#อู่ซ่อมรถ
พอเห็นตุลฉันก็ยิ้มหวาน นี่สิความสุขที่ขาดหายไปตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ดูท่าการเจอหน้าฉันมันจะไม่ใช่ความสุขของเขานะ ฉันยังจำคำพูดของตุลได้ที่บอกว่า ‘ถ้าไม่อยากเจอแบบนี้อีกก็อย่ามาให้เห็นหน้า’ พอคิดถึงคำนี้ทีไรภาพเหตุการณ์นั้นมันก็ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวเอง ถึงจะกลัวและรู้สึกไม่กล้าประจันหน้าแต่ใจฉันมันไม่รักดีเอาแต่คิดถึงเขา “มาทำไม ?” ตุลถามแบบไม่สบอารมณ์อย่างทุกครั้ง “พ…พี่มา มา” ฉันคิดหาข้ออ้างก่อนจะเหลือบไปเห็นรถตัวเอง “มาดูรถน่ะ” ตุลเดินเข้าไปในอู่ ไม่นานเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกุญแจรถแล้วโยนมาให้ฉันรับ แค่เอามายื่นให้ดีๆ ก็ไม่ได้ “ไม่เจอหน้าตั้งหนึ่งอาทิตย์รู้ไหมว่าพี่….” “ไม่เข็ด ?” เขาถามไม่ใช่แค่คำพูดแต่กลับใช้สายตาจ้องมองมาที่หน้าอกของฉันไม่กระพริบ เมื่อเจอสายตาแบบนั้นจ้องมองใบหน้าของฉันมันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที พยายามจะสู้กับความอายในใจตัวเองยังไม่พอ ยังจะต้องสู้กับสายตาแบบนี้ของตุลอีก “เรื่องนั้นช่างมันเถอะพี่ไม่อะไรแล้ว” ฉันแค่ไม่อยากเก็บมันมาคิด ถึงมันจะทำให้รู้สึกแย่ชอบเขามากๆ ไปแล้วนี่ ฉันอยากจะลองปรับตัว เผื่อตุลจะยอมเปิดใจ ถึงไม่เปิดใจตอนนี้ขอแค่เขาไม่ใจร้ายอีก “คือพี่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ทำตัวจุ้นจ้านมากเกินไป ต่อไปนี้พี่จะพยายามไม่……” ตุลเดินมาใกล้ๆ ทำให้ฉันต้องหยุดพูดและถอยหลังหนี แต่ยิ่งถอยเขาก็ยิ่งเดินมาใกล้ๆ ในที่สุดฉันก็จนมุมแผ่นหลังมันติดกับฝากระโปรงรถ “ถามว่าที่โดนไปไม่เข็ด ? หรืออยากเจอของจริง” ไม่พูดเปล่า ตุลโน้มใบหน้าลงมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันระหร่างตัวของฉันไว้ ฉันต้องเอนตัวหนีเพราะอยู่ใกล้กันเกินไป “ด…โดนอะไรหรอ” ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ชอบที่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้ แต่ไม่ชอบสายตาเย็นชาคู่นั้นของเขาเลย “เคยโดนแบบไหนมาบ้างก็น่าจะรู้ดีอย่าทำตัวใสซื่อ เห็นแล้วมันตลก” “…….” เขาคิดว่าฉันไม่บริสุทธิ์อยู่สินะ ตอนนั้นฉันกลัวขนาดไหนยังดูไม่ออกอีกหรือไง“พี่ตุลคะ” เสียงของผู้หญิงเรียกชื่อตุล เขาหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะผละตัวออกจากฉัน
ยัยผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งมากอดแขนตุลต่อหน้าฉัน ทำเหมือนมองไม่เห็นว่าฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้!! “ใครหรอพี่ตุล ?” เธอหันไปถามตุลว่าฉันเป็นใคร “แค่คนเอารถมาซ่อม ไม่ได้รู้จักแบบส่วนตัว” เขาพูดออกมาอย่างเลือดเย็นทำเอาฉันจุกอก ไม่น่ามาเลยจริงๆ นั่นแหละ มาให้ตัวเองช้ำใจเปล่าๆ แต่ถึงจะเจ็บจะจุกกี่ครั้งฉันก็มาหาเขาอยู่ดีแบบครั้งนี้ไง เฮ้อ ยัยผู้หญิงคนนี้น่าโดนจิกหัวสักที ถ้ายังไม่เลิกใช้สายตาแบบนั้นมองฉันได้เห็นดีกันแน่!! “รถเสร็จแล้วก็กลับไป หวังว่าจะไม่พังอีก” เขาทิ้งท้ายไว้เหมือนรู้ทัน ก่อนจะหันไปบอกผู้หญิงข้างกาย “กลับไปก่อนวันนี้ไม่มีอารมณ์” “แต่…..” “บอกว่าไม่มีอารมณ์” เขากดเสียงต่ำบอกอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดของตุลแต่เธอก็ยอมกลับไป พอเธอไปแล้วตุลก็เดินกลับมาหาฉัน “ทำไมไม่กลับ หรือที่จริงแล้วก็อยากจะโดนแบบวันนั้นแค่แกล้งเล่นตัว ?” ฉันพยายามไม่สนใจคำพูดของตุล แล้วถามท“ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นอะไรกับตุลหรอ…” “คู่ซ้อม” เขาตอบแบบไม่ต้องคิด “……” คำตอบนั้นทำให้ฉันกัดริมฝีปากแน่น เขามันเสือผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างที่แพรว่าจริงๆเช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“