“คือว่า..ฝัน” เธอดูอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ก้มหน้าก้มตาลงไม่กล้าที่จะสบตาชายหนุ่มรุ่นพี่ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ยังคงทำให้เธอเขินอายอยู่ ที่ได้เข้าไปเห็นเต็มสองลูกตาตัวเองว่าเขากำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่กับหญิงสาวรุ่นพี่ในที่ทำงาน
“แล้วนั่นถือถุงอะไร? เธอซื้ออะไรมาเยอะแยะ แล้วไม่มีเรียน?” เขาเลือกที่จะถามเธอ แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจอะไรมากแค่เพียงถามไปตามมารยาทเท่านั้น
“อันนี้ขนมค่ะ ฝันซื้อมาฝากพี่นายน์ วันนี้ฝันเลิกเรียนไว” พาฝันส่งยิ้มทอดมองไปยังพี่นายน์ของเธอพร้อมกับยกถุงขนมชูให้สูงขึ้นเพื่อที่จะได้ให้เขาได้เห็นว่าในถุงนั้นมีขนมอะไรอยู่บ้าง
“ขอบใจนะแต่พี่ไม่ชอบกินขนมพวกนี้!” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชารู้อยู่ว่าเธอมีน้ำใจแต่ว่าคงต้องขอปฏิเสธเพราะเขาไม่ชอบกินขนมพวกนี้เลยสักนิด
“แต่ว่ามันอร่อยมากเลยนะคะ” คนขี้อายสบตากับหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้งอย่างตั้งใจและก็เป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายหลบสายตาหันหนีด้วยความเขินเพราะเขาเองกำลังมองเธออยู่
“เธอชอบพี่?” นายน์ครุ่นคิดอยู่สักพักบวกกับดูท่าทางของเด็กสาวก็พอที่จะรับรู้ได้ว่าเธอคงจะชอบเขาอย่างแน่นอน ไม่รอช้าเขาจึงเลือกที่จะถามเธอออกไปให้แน่ใจว่ามันจริงอย่างที่เขาได้คิดเอาไว้หรือไม่
“พี่นายน์..รู้ด้วยเหรอคะว่าฝันชอบพี่” พาฝันเม้มปากแน่นแก้มของเธอเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ เมื่อโดนชายหนุ่มรุ่นพี่ถามอย่างตรงไปตรงมาพลางหลุบสายตาเขินอายหันมองไปทางอื่น ใจเธอเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาเสียให้ได้ ในชีวิตไม่เคยเขินอายอะไรมากขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
“พาฝัน~ พี่จะบอกให้เธอรู้เอาไว้นะ!” นายน์ขยับกายเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวรุ่นน้องที่กำลังมีท่าทางเขินอายเขาอยู่ ไม่รู้ตัวเลยหรืออย่างไรว่าคนอย่างเธอไม่คู่ควรกับคนเพอร์เฟคอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
“...” พาฝันหันหน้ามองจ้องนัยน์ตาคมของพี่นายน์ เธอตั้งใจฟังเขาเป็นอย่างมาก
“พี่ไม่คิดที่จะชอบเธอหรอกนะ! พี่ไม่ชอบคนอ้วนน่ะเข้าใจไว้ด้วย ลองคิดดูสิว่าจะหน้าอายแค่ไหนที่ต้องเดินคู่ไปกับคนอ้วนๆแบบเธอ พี่ทำใจยอมรับไม่ได้หรอกนะ” คำพูดของเขามันเหมือนกับว่าตัวเธอกำลังโดนมีดกรีดแทงเข้าที่กลางหัวใจ
“พะ..พี่นายน์จำเป็นต้องพูดแรงขนาดนี้เลยเหรอคะ” คำพูดรุนแรงของเขาทำเธอถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่ยืนอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่และพอเริ่มตั้งสติได้เธอจึงถามเขากลับด้วยคำพูดที่ยังฟังดูตะกุกตะกักอยู่ไม่น้อย
ยอมรับว่าใจเธอหล่นวูบ หายใจไม่ทั่วท้องก็รู้อยู่ว่ามันคือเรื่องจริงที่เธออ้วนแต่พี่เขามีสิทธิ์อะไรที่จะพูดประโยคแบบนี้ออกมาก็แค่บอกไม่ชอบก็จบแล้วไหม คำพูดของเขามันช่างเชือดเชือนใจคนฟังได้เป็นไหนๆ
“หึ! ก็ไม่เห็นแรงอะไรนี่ก็มันคือเรื่องจริง!!” เขาพูดปนหัวเราะออกมาและเธอก็พึ่งจะได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายคนนี้ คนที่เธอชอบก็วันนี้เอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายประเภทนี้ ใจร้ายใจดำไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นบ้างเลยคิดจะพูดอะไรก็พูดออกมา
“….” เจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้ายมันจุกจนทำเธอพูดไม่ออก
“เธอคิดว่าพี่หล่อดูดีใช่มั้ย? แล้วลองคิดดูสิว่าถ้าพี่ต้องมาคบกับคนอย่างเธอ เธอคิดว่ามันเหมาะสมมั้ย? เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวยุ่งวุ่นวายกับพี่สักที พี่ไม่มีวันชอบคนอย่างเธอ!!!” ก้อนเนื้อบริเวณอกข้างซ้ายของเธอสั่นสะเทือนเมื่อเขายังคงหาเรื่องบอกกับเธอถึงเรื่องความคู่ควรระหว่างเธอกับเขาอยู่แบบนั้น ใจคอพี่เขากะจะฆ่าเธอให้ตายอยู่ตรงนี้เลยหรืออย่างไร
“อ้อแล้วก็อีกอย่าง อย่าเอาเรื่องที่เห็นเมื่อกี้ไปบอกคนอื่น เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมครับ..น้องพาฝัน~” นายน์ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าอวบอ้วนของเด็กสาวพร้อมกับพูดย้ำให้เธอได้จดและจำให้ขึ้นใจก่อนที่เขาจะก้าวขาแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็วและไม่คิดที่จะหันกลับมามองเธออีกเลย
พาฝันกำหมัดแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้หลุดออกมาจากปากของพี่ชายที่เธอแอบชอบ น้ำตาใสไหลซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัวได้แต่นั่งลงแล้วเริ่มทำใจไปกับสิ่งที่พึ่งจะได้ยินมา
-วันต่อมา-
ห้องม.6/4
“ฝัน!! ถ้าเรียนจบแล้วเธอจะไปเรียนต่อไหนที่เหรอ?” พาฝันที่กำลังนั่งเหม่อลอยกำลังคิดไปถึงเรื่องของเมื่อวานก็สะดุ้งตกใจ เมื่ออยู่ดีๆเพื่อนสาวในห้องเรียนเดินเข้ามาเรียกชื่อเธอและชวนเธอคุยเสียอย่างนั้น
“ห๊ะ! เธอคุยกับเราเหรอ?” พาฝันชี้นิ้วมือเข้าหาตัวเองตกใจอยู่ไม่น้อยไม่นึกว่าเพื่อนร่วมห้องเรียนคนนี้ของเธอจะเดินเข้ามาถาม ปกติเธอคนนี้แทบจะไม่เคยคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ
“ก็ใช่นะสิ นั่งเหม่ออะไรอยู่ กินไม่อิ่มหรือยังไงแต่นี่ก็อ้วนมากแล้วนะ อุ๊บส์~” มิ้นท์ทำเป็นเอามือป้องปากตกใจเมื่อเผลอพูดจาคับคล้ายคับคลาว่าจะบูลลี่ยัยเพื่อนตัวอ้วนออกไป แต่จริงๆเธอก็ตั้งใจที่จะพูดประโยคแบบนั้นออกมาอยู่แล้ว
“เรากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วก็ที่เธอถาม เราอยากเรียนออกแบบน่ะอยากเป็นดีไซน์เนอร์” พาฝันยิ้มรับบอกยัยเพื่อนตัวร้ายกลับไปอย่างคนที่พยายามไม่อยากคิดอะไรไปกับคำพูดที่เธอพึ่งจะหลุดปากพูดมันออกมา
เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนยังไงและที่มาถามก็คงแค่อยากจะแกล้งถามเธอไปงั้นๆแหละ
“หุ่นแบบเธอเนี่ยนะ หึ! อุ๊บส์~ ขอโทษอีกทีเผลอหัวเราะดังไปหน่อย” มิ้นท์หัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อพาฝันบอกกับเธอว่าอยากเรียนออกแบบอยากเป็นดีไซน์เนอร์
“หุ่นแบบเพื่อนฉันแล้วมันทำไมเหรอ มันหนักหัวเธอมากนักหรือไง!!”
“ใจเย็นๆไม่ต้องแย่งกันถ้าพวกมึงต่างก็มีเด็กกันอยู่แล้วงั้นน้องคนนี้กูขอแล้วกัน” นักรบที่ฟังพวกมันจ้องจะแย่งน้องคนนี้แต่ติดที่ว่าต่างคนก็ต่างมีเด็กอยู่ก็ได้พูดขึ้นเพราะตอนนี้เขาว่างไม่มีความสัมพันธ์กับสาวคนไหน“ข้ามศพกูไปก่อนครับไอ้เหี้ยนักรบ!” นายน์ยกขาขึ้นมาวางเอาไว้บนเก้าอี้ สายตาดุถูกส่งไปยังไอ้นักรบเพื่อนรัก“ฮ่าๆ แม่งโคตรจะหวงก้างทั้งๆที่ยังไม่ทันได้จีบน้องเขาด้วยซ้ำ” นักรบหัวเราะออกมาดังลั่นดูก็รู้ว่าไอ้นายน์มันต้องชอบน้องคนนี้ เขาก็แค่แกล้งๆแหย่มันเพียงเท่านั้นไม่ได้คิดอยากจะเข้าไปจีบเธออย่างที่ปากพูดออกไปสักหน่อย“ระดับนี้แล้วคงไม่ต้องจีบข้ามไปเย..ได้เลย พวกมึงคอยดู!” นายน์ที่ดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าเธอจะต้องชอบเขาอย่างแน่นอนก็พูดขิงเพื่อนไปทันทีพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งหน้าเดินเข้าไปหาเธอคนนั้น-พาฝัน-ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยจึงได้หันไปมองอย่างเพ่งเล็งและทันทีที่ได้มองเห็นว่าเขาคนนั้นเป็นใคร หัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นแต่มันไม่ได้ใจเต้นแรงเพราะยังชอบเขาหรอกนะก็แค่ตื่นเต้นว่าเขาจะจดจำฉันได้หรือไม่ต่างหาก ว่าฉันก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่อ้วนแล้ว
“ดีจัง..นี่ฉันยังคุยกับฝันอยู่เลยนะว่าอยากให้พวกแกได้รู้จักกัน พวกเราจะได้รวมทีมกันสี่คน พวกแกว่าดีมั้ย?” คะนิ้งยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจไปกับภาพตรงหน้าที่เพื่อนเข้ากันได้เป็นอย่างดี“เยี่ยมเลยงั้นแกแอดไลน์ฉันมานะ ยูจินน่ะฉันมีไลน์เรียบร้อยแล้ว ฉันสร้างกลุ่มไว้รอแล้วเดี๋ยวดึงแกลงกลุ่มเลย” พลอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไปที่หน้าไลน์กดเปิดคิวอาร์โค๊ดของตัวเองแล้วยื่นไปให้คะนิ้ง“โอเค ฉันแอดไลน์พลอยไปแล้วนะ” คะนิ้งรีบเปิดหน้าไลน์ของตัวเองเช่นกันและรีบแอดเพิ่มพลอยทันที พลอยพยักหน้ารับรู้และดึงคะนิ้งกับพาฝันเข้ามาในกลุ่มแชทที่มีเธอกับยูจินอยู่ด้วยกันแล้วคณะศิลปกรรมศาสตร์ในระหว่างที่พาฝันกับคะนิ้งกำลังนั่งรออาจารย์อยู่นั้นก็ได้มีรุ่นพี่สาวเดินเข้ามายืนหยุดหน้าห้องแล้วเริ่มมองไปยังเหล่านักศึกษาในชั้น สายตาคมมองไปทั่วๆห้องแล้วมาหยุดอยู่ที่พาฝันกับคะนิ้งรุ่นพี่คนนั้นเดินเข้ามายืนอยู่ข้างหน้าพาฝันและคะนิ้ง“น้องๆคะ สนใจลงประกวดดาวคณะมั้ยคะ พวกน้องสวยมากเลย” รุ่นพี่คนนั้นเชิญชวนฉันกับคะนิ้งให้ลงประกวดดาวคณะ ให้ตายตั้งแต่ได้รับพรวิเศษมาก็เริ่มมีอะไรแปลกเกิดขึ้นเยอะเลย เปลี่ยนไปมากจนฉันตามไม่ทัน“ฝั
มหาลัย ACชีวิตในรั้วมหาลัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของพาฝันและพลอย ทำให้พวกเธอทั้งสองขับรถออกมาจากคอนโดก่อนเวลาเล็กน้อยเพราะกลัวรถติดและตอนนี้พวกเธอทั้งสองได้มาถึงมหาลัยเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองเดินมาถึงยังแถวนักศึกษาปีที่1 ที่ต่างพากันพูดคุยสนุกสนานแบ่งแถวแยกไปตามคณะ“ตื่นเต้นมั้ยยัยฝัน” พลอยที่มือเย็นเฉียบจับเข้าไปที่มือของพาฝัน..เพื่อนรักซึ่งมือของเธอก็เย็นไม่ต่างไปกับมือของตนเอง“อื้อ~ เราตื่นเต้นมากเลยแต่เสียดายที่พวกเราไม่ได้เรียนด้วยกัน” ร่างบางพยักหน้ารัวๆยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกประหม่าและตื่นเต้นเป็นอย่างมากอีกทั้งยังแอบเสียดายที่พวกเธอไม่ได้เรียนด้วยกันเหมือนดั่งตอนชั้นมัธยม“ตอนกลางวันหรือตอนเย็นถ้าว่างตรงกันก็รีบนัดกินข้าวด้วยกันเลยนะ อย่าลืมฉันเชียวล่ะ!!” พลอยไม่ลืมที่จะบอกกล่าวเน้นย้ำกับเพื่อนสนิทเอาไว้ เธอกลัวพาฝันจะลืมเธอถ้าไปเจอกับเพื่อนคนใหม่“เราไม่มีวันลืมพลอยเด็ดขาด เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเรา” พาฝันพูดหนักแน่น ใครจะไปลืมเพื่อนสนิทคนนี้ได้ลงคอ พลอยเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งพี่น้องที่ยอมรับในตัวเธอ ในตอนที่เธอยังคงมีรูปร่างอ้วน“เหมือนกันแต่ต่อไปทั
-วันประกาศผลสอบเข้ามหาลัย-คาเฟ่ ChiChiพาฝันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าไปยังเว็บไซต์ที่ลงประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มือเรียวค่อยๆกดเลื่อนดูรายชื่อของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นสุดๆลุ้นจนเสียงหัวใจแทบจะหลุดออกมาเต้นรัวๆข้างนอกและแล้วเธอก็พบเข้ากับรายชื่อของตัวเองมือเรียวยกขึ้นสะกิดไปยังไหล่บางของเพื่อนสนิทที่กำลังเลื่อนดูรายชื่อของตัวเองผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือไม่ต่างกันกับพาฝัน “พลอย~ เราสอบเข้าคณะที่เราเลือกได้แล้ว!!”“กรี๊ด~ เหมือนกัน นะ..นี่ไง ฉันตื่นเต้นจนมือสั่นไปหมดแล้ว” พลอยเห็นรายชื่อของตัวเองแล้วก็กรีดร้องขึ้นด้วยความดีใจพร้อมกับยืนโทรศัพท์มือถือไปให้พาฝันได้ดูว่าเธอเองก็สอบติดในคณะบริหารแล้วเช่นกัน“พวกเราจะเป็นนักศึกษาปี1 กันแล้ว” พาฝันยิ้มจนแก้มปริดีใจอย่างถึงที่สุดที่มีวันนี้ วันที่พวกเธอสอบติดในคณะที่เลือกและคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก“เออแล้วนี่แกได้บอกกับพ่อแม่เรื่องย้ายออกมาอยู่หออย่างที่ฉันบอกมั้ย..ฝัน”“เรารอผลสอบออกก่อนแล้วถึงจะขอพ่อกับแม่น่ะแต่พวกท่านคงให้อยู่แล้วเพราะจากบ้านเราไปมหาลัยไกลมากเลย พวกเราไปหารค่าห้องกันนะ..พลอย”“จัดไปวัยรุ่น” ทั้งคู่บีบมือให้ก
“ก็หมายความว่าต่อไปเจ้าจะไม่รู้สึกรักผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป เจ้าจะว่าอย่างไรจะยอมแลกความผอมความสวยกับสิ่งนี้หรือไม่?” หญิงคนนั้นถามย้ำเธออีกครั้งซึ่งคำถามนี้ทำเธอขนลุกชัน ใจหายอยู่ไม่น้อยที่ต้องคิดว่าต่อไปเธอจะไม่มีความรู้สึกรักชอบกับพี่ชายคนที่เธอเคยแอบชอบเขาอีกต่อไปพาฝันชั่งใจอยู่เพียงครู่แล้วจึงตอบกลับไปว่า“ฝันเองก็ไม่ต้องการที่จะชอบคนอย่างพี่นายน์อีกต่อไปแล้วค่ะ ถ้าทำให้ฝันผอมและสวยได้ ฝันยินดีแลก แต่ทุกคนจะยังจำฝันได้อยู่มั้ยคะ?” ร่างอวบเม้มปากแน่นแล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถามในสิ่งที่เธอยังคงสงสัย สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือพ่อกับแม่และเพื่อนๆที่โรงเรียนจะยังจำเธอได้หรือไม่เท่านั้นเอง“ครอบครัวและเพื่อนของเจ้าจะยังจำเจ้าได้อย่างแน่นอน จะจำได้ว่าเจ้ารูปร่างผอมแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว”“ฝันตกลงค่ะ” เธอพยักหน้าตอบตกลงในที่สุดและในชั่วพริบตาเดียว พาฝันจากเดิมที่มีรูปร่างอ้วนก็ได้เปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละคน“ลองส่องกระจกดู” เขายื่นกระจกที่อยู่ในมือของตนเองไปให้พาฝันเธอหยิบกระจกนำขึ้นมาส่องดูตัวเอง มองเข้าไปในกระจกปรากฏว่าเป็นรูปของหญิงสาวรูปร่างผอมบอบบางแต่ใบหน้าเธอช่างล
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” พาฝันผละตัวออกจากพ่อแล้วรีบเอ่ยคำขอบคุณมอบให้กับเขาที่เป็นคนช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขาเธอก็คงบาดเจ็บหนักหรือตายไปแล้วก็ได้“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ พี่ไปก่อนนะ” นายน์ที่เห็นว่าตอนนี้เด็กคนนี้มีพ่อคอยอยู่ดูแลแล้ว เขาจึงเลือกที่จะขอตัวกลับก่อน ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะบอกลาไปยังสาวน้อยรูปร่างอวบอ้วน“ขอบคุณพี่นายน์อีกครั้งนะคะที่พาหนูมาทำแผล” พาฝันเด็กสาววัยมัธยมรีบยกมือขึ้นขอบคุณไปยังชายหนุ่มที่ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เขาเพียงแค่ยิ้มและเดินออกไปเดินออกไปพร้อมกับหัวใจของเธอ เธอตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว“เป็นอย่างไรบ้างลูก เจ็บตรงไหนอีกบ้างหรือเปล่า” พ่อเอ่ยถามพาฝันอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเหลือเกิน“ฝันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะพ่อ ว่าแต่พี่เขาคือใครเหรอคะทำไมพ่อถึงได้รู้จักเขา” พาฝันที่อยากรู้ว่าเขาคนนั้นคือใครแล้วทำไมพ่อของเธอถึงได้รู้จักกับเขาก็ได้ถามพ่อออกไป“เขาเป็นลูกชายของคุณปฐวี เจ้าของบริษัทที่พ่อทำงานอยู่น่ะ”“อ่อ เป็นแบบนี่เอง” เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงักที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ลูกเจ้าของบริษัทที่พ่อของเธอทำงานอยู่อย่างนั้นเอง“ว่าแต่เราถามถึงพี่เขาทำไมหรื