สะใจเธอแล้วใช่ไหมที่แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อฉันได้ ไหนๆพ่อแม่เราก็ไปฮันนีมูนกันแล้ว ฉันว่างั้นเราก็ลองมาทดลองเข้าหอด้วยกันดูหน่อยเป็นไง
View Moreภัทรพิชาแอบยืนมองจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน สายตามองฝ่าแสงสลัวของแสงโคมไฟสีส้มที่ห้อยเรียงรายอยู่ภายในสวนจนทะลุเลยไปเห็นใครบางคนที่ยังเอาแต่นั่งดื่มมาตั้งแต่บ่ายจนดึก ท่าทางเขายังบ่งบอกว่าเสียใจมาก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สายตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อมารดาตอนที่เจ็บป่วยนั้นเธอก็เห็น
ชีวิน รักแม่มาก แม้ว่าวันนี้ผู้เป็นมารดาจะจากโลกนี้ไปได้หกเดือนเต็มแล้ว แต่ความโศกเศร้าที่ผู้ชายคนนี้มีอยู่กลับไม่เคยจางไป หนักสุดก็คงจะเป็นเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่มารดาของเธอได้ตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงานกับผู้เป็นบิดาของเขา สายตาของชีวินที่ครั้งหนึ่งเคยมองเธอมาพร้อมด้วยความรู้สึกบางอย่าง แบบที่เธอเองก็บอกไม่ถูก หากแต่กลับนำมาซึ่งความสั่นไหวภายในหัวใจดวงน้อยจนมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ภัทรพิชาเคยรับรู้ได้ ก่อนที่ความรู้สึกพวกนั้นจะจางหายไปทันทีที่ชีวินได้รู้ว่าบิดาของตนเองได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับผู้ที่เป็นมารดาของเธอ
นับจากวันนั้นทุกๆอย่างเปลี่ยนกลับจากขาวเป็นดำสนิท เทียบดูกับเมื่อก่อนแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันมาก หากแต่ตอนนี้คือไม่ได้มีการพูดคุยใดๆกันเลย นอกจากสายตาเย็นชาที่ปนผสมมาด้วยความชิงชังก็เท่านั้นที่เขามีให้ ไม่ว่าจะเป็นที่มารดาของเธอ หรือแม้แต่กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่ต่างกัน
ถึงขนาดนั้นแล้วภัทรพิชาก็ยังอดที่จะเป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ได้ เสียงนาฬิกาบอกว่าเป็นเวลาตีหนึ่ง วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่เห็นว่าเขาจะลุกไปไหน ข้าวปลาคงไม่ได้กิน ชีวินนั่งดื่มคนเดียวอยู่แบบนั้น จนรอบข้างกายเรียงรายเต็มไปด้วยขวดแอลกอฮอล์เกลื่อนพื้น
กระทั่งในที่สุดก็ทนไม่ไหว เสื้อคลุมตัวยาวถูกดึงมาใส่คลุมกายเอาไว้แล้วจึงรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องของตัวเองลงไปยังสนามหญ้าข้างบ้าน ภัทรพิชาเดินเลาะไปตามข้างรั้ว ยิ่งพอเข้าไปใกล้ๆ เสียงสะอึกจากการร้องไห้ก็ยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจไปมากยิ่งขึ้น
"ทำไมแม่ถึงรีบทิ้งชินไป ชินคิดถึงแม่ ในโลกนี้ไม่มีใครรักชินเท่าแม่ แล้วก็ไม่มีใครรักแม่เท่าชิน ถ้าเกิดแม่อยู่บนนั้นก็ช่วยมองลงมาดูด้วยนะว่าผู้ชายที่แม่รักนักรักหนา พอแม่ไม่อยู่แค่ไม่ถึงปีเขาก็รีบแต่งงานใหม่ แล้วแม่รู้ไหมว่าผู้ชายของแม่เขาแต่งกับใคร ก็คนที่แม่บอกว่าเขาดีกับแม่นักหนานั่นไง ตอนนี้เขาเอาผู้ชายคนที่แม่รักไปนอนกอดแล้วแม่รู้เอาไว้ด้วย"
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆบอกถึงระดับความเจ็บปวดของเขาได้ดี ไม่ผิดที่หากว่าชีวินจะคิดแบบนี้ ในเมื่อเธอเองก็ไม่เคยเห็นดีด้วยในวันที่มารดาบอกว่าจะแต่งงานกับบิดาของเขา
'ไพน์ แม่จะแต่งงานกับคุณเชาว์นะ แกคิดว่าไง'
'ทำไมแม่ทำแบบนี้ล่ะคะ คุณนาถนรีพึ่งเสียยังไม่ถึงปีเอง ไพน์กลัวว่าคนอื่นเขาจะมองแม่ไม่ดี'
'แม่รู้ว่ามันไม่เป็นผลดีต่อแม่ แต่ตอนนี้คุณเชาว์เองเขาก็อ่อนแอมาก แล้วเขาก็ต้องการกำลังใจ อีกอย่างชีวิตเราสองคนแม่ลูกมันก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอน แม่เองก็เป็นเพียงแม่บ้านเขา ไหนแกจะยังต้องเรียนหนังสืออีก สู้ให้แม่แต่งงานกับคุณเชาว์ ชีวิตเราสองคนก็จะได้สบายขึ้น'
'แต่หนูไม่เห็นด้วย ถ้าแม่กลัวว่าชีวิตเราสองคนจะลำบากแล้วล่ะก็ หนูออกไปหางานพิเศษทำเพิ่มด้วยก็ได้ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ลำพังเงินค่าขนมค่าเรียนที่คุณนาถนรีท่านให้หนูไว้ใช้ในทุกๆเดือนจนเรียนจบนั่นมันก็เพียงพอแล้ว หนูไม่เห็นมีความจำเป็นเลยว่าแม่จะต้องถึงขั้นแต่งงานกับคุณเชาว์'
'แกอย่าโง่ไปหน่อยเลย ข้างหน้ามีบ่อเงินบ่อทองมากองไว้ให้ ถ้าเกิดว่าแกอยากเดินข้ามไปก็เรื่องของแก แต่แม่ไม่ข้าม คุณนาถนรีเขาดีกับเราสองแม่ลูกมากก็จริง แต่เขาก็เสียไปแล้ว ดีเสียอีกถ้าคุณเชาว์เขาอยากแต่งงานกับแม่จริงๆ อย่างน้อยก็จะเป็นการถือเสียว่าแม่ได้ดูแลคุณเชาว์คุณชินให้คุณนาถนรีเธอไง'
ภัทรพิชาส่ายหน้ากับศรีษะน้อยๆยามที่นึกทบทวนถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับมารดา จนกระทั่งในที่สุดวันที่เธอไม่อยากให้มาถึงก็ดำเนินมาจนถึงจนได้ มารดาของเธอและบิดาของเขาเข้าพิธีแต่งงานกันจริงๆ งานจัดเลี้ยงจัดขึ้นเป็นงานเล็กๆภายในบ้าน มีเพียงหมู่เพื่อนสนิทและญาติของชวลิตที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยกันเท่านั้น แล้วทุกๆอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
มารดาของเธอกลายเป็นแม่เลี้ยงของเขาโดยที่ชีวินไม่มีทางยอมรับ จากที่เคยกลับมาค้างที่บ้านทุกวันเขาก็หายหน้าหายตาไป ไม่มาร่วมแม้กระทั่งวันงานแต่งงาน เพื่อต้องการแสดงให้บิดาของเขาได้เห็นว่าเขานั้นต่อต้านและคัดค้านการมีครอบครัวใหม่ของบิดาเพียงใด
จนกระทั่งเมื่อวานวันที่บิดาของเขาและมารดาของเธอพากันแพ็คกระเป๋าออกจากบ้านเพื่อไปฮันนีมูนตั้งแต่เช้า ช่วงสายรถของชีวินก็ขับเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่ภายในบ้านก่อนที่เขาจะปิดประตูเข้าห้องไปอย่างเงียบสนิท พอเธอลองไปเคาะเรียกก็กลับไม่ได้มีเสียงตอบรับ จนมันผ่านเข้ามาถึงตอนบ่ายของอีกวัน ตอนที่เธอเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมา ก็เห็นว่าเขาขนขวดเหล้ามากองเรียงรายและนั่งดื่มมันอยู่อย่างนั้นโดยที่ตัวเธอเองไม่กล้าเข้าไปห้าม
อันที่จริงเธอคงจะปล่อยให้เขาดื่มต่อ ถ้าหากไม่เปิดหน้าต่างออกมาเห็นท่าทีที่แทบจะเมากลิ้งลงไปกองบนพื้นเต็มทีของเขา จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ
"คุณชินคะ คือว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว ไพน์ว่าคุณกลับเข้าไปนอนในบ้านก่อนดีกว่าไหมคะ น้ำค้างก็ลงแล้วด้วย เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ"
เพล้ง!
"ยุ่งไรด้วยวะ คนจะกินเหล้า นี่ฉันกำลังฉลองที่พ่อฉันพึ่งแต่งงานมีเมียใหม่อยู่เธอไม่แหกตาดูหรือไง"
ทันทีที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา ภัทรพิชาก็ถูกตวาด แก้วเหล้าถูกปาลงไปบนแผ่นกระเบื้องปูพื้นจนแตกละเอียด ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะหันขวับกลับมามองเธอราวกับว่าต้องการอยากจะมีเรื่อง
"แต่วันนี้ทั้งวันไพน์เห็นคุณดื่มมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ จะนั่งดื่มอยู่แบบนี้ให้จนถึงเช้าเลยหรือยังไง เลิกดื่มได้แล้วค่ะ"
"แหม เธอนี่ พอแม่เธอได้แต่งงานเป็นเมียใหม่ของพ่อฉันเข้าหน่อยก็ทำเป็นวางอำนาจทันทีเลยนะ บอกไว้ก่อนว่าอย่าสะเออะมายุ่งกับฉัน แล้วที่บอกเมื่อกี้ว่าเห็นฉันนั่งกินอยู่ตรงนี้ตั้งแต่บ่าย แสดงว่าเธอคงจะแอบดูฉันอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะสิท่า ทำไม อยากอ่อยฉันให้ได้เหมือนที่แม่เธออ่อยพ่อฉันหรือไง"
"คุณชิน กรุณาอย่ามาดูถูกแม่ของไพน์แบบนี้ ไพน์รู้ว่าที่แม่ไพน์ทำมันไม่สมควร แล้วไพน์เองก็ไม่ได้สนับสนุนให้แม่ทำแบบนั้น ถึงยังไงแม่ไพน์ก็แก่กว่าคุณไพน์ว่าคุณไม่สมควรว่าแม่ของไพน์นะคะ"
"เหอะ เดี๋ยวนะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันวะ ต่อให้ฉันจะว่าแม่ของเธอยังไง เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นแค่ลูกสาวแม่บ้านที่อยากขยับเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นคุณนาย ส่วนพ่อฉันก็ดันเกิดหน้ามืดตาบอดขึ้นมา เลยบังเอิญไปคว้าเอาผู้หญิงแบบเเม่ของเธอขึ้นมาเทียบเคียงกับแม่ของฉัน จะบอกอะไรให้เธอสองคนแม่ลูกเอาไว้เลยนะ ว่าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่กันแบบสุขสบายในบ้านที่เป็นสมบัติของแม่ฉัน พวกคนทรยศ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา อยู่ยังไงก็ไม่มีวันเจริญหรอก ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้"
"ไพน์ไปก็ได้ แต่ว่าคุณต้องเลิกดื่มแล้วกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้"
ไอ้โกรธมันก็โกรธอยู่หรอกที่ถูกชีวินพูดจาร้ายๆใส่แบบนั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอเองเข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ของเขาตอนนี้ดี ก็เลยอยากที่จะพยายามมองข้ามมันไป ภัทรพิชายังคงไม่คิดยอมแพ้ เธอตรงเข้าไปกระชากแก้วเหล้าจากในมือของชีวินออกแล้วเทมันลงไปที่พื้น ซึ่งดูแล้วน่าจะได้ผลเมื่อคนขี้เมาหันขวับมามองเธอเขม็ง
"ในเมื่อบอกให้ไปแล้วยังไม่ไป งั้นก็แสดงว่าเธอคงอยากจะอยู่ใกล้ฉันมากสินะ ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปงั้นก็มานี่!"
"ว้าย! คุณชิน"
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ
Comments