เมื่อได้ยินคำพูดของณัชชา เตชินก็หยุดนิ่งยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน
แล้วหันมามองณัชชาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาณัชชาอย่างช้าๆราวกับราชสีห์กำลังข่มขวัญศัตรูอยู่ จนทำให้ณัชชารู้สึกเสียใจขึ้นมาที่สติหลุดเผลอพูดออกไปแบบนั้น เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเย็น เบาพอได้ยินแค่สองคนด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจร้าย " ณัชชา เธอโตมากับฉัน เธอคิดอะไร นิสัยยังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ การหมั้นที่ไร้สาระครั้งนี้ ใช่แผนการของเธอหรือเปล่า จุดประสงค์เธอคืออะไร ถูกบังคับหรือเปล่านั้นไม่ต้องมาบอกฉันเธอรู้ดีที่สุด อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอจะดีกว่า " เมื่อได้ยินดังนั้น ณัชชาถึงกับอึ้งไป จนพูดไม่ออก ราวกับถูกตบหน้าแรงๆจนหูอื้อ แววตาเบิกกว้างด้วยความกลัว เธอไม่คิดว่าเตชินจะมองทุกอย่างออกขนาดนี้ แต่เมื่อความลับในใจถูกเปิดเผย เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกอีกต่อไป เธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาร้ายกาจ จ้องเตชินอย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยอย่างทะนงตนว่า " ในเมื่อพี่รู้หมดแล้ว ก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องมากังวลซ่อนความรู้สึกอีก ฉันเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของบริษัท และเป็นคนที่เหมาะสมกับพี่ที่สุด หากพี่คิดจะปฏิเสธการหมั้นระหว่างเรา นอกจากจะเสียหุ้นไป30%แล้ว อาจจะเสียทั้งนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายอื่นไปด้วย หากข่าวการตัดความสัมพันธ์ของตระกูลเราสองคน ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อฉันลาออกตำแหน่งรองประธานบริษัท บริษัทพี่อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยนะ พี่กลับไปคิดทบทวนให้ดีๆ " ณัชชารู้ดีว่าจุดอ่อนของเตชินคือบริษัท เพื่อบริษัทแล้วเตชินยอมทุ่มเทสุดกำลังแรงใจที่มี ต่อให้ต้องเลือกระหว่างคนรักกับบริษัทเตชินก็เลือกบริษัท เพราะเตชินจะไม่ทิ้งความสำเร็จในอนาคตเพื่อคนรักคนเดียวข้อนี้เธอรู้ดี เตชินบีบแขนณัชชาด้วยความเดือดดาล เขาคิดไม่ถึงว่าโตมาเธอจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ถึงขั้นมาขู่เขาแบบนี้ เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้จนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างไร้หัวใจว่า " ณัชชาเธอคิดว่าคุ้มแล้วเหรอ ที่จะมาบีบบังคับกันด้วยวิธีนี้ ได้หมั้นกับฉันสมใจเธอแล้วยังไง เธอรับได้เหรอที่จะถูกทิ้งไว้บนหิ้ง อยู่อย่างแม่หม้าย มีสามีแต่ก็เหมือนไม่มี เธอคิดดีแล้วเหรอ หากคิดดีแล้วคิดจะหมั้น จะแต่งงานกับฉันให้ได้งั้นก็เตรียมรับชะตากรรมที่น่ารังเกียจได้เลย " ณัชชาจ้องมองเตชินด้วยแววตาที่แข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วกลับแฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจ แล้วเธอก็เอ่ยขึ้น " แค่ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ถึงต้องอยู่บนหิ้ง ฉันก็ยอม " ได้ยินแบบนี้เตชินถึงกับผลักเธอออกห่างจากตัวด้วยความรังเกียจ เอ่ยเพียงว่า " ดี ดีมาก เธอเลือกเองนะ " เอ่ยจบก็เดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีณัชชาอีกต่อไป ปล่อยให้เธอยืนร้องให้ด้วยความน้อยใจอยู่ข้างหลังคนเดียว ระหว่างทางเตชินนั่งในรถด้วยสีหน้านิ่งและเงียบขรึม เขากำลังคิดแก้ปัญหาเกี่ยวกับการหมั้นที่จะเกิด หมั้นไม่เท่าไหร่แต่หลังจากแต่งงานไปแล้วนี่สิ เขาจะต้องทำยังไงให้ณัชชายอมแพ้และหมดความอดทนจนเลิกรักเขาไป เมื่อกลับไปถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว เขาเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น แล้วยกขึ้นมาดื่มเพื่อให้ตนเองสดชื่น ดื่มน้ำเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปบนห้องทันทีด้วยความเหนื่อยหน่าย ผู้ช่วยคังส่งข้อความไปหาพิม ( คุณพิม คุณชายให้ผมไปส่งคุณไปซื้ออาหารและของใช้ส่วนตัวครับ ผมรออยู่หน้าบ้านนะ ) พิมเปิดอ่านข้อความเสร็จเธอก็ตอบไปว่า ( โอเคค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ ) ตอบข้อความเสร็จเธอก็ไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป ด้วยชุดลำลองที่ใส่สบายๆ สวมรองเท้าผ้าใบเก๋ๆรวบผมขึ้นหลวมๆ แล้วเดินออกจากห้องไปทันที เมื่อไปถึงเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ เตชินที่อยู่ข้างบนมองออกไปนอกหน้าต่างพอดีเห็นแผ่นหลังของพิมแวบหนึ่ง ก็บ่นพึมพำออกมาคนเดียวว่า " ป้าแม่บ้านคนนี้รูปร่างผอม แต่ดูแลผิวดีใช้ได้ " จากนั้นเขาก็หันมาสนใจงานในคอมของเขาต่อ พิมกับผู้ช่วยคัง เข็นรถเข็นเดินซื้อของจำพวกอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม รวมถึงของใช้ส่วนตัว ผู้ช่วยคังจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเอ่ย " คุณพิมเอาคิวอาร์โค้ดบัญชีคุณมาสิ คุณชายโอนเงินค่าอาหารคุณเข้ามาให้แล้ว ผมจะโอนไปให้คุณสแกนจ่าย " พิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นคิวอาร์โค้ดบัญชีของตัวเองให้ผู้ช่วยคังทันที เมื่อสแกนเสร็จเธอจึงเอ่ยตามมารยาทว่า " ขอบคุณค่ะ " แล้วทั้งสองก็เข็นรถเข็นไปยังจุดชำระเงิน พนักงานคิดเงินเสร็จ เธอก็สแกนจ่ายเงินทันที เมื่อกลับมาที่รถ ผู้ช่วยคังก็เอาของขึ้นมาไว้ในรถ จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ขึ้นไปนั่งในรถ ผู้ช่วยคังก็ขับออกไปทันที เธอจึงเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยคังว่า " คุณคัง ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่ง ไว้คุณว่างฉันจะทำอาหารเลี้ยงเพื่อเป็นการตอบแทนดีมั้ยคะ " ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ย " ไม่เป็นไรครับคุณพิม แค่คุณพิมกินอิ่ม นอนอุ่น อยู่แล้วมีความสุข แค่นี้ก็ตอบแทนผมมากแล้ว อีกอย่างนี่เป็นหน้าที่ผมที่ต้องดูแลคุณพิมครับ " " อย่างงั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณหิว ก็สามารถทานอาหารที่ฉันทำได้เลยนะคะ หรือคุณอยากทำกินเองก็ได้ตามสบายเลยนะ " " ครับ " ผู้ช่วยคังมองดูพิมเอ่ยพูดอย่างไร้เดียงสาด้วยความไม่รู้อะไร เขาได้แต่ยิ้มให้เธอและคิดในใจอย่างเงียบๆ [ ในบ้านคุณชายมีตู้เย็นเครื่องเดียวห้องครัวแค่ห้องเดียว คุณพิมจะลำบากมั้ยนะ แล้วจะไปขัดใจอะไรกับคุณชายหรือเปล่า ] คุณชายของเขาที่รักอิสระ ต้องการความเป็นส่วนตัว จะรำคาญพิมที่เป็นแม่บ้านประจำของเขามั้ย เรื่องนี้เขายากที่จะรู้ได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน พิมและผู้ช่วยคังก็ช่วยกันขนของลงจากรถ เสร็จผู้ช่วยคังก็เดินออกไป เหลือพิมที่อยู่ในห้องครัวคนเดียว จัดเรียงทุกอย่างเข้าตูเย็น จนเต็มตู้ มีแต่เครื่องดื่มที่เธอชอบ ชาเลมอนน้ำผึ้งมะนาว ของหวาน น้ำอัดลม อาหารก็จะมี หมูสามชั้น ซีโครง ผักผลไม้มีเล็กน้อย นอกนั้นก็เป็นขนมทานเล่น จำพวกช็อกโกแลต ทั้งแบบแผ่น แบบแท่ง แบบกลม แบบเม็ด ล้วนเป็นของที่เธอชอบ ที่ใส่ในตู้เก็บของนอกตู้เย็นก็จะมีขนมมันฝรั่งทอดกรอบ รสสาหร่ายที่เธอชอบมาก และซื้อบะหมี่ไว้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย เรียงเสร็จเธอก็หยิบขนมกับน้ำไปที่ห้องของตัวเองทันที ในตอนเช้า เตชินตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้า เมื่อออกกำลังกายเสร็จ เขาเดินเข้าไปในห้องครัวเปิดตู้เย็นออกมาเพื่อหยิบน้ำดื่ม แต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า ที่เต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้มีแต่ของไร้ประโยชน์ในสายตาเขา แล้วเขาก็พึมพำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าคนแก่ไม่รู้เรื่อง " ป้าแม่บ้านคนนี้นี่ ไม่รู้หรือไงว่าการที่ทานแต่ของพวกนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะ สงสัยจะต้องเตรียมไว้ให้เองซะแล้วจะได้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่ช่วยดูแลงานบ้านไปนานๆ " พึมพำเสร็จก็ไปหยิบถุงขยะ เอาของที่ไม่มีประโยชน์ในตู้เย็นทิ้งจนหมดเกลี้ยง แล้วออกไปซื้อของคนเดียวในซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้ออาหารที่มีประโยชน์ เครื่องดื่มก็ซื้อแบบไม่มีน้ำตาล โยเกิร์ตก็ซื้อ ที่แคลลอรี่ต่ำ ไขมัน0% ซื้อนมที่บำรุงกระดูกสำหรับคนแก่มาให้เธอ รวมถึงซื้อข้าวกล้องและธัญพืชต่างๆไว้ให้พร้อม แล้วกลับมาจัดใส่ในตู้เย็นให้อย่างเป็นระเบียบเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปห้องไปเพื่อไปอาบน้ำ ไม่นานเขาก็ออกมาจากห้อง เดินลงมาแล้วออกจากบ้าน ไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป พิมตื่นขึ้นมาเธอไปอาบน้ำแต่งตัว ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วเริ่มทำงานบ้านตามปกติ ตอนบ่ายเธออยากกินส้มตำ จึงคิดจะทำส้มตำกิน แต่พอเธอไปเปิดตูเย็น ก็ถึงกับไม่มีความอยากอาหารอีกต่อไป เมื่อของโปรด ของชอบเธอหายเกลี้ยงไปเพียงแค่ชั่วค่ำคืนเดียว ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่เธอไม่ชอบเกือบทั้งหมด เธอกัดฟันมองตู้เย็นอย่างอารมณ์เสียแล้วบ่นออกมา " เป็นฝีมืออิตาเจ้าของบ้านแน่เลย นี่กะจะให้เรากินแต่ของพวกนี้รึไง ไม่รู้หรือไงว่าคนทำงานเหนื่อยๆร่างกายก็ต้องการน้ำตาล เพลียจิตกับอิตาคนนี้ " จากั้นเธอก็ทำสีหน้ายอมจำนนพร้อมกับเอ่ยอย่างคอตกปลอบใจตัวเองว่า " ช่างเหอะ เขาเป็นเจ้าของบ้านแถมเป็นนายจ้างที่ให้เงินดี ทนๆ ยอมๆเขาไปก่อนแล้วกัน กินเท่าที่มีไปก่อนนะเรา " พูดจบเธอก็เริ่มทำส้มตำรสแซ่บ เผ็ด เปรี้ยว หวานหน่อยๆ หอมปลาร้านิดๆ รสชาตินัวๆแซ่บๆ แล้วเธอก็นั่งกินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย เพลินจนลืมความไม่พอใจไปเลย" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท