ฟางอิ๋งเห็นฉู่จวินสิงเข้ามาก็พาฉู่จื่อซีออกไปอย่างรู้งานฉู่จวินสิงยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ขามีความรู้สึกหรือยัง?”ฉู่จวินหลุนมองขาทั้งสองข้างของตัวเอง มุมปากยกยิ้มบางๆ“ข้าของข้าพิการมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่กลับมามีความรู้สึก”ฉู่จวินหลุนว่าจบก็ออกแรงยกขาขึ้นฉู่จวินสิงเห็นฉู่จวินหลุนฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ก็รู้สึกปลื้มใจมากเช่นกันขอเพียงวันหน้าพี่ใหญ่สามารถลุกขึ้นเดิน เช่นนั้นพวกเขาก็นับวันรอที่จะได้กลับเมืองหลวงจิงโจวได้เลยพวกเขายกทำไปทำสงครามมาหลายปี ย่อมชนะใจผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยแต่ตอนนี้คนเหล่านั้นล้วนแต่อยู่ที่เมืองหลวงจิงโจว หากไม่มีคำสั่งจากพวกเขา คนเหล่านั้นก็มาไม่ได้และหากฮ่องเต้สุนัขรู้เข้า พวกเขาก็ต้องถูกขุดรากถอนโคนแน่นอนฉู่จวินสิงไม่อยากต้องอยู่ที่เมืองอินเป่ยไปตลอดชีวิตอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา ทั้งยังไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะมารอให้ถึงเวลาอันสมควร เขาจะแจ้งข่าวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้น จากนั้นทุกคนตีจากด้านนอกและด้านในประสานกันกำจัดกองกำลังของฉู่ชางเหยียนให้สิ้นซาก!ฉู่จวินหลุนมองออกมาตั้งแต่แรก
หลังจากที่ฉู่จวินสิงได้ฟังดังนี้ ภายในหัวของเขาพลันมีภาพของกู้มั่วหลีปรากฏอย่างฉับพลันเจ้าหมอนั่นผลุบๆ โผล่ๆ อย่างไร้ร่องรอย เหตุสังหารเมื่อตอนนั้นก็เกี่ยวข้องกับเขาด้วยเช่นกันกู้มั่วหลีเป็นผู้ใดกันแน่ จนถึงตอนนี้ก็ยังตรวจสอบไม่พบเขาเคยประมือกับกู้มั่วหลี ศิลปะการต่อสู้ของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเลยไม่แน่ว่ากู้มั่วหลีจะเป็นคนที่ฉู่ชางเหยียนส่งมาจับตาดูพวกเขาที่นี่ หากเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากมากครั้นนึกถึงกู้มั่วหลี ฉู่จวินสิงก็เริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันเขาลุกขึ้นพูดกับฉู่จวินหลุน “พี่ใหญ่พักผ่อนเถิด ข้าขอตัวก่อน”ฉู่จวินสิงว่าจบก็หันตัวสืบเท้าเดินจากไป เขากลับมาที่ห้อง พบว่าเจี่ยนอันอันตื่นแล้วแม้ว่านางจะผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ตื่นเร็วมากเช่นกันตอนนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียง ทว่าจิตสำนึกกลับอยู่ในห้วงมิตินางใส่ยาเม็ดทั้งหมดที่ทำออกมาเข้าไปที่สถานีแปรรูปครู่หนึ่ง สถานีแปรรูปก็ส่งเสียงดัง “ติ๊ง”ประสิทธิภาพของยาเม็ดถูกยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็วและเด้งออกจากสถานีแปรรูปเจี่ยนอันอันรับยาเม็ดพวกนั้นไว้ด้วยความรวดเ
ตอนนี้เจี่ยนอันอันมีแผนการในใจแล้ว นางต้องทำยาเม็ดสำหรับเคลื่อนย้ายมวลสสารโดยเร็วที่สุดคราวนี้นางจะทำออกมาสองเม็ด ถึงเวลาแล้วก็ให้ฉู่จวินสิงกินหนึ่งเม็ดหากฉู่จวินสิงจะกลับเมืองหลวงจิงโจวให้จงได้ เช่นนั้นนางก็จะตามเขากลับไปด้วย“ท่านให้เวลาข้าสักสองสามวัน ข้าจะทำยาเม็ดที่สามารถเคลื่อนย้ายภายในชั่วพริบตา จากนั้นพวกเราไปเมืองหลวงจิงโจวด้วยกัน”“เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว”นางว่าจบก็ลุกลงจากเตียงเมื่อครู่นี้ได้นอนพักเป็นเวลาครู่หนึ่ง ตอนนี้นางรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากเจี่ยนอันอันเดินออกจากห้องก็เห็นบรรดาสาวใช้ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนในบ้านเดินมาทานอาหาร ฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันก็โบกมือเรียก“อันอัน รีบมากินข้าวด้วยกันเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันกินข้าวไปก่อนแล้ว ตอนนี้ยังย่อยไม่หมดนางส่ายหน้ายิ้ม “ท่านแม่ ข้ากินไปแล้วเจ้าค่ะ คงไม่กินมื้อเย็นอีก”“เจ้ากินไปแค่นิดเดียว ระวังจะหิวตอนกลางคืน”ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงเจี่ยนอันอัน ทว่านางกลับตอบว่า “ท่านแม่ ข้ากำลังลดความอ้วนเจ้าค่ะ คงไม่กินมื้อเย็นอีก”จังหวะที่ฉู่จวินสิงออกมา เขาก็ได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจะลดคว
ทุกครั้งที่นางใช้ความคิดกระตุ้นผลของยาให้ตัวเองหายตัวและเคลื่อนย้ายไปอีกที่ นางจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะโชคดีว่าความรู้สึกวิงเวียนศีรษะนี้คงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีก็กลับเป็นปกติเจี่ยนอันอันต้องการพัฒนายาให้ดีขึ้นเพื่อควบคุมความรู้สึกวิงเวียนศีรษะนี้อยู่ตลอดประกอบกันตอนนี้ฟังก์ชันเคลื่อนย้ายมวลสสารก็กำลังอ่อนกำลังลง ทำให้นางยิ่งยากทำยาตัวใหม่ออกมาฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันมองตัวเองด้วยตาเป็นประกายแต่กลับไม่พูดอะไรจังหวะที่เขากำลังจะพูด เขาก็ได้ยินเจี่ยนอันอันโพล่งขึ้นมาว่า “ท่านพี่ ท่านนี่มันอัจฉริยะ”เจี่ยนอันอันพูดจบก็ลุกขึ้นกอดฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงสับสนงุนงงกับถ้อยคำของเจี่ยนอันอันเขาเพียงแต่วิเคราะห์เรื่องของกู้มั่วหลีเท่านั้น เหตุใดจึงกลายเป็นอัจฉริยะไปเสียได้?เจี่ยนอันอันกอดฉู่จวินสิงแล้วหันตัวเดินไปที่หน้าเตาและเริ่มหลอมยาต่อนางเปิดฝาหม้อ ใส่สมุนไพรลงไปอีกสองสามต้นฉู่จวินสิงมองท่าทีลิงโลดของเจี่ยนอันอันด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่านางกำลังดีใจกับเรื่องอะไรกันแน่เขาโน้มตัวเข้าไปแตะหน้าผากเจี่ยนอันอัน มีเพียงความรู้สึกเย็นยะเยียบ ไม่ได้เป็นไข้แต่อย่างใดเจี่ยนอันอันรู
ฉู่จวินสิงเทยาจากเตาต้มยาลงในชามดินเผาหนึ่งใบกลิ่นแรงฉุนจมูกนั้น ในที่สุดก็ถูกพัดพาจางหายไปในชั่วขณะนั้นเมื่อเจี่ยนอันอันได้หายใจรับลมธรรมชาติจากภายนอกแล้ว ก็เดินกลับเข้ามายานั้นต้องทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยนำมาต้มใหม่ ถึงจะทำเป็นยาเม็ดได้เจี่ยนอันอันได้วางชามยาไว้มุมห้อง และบอกสาวใช้ทั้งหลายว่าห้ามแตะต้องชามยานั้นสาวใช้ต่างรับคำตอบตกลง เจี่ยนอันอันจึงวางใจและกลับไปพักผ่อนในเรือนทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เจี่ยนอันอันจึงเริ่มกล่าวถึงเรื่องของกู้มั่วหลี“กู้มั่วหลีคงพาเจี่ยนหลิงเยว่ไปที่อื่นแล้ว ถ้าเราไปถึงตัวเมืองแล้ว ก็ตรงไปที่จวนเป่าจวิ้นเลย อาจยังมีโอกาสจับตัวเขาได้”“แต่น่าเสียดาย การจะหาเขาตอนนี้ยากกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก”ขณะเจี่ยนอันอันพูดอยู่นั้น มือทั้งสองก็กำแน่นเรื่องที่ถูกกู้มั่วหลีวางยาสลบ นางยังคงรู้สึกโกรธเคืองจนอย่างมากหากไม่ใช่เพราะชาวบ้านในตัวเมืองต้องการยาเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน นางคงไปยังจวนเป่าจวิ้นและฆ่ากู้มั่วหลีจนร่างแหลกละเอียดไปแล้วฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่น เขาหันไปข้าง ๆ มองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเป็นห่วง“วิชาการเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาของเจ้า อ่อนแอลง
นางเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากู้มั่วหลีจะมาหาเรื่องพวกเขาถึงที่นี่หากไม่ใช่เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ทำให้พวกเขารู้ตัวเกรงว่าทั้งคู่อาจจะถูกยาสลบจนหมดสติไปโดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นคนในตระกูลฉู่ได้ยินเสียงพูดคุยกัน จึงเดินออกมาจากห้องฉู่จวินหลุนเห็นสีหน้าตึงเครียดของทั้งสอง จึงถามขึ้นว่า “เมื่อครู่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”ฉู่จวินสิงได้เล่าเหตุการณ์ที่กู้มั่วหลีปรากฏตัวฉู่จวินหลุนหน้าตึงเครียด ในค่ำคืนที่เงียบสงัดนี้ ทุกคนในบ้านไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีคนปรากฏตัวในบริเวณลานเรือนชัดเจนว่าวรยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขา และอีกฝ่ายกล้าที่จะเข้ามาในลานเรือน ทั้งยังพยายามวางยาสลบฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ หรือเพราะได้รับคำสั่งจากฉู่ชางเหยียน เขาจึงตัดสินใจลงมือ?ดูเหมือนว่าการคาดเดาของฉู่จวินสิงก่อนหน้านี้จะไม่ผิด กู้มั่วหลีเป็นคนที่ฉู่ชางเหยียนส่งมาเพื่อจับตาดูพวกเขาจริง ๆเจี่ยนอันอันเห็นว่ากู้มั่วหลีหายไปแล้ว และควันยาในห้องก็กระจายหายไปเกือบหมดนางจึงกล่าวกับทุกคนว่า “เวลานอนทุกคนควรระวังตัวให้มาก กู้มั่วหลีอาจจะกลับมาอีก”ทุกคนในตระกูลฉู่ต่างพย
ไม่นานนัก พวกจ้าวอู่ก็พากันมาฝึกวรยุทธ์บัดนี้เป็นกิจวัตรของพวกเขาไปเสียแล้วฉู่จวินหลุนเอ่ยว่า “เมื่อคืนข้านอนไม่หลับทั้งคืน คิดอยู่แต่เรื่องที่จวินสิงบอกว่าจะกลับเมืองจิงโจว”“คิดว่าเรื่องนี้อันอันคงรู้แล้วกระมัง”เจี่ยนอันอันพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองฉู่จวินสิงฉู่จวินหลุนกล่าวต่อ “พวกเจ้าคิดจะทำอย่างไร?”ฉู่จวินสิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เอ่ยขึ้นตรง ๆ ว่า “ข้าต้องกลับไปสักครั้ง พวกคนใต้บัญชาข้าบัดนี้ไม่รู้เป็นเช่นไร”“พวกเขาจะถูกฉู่ชางเยียนกลั่นแกล้งหรือไม่ หากถูกจับขังคุก ข้าต้องหาทางช่วยพวกเขาออกมา”ฉู่จวินหลุนเห็นฉู่จวินสิงตั้งใจจะกลับไปยังเมืองจิงโจว เขาก็ไม่ได้คิดจะเอ่ยห้ามปรามต่อไป“ก็ได้ ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ข้าก็มิอาจกล่าวสิ่งใดได้”“เพียงหวังว่าเมื่อไปถึงที่นั่น พวกเจ้าจะระมัดระวังตนให้มาก”“ส่วนทางบ้านนั้น มีข้าอยู่ ย่อมไม่ให้ผู้ใดมารังแกครอบครัวของเราได้”ฉู่จวินหลุนกล่าวพลางหันไปมองเจี่ยนอันอัน “พวกเจ้าคิดจะออกเดินทางเมื่อใด?”เจี่ยนอันอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าลังเลเล็กน้อย“ข้ายังต้องปรุงยา คงใช้เวลาอีกสองสามวันกว่าจะเสร็จ”ฉู่จวินหลุนก้มลง
เกรงว่าหากถึงเวลานั้น คงไม่มีผู้ใดต่อต้านตัวปัญหาอย่างกู้มั่วหลีผู้นั้นได้อีกมีเพียงให้ฉู่จวินหลุนฟื้นตัวโดยเร็วเท่านั้น จึงจะมีคนที่สามารถรับมือกับเขาได้เจี่ยนอันอันหยิบขวดยาบำรุงโลหิตออกมาจากมิติ ยื่นให้ฉู่จวินหลุน“นี่เป็นยาบำรุงโลหิต ต้องกินติดต่อกันสามวัน วันละสามครั้ง ครั้งละสามเม็ดนะเจ้าคะ”เจี่ยนอันอันวางขวดยาลง ก่อนจะหมุนกายออกจากห้องไปฉู่จวินสิงคิดจะตามไป แต่กลับถูกฉู่จวินหลุนเรียกไว้“ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน กู้มั่วหลีคงมิกล้าลงมือจับผู้ใดตามอำเภอใจ”แม้ว่าฉู่จวินสิงยังคงกังวลว่าเจี่ยนอันอันอาจถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีก แต่เมื่อได้ฟังคำของพี่ใหญ่ เขาก็จำต้องนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิมเจี่ยนอันอันเดินมายังลานเรือน แล้วเรียกฟางอิ๋งเข้ามาเมื่อทั้งสองคนเข้ามาด้านในแล้ว เจี่ยนอันอันจึงกล่าวว่า “พี่สะใภ้ สองวันนี้คงต้องลำบากท่านแล้วนะเจ้าคะ”“ท่านต้องช่วยบีบนวดขาของพี่ใหญ่บ่อย ๆ จะได้เร่งให้กล้ามเนื้อที่ขาของเขาฟื้นตัวมาโดยเร็ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางอธิบายให้ฟางอิ๋งฟังว่าต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยฟื้นฟูขาของฉู่จวินหลุนเจี่ยนอันอันกำชับเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมดเสร็จแล้ว นางจึงกล่า
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร