‘ตึก ตึก ตึก ตึก’ นี่คือเสียงรองเท้าฉัน หลังจากราวนด์คนไข้ พักเที่ยงกินข้าวกินปลาหูฉันก็ได้ยินแต่คำว่า...
“คุณหมอคะ IPD” (ผู้ป่วยใน)
“คุณหมอคะ OPD” (ผู้ป่วยนอก)
“คุณหมอครับ! Fx (Fracture) ผู้ป่วยเพศชาย อายุสามสิบสองปี ไม่มีโรคประจำตัว เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ยังมีสติ Vital sign...” ฉันหัวหมุนกึ่งเดินกึ่งวิ่งในโรงพยาบาล ก่อนจะมาหยุดที่นักศึกษาแพทย์อินเทรินที่วิ่งหน้าตั้งเรียกฉันไปดูคนไข้ ER แผนกฉุกเฉินรายนึง
หัวแตกขาแขนผิดรูปจมกองเลือด ฉันเห็นจนชินตา และเมื่อฉันจับดูข้อต่อและดูผลความดันกับสัญญาณชีพ ฉันก็เริ่มเช็คม่านตาคนไข้ทีละข้าง ทีละข้าง
“CT brain, และ ORTHO (Orthopedic) ส่งต่อศัลยกรรมกระดูก”
เมื่อพยาบาลและหมออินเทรินพยักหน้ารับ ฉันก็ลงประวัติในแฟ้มคนไข้ และเดินออกไป เพราะฉันจุกและคาวเลือดมาก ฉันเพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ และวิ่งไปมาในโรงพยาบาล อีกอย่างหน้าที่แต่งมาหมาด ๆ ก็เริ่มมันแผลบ
เฮ้อ... ฉันอยากหนีเวรไปอาบน้ำชะมัด แต่ทำไม่ได้ เหนื่อยเพลียไม่ไหวยังไงก็ต้องทน ยิ่งโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลของครอบครัว ฉันยิ่งอู้ไม่ได้ เสียชื่อพ่อหมด
ฉันนั่งลงที่เก้าอี้สีฟ้าพิงพนักถอนหายใจ นั่งมันกับญาติคนไข้นี่แหละ จนสักพักยัยพี่สาวฝาแฝด เธอเดินเชิดถือสเต็ทโทสโคปมาหาฉัน หน้าเธอสวยราวกับภาพวาด และวางตัวดีเป็นที่หนึ่ง เธอชื่อน้ำแข็ง
“ตื่นสาย แถมยังอู้งาน” ฉันถอนหายใจเงยหน้ามองพี่สาว ที่ยังมองฉันนิ่ง ๆ มองด้วยสายตาเย็นชาของเธอนั่นแหละ
“ก็เธอไม่ปลุกฉัน ฉันฟ้องพ่อไปแล้วด้วย แล้วที่นั่งเนี่ย คนนะไม่ใช่เครื่องจักรเหนื่อยเป็น! คนไข้เยอะจะตายวิ่งไปมาจนจุกแล้วเนี่ย”
“ใครใช้ให้เธอวิ่ง เดินไม่เป็นรึไง” หน้าฉันชาไปสองวิ และเงยขึ้นมองพี่สาวตาปริบ ๆ
“กะ ก็ฉันรีบ! เธอจะไปไหนก็ไปน้ำแข็ง ยิ่งเห็นหน้าเธอฉันยิ่ง” ฉันพูดไม่ทันจบ ยัยพี่สาวฝาแฝดก็ชิงเดินหนี สุดท้ายก็เหลือแค่ฉันนี่แหละ ที่นั่งบ่นอุบอิบคนเดียวเหมือนคนบ้า
กว่าฉันจะออกเวรเป็นคนปกติได้ ก็เล่นเอาเหนื่อย และเพลียมาก ระหว่างทางฉันจึงแวะไปร้านขายยาเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน อยากชวนมันไปหาอะไรกินนั่งชิว ๆ แก้เบื่อหน่อย
เพื่อนฉันชื่อคานะ หน้าตาจิ้มลิ้มเป็นเภสัช มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ทนคบฉัน ถึงสมัยมัธยมฉันจะเคยเทมันไปไหนมาไหนกับแฟนบ่อยก็เถอะ
“คานะ! อยู่ไหม...” ฉันเปิดประตูร้าน เดินดุ่ม ๆ ไปค้ำเคาน์เตอร์ยา จนคานะที่ก้ม ๆ เงย ๆ หันขวับมาตอบฉัน
“อยู่ย่ะ! มาทำไม”
“คิดถึงเพื่อนไง นี่ ๆ ไปกินข้าวกัน หิวมาก ๆ คนไข้เยอะมากวันนี้” คานะพยักหน้าตอบเบา ๆ แต่สายตามันที่มองฉัน กลับมองแปลก ๆ จนฉันต้องรีบจับแก้มตัวเองถาม
“มีอะไรแก? มองทำไม? มีอะไรติดหน้าฉัน?O_O” คานะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนมันจะยื่นมือมาจับมือฉันบนเคาน์เตอร์และบีบ
“มีอะไรแก? เป็นอะไร?”
“เปล่า คือ... พี่ต้นกล้าแฟนเก่าแกเขากลับมาแล้วนะ มางานแต่งพี่ชายกับพี่สาวเขา”
ต้นกล้า...
ฉันยืนนิ่ง เม้มปากมองหน้าเพื่อนสนิทน้ำตาคลอ ใช่คานะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่าง เพราะพี่ชายคานะ พี่ไคล์เป็นเพื่อนสนิทเขา แต่หกปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้ถามไม่ได้สนใจเรื่องเขาหรอก และคานะเองมันก็ไม่ได้อัพเดทฉัน เพราะมันกลัวฉันเครียด ลำพังแค่เรื่องเรียน สมองฉันก็ไม่มีพื้นที่คิดเรื่องอื่นแล้ว
“แกอย่าเศร้านะกาแฟ ไม่มีแกพี่เขายังมีความสุขและยิ้มได้ ทำไมต้องทิ้งแกไปฉันไม่เข้าใจ นี่ก็ผ่านมาหกปีแล้ว แกก็ควรหาผู้ชายสักคนไปเย้ยเขาหน่อย บอกตรง ๆ ตั้งแต่พี่ต้นกล้ากับแกเลิกกัน ฉันไม่สนิทใจจะมองหน้าพี่เขาเลย ดีนะที่อยู่อเมริกาตลอด ถ้าอยู่ไทยแวะเวียนมาที่บ้านฉันบ่อย ๆ ฉันคงอึดอัดตาย”
ฉันจะร้องไห้แล้ว ทำยังไงดี ๆ นี่เหรอเรื่องซวยของฉันวันนี้?! แค่ความฝันบ้า ๆ ตามหลอกหลอนฉัน มันยังไม่พออีกเหรอ! จะกลับมาทำไม ทำไมไม่อยู่อเมริกายาว ๆ หรือไม่ก็หายสาปสูญไปเลย!
“คะ คานะ เขามีแฟนใหม่แล้วใช่ไหม เขามีผู้หญิงแซ่บ ๆ กลับมาด้วยใช่ไหม? และเขา... แต่งงานมีคู่หมั้นรึยัง?”
ฉันถามเสียงสั่น และกุมมือเพื่อนสนิทถามน้ำตาคลอ
“ไม่ พี่เขามาคนเดียว แต่แกน่ะไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องพี่เขา เพราะพี่เขา ไม่ถามและไม่พูดถึงแกสักคำ”
เสียงกรี๊ดดีใจของฉันวันนั้น มันคือความจริงมาจนถึงทุกวันนี้ และที่ฉันคิดว่าพี่ชายฝาแฝดจะหวงน้องสาวเป็นเรื่องดี ตอนนี้ไม่ใช่เลย! สิบห้าปีผ่านไปในขณะที่พี่ชายแฝดทั้งสองอยู่มอหก น้องสาวคนเล็กอยู่มอสาม ต้นข้าวก็เป็นสาวเต็มตัว ชนิดที่ว่าหนุ่ม ๆ หมายตากันทั้งโรงเรียน และนั่นก็ทำให้พี่ชายเธอหวงมาก หวงชนิดที่ว่าเดินไปสอดส่องน้องสาวที่ห้องเรียนทุกชั่วโมง จนคุณครูประจำชั้นของต้นข้าวต้องโทรมารายงานกับฉัน! (คุณแม่คะ พี่ชายฝาแฝดของต้นข้าว มณชญาภร มาหาเธอที่ห้องทุกคาบเรียน อยากรบกวนคุณแม่ปราม ๆ สองหนุ่มหน่อยค่ะ มาทีไรสาว ๆ ในห้องไม่เป็นอันเรียนหนังสือกันเลย) “คะ? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ?” (มาทีไรเด็กสาว ๆ ก็หันมองกันให้ควั่กเลยค่ะ) ฉันจะบ้า ช่วงนี้ฉันปวดหัวกับลูกอันดับหนึ่งเลย ต้นหนาวที่ดูนิ่งคิดว่าจะห้ามปราบแฝดน้องได้ แต่รายนั้นหนักกว่าใคร คุณครูบอกว่าเขาน่ะ ไปที่ห้องต้นข้าวบ่อยที่สุด! “พี่ถามว่าใครมาจีบ” นั่นไงพูดถึงก็มากันพอดี ตอนนี้เดินตามต้นข้าวต้อย ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว “วัน ๆ หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่หนาวพี่เหนือเอาแต่ถามและจ้องจับผิด มันอึดอัดอ่ะ! พี่ติณห์ไม่เห็นจะวุ่นวายกับพี่อันต
“เป็นไงคุณแม่ลูกสอง อายุลูกห่างกันประมาณนี้ไม่เหนื่อยเลยใช่มั้ย” กาแฟเดินเข้ามาหาฉัน เมื่อพวกหนุ่ม ๆ ของเธอเดินไปนั่งสมทบกับคุณเต้ “ห่างกี่ปีก็เหนื่อยทั้งนั้นล่ะวัยกำลังซน ว่าแต่เธอ ไม่ติดเลยเหรอ” กาแฟถอนหายใจและส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคีบเส้นสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือเตรียมให้ลูกชายทีละจาน “ไม่ จะบำรุงก็ไม่มีเวลา ต้นกล้าทำงานหนักฉันก็ทำงานหนัก หาเวลาปั๊มยังยากเลย” “ไม่ทำเลยล่ะ ปรึกษาลุงนายปรึกษาหมอสูติเจ้าของไข้เธอก็ได้ แต่จะมีลูกสาวคนเล็กแบบนี้ไม่กลัวพี่ชายแฝดกับพ่อหวงรึไง” กาแฟอมยิ้มและก้มมองจานสปาเก็ตตี้ของลูก ๆ เธอ “อยากมีไว้ให้หวงไง สองหนุ่มกับพ่อจะได้ไม่เถลไถล” พิลึก คงวุ่นวายน่าดู หลังจากนั้นฉันกับกาแฟก็ไปนั่งรวมกับหนุ่ม ๆ ซึ่งติณห์เป็นพี่ที่ดีมาก พอฉันยกจานยกถาดขนมมาวาง เขาก็ดันจานให้ต้นหนาวต้นเหนือทันที “กินสิหนาวเหนือ อร่อย” ต้นหนาวมองจานสปาเก็ตตี้ที่พี่ดันมาและพยักหน้า ส่วนต้นเหนือเทขนมกรุบกรอบในซองใส่ลงไป ก่อนเขาจะชี้โชว์พ่อที่นั่งขมวดคิ้วใส่ และชิงอ
“อุแว้ อุแว้~” “อุแว้~” ฉันจะบ้าตาย ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน ดิ้นสายตื๊ดในท้องยังไง กลางคืนตกดึกก็อย่างงั้น ลูกตื่นทุกชั่วโมง กินนมทุกสองชั่วโมง และนอนยากมาก! ฉันสภาพเหมือนศพ ระหว่างพักฟื้นน้ำหนักลดฮวบฮาบ เพราะทั้งปั๊มนมทั้งให้เข้าเต้า ส่วนสามีเขาก็เหนื่อย เผลอ ๆ เหนื่อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เขาเอาต้นหนาวที่ไม่ติดเต้าฉันไปทำงานด้วย ส่วนฉันเลี้ยงต้นเหนือคนเดียวอยู่ที่บ้าน จะว่าไปก็ไม่คนเดียว เพื่อน ๆ เขาก็อยู่หมู่บ้านนี้ เจฟ เค ขับรถผ่านพวกนั้นก็ซื้อขนมซื้อของกินให้ และญาติ ๆ คุณชายก็มาช่วยฉันเลี้ยงบางเวลา พี่ใบไม้ เจแปน ต้นไม้ และน้องโซลมาหาน้องก็ซนเหลือเกิน พูดภาษาอังกฤษคล่องกว่าภาษาไทย บางวันพูดจีนด้วยนะ เจแปนบอกว่าเธอเป็นคนสอนเอง อยากให้รู้ไว้หลาย ๆ ภาษา และเธอก็ปล่อยลูกเล่นไม่ค่อยดุด้วย โซลอาจจะเหมือนเด็กซนแต่เขารู้มาก ฉลาด แม่ปล่อยไว้ไหนก็เล่นได้หมด คลุกฝุ่นคลุกโคลนพร้อมชุบแป้งทอดเลยก็ว่าได้ ฉันฟัง ๆ พี่สาวกับพี่สะใภ้สามี ก็จำ ๆ วิธีเลี้ยงลูกมาใช้บ้าง และว่างก็พาลูกไปหาพ่อกับแม่ คือฉันกับต้นเหนือตัวติด
“คุณพ่อใจเย็น ๆ นะคะ” ฉันเงยขึ้นมองหน้าคุณชายทันที เมื่อเห็นพยาบาลกุลีกุจอวิ่งมาจับตัวเขา ตอนนี้หน้าเขาซีดและเขาก็ไม่ได้ปลื้มอกปลื้มใจที่เห็นลูกชายสภาพนี้เท่าไหร่ จนลูกร้องไห้เสียงดังขึ้น! “อุแว้ อุแว้~” เท่านั้นแหละ คุณพ่อผู้กลัวเลือดก็เผลอหันขมับมอง หวั่นว่าลูกจะเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นเลือดสีแดง ๆ ที่เขาเกลียดนักหนาเป็นครั้งที่สอง เขาก็รีบปิดตาและกวักมือเรียกพยาบาลทันที “พยาบาล ๆ เอาลูกผมไปอาบน้ำเถอะ ขอร้องล่ะ” “คุณพ่อไม่ตัดสายสะดือก่อนเหรอคะ? รอหน่อยนะคะ จะออกมาอีกคนแล้วค่ะ!” “อุแว้ อุแว้~” พอได้ยินเสียงร้องอีกเสียงร้องดังขึ้น ฉันก็ไม่สนใจสามีรีบก้มมองตาม ก่อนที่จะเห็นหมอสูติอุ้มลูกชายคนเล็กออกมาวางบนอกฉัน และดูดน้ำคร่ำคราบเมือกต่าง ๆ ให้ “คุณพ่อตัดสายสะดือไหมครับ?” หมอสูติถามเมื่อคุณชายเขาเงียบไป แถมตอนนี้เขายังปิดตาไว้อีกด้วย “มะ ไม่เป็นไรครับ หมอตัดเลย” “ทำไมไม่ตัดล่ะคุณชาย” “เค้าจะเป็นลมแล้วแว่น ถ้าเค้าตัด เค้าเป็นลมไม่ได้ถ่ายรูปแน่ ๆ” ฉันยิ้มให้เขาแ
“จะเป็นอะไร ให้เขาเลือกเองเถอะคุณชาย ขอแค่มันเป็นอาชีพสุดจริตก็พอ แต่เอ๊ะ ลูกไม่ทันคลอดเลยเราจะคิดมากเรื่องนั้นทำไม อีกตั้งนานโข” คุณชายหัวเราะเบา ๆ แล้วหอมแก้มฉัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่น เห็นเราเล่นนอนกันกลมดิกแบบนี้ โดนด่าแล้วล่ะ แต่เหลือเชื่อนะพอคุณชายขึ้นมานอนกอดและลูบท้องฉัน เจ้าสองแฝดก็เงียบกริบไม่ถีบท้องฉันอีกเลย จนนั่นแหละฉันเคลิ้มผล็อยหลับไปจนเช้า และงัวเงียตื่นเพราะสองเท้าลูกถีบตุบตับ ๆ “อื้อ ลูก หิวแล้วเหรอ?” “หิวก็ตื่นขึ้นมากิน ยายทำกับข้าวมาให้แล้ว” เสียงพ่อ? ตายแล้ว ๆ พ่อเห็นพ่อว่าแน่ ๆ ที่ฉันให้คุณชายขึ้นมานอนด้วยแบบนี้ ฉันจึงรีบเปิดตาพรึบ และดึงผ้าห่มคลุมอกทันที ก่อนจะเห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มข้าง ๆ เตียง แล้วมองมาที่ฉัน พ่อหล่ออีกแล้ว ยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ลูกสักคนในท้องหน้าเหมือนตานะลูก ส่วนอีกคนหน้าเหมือนพ่อไปเลย เอ๊ะพูดถึงพ่อ คุณชายเขาหายไปไหน? “แฮ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” “สักพักแล้วล่ะ” แม่ตอบและมองตามฉัน ที่กดเตียงขึ้นนั่งและเอียงซ้ายทีขวาทีหาคุณชายข้างหลัง
ได้ยินแค่นี้คนเป็นแม่ก็มีความสุขสุด ๆ แล้ว สำหรับฉัน บอกรอบที่ล้านก็ไม่มีอะไรสำคัญเท่าสองแฝด ที่ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย ก็แค่อุบอิบสามีไว้อยากเซอร์ไพร์สเขา ที่ฉันรู้เพราะฉันเป็นหมอ พ่อฉันเป็นหมอ โรงพยาบาลนี้ก็ของครอบครัวฉัน ถ้าผลตรวจเลือดออกมาปุ๊บ แน่นอนว่าพ่อแม่ฉันไม่ยอมรอจนท้องป่องอัลตร้าซาวด์หรอก ท่านรีบโทรมาบอกฉันทันทีที่รู้ บอกว่าเจ้าติณห์จะมีน้องชายแล้วนะ และแม่ก็พูดต่อว่า หลานผู้ชายหมดเลย พ่อกับแม่วิ่งจับกันสนุกล่ะคราวนี้! ใช่!ยินดีด้วยค่ะ กับคุณชายต้นกล้าและปู่ย่าตายายทั้งสองบ้าน หลังจากอัลตร้าซาวด์กลับจากโรงพยาบาล คุณพ่อต้นกล้าก็ขับรถดิ่งกลับบ้าน ไปเปล่าประกาศกลางโต๊ะอาหารทันที ว่า! “เชื้อผมแรงป่ะ ลูกชายสองคน! โคตรเท่อ่ะ แน่นอนไอ้ไม้มันทำไม่ได้ แค่แฝดยังยากเลย ฮ่า ๆ” ฉันกับเจแปนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเบา ๆ แน่ ๆ ต้องมีการโต้วาทีเกิดขึ้นแน่ ๆ และโซลลูกต้นไม้ก็ไม่เข้าข้างพ่อด้วยนะ พอเห็นว่าอาเกทับ ก็หัวเราะคิกคักใส่พ่อตัวเองทันที “คิก คิก” “เจแปนจัด