เสี่ยวหนี่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางและรอยยิ้มสดใส เสี่ยวอี้เดินตามหลังมา ถือถาดสำรับอาหารที่เต็มไปด้วยเมนูหอมกรุ่นจากครัว เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาถึงโต๊ะอาหาร เสี่ยวหนี่ก็มองไปที่เว่ยหยงไท่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่านโจวซึ่งกำลังจิบชาอย่างสงบ"พี่เว่ย" เสี่ยวหนี่เรียกด้วยน้ำเสียงสดใส ยกสำรับอาหารขึ้นวางลงบนโต๊ะ"มาทานข้าวด้วยกันเถอะ ข้าทำอาหารมาเองเลย" เสี่ยวหนี่ยิ้มอย่างร่าเริงก่อนจะเริ่มจัดอาหารให้ เว่ยหยงไท่เงยหน้าขึ้นจากการสนทนากับท่านโจวและยิ้มตอบอย่างอบอุ่น “ข้าคงไม่กล้าตอบรับคำเชิญของคุณหนูเสี่ยวหนี่ได้หรอก" เว่ยหยงไท่ลุกขึ้นยืนและเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารข้างเสี่ยวหนี่ ซึ่งตอนนี้กำลังจัดจานอาหารด้วยมือที่รวดเร็วและชำนาญ เสี่ยวอี้ยิ้มและยกถาดข้าวมาให้ท่านโจวพร้อมกับพูดเบาๆ ท่านโจวยิ้มและพยักหน้า"ขอบใจมากนะเสี่ยวอี้"เมื่อทุกคนพร้อมนั่งลง ทุกคนจึงเริ่มตักอาหารใส่จาน กับข้าวที่เสี่ยวหนี่ทำมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นี่ก็คงเพื่อบำรุง เว่ยหยงไท่หยิบชิ้นเนื้อหอมๆ ขึ้นมาชิมแล้วเอ่ยอย่างชื่นชม"หืม...อาหารของคุณหนูเสี่ยวหนี่ทุกจานล้วนอร่อยเสมอ"เสี่ยวหนี่ยิ้มเขิ
ห้องโถงใหญ่ของตำหนักชิงหลานของกุ้ยเฟยชวีหยาเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ใบหน้าของชวีหยาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อองครักษ์ของไทเฮาก้าวเข้ามาจับตัวนาง ชวีหยาไม่ยอม มืองามสั่นเทา ขาทั้งสองข้างก้าวถอยหลังอย่างสุดกำลัง"ปล่อยข้า ปล่อยข้า" ชวีหยาโวยวายขณะดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนขององครักษ์"ข้าทำอะไรผิด ข้าทำอะไรผิดถึงต้องทำเช่นนี้" น้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความทุกข์ทรมานชวีหยาเบิกตากว้างเห็นหรูซินยืนอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่ยื่นมือมาช่วยสักนิด หรูซินยืนนิ่งไม่แม้แต่มองชวีหยา ทิ้งให้ชวีหยาอยู่ในมือขององครักษ์ที่จับตัวกุ้ยเฟยชวีหยาไว้หรูซินก็รีบวิ่งจากไป"หรูซิน หรูซินนน" ชวีหยาเรียกหรูซินด้วยเสียงที่สั่นเทา ทุกอย่างดูเหมือนจะพังทลายลงตรงหน้านางในขณะที่ชวีหยาเกือบจะหมดแรงจากการดิ้นรน องครักษ์ก็พาตัวออกจากตำหนักชิงหลานไปยังตำหนักพระพันปี ที่นั่งรออยู่คือไทเฮาบนบัลลังก์ทองคำอันโอ่อ่า สายตาของไทเฮาทอดมองลงมาอย่างเฉยเมย แม้แต่รอยยิ้มก็ไม่มีบนใบหน้าเมื่อเห็นตัวเองถูกพาตัวเข้ามา ชวีหยารีบคุกเข่าลงกับพื้น ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาและความสิ้นหวัง"ไทเฮาได้โปรดไว้ชีวิต หม่อมฉันไม่ได้ทำ นางทำตัวเอง ไทเฮาโปรดเมตตาหม่อมฉั
ชวีหยาและหรูซินยืนอยู่ตรงหน้าหยางชินอวี้ ท่าทางของหยางชินอวี้เต็มไปด้วยความเย็นชา ใบหน้างดงามนั่นกลับมองดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้หยางชินอวี้คนก่อนยที่กลัวจนรลนลานหายไปแล้ว “กุ้ยเฟยท่านนี้ไม่ยอมหลาบจำในสิ่งที่เคยทำลงไปสินะ”“ข้านะหรือทำไมต้องหลาบจำ ตอนนี้ถึงข้าจะไร้อำนาจแต่ข้าก็จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าข้ากับเจ้ามันคนละชั้นกัน ข้าคือชวีหยาจางชวีหยาคนในตระกูลจางที่แข็งแกร่ง”“ฮะๆๆๆ ฮ่าาท่านสำคัญตัวผิดไปแล้วฝ่าบาทสอนท่านด้วยความเฉยชา หนึ่งปีที่ผ่านมาฝ่าบาทไม่เคยมีวันไหนที่อภัยให้ท่าน เพราะฝ่าบาทไม่เคยเสด็จมาที่นี่ และท่านก็รอฝ่าบาทจนกระทั่งวันนี้หากท่านสำนึกผิดและทำตัวดีกว่านี้ไม่ระรานข้าบางทีข้าอาจพูดกับฝ่าบาทเรื่องกักบริเวณท่าน”“ฮะๆๆ ฮ่า ไม่ทันแล้วข้าชอบที่นี่ ถึงจะบอกว่ารอก็ไม่ได้สำคัญอะไร ไม่มาข้าก็ไม่ตาย เฉยชาก็ใช่ว่าข้าจะอยู่ไมไ่ด้ ข้าอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะความแค้นขอให้ได้จัดการกับเจ้า…และเสี่ยวหนี่ก็พอ”“ท่านผิดแล้ว กุ้ยเฟยท่านคิดผิดแล้วข้าจะไม่ทางยอมให้ท่านรังแกข้าอีกต่อไปแล้ว”ก่อนที่นางจะเลื่อนมือล้วงเข้าไปในชายเสื้อและหยิบมีดสั้นคมกริบออกมา มีดสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟชวีหยาตาลุกวาว ใบหน้าซี
ในตำหนักชิงหลานที่เงียบสงบหรูซินเดินเข้ามาด้วยท่าทางนิ่งสงบ เส้นทางที่หรูซินก้าวเดินผ่านทำให้ทั้งตำหนักเงียบลงอย่างคาดไม่ถึง นางกำนัลของวังหลวงมองดูการเคลื่อนไหวของหรูซินด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นไปด้วยความเคารพและเกรงกลัว"สนมเอกหยางชินอวี้ กุ้ยเฟยเรียกหาท่านให้ไปพบที่ตำหนักชิงหลานเดี๋ยวนี้" หรูซินพูดเสียงเด็ดขาดไม่ได้มีความเคารพแม้แต่น้อย“ตามข้าไปทันที” หยางชินอวี้หันหน้าหันหลังรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อยฝ่าบาทเพิ่งจะออกจากวังหลวงชวีหยาก็เรียกหยางชินอวี้ทันที“ได้ยินไหมข้าบอกให้ตามข้ามา” หรูซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบด้วยคำสั่งและท่าทีของหรูซินทำให้จี้เหวินที่ยืนอยู่ข้างๆ หยางชินอวี้รู้สึกกังวลในใจ สายตาของจี้เหวินจับจ้องไปที่หยางชินอวี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบอ้ำอึ้งพูดว่า "ข้า... ข้าขอโทษนะ... มารดาของข้าจะมาเยี่ยมในวังหลวงในวันนี้ ข้าจึงต้องอยู่ให้มารดาของข้ารู้สึกอุ่นใจ นี่เป็นเหตุผลที่ข้าไม่สามารถไปที่ตำหนักชิงหลานได้… อ่อข้าจะพามารดาข้าไปคารวะท่านน้าของพระสนมด้วย”คำพูดของจี้เหวินทำให้หยางชินอวี้แอบถอนหายใจอย่างแรง ในที่สุดก็ต้องยอมจำใจไปคนเดียว โดยไม่แสดงอาการขัดแย้งใดๆ หน้าของเธอเ
เว่ยหยงไท่เดินเข้ามาในห้องโถง พบเสี่ยวหนี่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เก่า เสี่ยวหนี่เงยหน้าหันไปตามเสียงที่เว่ยหยงไท่ก้าวเข้ามา มือข้างหนึ่งกำลังจัดเรียงเอกสารและบันทึกข้อตกลงที่สำคัญ ส่วนท่านโจวก็นั่งดื่มชาร้อนอย่างสงบเสงี่ยม ท่าทางเหมือนจะพักผ่อนบ้างหลังจากที่ทำงานมาทั้งวันเมื่อเว่ยหยงไท่ยิ้มทักทายท่านโจวและเสี่ยวหนี่ เสี่ยวหนี่ยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น "เว่ยหยงไท่มาแล้วหรือ เห็นอินเฉาแจ้งว่าท่านมีเรื่องสำคัญอยากหารือกับข้า"เว่ยหยงไท่พยักหน้า พร้อมกับเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ท่านโจว เขายิ้มด้วยท่าทีเรียบง่าย"วันนี้ข้ามีเรื่องจะขอรบกวนท่านโจวและคุณหนูเสี่ยวหนี่สักหน่อย ข้าหมายจะเปิดเส้นทางการค้าจากเมืองโจวไปยังเมืองฮัวเฉิง ข้าอยากขอเป็นพ่อค้าคนหนึ่งที่มารับสินค้าจากชาวบ้านในเมืองโจวเพื่อนำไปขายต่อที่เมืองฮัวเฉิง"คำพูดของเขาเป็นการเสนอความคิดที่เรียบง่าย ท่านโจววางถ้วยชาในมือไว้ข้างๆ ฟังแล้วก็นิ่งคิด ก่อนจะหันไปมองเสี่ยวหนี่ ท่านโจวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"หนี่เอ๋อร์ เจ้ามีความเห็นอย่างไร" เสี่ยวหนี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล "ข้าคิดว่าเป็นความคิดที่
หลังจากเสร็จจากการเตรียมอาหารในครัว เสี่ยวหนี่เดินออกมาเดินไปในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพันธุ์ที่ปลูกเองกับมือ แต่จิตใจที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่เพิ่งรู้ภายในจดหมายจากเซียหยาและเรื่องราวในวังหลวงที่ส่งผ่านตัวอักษรเสี่ยวหนี่แอบยิ้มให้ตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของหยางลี่ยามที่ดวงตาแวววาวขณะใช้ตะเกียบในมือคีบอาหารรสเลิศ แต่ในที่สุดก็ต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมา ในใจหนักอึ้งเหมือนมีภาระที่ต้องแบกรับทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะมีความสุขอยู่เสมอ"คุณหนูรองเสี่ยวหนี่..." เสียงของเว่ยหยงไท่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เสี่ยวหนี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหันไปพบกับชายหนุ่มผู้มีท่าทางเคร่งขรึม ใบหน้าของเสี่ยวหนี่พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ"ท่านกลับมาแล้วหรือ"เว่ยหยงไท่เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับกล่องไม้ขนาดพอเหมาะ "ข้าคิดว่าเจ้าคงจะต้องการมัน... สมุนไพรชางลู่...สมุนไพรที่สามารถเรียกวิญญาณกลับมาที่เจ้าเคยถามไถ่ไว้" เว่ยหยงไทกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พลางเปิดกล่องไม้ออก เผยให้เห็นพืชสมุนไพรชางลู่รากสีแดงอยู่ภายใน เสี่ยวหนี่มองสมุนไพรในกล่องอย่างสนใจ รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าแม้ว่าดวงตาของเสี่