สะใจเธอแล้วใช่ไหมที่แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อฉันได้ ไหนๆพ่อแม่เราก็ไปฮันนีมูนกันแล้ว ฉันว่างั้นเราก็ลองมาทดลองเข้าหอด้วยกันดูหน่อยเป็นไง
View Moreภัทรพิชาแอบยืนมองจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน สายตามองฝ่าแสงสลัวของแสงโคมไฟสีส้มที่ห้อยเรียงรายอยู่ภายในสวนจนทะลุเลยไปเห็นใครบางคนที่ยังเอาแต่นั่งดื่มมาตั้งแต่บ่ายจนดึก ท่าทางเขายังบ่งบอกว่าเสียใจมาก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา สายตาที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อมารดาตอนที่เจ็บป่วยนั้นเธอก็เห็น
ชีวิน รักแม่มาก แม้ว่าวันนี้ผู้เป็นมารดาจะจากโลกนี้ไปได้หกเดือนเต็มแล้ว แต่ความโศกเศร้าที่ผู้ชายคนนี้มีอยู่กลับไม่เคยจางไป หนักสุดก็คงจะเป็นเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่มารดาของเธอได้ตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงานกับผู้เป็นบิดาของเขา สายตาของชีวินที่ครั้งหนึ่งเคยมองเธอมาพร้อมด้วยความรู้สึกบางอย่าง แบบที่เธอเองก็บอกไม่ถูก หากแต่กลับนำมาซึ่งความสั่นไหวภายในหัวใจดวงน้อยจนมันเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ภัทรพิชาเคยรับรู้ได้ ก่อนที่ความรู้สึกพวกนั้นจะจางหายไปทันทีที่ชีวินได้รู้ว่าบิดาของตนเองได้ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับผู้ที่เป็นมารดาของเธอ
นับจากวันนั้นทุกๆอย่างเปลี่ยนกลับจากขาวเป็นดำสนิท เทียบดูกับเมื่อก่อนแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันมาก หากแต่ตอนนี้คือไม่ได้มีการพูดคุยใดๆกันเลย นอกจากสายตาเย็นชาที่ปนผสมมาด้วยความชิงชังก็เท่านั้นที่เขามีให้ ไม่ว่าจะเป็นที่มารดาของเธอ หรือแม้แต่กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่ต่างกัน
ถึงขนาดนั้นแล้วภัทรพิชาก็ยังอดที่จะเป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ได้ เสียงนาฬิกาบอกว่าเป็นเวลาตีหนึ่ง วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่เห็นว่าเขาจะลุกไปไหน ข้าวปลาคงไม่ได้กิน ชีวินนั่งดื่มคนเดียวอยู่แบบนั้น จนรอบข้างกายเรียงรายเต็มไปด้วยขวดแอลกอฮอล์เกลื่อนพื้น
กระทั่งในที่สุดก็ทนไม่ไหว เสื้อคลุมตัวยาวถูกดึงมาใส่คลุมกายเอาไว้แล้วจึงรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องของตัวเองลงไปยังสนามหญ้าข้างบ้าน ภัทรพิชาเดินเลาะไปตามข้างรั้ว ยิ่งพอเข้าไปใกล้ๆ เสียงสะอึกจากการร้องไห้ก็ยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจไปมากยิ่งขึ้น
"ทำไมแม่ถึงรีบทิ้งชินไป ชินคิดถึงแม่ ในโลกนี้ไม่มีใครรักชินเท่าแม่ แล้วก็ไม่มีใครรักแม่เท่าชิน ถ้าเกิดแม่อยู่บนนั้นก็ช่วยมองลงมาดูด้วยนะว่าผู้ชายที่แม่รักนักรักหนา พอแม่ไม่อยู่แค่ไม่ถึงปีเขาก็รีบแต่งงานใหม่ แล้วแม่รู้ไหมว่าผู้ชายของแม่เขาแต่งกับใคร ก็คนที่แม่บอกว่าเขาดีกับแม่นักหนานั่นไง ตอนนี้เขาเอาผู้ชายคนที่แม่รักไปนอนกอดแล้วแม่รู้เอาไว้ด้วย"
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆบอกถึงระดับความเจ็บปวดของเขาได้ดี ไม่ผิดที่หากว่าชีวินจะคิดแบบนี้ ในเมื่อเธอเองก็ไม่เคยเห็นดีด้วยในวันที่มารดาบอกว่าจะแต่งงานกับบิดาของเขา
'ไพน์ แม่จะแต่งงานกับคุณเชาว์นะ แกคิดว่าไง'
'ทำไมแม่ทำแบบนี้ล่ะคะ คุณนาถนรีพึ่งเสียยังไม่ถึงปีเอง ไพน์กลัวว่าคนอื่นเขาจะมองแม่ไม่ดี'
'แม่รู้ว่ามันไม่เป็นผลดีต่อแม่ แต่ตอนนี้คุณเชาว์เองเขาก็อ่อนแอมาก แล้วเขาก็ต้องการกำลังใจ อีกอย่างชีวิตเราสองคนแม่ลูกมันก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอน แม่เองก็เป็นเพียงแม่บ้านเขา ไหนแกจะยังต้องเรียนหนังสืออีก สู้ให้แม่แต่งงานกับคุณเชาว์ ชีวิตเราสองคนก็จะได้สบายขึ้น'
'แต่หนูไม่เห็นด้วย ถ้าแม่กลัวว่าชีวิตเราสองคนจะลำบากแล้วล่ะก็ หนูออกไปหางานพิเศษทำเพิ่มด้วยก็ได้ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ ลำพังเงินค่าขนมค่าเรียนที่คุณนาถนรีท่านให้หนูไว้ใช้ในทุกๆเดือนจนเรียนจบนั่นมันก็เพียงพอแล้ว หนูไม่เห็นมีความจำเป็นเลยว่าแม่จะต้องถึงขั้นแต่งงานกับคุณเชาว์'
'แกอย่าโง่ไปหน่อยเลย ข้างหน้ามีบ่อเงินบ่อทองมากองไว้ให้ ถ้าเกิดว่าแกอยากเดินข้ามไปก็เรื่องของแก แต่แม่ไม่ข้าม คุณนาถนรีเขาดีกับเราสองแม่ลูกมากก็จริง แต่เขาก็เสียไปแล้ว ดีเสียอีกถ้าคุณเชาว์เขาอยากแต่งงานกับแม่จริงๆ อย่างน้อยก็จะเป็นการถือเสียว่าแม่ได้ดูแลคุณเชาว์คุณชินให้คุณนาถนรีเธอไง'
ภัทรพิชาส่ายหน้ากับศรีษะน้อยๆยามที่นึกทบทวนถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับมารดา จนกระทั่งในที่สุดวันที่เธอไม่อยากให้มาถึงก็ดำเนินมาจนถึงจนได้ มารดาของเธอและบิดาของเขาเข้าพิธีแต่งงานกันจริงๆ งานจัดเลี้ยงจัดขึ้นเป็นงานเล็กๆภายในบ้าน มีเพียงหมู่เพื่อนสนิทและญาติของชวลิตที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยกันเท่านั้น แล้วทุกๆอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
มารดาของเธอกลายเป็นแม่เลี้ยงของเขาโดยที่ชีวินไม่มีทางยอมรับ จากที่เคยกลับมาค้างที่บ้านทุกวันเขาก็หายหน้าหายตาไป ไม่มาร่วมแม้กระทั่งวันงานแต่งงาน เพื่อต้องการแสดงให้บิดาของเขาได้เห็นว่าเขานั้นต่อต้านและคัดค้านการมีครอบครัวใหม่ของบิดาเพียงใด
จนกระทั่งเมื่อวานวันที่บิดาของเขาและมารดาของเธอพากันแพ็คกระเป๋าออกจากบ้านเพื่อไปฮันนีมูนตั้งแต่เช้า ช่วงสายรถของชีวินก็ขับเลี้ยวเข้ามาจอดอยู่ภายในบ้านก่อนที่เขาจะปิดประตูเข้าห้องไปอย่างเงียบสนิท พอเธอลองไปเคาะเรียกก็กลับไม่ได้มีเสียงตอบรับ จนมันผ่านเข้ามาถึงตอนบ่ายของอีกวัน ตอนที่เธอเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมา ก็เห็นว่าเขาขนขวดเหล้ามากองเรียงรายและนั่งดื่มมันอยู่อย่างนั้นโดยที่ตัวเธอเองไม่กล้าเข้าไปห้าม
อันที่จริงเธอคงจะปล่อยให้เขาดื่มต่อ ถ้าหากไม่เปิดหน้าต่างออกมาเห็นท่าทีที่แทบจะเมากลิ้งลงไปกองบนพื้นเต็มทีของเขา จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ
"คุณชินคะ คือว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว ไพน์ว่าคุณกลับเข้าไปนอนในบ้านก่อนดีกว่าไหมคะ น้ำค้างก็ลงแล้วด้วย เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ"
เพล้ง!
"ยุ่งไรด้วยวะ คนจะกินเหล้า นี่ฉันกำลังฉลองที่พ่อฉันพึ่งแต่งงานมีเมียใหม่อยู่เธอไม่แหกตาดูหรือไง"
ทันทีที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา ภัทรพิชาก็ถูกตวาด แก้วเหล้าถูกปาลงไปบนแผ่นกระเบื้องปูพื้นจนแตกละเอียด ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะหันขวับกลับมามองเธอราวกับว่าต้องการอยากจะมีเรื่อง
"แต่วันนี้ทั้งวันไพน์เห็นคุณดื่มมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ จะนั่งดื่มอยู่แบบนี้ให้จนถึงเช้าเลยหรือยังไง เลิกดื่มได้แล้วค่ะ"
"แหม เธอนี่ พอแม่เธอได้แต่งงานเป็นเมียใหม่ของพ่อฉันเข้าหน่อยก็ทำเป็นวางอำนาจทันทีเลยนะ บอกไว้ก่อนว่าอย่าสะเออะมายุ่งกับฉัน แล้วที่บอกเมื่อกี้ว่าเห็นฉันนั่งกินอยู่ตรงนี้ตั้งแต่บ่าย แสดงว่าเธอคงจะแอบดูฉันอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะสิท่า ทำไม อยากอ่อยฉันให้ได้เหมือนที่แม่เธออ่อยพ่อฉันหรือไง"
"คุณชิน กรุณาอย่ามาดูถูกแม่ของไพน์แบบนี้ ไพน์รู้ว่าที่แม่ไพน์ทำมันไม่สมควร แล้วไพน์เองก็ไม่ได้สนับสนุนให้แม่ทำแบบนั้น ถึงยังไงแม่ไพน์ก็แก่กว่าคุณไพน์ว่าคุณไม่สมควรว่าแม่ของไพน์นะคะ"
"เหอะ เดี๋ยวนะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันวะ ต่อให้ฉันจะว่าแม่ของเธอยังไง เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นแค่ลูกสาวแม่บ้านที่อยากขยับเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นคุณนาย ส่วนพ่อฉันก็ดันเกิดหน้ามืดตาบอดขึ้นมา เลยบังเอิญไปคว้าเอาผู้หญิงแบบเเม่ของเธอขึ้นมาเทียบเคียงกับแม่ของฉัน จะบอกอะไรให้เธอสองคนแม่ลูกเอาไว้เลยนะ ว่าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่กันแบบสุขสบายในบ้านที่เป็นสมบัติของแม่ฉัน พวกคนทรยศ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา อยู่ยังไงก็ไม่มีวันเจริญหรอก ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้"
"ไพน์ไปก็ได้ แต่ว่าคุณต้องเลิกดื่มแล้วกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้"
ไอ้โกรธมันก็โกรธอยู่หรอกที่ถูกชีวินพูดจาร้ายๆใส่แบบนั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอเองเข้าใจความรู้สึกที่เป็นอยู่ของเขาตอนนี้ดี ก็เลยอยากที่จะพยายามมองข้ามมันไป ภัทรพิชายังคงไม่คิดยอมแพ้ เธอตรงเข้าไปกระชากแก้วเหล้าจากในมือของชีวินออกแล้วเทมันลงไปที่พื้น ซึ่งดูแล้วน่าจะได้ผลเมื่อคนขี้เมาหันขวับมามองเธอเขม็ง
"ในเมื่อบอกให้ไปแล้วยังไม่ไป งั้นก็แสดงว่าเธอคงอยากจะอยู่ใกล้ฉันมากสินะ ก็ได้ ถ้าไม่อยากไปงั้นก็มานี่!"
"ว้าย! คุณชิน"
"คุณชิน!""ใช่ ฉันเอง"ภัทรพิชาตกใจจนต้องรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายของเธอจะถูกเขาจับกดให้กลับลงไปนอนใหม่ ถึงแม้ว่าความคิดถึงมันเต็มล้นเเน่นอยู่ในอก แต่สิ่งที่ชีวินกำลังทำอยู่นั้นมันก็ทำให้เธอเกิดอาการฟึดฟัดขึ้นมาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ชีวินก็ยังคงเป็นชีวินคนเดิมไม่มีเปลี่ยน เรื่องอะไรที่ทำให้เธอฮึดฮัดฟึดฟัดได้นั่นแหละเขาจะรีบทำ"คุณเข้ามาในห้องไพน์ทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ""ไพน์ เธอฟังฉันนะ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะไม่มีทางที่จะสามารถไล่ให้ฉันไปไหนจากเธอได้อีก และตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนจากฉันได้เช่นกัน ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเมื่อไหร่ที่เธอเรียนจบกลับมา วันนั้นฉันจะไม่มีทางยอมให้เธอหนีฉันไปที่ไหนได้อีกแล้ว เธอจะต้องเป็นของฉันคนเดียว ทั้งตัวและหัวใจตลอดไป"ภัทรพิชานิ่งงันเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ชีวินพูด หน้าตาเขาดูจริงจังเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด ราวกับว่าต้องการตอกย้ำและอยากที่จะย้ำเตือนในสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้ แต่เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ได้อย่างไร ในเมื่อชีวินเกลียดแม่ของเธอขนาดนั้น "แต่คุณบอกเองว่าคุณเกลียดไพน์และก็แม่ของไพน์ไม่ใช่เหรอคะ""ตอนนั้นฉันอาจจะเ
2 ปีผ่านไป"อาคิยะ เดี๋ยวใบนี้ไพน์ถือเองค่ะ""ไม่เป็นไร ไพน์ถือแค่ใบเล็กๆนั่นก็พอ ส่วนสี่ใบนี้เดี๋ยวผมช่วยไพน์ถือไปส่งที่บ้านให้""หวังว่าแม่ไพน์คงจะไม่ตกใจนะคะที่เห็นไพน์พาคุณกลับไปที่บ้านด้วยแบบนี้""ถ้าแม่ของไพน์ตกใจ เดี๋ยวผมจะเป็นคนอธิบายให้ฟังเองครับ""แล้วนี่คุณกะว่าจะมาอยู่นานแค่ไหนคะ""น่าจะสักเดือนสองเดือน แต่ว่าผมยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าที่นี่จะมีอะไรดึงดูดใจให้ผมอยู่ต่อนานๆหรือๆเปล่า""ไพน์ว่าคงจะต้องมีอยู่แล้วล่ะค่ะ เป้าหมายของคุณไง"สองคนชายหญิงเดินคุยกันกระหนุงกระหนิงผ่านจากประตูหนึ่งของสนามบินทะลุไปออกยังอีกหนึ่งประตู โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนที่ยืนมองภาพนั้นอย่างตาค้างตัวชาราวกับจะเกิดอาการช็อก พอตั้งสติได้ก็วิ่งตามไปยังทิศทางที่สองชายหญิงพึ่งจะเดินผ่านไปข้างหน้า แต่พอตามออกมาดูไม่ห็นแล้วว่าไปทางไหนชีวินยืนก้มตัวลงหายใจจนหอบ วันนี้เขาต้องมารับลูกค้ารายใหญ่ที่มาจีน เลยได้มายืนอยู่ที่สนามบินตั้งแต่เช้า ขณะที่ยืนรอสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่แสนคุ้นตา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขามาโดยตลอดตั้งแต่เมื่อก่อนตอนที่เธอพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขาใหม่ๆ จนกระท
หลังจากวันนั้นชีวินก็ดูเหมือนว่าจะเปิดตัวกับอินทุอรมากยิ่งขึ้น ทุกๆที่ที่มีเธอกับอินทุอรไปก็มักจะมีชีวินติดสอยห้อยตามไปประกบ โดยเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เธอเห็น ต้องการให้เธอเจ็บปวด และมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลายทีที่ทนเห็นสองคนนั้นสวีทหวานกันไม่ไหวจนต้องแอบหลบออกมาร้องไห้ที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเหล่านี้จะจางหายไป มันช่างเป็นความรู้สึกที่หนักหนาสาหัสราวกับว่าเธอกำลังกลายไปเป็นคนอกหักคนหนึ่งที่ต้องพ่ายแพ้ยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักไปแสดงความรักกับคนอื่นหลังจากนั้นเพียงไม่นานชีวินก็เรียนจบ วันรับปริญญาของเขามีพวกเพื่อนๆกับชวลิตและอินทุอรไปร่วมแสดงความยินดีด้วย ทุกอย่างนั้นดูลงตัวเหมาะสมไปหมด ส่วนสิ่งที่เธอทำได้คือเพียงแค่แอบยินดีกับเขาอยู่ในที่ของเธอลำพัง เพียงแค่ได้เห็นเขามีความสำเร็จก็แอบดีใจจากนั้นชีวินก็ออกไปทำงานให้กับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ ดูเหมือนว่าชีวิตรักของทั้งสองคนจะดูหวานชื่นมื่นกันมากขึ้น เวลาที่ชีวินต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศ แน่นอนว่าอินทุอรก็มักจะตามเขาไปด้วยเสมอ เรียกว่าหวานชื่นมื่นกันมาตลอด เหลือไว้เพียงสิ่งหนึ่งที่ภัทรพิชาต
'ฉันอยู่หน้าบ้าน ออกมาคุยกันหน่อย'ภัทรพิชามองข้อความจากชีวินเด้งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วก็นิ่งเงียบ คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดี หลังจากที่จบเหตุการณ์เมื่อเช้าชีวินก็ขับรถออกไปจากบ้านแล้วหายไปเลยทั้งวัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่าที่เขาส่งข้อความมา หากแต่ภัทรพิชาเลือกที่จะไม่ตอบ โคมไฟหัวเตียงถูกปิดมืดลงทันทีที่เขาบอกว่ารออยู่หน้าบ้าน ภัทรพิชาคิดว่าชีวินกับแม่ของเธอคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกเรื่องที่ว่าไม่ให้เธอกับเขาเจอกันไม่ว่าจะกรณีไหน แถมตอนที่พูดเคลียร์กันเขาเองก็มีท่าทีหนักแน่นว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรที่มันแปลกไปกับเธอ ก็แค่เขาเผลอเข้าห้องผิดไปเท่านั้น ดังนั้นภัทรพิชาคิดว่าเธอเองก็ควรที่จะยึดมั่นในสิ่งที่ผู้เป็นแม่ร้องขอ คือเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาเสีย'แม่ถามแกจริงๆนะไพน์ เรื่องแกกับคุณชินมันมีอะไรเกินเลยหรือเปล่า''มะ ไม่นี่คะ ก็อย่างที่เขาบอกว่าเมื่อคืนเขาคงจะเผลอเดินเข้าห้องผิด ส่วนหนูก็รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายเลยกินยาแล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่แม่เข้ามา''จริงนะ แกอย่ามาโกหกแม่นะ
"ว้ายตายแล้ว นี่มันอะไรกันยายไพน์"ภัทรพิชารีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนตอนที่ได้ยินเสียงของมารดาดังขึ้นด้วยความตกใจ ความง่วงที่มีอยู่หายไปแบบสนิท ขนาดว่าแม่เธอร้องเสียงดังขนาดนี้ชีวินก็ยังกอดเธอไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องแกะดึงมือเขาออก"แม่คะ คือว่าไพน์""ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างๆจากคุณชิน แล้วนี่มานอนกอดกันอยู่แบบนี้มันคืออะไร"ชีวินลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เป็นเพราะเสียงร้องของพาณีที่ดังลงไปถึงข้างล่าง เลยทำให้ชวลิตต้องเดินตามขึ้นมาดู ภาพของชีวินและภัทรพิชานอนกอดกันอยู่บนเตียงทำให้พาณีตกใจเสียขวัญ ไม่ใช่ว่าชีวินเป็นคนไม่ดี แต่ติดที่ว่าลูกเลี้ยงไม่ชอบตัวเอง ก็เลยเป็นห่วงว่าจะมีเจตนาที่ไม่ดีต่อลูกสาว ส่วนชีวินได้ยินประโยคที่พาณีพูดกับภัทรพิชาเต็มสองหูก็หัวเสีย ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าไม่อยากให้ภัทรพิชายุ่งเกี่ยวกับเขา ก็ถ้าเกิดว่าภัทรพิชายุ่งด้วยแล้วจะทำไม เขามันไม่ดีอย่างไร ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งโกรธ ทีตัวเองยังเอาพ่อเขาไปนอนกกกอด แล้วทำไมเขาถึงจะเอาตัวภัทรพิชามานอนกกนอนกอดบ้างไม่ได้ชวลิตเปิดประตูตามเข้ามาดูเหตุการณ์ภายในห้อง พอเห็นว่าชีวินอยู่กับภัทรพิชาจริงก็เกิดอาการตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเ
ค่ำแล้วชีวินขับรถไปจอดส่งภัทรพิชาที่หน้าบ้านแต่ว่าไม่ยอมเข้าไปในบ้านด้วย เหตุก็เป็นเพราะว่ายังไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองไปมีเรื่องชกต่อยมา ทั้งที่ในใจอยากจะตามภัทรพิชาเข้าไปด้วย อยากกลับมานอนที่บ้าน อยากจะนอนค้างห้องข้างๆติดกันที่มีเพียงแค่ผนังแผ่นหนึ่งกั้นเอาไว้ แต่รอให้แผลที่หน้าหายไปอีกหน่อย เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ภัทรพิชานอนห่างจากกายได้อีก"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง คุณขับกลับเองได้แน่ๆใช่ไหมคะ""ถ้าฉันบอกว่าขับไปคนเดียวไม่ไหว เธอจะยอมกลับไปค้างกับฉันด้วยหรือไง"ชีวินแกล้งเย้าคนข้างๆเล่น หากแต่ภัทรพิชากลับมองหน้าเขานิ่งอึ้งจนชีวินขำ"ฉันล้อเล่น เธอเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว"ภัทรพิชาพยักหน้าปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงหันไปเปิดประตูจะลง แต่มือของเธอกลับถูกชีวินคว้าเอาไว้แถมยังมองมายังเธอตาละห้อยไม่ยอมปล่อยให้เธอลง"คะ""คิดถึง"อะไรกัน นี่เขาคงไม่ได้ถูกเตวิชญ์ต่อยจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนไปแล้วหรอกใช่ไหม ทำไมอยู่ๆชีวินคนที่ชอบใจร้ายใส่เธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนคลั่งรักขึ้นมา ตอนอยู่ด้วยกันที่คอนโดของเขาก็มีทั้งกอดทั้งจูบ ไหนจะมีแม้กระทั่งคำว่า คิดถึง ตามมาตอนนี้อีก ทำให้เธอได้สงสัยหวังว่าท
Comments