ในเช้าวันต่อมา เมื่อเตชินเข้าไปในบริษัท ผู้ช่วยคังก็เข้ามา แล้วรายงานเวลาการประชุมของวันนี้
" คุณชาย วันนี้เก้าโมงตรง มีประชุมผู้ถือหุ้น และในตอนบ่าย มีประชุมเกี่ยวกับโครงการใหม่ครับ " เตชินหูฟังตาดู สายตาเขาให้ความสนใจกับเอกสารที่อยู่ในมือ เพราะเป็นงานที่เขาต้องตรวจดูอย่างละเอียดก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไป เมื่อผู้ช่วยรายงานเสร็จเขาเอ่ยตอบผู้ช่วยคังเพียงสั้นๆว่า " อืม " แล้วผู้ช่วยคังก็หันหลังเดินออกไป เตชินเป็นคนที่ละเอียดยิบเคร่งกฎระเบียบของบริษัท พนักงานจึงรู้สึกยำเกรงเมื่อเจอเขา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะยืนชื่นชมความหล่อบนใบหน้าของเขาเลย สายตาดุจพญาเหยี่ยว ที่สามารถมองเห็นความผิดพลาดเล็กน้อยได้ในระยะไกล ทำให้พนักงานต่างก็ต้องเนี๊ยบตั้งใจทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะบริษัทนี้ไม่มีโอกาสให้ผิดพลาดได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่พนักงานทุกคนกลับยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้ นอกจากจะได้เงินเดือนสูงแล้วเมื่อลาออกไป แล้วไปสมัครงานที่บริษัทอื่น เมื่อเขาเห็นประวัติว่าเป็นพนักงานเก่าจากบริษัทของเตชินทุกบริษัทต่างอ้าแขนรับ เพราะพนักงานบริษัททุกคนล้วนคัดจากคนเก่งๆหัวกะทิ ที่มีความซื่อสัตย์ มีศักยภาพสูงในการทำงาน ยกเว้นคนที่ถูกไล่ออกก็จะถูกลงโทษโดยการถูกเอาชื่อขึ้นในบัญชีดำ ไปที่ไหนก็ไม่มีบริษัทไหนรับเข้าทำงานอีก ดังนั้นพนักงานทุกคนจึงตั้งใจทำงานและปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบของบริษัท ณัชชารองประธานบริษัท เธอเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหารในมือ แล้วเอ่ยถามผู้ช่วยคังที่อยู่หน้าห้องตามมารยาทว่า " พี่เตชินอยู่ในห้องมั้ย " " อยู่ครับ " ผู้ช่วยคังเอ่ยตอบอย่างให้เกียรติ แล้วก็เดินไปเปิดประตูให้ณัชชาทันที เมื่อประตูเปิดออก ณัชชาก็เดินเข้าไปแล้ววางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย " คุณป้าให้เอาอาหารเช้ามาให้คุณค่ะ " เตชินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเอ่ยเสียงเย็นชาออกมา " ขอบคุณ ต่อไปไม่ต้องลำบากคุณแล้ว เอาเวลาที่มาส่งข้าวไปทำงานอื่นจะมีประโยชน์กว่า " คำพูดของเขาทำให้คนฟังเจ็บจี๊ดแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สีหน้าณัชชาซึมลงทันที แต่แค่แวบเดียวก็กลับมาเป็นปกติ แล้วกัดฟันเอ่ยออกมาว่า " ค่ะ ฉันจะจำไว้ " จากนั้นเธอก็เดินออกไปจากห้องของประธานบริษัทด้วยอารมณ์โกรธเคืองในใจ สีหน้าเรียบนิ่งโดยที่ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาทางสีหน้าเลย เมื่อเธอเดินออกไปแล้วเตชินก็ละสายตาจากงานตรงหน้า แล้วกดโทรเรียกผู้ช่วยคังให้เข้ามาหาทันที ผู้ช่วยคังที่อยู่ด้านนอกเมื่อเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น จึงรีบรับสายแล้วเอ่ย " ครับคุณชาย " " เข้ามาหาผมหน่อย " " ครับ " เมื่อวางสายผู้ช่วยคังก็รีบเข้าไปในห้องของประธานทันที เมื่อมายืนตรงหน้าเตชินเขาก็เอ่ยถามขึ้น " คุณชายมีอะไรจะสั่งเหรอครับ " เตชินมองไปที่กล่องข้าวโดยไม่พูดอะไร ผู้ช่วยคังจึงหันไปมองตาม ด้วยความลังเลแฝงไปด้วยความสงสัย แล้วผู้ช่วยคังก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ " กล่องข้าวมีปัญหาอะไรหรือครับ " " เอาไปทิ้ง " เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแววตาคงความไร้อารมณ์ดูสุขุมเยือกเย็นน่าเกรงขาม เมื่อได้ยินเต็มสองหูแล้ว ผู้ช่วยคังก็ไม่เอ่ยถามอะไรต่อ เจ้านายสั่ง เขามีหน้าที่ทำตาม เขาทำเพียงเอ่ยตอบว่า " ครับ " แล้วก็เดินไปหยิบกล่องอาหารเดินออกไปทิ้งในถังขยะทันที เขาเดินกลับเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณชายเขาถึงต้องทำขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็ยังทานอาหารที่ณัชชาเอามาให้เป็นปกติอยู่เลย อยู่ๆก็ปฏิเสธโดยไม่ไว้หน้าคุณหนูณัชชาขึ้นมาแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเห็นใจณัชชาขึ้นมา เมื่อเขานั่งลงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงกดรับแล้วเอ่ย " ครับคุณชาย " เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเจือเย็นชา " ให้ป้าใจมาส่งอาหารที่ห้อง และต่อไปถ้าณัชชามาส่งข้าวอีกก็ไม่ต้องให้เธอเข้ามา " " ครับ " พูดจบเตชินก็วางสายไป ผู้ช่วยคังก็ต่อสายไปยังห้องครัวของบริษัทแล้วเอ่ย " ป้าใจส่งอาหารเช้าของท่านประธานหนึ่งชุดที่ห้องทำงานท่านประธานครับ " หลังจากวางสายได้ไม่นาน ป้าใจก็มาพร้อมกับอาหารที่ผู้ช่วยคังสั่ง ผู้ช่วยคังจึงรับเอาอาหารจากมือป้าใจ แล้วเดินไปเคาะประตู จากนั้นเขาก็เปิดประตู ถือกล่องอาหารเช้าเข้าไปวางลงบนโต๊ะอาหาร เตชินจึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่โต๊ะทานข้าวพร้อมกับเอ่ยกับผู้ช่วยคังว่า " อยู่ข้าวทานด้วยกันสิ " " ครับ " ผู้ช่วยคังไม่ปฏิเสธเพราะอาหารบนโต๊ะมีมากมายกินสองคนก็ไม่หมด แล้วทั้งสองก็จัดการนำอาหารใส่จาน และเริ่มลงมือทานกันอย่างเงียบๆ ทางด้านพิม เธอปัดฝุ่นแล้วกวาดบ้านถูบ้าน เช็ดกระจก เสร็จแล้วก็ไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านต่อ ตอนบ่ายเธอเริ่มหิวข้าว จึงเดินเข้าห้องครัวและต้มบะหมี่ทานเหมือนเดิมอย่างไม่สบอารมณ์ " ซื้อตู้เย็นมาซะใหญ่ แต่ไม่มีของกินในตู้เย็นเลย ซื้อมาเพื่อ? " เธอบ่นอย่างหงุดหงิดใจ ที่ต้องกินบะหมี่มาสองวันแล้ว " นายจ้างบ้าบอนี่กะจะให้ฉันขาดสารอาหารตายหรือไง ฉันจะไม่ยอมกินแต่บะหมี่จนสมองฝ่อหรอกนะ " บ่นเสร็จเธอก็ส่งข้อความไปหาผู้ช่วยคังทันที ( คุณคัง ฉันกินแต่บะหมี่มาสองวันแล้ว จิตใจของคุณชายคุณทำด้วยอะไร กะจะให้ลูกจ้างกินแต่อาหารขยะ อย่างน่าเวทนาแบบนี้เหรอ ฉันยังต้องใช้สมองอยู่นะ สมองควรจะได้รับสารอาหารดีๆไปหล่อเลี้ยง แม้ฉันจะจน แต่ฉันก็ไม่เคยลำบากถึงขนาดต้องกินแต่บะหมี่สองวันเต็มแบบนี้ ทำไมคุณชายของคุณถึงได้ขี้เหนียวแบบนี้ ไม่คำนึงถึงปากท้องของลูกจ้างตัวเล็กๆบ้างเลย ) ผู้ช่วยคังที่กำลังประชุมอยู่ เมื่อเปิดดูข้อความจากพิมก็รู้สึกเวทนาปนความอยากขำ เลยแคปข้อความที่พิมส่งมาให้เขาส่งต่อไปให้คุณชายของเขาทันที เมื่อเตชินเปิดดูรูปภาพก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่เห็นข้อความที่กำลังว่าให้เขาอยู่ แล้วเขาก็เคลื่อนสายตามองไปยังผู้ช่วยคัง ที่กำลังแอบขำอยู่อย่างเย็นชา จนผู้ช่วยคังต้องรีบปรับอารมณ์และสีหน้าให้เป็นปกติทันที แล้วเขาก็ส่งข้อความไปให้ผู้ช่วยคังว่า ( โอนเงินไปให้หล่อน แล้วเย็นนี้คุณพาหล่อน ไปซื้อของในห้างซะ ) ผู้ช่วยคังจึงตอบกลับแชทของเขากลับไปว่า ( ครับ ) เมื่อฟังการรายงานความคืบหน้าโครงเสร็จเตชินจึงเอ่ยขึ้นว่า " ขอให้ทุกฝ่ายตั้งใจงานที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว เมื่อทุกคนเต็มที่กับงาน บริษัทได้รับความน่าเชื่อถือได้รับการยกย่องจากกลุ่มลูกค้า พนักงานทุกคนก็ได้รับความยกย่องนั้นด้วยเช่นกัน เป็นการการันตีว่าทุกคนคือพนักงานที่มีศักยภาพมีความเป็นมืออาชีพ สำหรับวันนี้ เลิกประชุมได้ " พูดจบเขาก็ลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที โดยมีผู้ช่วยคังและณัชชาเดินตามหลังไม่ห่าง ในหัวของเขาจินตนาการ นึกภาพป้าแม่บ้าน วัยกลางคน นั่งซดบะหมี่อย่างน่าเวทนา ด้วยความหิวโหยในบ้านของเขา เขาหยุดเดินแล้วหันมาเอ่ยกับผู้ช่วยคังด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าคงความสุขุมเย็นชาไม่เปลี่ยน " ต่อไปอย่าให้แม่บ้านอดข้าวแบบนี้อีก เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา แล้วเป็นข่าวเสียหาย อาจจะส่งผลกระทบมาถึงบริษัทได้ ข้อนี้ควรระวังให้มาก " " ครับ " ผู้ช่วยคังกำลังจะรู้สึกซาบซึ้งแทนพิมอยู่แท้ๆ แต่ความรู้สึกนั้นก็แตกสลายไปเมื่อได้ยินประโยคหลัง แล้วเตชินก็เอ่ยต่อว่า " ตอนไปซื้อของ กำชับป้าเขาด้วย ว่าให้ซื้อแต่อาหารที่มันมีประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วก็ซื้ออาหารเสริมด้วยจะได้ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคุณช่วยแกเลือกเอาอาหารที่สามารถย่อยง่าย ไม่กระทบกับการทำงานของระบบลำไส้ " ผู้ช่วยคังถึงกับอึ้งไป เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย จะว่าไปเขาก็ผิดที่ยุ่งจนลืมแจ้งเจ้านายว่าคนที่เขาหามานั้นยังวัยรุ่นอยู่ เขาจึงเอ่ยขึ้น " ครับ แต่ว่าคุณชายเธอ..." " ไม่ต้องพูดละ ไปทำตามที่ผมบอกเถอะ " " ครับ " สุดท้ายเขาก็ยังไม่ทันได้เอ่ยอธิบายอะไร เจ้านายของเขาก็เอ่ยแทรกขึ้น จนเขาไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อีก ณัชชาที่ยืนอยู่ข้างๆเตชินจึงเอ่ยขึ้นบ้าง " พี่เตชินคะ คุณป้าโทรมาให้ณัชชามาบอก พี่เตชินว่า วันเสาร์นี้ท่านอยากให้พี่กลับไปทานข้าวที่บ้านค่ะ " เมื่อผู้ช่วยคังได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยขึ้น " ผมขอตัวไปเอารถก่อนนะครับ " เอ่ยจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปอย่างรู้งาน ปล่อยให้สองคนคุยกันปรับความเข้าใจกันเอง เตชินหันมามองณัชชาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา แล้วเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแบบเยือกเย็น " ผมไม่ว่าง " เอ่ยจบเขาก็เดินห่างออกไป ณัชชาที่อดทนต่อความเย็นชาของเตชินไม่ไหวแล้ว เธอกำมือแน่นแล้วเอ่ยออกไปเสียงดัง " พี่กำลังพยายามหลบหน้าฉันอยู่ใช่มั้ย เพราะพี่ไม่อยากจะหมั้นกับฉันใช่มั้ย ถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ฉันแบบนี้ ฉันผิดอะไร ฉันก็ถูกบังคับให้หมั้นกับพี่เหมือนกัน "" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท