ในตอนนี้นายหัวบุรินทร์อุ้มน้องบลูเบลไปเล่นน้ำด้วยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำหน้าบ้าน ทั้งสองคนอยู่ในชุดว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้กำลังสนุกสนานเสียงดังลั่น ส่วนคนเป็นแม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่ขอบสระ จ้องมองไปทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง ณ ขณะนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าไม่มีวี่แววจะขึ้นมาเลย
"คุณบุรินทร์คะ ช่วยพาลูกของเนตรขึ้นมาหน่อยค่ะ นี่มันก็ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอกค่ะ"
"แค่ครึ่งชั่วโมงเองจะรีบไปไหน อย่ามาไร้สาระน่า เห็นไหมว่าเด็กกำลังสนุก"
"แต่ลูกของเนตรจะไม่สบายนะคะ คุณรับผิดชอบไหวหรือไง"
เนตรนภาเอ่ยออกมาเสียงดุ แต่ทว่าคนที่อยู่ในสระกลับทำเหมือนไม่สนใจ หันไปสาดน้ำเล่นสนุกสนานกับลูกชายของเธอ หญิงสาวถึงกับกุมขมับไม่รู้จะพูดกับเขายังไง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจพาลูกมาอยู่ที่นี่
"คุณบุรินทร์คะ ถ้าเกิดว่าเล่นน้ำกันเสร็จเนตรจะพาลูกกลับบ้านแล้วนะ แล้วก็จะไม่ทำงานกับคุณแล้ว"
"ว่าไงนะ!"
เขาหันขวับไปมองหญิงสาวด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบว่ายน้ำเข้าไปอุ้มจอมแสบมาไว้ในอ้อมแขน รีบพากันขึ้นมาจากสระเพราะดูเหมือนว่าประโยคข่มขู่จะทำให้เขากลัว
"ไปเลยไอ้แสบเราเล่นน้ำกันนานแล้ว อาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่"
"สนุกมากเลยครับคุณลุง"
"ไหนลองเรียกพ่อซิ"
"แม่บอกว่าไม่ให้เรียกครับ ให้เรียกว่าคุณลุง"
และเมื่อเนตรนภาถูกลูกชายจอมแสบแฉแบบนั้น ก็ถึงกับอึกอักอย่างพูดไม่ออก นายหัวบุรินทร์หันไปมองใบหน้าของเธอ ใช้นิ้วชี้ชี้ตรงไปยังหน้าเธอก่อนจะเอ่ยออกมา
"ให้ลูกหลับก่อน เดี๋ยวเราได้เคลียร์กันทั้งคืนแน่ ไปตัวแสบไปอาบน้ำกันดีกว่า"
"ได้ครับคุณลุง"
บลูเบลวิ่งไปกุมมือของบุรินทร์เอาไว้ จากนั้นก็พากันเดินกลับขึ้นไปชั้นบนของบ้าน โดยมีหญิงสาวถือผ้าเช็ดตัวเดินตามทั้งคู่เข้ามาข้างใน แม่บ้านทั้งหลายที่อยู่มานานจะรู้จักเนตรนภาดี เพราะเธอเป็นอดีตเด็กเลี้ยงของเจ้านายเมื่อนานมาแล้ว แต่การกลับมาครั้งนี้แถมยังมีเด็กน้อยจอมแสบตามมาด้วย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ทุกคนจึงไม่กล้ายุ่งเรื่องของเจ้านาย เพราะถ้าเกิดคุณเนตรนภากลับเข้ามาอยู่ที่นี่ เท่ากับว่าจะกลายมาเป็นเจ้านายอีกคน
"อาบน้ำเสร็จเนตรจะพาลูกกลับแล้วค่ะ ถ้าขืนอยู่ที่นี่คงจะนิสัยเสีย เพราะคุณตามใจจนเสียคน"
"แล้วฉันเลี้ยงไม่ดีตรงไหน คุณภาพชีวิตดีสุด กินหรูอยู่สบาย มีคนทำให้ทุกอย่าง ที่สำคัญอยากเรียนแพงแค่ไหนก็ได้ สังคมไฮโซคอนเนคชั่นดี เธอคิดว่าการที่เด็กอยู่กับเธอมันดีกว่าอยู่กับฉันจริงดิ"
"ถึงหนูจะไม่มีเงินหรือร่ำรวยแบบคุณ แต่หนูมั่นใจค่ะว่าเลี้ยงดีที่สุด ไม่เสียคนแน่"
สองคนทะเลาะกันโดยที่ลูกยังอยู่ตรงนั้น และเมื่อบลูเบลเห็นพ่อแม่ดูเหมือนจะมีปัญหากันก็รีบเอ่ยร้องห้ามทันที
"อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ บลูเบลไม่ชอบเลย"
และเมื่อลูกชายเอ่ยออกมาแบบนั้น ก็ทำให้ทั้งคู่ได้สติรีบหยุดการทะเลาะกันทันที การที่ผู้ใหญ่มีปัญหากันต่อหน้าเด็กไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ถ้าเกิดว่ามีอะไรควรจะไปคุยกันลับหลัง
"เดี๋ยวได้เคลียร์กันยาวแน่นอนไม่ต้องกลัว ตอนนี้พาลูกไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำที่ห้อง"
"ค่ะ ไปครับบลูเบล เราไปอาบน้ำกันนะ"
เธอจูงเหมือนลูกพาเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในห้องรับแขกชั้นบนของบ้าน ส่วนนายหัวบุรินทร์เขากลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้สองแม่ลูกจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน
"ตอนนี้เรามาคุยกันว่ายังไง ไหนลูกบอกว่าจะเก็บไว้เป็นความลับไง ทำไมไปบอกพ่อเขาแบบนั้นล่ะ"
บลูเบลทำหน้าตาใสซื่อจ้องมองมายังใบหน้าของคุณแม่ด้วยความมึนงง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าห้ามเรียกคุณพ่อเด็ดขาด จะต้องเรียกว่าคุณลุงเท่านั้นซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดี ไม่มีตรงไหนที่ผิดสัญญาเลยนะ
"ผมก็ไม่ได้พูดอะไรที่ผิดสัญญาเลยนะครับ"
"ไม่ผิดยังไง ลูกเป็นคนไปบอกพ่อเอง ว่าแม่ไม่ให้เรียกไม่ใช่เหรอ"
"ก็ผมบอกเฉย ๆ ครับ แต่ยังไม่ได้เรียกว่าพ่อเลยนะ ผมก็เรียกคุณลุงตลอดผิดสัญญาตรงไหนครับ"
"ก็มัน..."
หญิงสาวถึงกับเถียงไม่ออกเมื่อถูกลูกชายจอมแสบสวนกลับมาแบบนั้น มันก็จริงแหละที่เธอตกลงกับลูกแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว แต่ใครจะคิดว่าบลูเบลจะสารภาพความจริงออกไปแบบนั้น
"ช่างมันเถอะเรารีบอาบน้ำนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก อยากจะไปนอนกินยาที่โรงพยาบาลหรือไง"
"ไม่เอาหรอกครับ บลูเบลไม่อยากใส่เต่าเลยมันเจ็บครับ"
เด็กน้อยทำท่ากลัวก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ และรู้สึกขยาดทุกครั้งเมื่อนึกถึงโรงพยาบาล
"สระผมด้วยนะรู้ไหม"
"ครับผม"
เธอเดินเข้ามาข้างในก่อนจะเปิดน้ำอุ่นให้ลูกชาย จากนั้นก็จัดการถูสบู่สระผมให้เสร็จเรียบร้อย ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมเจ้าตัวเล็กเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มกลับเข้ามาในห้อง เปิดกระเป๋าที่แม่บ้านเอาขึ้นมาส่งให้ หยิบชุดของบลูเบลออกมาจากกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดให้ลูกชายทันที
"หิวข้าวไหม ลูกเล่นน้ำเป็นครึ่งชั่วโมงคงจะเหนื่อยน่าดูสินะ"
"ผมง่วงนอนมากเลยครับคุณแม่ ขอนอนก่อนได้ไหมครับ"
"แล้วหนูไม่หิวเหรอลูก"
เธอยื่นมือเป็นลูบผมลูกชายด้วยความเอ็นดู ช่วงกลางวันนี้เด็กน้อยยังไม่ทันได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเกิดว่าง่วงเธอก็จะให้พักผ่อนก่อน ตื่นมาก็คงจะพอดีกัน
"ยังไม่หิวเลยครับเพิ่งกินนมไปเอง"
บลูเบลยกมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะทำตาปรือเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเล่นน้ำ เธออุ้มลูกชายขึ้นไปนอนลงบนเตียง เอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ ลูบผมไปมาเพียงแป๊บเดียวเด็กน้อยก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
"หลับเร็วจริง ๆ เลยนะจอมแสบ ฝันดีนะครับ เดี๋ยวตื่นมาแม่หาของอะไรให้กินนะ"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อมีเสียงประตูถูกเปิดออก ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นใบหน้าของอดีตคนเลี้ยงดูเธอเข้ามาข้างใน
"คุณบุรินทร์เข้ามาทำไมคะ"
"บลูเบลหลับแล้วเหรอ"
"ใช่ค่ะ คงจะเหนื่อยมากเล่นน้ำนานไปหน่อย"
"ก็ดีงั้นให้ลูกหลับอยู่ที่นี่แหละ"
เขายิ้มมุมปากจากเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้ามาดึงข้อมือของหญิงสาวลงมาจากเตียงให้เข้ามาประชิดตัว ใบหน้าสวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะกอดเอวของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะล้มลงไปที่พื้น
"คุณคิดที่จะทำอะไรคะ"
"ไปเคลียร์กันไง เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเฝ้าลูกไว้ ส่วนเราสองคนควรจะไปเคลียร์กันบนเตียงนะ เพราะยืนคุยกันแบบนี้น่าจะไม่ค่อยเข้าใจ"
"กรี๊ด! คุณจะบ้าเหรอคะ หนูไม่ไปหรอกนะ"
"หึ... ฉันจะทบต้นทบดอก โทษฐานที่เธอพรากลูกไปจากฉันถึงห้าปี"
"คุณบุรินทร์!"
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที