โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
หลังจากที่คุณเทวินทร์กับคุณหญิงพิมพิกา และอนามิกา ได้รับแจ้งข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลว่า อนาคินประสบอุบัติเหตุ ทั้งสามคนจึงรีบมาโรงพยาบาลทันที “คุณหมอคะ..ลูกชายดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ” คุณหญิงพิมพิกาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเพราะร้องไห้อย่างหนักด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เมื่อเห็นว่ามีหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา “เนื่องจากศีรษะของคนไข้ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงทำให้เซลล์สมองและหลอดเลือดได้รับความเสียหาย ตอนนี้ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอะไรคืบหน้าหมอจะแจ้งอีกทีนะครับ” สิ้นเสียงของหมอ อนามิกาจึงเอ่ยถามออกมาเสียงสั่น “เค้าจะไม่เป็นอะไร..ใช่มั้ยคะหมอ?” “ตอนนี้หมอยังตอบไม่ได้ครับ แต่อาการของคนไข้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ หมอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ญาติไม่ต้องห่วงนะครับ” “ช่วยลูกชายผมด้วยนะครับคุณหมอ..อย่าให้เค้าเป็นอะไร” ครานี้เป็นเสียงของคุณเทวินทร์ “ครับ หมอจะทำให้เต็มที่ครับ เดี๋ยวหมอขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบหมอก็กลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ออกมาจนคุณเทวินทร์ต้องเข้ามาปลอบ “ตาคินต้องไม่เป็นอะไร หมอที่นี่เก่ง ตาคินจะต้องปลอดภัย” คุณเทวินทร์พูดพร้อมกับโอบสองแม่ลูกเอาไว้ เนื่องจากอนาคินยังอยู่ในขั้นวิกฤติ หมอจึงไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ทั้งหมดจึงพากันกลับคฤหาสน์ เนื่องจากอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ทั้งสามคนจึงกลับไปพักผ่อนก่อนจะกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในตอนเช้า ระหว่างที่ทั้งสามคนนั่งรออยู่หน้าห้องไอซียู คุณหญิงพิมพิกาจึงโทรศัพท์บอกผู้เป็นพ่อ (ฮัลโหล..ว่ายังไงพิม) “คุณพ่อคะ..ฮือ ฮือ” (พิมเป็นอะไร บอกพ่อสิเกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม ) “ตาคินเกิดอุบัติเหตุเมื่อคืนค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลxxx” (ตายจริง! แล้วตอนนี้ตาคินเป็นอย่างไรบ้าง) “หมอบอกว่าศีรษะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นวิกฤติค่ะ” (เดี๋ยวพ่อจะรีบนั่งเครื่องไปให้เร็วที่สุด) พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่กำลังนั่งเล่นกับเด็กหญิงเค้กอยู่มีสีหน้าวิตกกังวลเป็นอย่างมากด้วยความเป็นห่วงหลานชาย จนคริมาที่พึ่งเดินเข้ามาหลังจากไปเอาของว่างที่ห้องครัว สังเกตเห็นหน้าพ่อเลี้ยงดูไม่ดี จึงเอ่ยถามขึ้น “พ่อเลี้ยงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ..ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” “หลานชายของฉันเกิดอุบัติเหตุอยู่ในขั้นวิกฤติ ฉันต้องรีบนั่งเครื่องไปกรุงเทพฯ” “งั้นเดี๋ยวครีมไปจัดการเรื่องตั๋วให้นะคะ แล้วให้ป้าสายไปจัดกระเป๋าให้ค่ะ” “ฉันฝากไร่ด้วยนะ” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยออกมา “พ่อเลี้ยงไม่ต้องห่วงนะคะ..เดี๋ยวทางนี้ครีมกับน้าเบิ้มจะดูแลให้ค่ะ” ไม่นานนักนายนพก็ขับรถไปส่งพ่อเลี้ยงที่สนามบิน ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่เธอไม่เคยเจอหลานของพ่อเลี้ยงทั้งสองคน เคยเห็นแต่ในรูปที่วางอยู่ในบ้านใหญ่หลังนี้ แต่เป็นรูปสมัยตอนเด็กๆ เธอรู้แค่ว่าครอบครัวของลูกสาวของพ่อเลี้ยงอยู่กรุงเทพฯ และมีบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่รับผลไม้จากในไร่ทั้งหมดเพื่อนำไปผลิตน้ำผลไม้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยพบเจอแต่เธอก็ขอภาวนาให้เขาคนนั้นปลอดภัย เพราะเขาเป็นลูกหลานของผู้มีพระคุณของเธอ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง “พิม..ตาคินเป็นอย่างไรบ้าง” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาเอ่ยถามทันทีที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาล “ยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลยค่ะ..คุณพ่อ ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะแต่ต้องรอดูอาการอีกทีหลังจากที่ตาคินฟื้นค่ะ” “ตาคินต้องไม่เป็นอะไร..เชื่อพ่อนะ” “ค่ะคุณพ่อ..พิมก็ขอให้เป็นแบบนั้น” สองวันต่อมา อนาคินถูกย้ายไปห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เนื่องจากร่างกายมีการตอบสนองดีขึ้น เพียงแต่ชายหนุ่มยังไม่ฟื้นเท่านั้นเอง “พี่คินใจร้าย..พี่คินใจร้าย” เสียงก่นด่าดังก้องจนชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่กลางป่าเขาถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง “เธอเป็นใคร?” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไป “พี่คินใจร้าย” หญิงสาวคนนั้นพูดประโยคเดิมซ้ำๆ พร้อมกับเดินหายไปพร้อมกับเด็กอีกคน “อย่า..อย่าพึ่งไป เธอเป็นใคร?” เสียงละเมอของ อนาคินทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยถึงกับดีใจที่ชายหนุ่มรู้สึกตัวแล้ว อนามิการีบกดเรียกพยาบาลทันที คุณหญิงพิมพิกาถึงกับน้ำตาไหลออกมา ไม่นานนักหมอกับพยาบาลก็กรูกันเข้ามา อนาคินพยายามลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มกำลังมึนงงว่าคนพวกนี้เป็นใครถึงมารุมทึ้งเขา แล้วที่นี่คือที่ไหน และ เขาคือใคร? คำถามมากมายอยู่ในหัวของชายหนุ่ม ก่อนเขาจะพยายามพูดออกมา “ผมเป็นใคร? แล้วที่นี่คือที่ไหน?” “ตาคิน..ลูก นี่แม่เอง จำแม่ได้มั้ยลูก?” อนาคินส่ายหัวไปมา ทำให้คนเป็นมารดานั้นถึงกับร้องไห้โฮ “จำไม่ได้ครับ..ผมเป็นใคร? โอ้ย!” พูดจบชายหนุ่มก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอย่างแรง “หมอคิดน่าคนไข้น่าจะอยู่ในช่วงภาวะความจำเสื่อมครับ แต่เดี๋ยวหมอต้องขอสแกน CT อีกทีครับเพื่อความแน่ใจ ช่วงนี้ก็พยายามบอกกับผู้ป่วยให้รู้ว่าเขาเป็นใครและแนะนำบุคคลใกล้ชิดให้ผู้ป่วยรู้จัก ยังไงหมอต้องขอตัวก่อนนะครับ” “ขอบคุณค่ะ..คุณหมอ” อนามิกายกมือไหว้คุณหมอก่อนที่คุณหมอและพยาบาลจะเดินออกไป หลังจากนั้นทุกคนก็แนะนำตัวเองให้อนาคินได้รู้จักและบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ชายหนุ่มได้ฟัง “พ่อว่าวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีกว่านะ..ให้ตาคินพักผ่อนแล้วเราค่อยมารื้อฟื้นความทรงจำให้ตาคินใหม่” พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายควรจะนอนพักได้แล้ว “ดีเหมือนกันค่ะ..คุณพ่อ ดูท่าทางตาคินเริ่มจะเหนื่อยๆ แล้ว” พิมพิกาเห็นด้วยกับผู้เป็นบิดา หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป บาดแผลตามร่างกายและอาการฟกช้ำต่างๆ ของ อนาคินดีขึ้นตามลำดับ ยังเหลือก็แค่ความทรงจำที่หายไป หลังจากการสแกนสมองหมอสันนิษฐานว่าผู้ป่วยอยู่ในช่วงภาวะความจำเสื่อมชั่วคราวอาจจะใช้เวลาตั้งแต่หกเดือนถึงหนึ่งปี ความทรงจำจึงจะกลับมา ในระหว่างนี้ให้พาผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ผู้ป่วยเคยทำหรือไปในสถานที่ที่ผู้ป่วยเคยไป อาจจะช่วยกระตุ้นให้ความทรงจำกลับคืนมาได้ไวกว่าเดิม หลังจากนั้นหมอจึงอนุญาตให้อนาคินกลับมาพักฟื้นที่บ้าน “พ่อว่าให้ตาคินไปพักผ่อนอยู่ที่ไร่ดีมั้ย? ที่นั่นอากาศสดชื่น เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ตาคินชอบไปวิ่งเล่นที่ไร่มาก” “ผมว่าก็ดีเหมือนกันครับคุณพ่อ ให้คินได้อยู่กับอากาศบริสุทธิ์ ความทรงจำอาจจะกลับคืนมา” “พ่อจะดูแลตาคินเอง..ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ” “ขอบคุณมากๆ นะคะ..คุณพ่อ” จากนั้นพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาจึงโทรศัพท์ไปบอกให้ คริมาจัดเตรียมห้องสำหรับหลานชายและลูกสาว ลูกเขย รวมถึงหลานสาวด้วย เพราะทุกคนจะไปส่งอนาคินที่ไร่พรรณิภา สองวันต่อมา / ไร่พรรณิภา รถอัลพาร์ดสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดกำลังแล่นเข้ามาภายในไร่พรรณิภา ระหว่างทางสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของไร่ผลไม้ที่ยาวตลอดสองข้างทาง มีคนงานทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เมื่อรถแล่นมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง คริมา เด็กหญิงเค้ก น้าเบิ้ม และป้าสาย ยืนรอต้อนรับแขกของพ่อเลี้ยงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อรถจอดสนิทคนขับรถรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านาย พ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาลงจากรถคนแรก ตามด้วยคุณเทวินทร์ คุณหญิงพิมพิกา อนามิกา และคนสุดท้ายคืออนาคิน คริมาและคนงานทุกคนยกมือไหว้เจ้านายก่อนจะมาถึงคนสุดท้าย ทันทีที่อนาคินลงจากรถ คริมาเงยหน้าขึ้นมากำลังจะยกมือไหว้ โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ คริมากหัวใจเต้นแรง มือบางทั้งสองข้างเย็นเฉียบ หน้าเธอซีดจนสังเกตเห็นได้ชัด “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ..ดูหน้าคุณซีดๆ นะ” เสียงของอนาคินเอ่ยถามเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวคนหนึ่ง เหมือนเธอกำลังจะยกมือไหว้เขาแต่กลับหยุดชะงัก กว่าที่หญิงสาวจะหาเสียงของตัวเองเจอก็เมื่อลูกสาวตัวน้อยร้องบอก “แม่ต๋า..คุงยุงถามแม่ค่า” “อ่อ..สะ สวัสดีค่ะ” จากนั้นหญิงสาวก็ยกมือไหว้เขา คริมาพึ่งจะรู้วันนี้ เเละเดี๋ยวนี้ ว่าอนาคินคือหลานชายของพ่อเลี้ยงพัฒร์ธนา ทำไมโลกมันช่างกลมแบบนี้นะ.. ทำไมโลกต้องเหวี่ยงเธอให้มาเจอกับเขาอีก.. ทำไมโลกนี้ถึงใจร้ายกับเธอนัก.. “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มรับไหว้ก่อนจะยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อยก่อนจะเดินผ่านหญิงสาวไปสองปีต่อมาคริมาท้องอีกครั้ง เธอตั้งใจว่าหลังจากคลอดลูกคนนี้แล้วเธอจะทำหมัน เพราะมีลูกสามคนก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แต่อนาคินอยากมีลูกสี่คน ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างชายหนุ่มใช่! เธอท้องลูกแฝดและเป็นฝาแฝดชายหญิงเสียด้วยอนาคินดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนคริมานั้นก็ดีใจ แต่ลึกๆ เธอก็กังวลเล็กน้อย เพราะแค่เลี้ยงลูกน้อยคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่เธอต้องเหนื่อยคูณสอง แต่เธอก็ไม่กลัวเพราะมีอนาคินคอยช่วยเลี้ยง ในเมื่อเขาอยากได้ลูกมากนักเธอก็จะให้เขาเลี้ยงซะให้เข็ด จะได้รู้ว่าเลี้ยงลูกไม่ได้สบายอย่างที่ผู้ชายหลายๆ คนคิดหลังจากที่คริมาคลอดลูกแฝดแล้ว อนาคินก็พาครอบครัวย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่ไร่พรรณิภา เพราะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนานั้นตอนนี้ก็แก่ชรามากแล้ว ไม่สามารถดูแลไร่ได้เหมือนเดิม เขาจึงตกเป็นผู้สืบทอดกิจการของพ่อเลี้ยงไปโดยปริยาย ส่วนอนามิกา พี่สาวของเขานั้นก็ดูแลในส่วนของบริษัทผลิตเครื่องดื่มแบรนด์ดังที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และแน่นอนว่าไวน์ที่อนาคินคิดค้นผลิตขึ้นมานั้นกลายเป็นไวน์แบรนด์ดังที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะรสชาติของไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วๆ ไป ส่งผลให้อ
หนึ่งปีต่อมาวันนี้อนาคินพาคริมาและลูกน้อยทั้งสองคนมาเที่ยวพักผ่อนที่ไร่พรรณิภา คนงานในไร่ต่างพากันดีอกดีใจที่ได้เจอคริมากับลูกของเธออีกครั้ง และโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงพัฒน์ธนาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่ทวดไปแล้ว ชายชราดีใจที่ลูกหลานมาเยี่ยมเยือน พ่อเลี้ยงจึงสั่งให้มีการจัดงานเลี้ยงพิเศษขึ้นในค่ำคืนนี้ และให้คนงานทุกคนมาร่วมดื่มกินสังสรรค์กันให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด“พ่อเลี้ยงไม่บอกก่อน ครีมไม่มีชุดสวยๆ ติดมาเลยค่ะ” คริมายังคงเรียกคุณตาของอนาคินว่าพ่อเลี้ยง เพราะความเคยชิน“ไม่ต้องห่วง..พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ทั้งของครีมกับของลูกๆ”“จริงเหรอคะ..พี่คินไปเตรียมตอนไหน ครีมไม่เห็นรู้เลย”“ไม่บอก..แต่พี่รับรองว่าครีมต้องชอบแน่ๆ”“พี่คินคิดจะทำอะไรกันแน่ บอกครีมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คริมาหันไปทำเสียงดุใส่สามี“เปล่า..ไม่ได้จะทำอะไร ก็พอดีพี่บอกกับคุณตาว่าพวกเราจะมา คุณตาก็เลยจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเรา เพียงแต่พี่ไม่ได้บอกครีมเท่านั้นเอง”“จริงนะคะ”“จริงที่สุดครับ” อนาคินยิ้มอย่างมีเลศนัยและในค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อนาคินส่งตัวลูกสาวกับลูกชายให้ป้าสายช่วยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ และเขาก็บอก
สามวันผ่านไปอนาคินออกจากโรงพยาบาลหลังจากที่อาการดีขึ้นมากแล้ว เพราะได้พยาบาลส่วนตัวดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้เขาแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน“ครีมมีนัดตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่” อนาคินเอ่ยถามคนรักในขณะที่เขากำลังนั่งเอามือลูบท้องของเธออยู่“วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ค่ะ..อุ้ย!” คริมาคลี่ยิ้มก่อนจะอุทานออกมาเพราะลูกน้อยในท้องดิ้นแรงเหลือเกิน“ลูกดิ้นเหรอ?” อนาคินถามเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังดิ้น“ค่ะ”“เราจะได้รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะได้ลูกสาวหรือลูกชาย”“จริงๆ รู้ได้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ลูกคงจะอายหนีบไว้ไม่ยอมให้เห็น”“พี่ตื่นเต้นจัง..อยากรู้ว่าได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”“วันอาทิตย์นี้น่าจะรู้นะคะ..ถ้าลูกไม่แอบอีก”“เรานอนกันเถอะครับ..ดึกแล้ว”“ค่ะ..ฝันดีนะคะ”“ฝันดีเหมือนกันครับ” จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนถึงเช้าวันอาทิตย์วันที่คริมากับอนาคินรอคอยก็มาถึง เมื่อเขาพาเธอมาหาหมอเพื่อตรวจครรภ์ตามนัด อนาคินตื่นเต้นที่ได้เห็นลูกน้อยบนหน้าจอเป็นครั้งแรก ภาพของลูกน้อยที่ดิ้นอยู่ในครรภ์ทำให้เขาน้ำตาซึมออกมา มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพลาดโอ
อนาคินที่แกล้งนอนหลับ อมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ยินคริมาพูดความในใจกับเขา คริมานั่งบนเก้าอี้เธอจับมือข้างหนึ่งของเขามาแนบกับแก้มของเธอ เธอพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลดมือเขา อนาคินอดใจไม่ไหวอยากจะดึงเธอเข้ามากอดปลอบเสียเดี๋ยวนี้เขาพึ่งรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มันช่างดีเหลือเกิน เพราะมันทำให้คริมาหายโกรธเขาและให้โอกาสเขาอีกครั้ง เหมือนเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด อนาคินสัญญากับตัวเอง เขาจะดูแลคริมากับลูกให้ดีที่สุด เขาจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในที่สุดอนาคินก็ทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นมา“ครีมพูดจริงใช่ไหม?” เขาถามออกไปพร้อมยิ้มอย่างดีใจ“จริงค่ะ ครีมพูดจริงๆ” คริมาตอบก่อนจะตกใจที่ได้ยินเสียงของเขา เธอเงยหน้ามองเขา อนาคินฟื้นเเล้ว แถมยังยิ้มหน้าแป้นใส่เธออีกนี่เธอโดนเขาหลอกอีกแล้วเหรอ..“นี่พี่คินฟื้นแล้วเหรอคะ? แล้วไม่เห็นมีใครบอกครีมเลย” คริมาหันมาถามเพื่อนๆ ของเขาเธอดีใจที่เขาฟื้น..แต่ก็เสียใจที่โดนหลอก“ก็น้องครีมไม่ได้ถามนี่นา..” เป็นเสียงของธาวินทร์เอ่ยออกมาเบาๆ“ต้องโทษไอ้คีเลย มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด” อาทิ
หลังจากที่อนาคินขับรถออกมาจากบ้านของคีตะได้สักพัก เขามุ่งหน้าไปยังผับแห่งหนึ่ง ตอนนี้เขาต้องการตัวช่วยให้ตัวเองหายเครียดอนาคินนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวโดยไม่สนสายตาของใครต่อใครที่มองเข้ามา โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างก็อยากจะเข้ามาทักทายเขา แต่หลังจากที่สาวๆ เหล่านั้นเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของเขา พวกหล่อนต่างก็พากันล่าถอยไม่ย่างกรายมาใกล้เขาอีกเลยในขณะที่เขานั่งดื่มอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ใบหน้าเล็กๆ น่ารักเหมือนตุ๊กตาก็ลอยเข้ามาในหัว ใช่! ลูกสาวของเขาเอง ป่านนี้ลูกคงจะรอเขาไปอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนเป็นแน่..ตอนนี้ลูกสาวติดเขามากจนเขาไม่สามารถจะไปไหนได้เลย อนาคินคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นและก้าวเท้ายาวๆ ออกจากผับไปทันทีสติสัมปชัญญะของเขาตอนนี้อาจจะไม่เต็มร้อยนัก แต่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เมาถึงขนาดขับรถไม่ได้ เขาแค่รู้สึกมึนๆ นิดหน่อย ในระหว่างทางกลับบ้านซึ่งเป็นถนนสี่เลน เขาเห็นรถสิบล้อคันหนึ่งพุ่งข้ามฝั่งมาทางที่เขากำลังขับรถ อนาคินเห็นท่าไม่ดีรีบหักหลบรถสิบล้อคันนั้น ก่อนที่รถของเขาจะเสียหลักไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าข้างทางโครม!จากแรงกระแทกอย่างแรงของการขับไปชนเสาไฟฟ้าทำให้สติของเขาดับไปใ
คริมาลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเย็นของวันนั้น เธอพยายามนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น“เป็นยังไงบ้างครีม” คีตะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริมาฟื้นแล้ว“ลูก..พี่คี ลูกของครีมล่ะคะ?” คริมาถามออกไปด้วยความกลัว“ลูกของครีมปลอดภัย แต่ครีมต้องนอนอยู่บนเตียงห้ามขยับจนกว่าหมอจะอนุญาต”“ลูกครีมไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”“จริงสิ..ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่เรียกหมอก่อนนะ”จากนั้นหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว เบื้องต้นไม่มีอะไรผิดปกติ คุณหมอบอกให้เธอพักผ่อนให้มากๆ“พี่คีคะ..แล้ว เอ่อ”“ไอ้คินมันไม่อยู่หรอก พอดีน้องเค้กไม่สบาย มันก็เลยต้องรีบกลับไปดูลูก”“ตายจริง! แล้วน้องเค้กเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” คริมาอุทานออกมาด้วยความตกใจ“เห็นบอกว่าตัวร้อน แต่ครีมไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไอ้คินมันพาน้องเค้กไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ครีมต้องทำใจให้สบาย อย่าเครียด เดี๋ยวจะส่งผลถึงเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้อง”“ค่ะ”ค่ำคืนนั้นกว่าคริมาจะหลับลงก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงคืน เพราะเป็นห่วงลูกสาวเช้าวันต่อมา / โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้อนาคินยังไม่ได้นอน เมื่อวานเขาพาเด็กหญิงเค้กมาหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติ