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เตรียมเสื้อผ้าครบทุกฤดูที่ทั้งสองคนต้องการได้อย่างเหมาะสมทุกตัวล้วนเป็นการสั่งตัดระดับไฮเอนด์ไม่มีโลโก้เธอไม่ได้วัดส่วนสูงของทั้งสองคน กลับซื้อมาเกือบพอดีเวินลี่ชอบแต่งตัวให้คนเป็นอย่างมาก เมื่อครู่พอหลูซีเผยมือให้เธอ เธอก็ผลักหลูซีเข้าไปในห้องแต่งตัวเลย“ลองเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาให้พวกนายสองคนหน่อย!”สองคนนี้หน้าตาไม่เลวกันทั้งคู่ โดยเฉพาะหลูซี แต่งตัวดี ๆ สักหน่อย ก็ไปประกวดเดบิวต์ได้แล้ว!เย่มู่มู่นำแจกันมายังห้องของตัวเองป้าหลิวแนะนำการตกแต่ง เครื่องประดับและเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันภายในห้องแต่งตัวอย่างเป
ทว่าจ้านเฉิงอิ้นรู้ดีว่านางทำเช่นนี้ ช่วยชีวิตคนได้เท่าไรห้าหัวเมืองที่มู่ฉีซิวยึดครองเอาไว้ ตอนแรกเพื่อดึงกำลังทหารมาเป็นพวกมากขึ้น ถึงขั้นออกป้ายประกาศในดินแดนต้าฉี่ขอเพียงเข้าร่วมชาวบ้านก็จะมีอาหารให้กิน มีน้ำให้ดื่มชาวบ้านสิบกว่าหัวเมืองอื่นโดยรอบ หลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่งหมู่บ้านบางแห่งลากถูลู่ถูกังคนทั้งครอบครัว เดินเท้ามาพันลี้ เพียงเพื่อมาถึงหนึ่งในห้าหัวเมืองนี้ส่วนห้าหัวเมืองนั้น ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมู่ฉีซิวเกณฑ์ทหารห้าแสนห้าหมื่นนาย จำนวนคนเยอะกว่ากองทัพประจำการของต้าฉี่เสียอีก!หลังเหล่าชาวบ้านเข้าเมือง ทีแรกก็มีข้าวกินทว่าแหล่งน้ำกลับมีไม่เพียงพอผ่านไปไม่กี่วันก็ต้องทำงาน หากไม่ทำงานก็จะไม่มีข้าวกินขุดเหมือง ขนถ่านหิน หล่อเหล็ก...ต้องให้คนทำทั้งสิ้นทว่า มู่ฉีซิวดึงกำลังทหารออกไปอย่างไม่แยแส เหลือทิ้งไว้เพียงปัญหาเละเทะส่วนพวกชาวบ้านที่ถูกทิ้ง ทำได้เพียงรออดตายทั้งเป็นกองกำลังของจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้เข้าเมือง ทว่าเห็นชาวบ้านมากมายมองมาที่รถยนต์ ที่ขับเข้ามาจากที่ไกล ๆ ด้วยดวงตาทั้งสองซึ่งไร้ชีวิตชีวา หาขอบเขตมิได้และสิ้นหวังจ้านเฉิงอิ้นลงจา
เย่มู่มู่กับหลูหมิงขับรถมุ่งหน้าไปยังทงโจว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพายุฝนตามที่ปรากฏในข่าวที่ด้านหลังของพวกเขา ฮ่าวอี้กับหวังเสี่ยวเฉิงกำลังขับรถโฟล์คสวาเกนตามมาเดิมทีหวังเสี่ยวเฉิงยังนอนหลับอยู่บนเตียง ทว่าอยู่ ๆ ก็ถูกฮ่าวอี้ลากตัวมา“พี่ คุณหนูเย่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ตอนบ่ายให้พี่พาทุกคนไปซื้อของใช้ประจำวันมาให้ครบน่ะ? ทำไมถึงยังตามพวกเขาไปอยู่อีกล่ะ?”“ผมมองดูเจ้าเด็กหลูหมิงนั้นแล้ว เขาก็เป็นพวกฝึกศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน เก่งยิ่งกว่าหลูซีเสียอีก เขาคนเดียวก็พอแล้ว พวกเราจะตามไปอีกทำไมกัน ไม่เห็นเหรอว่าฝนกำลังจะตกหนัก!”บริเวณสัญญาณไฟจราจร ฮ่าวอี้ตบไปที่หวังเสี่ยวเฉิงอย่างแรง “เธอให้พวกเราเดือนละสามแสน ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นมาเล่า?”“ให้นายจับตาดูไว้ ก็จับตาดูให้มันดีดีเถอะน่า!”หวังเสี่ยวเฉิงหมดคำจะพูด “ไม่ใช่ เธอเป็นเจ้านาย เป็นนายจ้าง เธอไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้พี่จับตาดูเธอเสียหน่อย!”ฮ่าวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กล่าวอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “หลูซีกับหลูหมิง สองคนนี้ไม่ปกติ!”หวังเสี่ยวเฉิงสีหน้าจริงจัง “หมายความว่ายังไง พวกเขามีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ?”“ที่ตัวของสองคนนั่นมีแต่กลิ่
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ