ไฟสีสันแสบตากับเสียงเพลงดังกระหึ่ม คงคิดไม่ถึงว่าฉันจะมานั่งจมปลักจิบไวน์ที่นี่ทุกคืนก่อนกลับบ้าน เป็นหมอต้องเฮลตี้รักษาสุขภาพสิ ไม่กระดกแอลกอฮอล์ทุกค่ำหลังออกเวรแบบนี้หรอก
ใคร ๆ ก็พูดแบบนี้
ก็ฉันเครียดฉันเหนื่อย แอลกอฮอล์ทำฉันหลับสบายไม่ต้องประสาทหลอนฝันร้าย ที่เห็นคนไข้จมกองเลือดทุกวัน
“คุณหมอแก้วที่เท่าไหร่แล้วครับ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลเบา ๆ ไหม” ฉันนั่งเก้าอี้สูงท้าวคางมองบาร์เทนเดอร์หนุ่ม บอกตรง ๆ ฉันอยากจ้างไปชงเครื่องดื่มที่บ้านชะมัด แต่พ่อฉันคงฆ่าตายก่อนจะได้ย่างกรายเข้าบ้าน
เหอะ นึกแล้วเซ็ง ก็พ่อนั่นแหละเป็นสาเหตุที่ฉันต้องมานั่งเบื่อ ๆ ตรงนี้ พ่อแนะนำให้ฉันเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยประสาทและสมอง มันงานหิน มันยากและฉันต้องเรียนอีกห้าปีเต็ม แค่เป็นหมอปกติฉันก็เครียดจะตายอยู่แล้ว
“เอาค็อกเทลก็ได้ อะไรก็เอามา” บาร์เทนเดอร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าตามจังหวะเพลง ที่ตอนนี้ผับเริ่มเปิดดังขึ้น ดังขึ้น เสียงเบสก็ดังกระหึ่มตึบ ๆ บวกกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่เริ่มทำฉันปวดหู เหมือนไมเกรนจะขึ้น
มันคงถึงเวลา ที่ฉันต้องกลับบ้านแล้วล่ะ
รำคาญ...
“เฮ้อ...” ฉันกุมขมับถอนหายใจ มองดีเจบนเวทีที่เริ่มมิกซ์เพลงเป็นว่าเล่น จนบาร์เทนเดอร์หนุ่มเขาทำเครื่องดื่มฉันเสร็จ และวางปึกลงบนโต๊ะบาร์
“ได้แล้วครับคุณหมอค็อกเทล Sex on the beach” ฉันมองแก้วค็อกเทลสีพีชอย่างชั่งใจ ผสมอะไรบ้างเนี่ย สีน่ารักแต่ชื่ออุบาทว์ฉิบ
“หวังว่าฉันกิน แล้วจะไม่เกิดอารมณ์ทางเพศนะ” บาร์เทนเดอร์ขำลั่น แล้วเอามือค้ำบาร์จ้องฉันยิ้ม ๆ
“ฮ่า ๆ คุณหมอเข้าใจปล่อยมุข ลองดื่มดูก่อนครับ ถ้าเกิดอารมณ์ ผมโทรหาผู้ปกครองให้”
เหอะ ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ
ฉันนั่งดื่มค็อกเทลรีบ ๆ เพราะยิ่งดึก เพลงยิ่งดัง และตอนนี้คนก็เริ่มเยอะขึ้น ๆ จนสักพักฉันรู้สึกมึนหัว ออกร้อนตามอก อาจเป็นเพราะฉันใช้หลอดดูดหรือกินหลาย ๆ อย่างผสม หรือไม่ก็ท้องว่างมาทั้งวัน จนทำแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์เร็วขึ้น
ให้ตาย ทุกอย่างหมุนติ้ว ตอนนี้ฉันนั่งมองหน้าบาร์เทนเดอร์ที่โยกหัวโยกตัวตามจังหวะเพลง จนหน้าเขามีภาพซ้อนขึ้นหลาย ๆ ภาพ และมัวจนฉัน รีบขยี้ตา
ไม่ ไม่น่าเลย ฉันดื่มเยอะแบบนี้มันไม่ดีกับตัวฉัน และถ้าฉันกลับบ้าน พ่อแม่ต้องได้กลิ่นแน่ ๆ
“คุณหมอไม่ไหวแล้วใช่ไหม? พอเถอะครับ กลับได้รึเปล่า ผมเรียกแท็กซี่ให้” ฉันโบกมือปฏิเสธ แล้วรีบวางเงินแบงค์พันสี่ใบ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายได้ แล้วลุกขึ้น เดินเซซ้ายเซขวาไปเข้าห้องน้ำ
แพทย์หญิง แพทย์หญิง พรุ่งนี้เข้าเวรแปดโมง แต่ตอนนี้เธอต้องถึงบ้านให้ได้น้ำแข็ง
“อุ๊ปส์!” มือเล็กรีบปิดปาก พร้อมกับฉันที่เงยหน้ามองหาป้ายห้องน้ำทันที ก่อนที่จะประคับประคองร่างตัวเองเดินช้า ๆ ช้า ๆ ไปขึ้นบันไดหน้าห้องน้ำ ก้าวทีละขั้นพร้อมกับใช้หลังพิงราวบันไดไปด้วย
“ให้ตาย ไม่เอาแบบนี้นะน้ำแข็ง ไม่เอา”
“คุณ ๆ ไหวไหมครับเนี่ย?” ขณะที่ฉันหลับตานิ่งตั้งสติ อยู่ ๆ ก็มีผู้ชายสองคน..เดินมายืนขนาบข้างจับแขนฉัน แต่เมื่อฉันรู้สึกตัวฉันก็รีบสะบัด และเดินเซกระแทกไหล่พวกนั้นออกไป
แต่พอหลุดออกมาได้จะเข้าห้องน้ำ ฉันก็เหมือนจะไม่ไหว ไวน์ค็อกเทลตีกันวุ่นวายอยู่ในท้อง จนตอนนี้ฉันคลื่นไส้ร้อนวาบอีกรอบ เวียนหัวเมื่อยตัวไม่มีแรงเดินต่อ จนรีบจับผนังประคองร่างตัวเอง
“คุณ ๆ เป็นอะไรไหม? ผมไปส่งที่ห้องนะ ไม่ก็... ไปต่อที่อื่นกัน” ฉันนวดขมับครู่นึงและเปิดตาขึ้น ให้ตายเถอะพวกนั้นอีกแล้ว ฉันอยากจะเดินหนีให้พ้น ๆ นะ แต่ทำไมหัวหมุนติ้วแบบนี้
“ปล่อย” ฉันหันไปพูดเรียบ ๆ จ้องหน้าขาว ๆ ของผู้ชายคนนั้นตาเขม็ง จนเขาหันไปชะเง้อหากลุ่มเพื่อน ที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาหลายคน
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า
ห้าคน!
“เฮ้ย... กูได้ขนมกินเล่นแล้วคืนนี้” ฉันเบิกตากว้างหันไปผลักอกไอ้หน้าขาวทันที ก่อนที่จะรีบเดินปรี่เข้าห้องน้ำ แต่ทว่าไม่ทันก้าวขา มือสากใหญ่ ๆ ก็คว้าหมับ! ที่ข้อมือฉัน!
“ปล่อย!”
“แก้มแดงกำลังได้ที่เลยคนสวย เฮ้ยไอ้เต้ สนใจขึ้นครูไหมวะ งานดีมากฮ่า ๆ”
ฉันทั้งแกะทั้งตีมือมัน แต่มันก็ไม่ปล่อยฉันสักที ตอนนี้คิดถึงแต่หน้าพ่อหน้าแม่ ได้โปรด... ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันนั่งที่นี่มานานไม่เคยเจออะไรป่าเถื่อนแบบนี้ และฉันก็ไม่เคยรู้สึกเมื่อยและหมดแรงแบบนี้มาก่อน
ขณะที่ฉันคิดหาทางรอดและทางออกด้วยสมองที่หนักอึ้ง อยู่ ๆ ทุกอย่างก็ตีขึ้นมา ฉันรู้สึกมึนหัวมากกว่าเดิม และมันก็ร้อนวูบไปทั้งหน้า ลักษณะอาการแบบนี้ ถ้าไม่ดื่มแอลกอฮอล์แรงมาก ๆ ฉันต้องเจอสารกระตุ้นอะไรบางอย่างแน่นอน
มือว่างกุมขมับนวดเบา ๆ ฉันพยายามยืนและทรงตัวจ้องคนจับข้อมือแน่น ก่อนจะสะดุ้งโหย่งหันขวับไปมองอย่างหวาดระแวง เมื่อเอวบางที่ไม่เคยมีชายใดจับต้อง กำลังถูกโอบจากด้านหลัง!
ทุกอย่างพร่ามัว ฉันมองหน้าเจ้าของมือไม่ชัด รู้สึกแค่ลมหายใจอุ่น ๆ ที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้งเท่านั้น และตอนนี้ฉัน...
ก็ไม่ไหวแล้ว
“เชี่ยสวยว่ะ กูขอ...”
“เฮ้ยพีม แบ่งถุงยางให้ไอ้เต้ดิวะ มันจะหิ้วสาวกลับแล้วเว้ย”
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด