ในหัวสมองของพิม มีแต่เรื่องของเงินๆๆแล้วก็เงิน เธอกำลังคิดว่า
ถ้าเธอทำงานได้หนึ่งปี เธอก็จะมีเงินเก็บถึงสองแสน สี่หมื่นบาท เมื่อกินอยู่กับเขาหมด หักค่าใช้จ่ายส่วนตัวไป ก็จะเหลือเก็บ สองแสน เธออายุยี่สิบสาม เธอจะต้องมีรถก่อนจากนั้นค่อยเก็บเงินซื้อที่ดิน แล้วก็เก็บเงินซื้อบ้าน คิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกมานั่งอีกครั้งแล้วพึมพำกับตัวเอง " อันดับแรกต้องเก็บเงินซื้อรถก่อน รถคันละแป็ดแสน เป็นแม่บ้านสักสี่ปี พอได้รถแล้ว ค่อยกลับมาทำอาชีพที่เรียนมา ก็ไม่สาย ทำไงได้ ก็เกิดมาจนทำไมล่ะ ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ ก็เลือกที่จะเดิน เลือกที่จะเก็บหอมรอมริบได้หนิเน้อ " แล้วเธอก็เดินไปนั่งหน้าโน๊ตบุ๊คอีกครั้ง พ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้ววางมือลงบนแป้นพิมพ์ ตัดสินใจสมัครเป็น แม่บ้าน คลิกไปยังเจ้าของโพส ทักเข้าไปในแชทของผู้โพสโดยพิมพ์ว่า ( สวัสดีค่ะ ดิฉันสนใจงานแม่บ้านที่คุณประกาศรับสมัครค่ะ ฉันมีคุณสมบัติครบตามที่คุณต้องการเลย เป็นคนไทยแท้ ไม่มีประวัติอาชญากรรม เรียนจบมัธยมปลาย ถนัดทำงานบ้านและเคยทำงานบ้านมาแล้ว อายุยี่สิบสามปี หากคุณยังไม่ได้คน โปรดรับดิฉันไว้พิจารณาด้วยคนนะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย ถ้าคุณมองข้ามฉันไป คุณจะเสียใจ เพราะมีแต่คนชมว่าฉันทำงานเก่ง ไม่ได้โอ้อวดนะคะ ฉันมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอให้ดูด้วยค่ะ หากคุณรับฉันเข้าทำงาน สามารถติดต่อสัมภาษณ์งานได้ตามหมายเลขนี้เลยนะคะ 09326××× ชื่อ พิม พิมผกา หิรัญทรัพย์เจริญ ส่วนสูง 160 น้ำหนัก 40 ถึงจะผอมไปหน่อย แต่บอกเลยว่าแข็งแรงสุดๆ วิ่งเร็วมากด้วยค่ะ ฉันคาดหวังกับงานนี้มากๆ หวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันได้ทดลองงานนะคะ ) เธอโม้ได้ลื่นปรื๊ดมากๆ ภาษทั่วไปเรียก โกหก สร้างเครดิตให้ตัวเอง เพื่อให้ได้งานที่ต้องการ เมื่อพิมพ์เสร็จ เธอก็เลือกคลิปวีดีโอตอนไปช่วยงานมหาลัยไป แล้วก็คลิปจับเวลาวิ่งขึ้นตึกสิบเอ็ดชั้นภายในเวลาสิบนาที เมื่อมานึกถึงวันที่วิ่งขึ้นไปชั้นที่สิบเอ็ด นั่นเป็นเพราะวันนั้นเธอไปเรียนสาย ห้องกำลังจะปิด นักศึกษาใช้ลิฟท์เยอะต้องต่อคิวยาว เธอเลยตัดสินใจวิ่งขึ้นไปทางบันได พร้อมกับถ่ายวีดีโอจับเวลา นึกถึงวันที่ผ่านมาเธอก็เผลอยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็ กดส่งออกไปทันที แล้วเอ่ย " คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งคลิปวิ่งขึ้นตึกจะมีประโยชน์ สามารถใช้ในการสมัครงานได้ด้วย ฮ่าๆๆ ถ้าหมอนี่รับเราเข้าทำงานก็คงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ " คฤหาสน์ ตระกูล อัศววัฒน์สกุล ผู้ใหญ่กำลังนั่งเกลี้ยกล่อมให้ เตชิน ประธานบริษัท อสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย หมั้นหมายกับคุณหนูณัชชา บุตรสาวคนโตของ ตระกูล ธัญธราทรัพย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งปนะเทศไทย เธอคือผู้ถือหุ้น15%ของบริษัทเตชิน เธอกับเตชินโตมาด้วยกัน เธออายุน้อยกว่าเตชิน สามปี เตชิน อายุ 30 ปี ส่วนเธอ อายุ 27 และเธอก็แอบชอบเตชินมานาน แต่ไม่สามารถแสดงออกได้ เนื่องจากเตชินได้ตั้งกฏไว้ว่า ห้ามผู้บริหารและพนักงานมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว หากจับได้ว่าผู้ใดฝ่าฝืนกฏ หรือมีความรู้สึกพิเศษต่อเพื่อนร่วมงานให้ไล่ออกทันที ดังนั้นเธอจึงต้องซ่อนความรู้สึกไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ ตั้งใจทำหน้าที่เป็นรองประธานบริษัท และทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากเตชินอย่างสุดความสามารถ ทั้งสองตระกูลผูกมิตร เกี่ยวดองกันทุกรุ่นทุกสมัย จึงเป็นที่เคารพ ยำเกรงของผู้คนในแวดวงไฮโซและในแวดวงธุรกิจ คุณหญิงจารวี คุณผู้ชายทวีศักดิ์และเตชิน พวกเขาทั้งสามคนนั่งในห้องทำงาน คุณหญิงจารวีได้เอ่ยกับลูกชายว่า " เตชิน การหมั้นหมายครั้งนี้ลูกจะปฏิเสธไม่ได้นะ ลูกโตแล้วคิดทบทวนให้ดีๆ " เตชินนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาแต่เอ่ยเพียงว่า " คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่ได้รัก ณัชชา การที่จะให้เธอมาแต่งงานกับผม เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจ มันไม่แฟร์กับเธอเลย " คุณหญิงจารวีจึงเอ่ยต่อว่า " แต่ทางหนูณัชชาเธอยอมที่จะหมั้นหมายและแต่งงานกับลูกนะ เธอเต็มใจที่จะทำตามความต้องการผู้ใหญ่ ยึดประโยชน์ส่วนรวม เธอเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังพ่อแม่ และทำเพื่อบริษัทมาตลอด เธอเป็นผู้หญิงที่คู่ควรและเหมาะสมกับลูกที่สุด คนอื่นแม่ไม่ยอมรับเป็นสะใภ้เด็ดขาด " เมื่อเตชินได้ยิน คำว่า ว่านอนสอนง่าย ออกจากปากผู้เป็นแม่ เขาถึงกับส่งเสียง " เหอะ " ออกมาแล้วเอ่ย " เหอะ ว่านอนสอนง่ายเหรอ " เขาไม่ใช่คนโง่ ที่จะมองคนไม่ออก ไม่งั้นบริษัทคงไม่สามารถบริหารบริษัท ให้ประสบความสำเร็จ จนติดอันดับหนึ่งของประเทศหรอก เขารู้จักณัชชาดีกว่าใคร แม้เธอจะขยันทำงานแต่เธอมีความทะเยอทะยานสูง เพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ในสิ่งที่ต้องการ เธอไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง โดยไม่สนว่าจะได้มาโดยวิธีใด สำหรับเตชินแล้ว ณัชชามีประโยชน์ในการทำงาน แต่จะเอามาเป็นคู่ครองของเขาไม่ใช่ความคิดที่ดีเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายใช่ย่อย หากมีพันธะมาผูกมัดกันแล้วยากที่จะสลัดเธอให้หลุดออกไปจากชีวิตได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยต่อว่า " คุณแม่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินคนแค่ภายนอกครับ แม้เธอจะโตมากับผม แต่คุณแม่ไม่รู้จักเธอดีเท่าผม ดังนั้นอย่าบังคับผมเลย ยังไงผมก็ไม่หมั้นและไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด อย่าให้เธอมาเสียเวลากับผมเลย เธออายุยังน้อยให้เธอได้เจอคนที่คู่ควรและรักเธอจะดีกว่าครับ " เขารู้ว่าณัชชามีความรู้สึกให้เขาแต่เขาไม่ได้ชอบเธอ เมื่อต้องทำงานร่วมกัน เขาจึงตั้งกฏเหล็กของบริษัทขึ้น เพื่อให้เธอระวังความคิดและระวังความรู้สึกที่มีต่อเขา ได้ยินลูกชายยืนกรานที่จะไม่แต่งงานกับคนที่ตัวเองชื่นชอบ คุณหญิงจารวีจึงวางเอกสารลงบนโต๊ะแล้วเอ่ย " ลูกกลับไปอ่านเอกสารมาดีๆ แล้วค่อยมาให้คำตอบแม่ หากลูกยินดีที่จะเสียหุ้น 30% ไปฟรีๆ ก็แล้วแต่ลูกเลย แม่ขี้เกียจที่จะคุยกับลูกแล้ว " พูดจบก็หันไปเอ่ยกับสามีด้วยสีหน้าโกรธเคือง " นิสัยเหมือนคุณไม่มีผิด " จากนั้น ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไป แล้วทวีศักดิ์ ซึ่งเป็นพ่อของเตชิน ก็เดินเข้ามาตบบ่าลูกชายเบาๆแล้วเอ่ย " ลูกตัดสินใจเอาเอง สำหรับพ่อแล้ว ลูกเลือกใครชอบใครพ่อก็แล้วแต่ลูก " เตชินมองผู้เป็นพ่อแล้วเอ่ยเพียง " ครับ " จากนั้นทวีศักดิ์ก็เดินออกไป เตชินเปิดอ่านเอกสารสัญญา ในสัญญาระบุว่า ( ตระกูล อัศววัฒน์สกุล และตระกูล ธัญธราทรัพย์ ได้ลงนามในสัญญา พันธมิตรทางธุรกิจ โดยตระกูลธัญธราทรัพย์ จะได้รับสิทธิ์ถือหุ้น 15% ของบริษัท อสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยหุ้น 15% นี้จะสิ้นสุดสัญญาลงนาม ก็ต่อเมื่อ ทายาทของตระกูล อัศววัฒน์สกุล และทายาทของตระกูล ธัญธราทรัพย์ ได้ทำการสมรสกัน หลังการสมรส หุ้น15% จะกลับมาเป็นของตระกูล อัศววัฒน์สกุล ตามเดิม หากตระกูลของใฝ่ใดใฝ่หนึ่งได้กระทำการขัดต่อสัญญาฉบับนี้ จะต้องชดเชยเป็น 30% ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีที่ทายาททั้งสองตระกูลได้ทำการสมรสกันแล้ว และหย่ากันในภายหลัง ทุกอย่างจะถูกดำเนินการ ไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ตามสมควร และเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ) เตชินมองเอกสารสัญญาระหว่างตระกูลก็เอ่ยออกมาเสียงเย็น " นี่มันสัญญาทางธุรกิจบ้าบออะไร มันสัญญาผูกมัดบังคับให้เกี่ยวดองกันชัดๆ " จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปจากห้องทำงาน แล้วเดินออกจากประตูบ้านไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โดยมีคุณหญิงจารวีแอบมองลูกชายจากข้างบนใบหน้ายิ้มอย่างพอใจแล้วพึมพำออกมาว่า " ในประเทศนี้ ทั้งฐานะ การศึกษา ชาติกำเนิด ไม่มีใครที่คู่ควรกับลูกเลย นอกจากหนูณัชชา เธอทั้งสุขุม เรียบร้อย มีมารยาท ชาติตระกูลดี เพรียบพร้อมไปด้วยความสามารถ และยังช่วยแบ่งเบาภาระงานของลูกได้ จัดการเรื่องในบริษัทได้ดี ผู้หญิงแบบนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปก็น่าเสียดาย แม่ไม่ยอมเด็ดขาด " เมื่อกลับถึงบ้านพัก เขาเข้ามาในห้อง เห็นกองเสื้อผ้าในตะกร้า เขาจึงหันมาเอ่ยถามกับผู้ช่วยส่วนตัวว่า " แม่บ้านที่ให้หา คุณหาได้หรือยัง " ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยตอบไปว่า " ผมคัดมาให้เรียบร้อยแล้วครับ ส่งประวัติของผู้สมัคร เข้าอีเมลของคุณชายแล้ว เหลือแต่รอให้คุณชายเลือกแล้วนัดสัมภาษณ์งานครับ " เตชินถอดกระดุมที่แขนเสื้อแล้วถอดเนคไทออกพร้อมกับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า " ก็แค่แม่บ้านคนเดียว คุณเลือกมาเถอะ ไม่จำเป็นต้องให้ผมเลือกเองหรอก ทำงานไม่ถูกใจก็แค่ไล่ออก แล้วเอาคนใหม่มาก็จบ รีบเลือกด่วนเลย " ตั้งแต่แม่เขามาคุยเรื่องที่จะให้เขาหมั้นกับณัชชาทุกวันๆ เขารู้สึกรำคาญจึงย้ายออกมาอยู่บ้านพักคนเดียว จึงจำเป็นต้องมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดบ้านดูแลงานในบ้านให้เขาทั้งหมด" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท