LOGINหนี้ชีวิตพันผูกเธอไว้กับเขา...แต่สำหรับเขาเธอคือกาฝาก ที่อยากจะสลัดทิ้ง "ฉันไม่มีวันรักผู้หญิงอย่างเธอ! ยัยปลาปักเป้า!" จนวันที่เธอตัดสินใจจากไปพร้อมลูกในท้อง เขาถึงได้รู้หัวใจตัวเอง...
View Moreบทนำ งานแต่ง
ในงานที่ตกแต่งอย่างสวยงามภายในเขตรั้วบ้านของ ‘คุณนายจิตตา’ เศรษฐินีที่คนทั้งจังหวัดรู้จักกันดี วันนี้นอกจากชาวบ้านตาสีตาสาทั่วไปจะได้รับเชิญมางานแล้ว ยังมีนักธุรกิจท้องถิ่นกับคนมีชื่อเสียงทางการเมืองมากมายมาร่วมด้วย แขกเหรื่อพากันทยอยมาจนเต็มเกือบทุกโต๊ะ ทุกคนต่างเฝ้ารอเจ้าภาพในวันนี้
“แม่ส่งคนไปตามให้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”
คุณนายจับมือ ‘ว่าที่ลูกสะใภ้’ หรือ ‘ณัฐนิชา’ เอาไว้ด้วยเห็นว่าสีหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความกังวล ใกล้จะได้เวลาแล้ว หากแต่เจ้าบ่าวของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที หญิงสาวยืนยิ้มคนเดียวจนเหงือกแห้งหมดแล้ว
“ค่ะคุณแม่”
“ยิ้มไว้นะลูก วันนี้เป็นวันดีที่สุดของชีวิต เป็นวันเริ่มต้นความสุขนิจนิรันดร์”
จิตตาจับไปที่ใบหน้าหวานของเธอ นอกจากหน้าตาจะสวยสดใสถูกใจแม่สามีอย่างคุณนายแล้ว นิสัยใจคอของณัฐนิชาก็ดีงามตรงกับที่วางมาตรฐานเอาไว้เป๊ะ จะเรียกว่าเป็นคนอบรมเลี้ยงดูบ่มเพาะมาเองกับมือเลยก็คงไม่ผิด
“ค่ะ หนูจะยิ้มให้เยอะ ๆ เลย”
ณัฐนิชาส่งยิ้มหวาน ริมฝีปากคลี่ยิ้ม ทว่าดวงตากลับเศร้าหมองเสียเหลือเกิน งานแต่งครั้งนี้..ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเธอเต็มใจหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ลูกชายของคุณนายต่างหาก
หญิงสาวเป็นเพียงเด็กกำพร้าพ่อที่ถูกคุณนายจิตตารับมาดูแลอุปการะให้ความช่วยเหลือมากมาย ทั้งกับตัวเธอและมารดาของเธอ บุญคุณท่วมหัวในครั้งนี้ ต่อให้ชดใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด คำสัญญาสุดท้ายที่ณัฐนิชาให้ไว้กับผู้เป็นแม่ก็ยังจำได้ไม่เคยลืม ชีวิตนี้ของเธอไม่ได้มีอยู่เพื่อตนเองแต่เพื่อ...
...สองแม่ลูกที่มีหนี้ชีวิตติดค้างกันอยู่
‘ไม่ว่าคุณนายหรือลูกชายต้องการอะไร นิชาจะต้องทำตามทุกอย่างนะลูก อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังที่ดูแลเราสองคนแม่ลูกมาขนาดนี้’
หญิงสาวพยายามยึดถือคำพูดนั้นของมารดามาตลอด แม้ว่าตอนนี้ผู้เป็นแม่จะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม เพราะคำสัญญานี้เธอถึงยังฝืนยิ้มอยู่ได้แม้ในใจจะกังวลกลัวว่างานแต่งจะจบลงไม่สวยก็ตาม
ตั้งแต่งานเริ่มเปิดให้แขกทยอยกันมา จนใกล้จะถึงเวลาฤกษ์งามยามดีตามที่คุณนายจิตตาได้จากพระวัดดังมา ยังไม่มีใครเห็นแม้แต่เงาของเจ้าบ่าว
“คุณแม่คะ หนูขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
“ได้สิ ๆ ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงฤกษ์ รีบไปเถอะ”
ณัฐนิชาถอยห่างออกมาจากจุดยืนรับแขกเพื่อไปห้องน้ำ ทว่าเธอกลับตรงไปทางห้องแต่งตัวแล้วหยิบเอามือถือขึ้นมากดโทรออกหาว่าที่เจ้าบ่าวแทน
หญิงสาวมีลางสังหรณ์ว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้อยู่ที่งาน...
“รับสิคะ”
พูดกับตนเองขณะใจเต้นระทึกเมื่อฟังเสียงรอสายไปด้วย ภาวนาขอให้คิดมากไปเอง และอีกฝ่ายคงจะอยู่ภายในงานเรียบร้อยแล้ว
[ฮัลโหล]
“พะ...พี่คิม พี่คิมอยู่ไหนหรือคะ”
เจ้าของเสียงหวานรีบเอ่ยถาม น้ำเสียงของปลายสายฟังดูหงุดหงิดและรำคาญเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
การแต่งงานครั้งนี้ตัวชายหนุ่มไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงยอมทำตามเพราะขัดใจมารดาไม่ได้ เรื่องความรักระหว่างคนสองคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง อีกฝ่ายเกลียดณัฐนิชาเข้ากระดูกดำ แค่เจอหน้ายังอยากจะอ้วกใส่ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังยอมอดทน เพียงเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณสองแม่ลูก
คนหนึ่งช่วยเหลือเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ทำให้เธอไม่ต้องประสบปัญหาทางด้านการเงินเลยสักครั้ง
ส่วนอีกคน...
...มันคือหนี้ชีวิต ที่ไม่ว่าจะตอบแทนหรือชดใช้อย่างไรก็คงไม่หมด
[ถามทำไม]
“ก็...วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรานะคะ”
คนถูกถามเงียบไปจนคนรอฟังเริ่มกังวล ปกติแล้วหล่อนไม่ค่อยมีโอกาสได้สนทนากับเขามากนัก ยิ่งตั้งแต่อีกฝ่ายกลับมาจากต่างประเทศหลังไปเรียนต่อมานานหลายปี ก็ยิ่งไม่ได้พูดคุยกัน เขาแทบไม่กลับมาที่บ้านนี้เลยด้วยซ้ำ
[งานแต่งของใครนะ?]
“ของเราค่ะ”
ปลายสายหัวเราะในลำคอ ฟังดูเย้ยหยันเธออยู่ในทีจนน่าแปลกใจ ตอนนี้ณัฐนิชามั่นใจแล้วว่า ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในงานอย่างแน่นอน แต่หากเขาอยู่ไม่ไกลแล้วรีบเดินทางมา ก็คงจะเลยฤกษ์ไปไม่มากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็มาทันเวลาก่อนจบงานอย่างแน่นอน
“พี่คิมรีบมาเถอะนะคะ แขกมากันเต็มงานเลยค่ะ คุณแม่เองก็รอ...”
[คุณแม่เหรอ จากที่เคยเรียกคุณนาย ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรียกคุณแม่แล้วสินะ ฉันคิดไว้ไม่ผิด ว่าจุดประสงค์ของเธอก็คือสมบัติของแม่ฉัน ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์!]
ต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงชิงชัง รอบดวงตาของหล่อนรื้นไปด้วยน้ำใสๆ หากแต่ต้องพยายามกลั้นไว้ ไม่อย่างนั้นเครื่องสำอางที่ทนนั่งแต่งมาหลายชั่วโมงจะเลอะไปหมด
“หนูไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ”
[แค่มองตาเธอฉันก็เห็นไปทั้งลิ้นไก่แล้ว ยัยเด็กลวงโลก หมดจากแม่ของตัวเองไปแทนที่จะล้มเลิกความคิด แต่ก็ยังฝืนอยู่ต่อจนมาถึงวันนี้ ฉันล่ะนับถือจริง ๆ แต่ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้โง่]
ชายหนุ่มยังคงสาดเทคำด่าใส่หล่อนไม่หยุด ร่างกายของคนตัวเล็กสั่นเทิ้มด้วยกำลังพยายามกลั้นมันเอาไว้สุดฤทธิ์
กลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจในคำพูดพูดดูถูกจากปากของผู้ชายที่ณัฐนิชามองเห็นว่าเป็นเจ้าชีวิตมาโดยตลอด...
“แล้ว...พี่คิมจะให้หนูทำอย่างไรคะ งานแต่งวันนี้...พี่จะ...”
[ฉันไม่แต่ง]
คำตอบที่ได้รับเป็นคำตอบที่หญิงสาวคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ตอนที่ชายหนุ่มตกลงรับปากคุณนายจิตตา ก็นึกอยู่แล้วว่ามันคงไม่ง่ายอย่างนั้นและจะต้องมีปัญหาตามมาทีหลังแน่
“แต่ว่าแขกมาเต็มงานเลยนะคะ คุณแม่เองก็เชิญแขกผู้ใหญ่มาเยอะด้วย”
[ก็ปล่อยให้คุณแม่จัดการไปสิ งานแต่งนี้คุณแม่เป็นคนต้นคิดและจัดการทั้งหมด ไม่ใช่ฉัน ทำไมฉันจะต้องแคร์ด้วย]
[คุณคิมคะ เอิงซื้อของเสร็จแล้ว ไปต่อกันเลยไหมคะ]
เสียงหวานแทรกเข้ามาในสาย ไม่ต้องเห็นด้วยตาของตนเอง หญิงสาวก็จินตนาการออกว่าตอนนี้สองคนนั้นกำลังทำอะไรกัน
คงควงคู่กะหนุงกะหนิงช้อปปิ้งหรือทำอะไรสักอย่าง ทั้งที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอกับเขา!
[แค่นี้แล้วกัน ฉันไม่ว่าง แล้วฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าถ้าอยากหาสามีให้เธอมากนักก็ไปหาคนอื่น อย่ามายุ่งกับฉันเพราะว่าฉัน...]
“...”
[เกลียดเธอ]
ติ๊ด!
พูดจบเขาก็กดวางสายทันที ณัฐนิชาพยายามกดโทรหาอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่ติดด้วยอีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว เธอเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ สุดท้ายก็ไม่อาจทนเก็บน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเสียใจนี้ไปได้ ปล่อยให้มันรินไหลลงมาไม่ขาดสายจนความสวยงดงามบนใบหน้าค่อย ๆ จางไป
แอ๊ด...
“นิชา เป็นอะไรไปลูก”
คุณนายจิตตาที่ออกตามหาว่าที่ลูกสะใภ้ไปทั่วเมื่อเห็นว่าหายไปนานแล้วไม่กลับมาเสียที เอ่ยถามขึ้น หญิงสาวไม่ตอบ รีบหยิบทิชชูมาซับน้ำตาเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มต้องเดือดร้อน
“เปล่าค่ะคุณแม่ หนูแค่มาเติมหน้า...”
หมับ!
คุณนายแย่งมือถือจากมือหล่อนไปกดดูเบอร์โทรออกล่าสุด จึงเห็นว่าเป็นลูกชายของตนเอง เธอเป็นคนเลี้ยงเขามากับมือ ทำไมจะเดาไม่ออกว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่หรือไม่อยู่ในงานกันแน่ จิตตาทำได้เพียงมองไปทางหญิงสาวที่กำลังเงยหน้ามองเธออยู่ด้วยความเวทนา ในใจนึกโกรธและเสียใจกับการกระทำของลูกชายเป็นที่สุด
“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”
คุณนายดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดปลอบ พลางคิดหาวิธีการที่จะแก้เผ็ดลูกชายตัวดีของตนเอง
จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม..เจ้า..คิมหันต์!
บทที่ 15 อ้อมกอดร่างของคุณนายจิตตาถูกนำใส่โลงสวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้มาวางไว้ที่สวนของบ้าน เพื่อให้ญาติพี่น้องและผู้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานได้จุดธูปเคารพศพ ณัฐนิชาและคิมหันต์อยู่ในชุดสีดำคอยยืนไหว้แขกที่มา ใบหน้าหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าโดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังมีน้ำตาไหลนองหน้าตลอดเวลาร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอจากไปแล้ว...ตอนรู้ข่าวจากทางโรงพยาบาลก็เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไป ไม่นานมานี้หล่อนยังยิ้มแย้มหัวเราะกับคุณนายจิตตาอยู่เลย ยังได้กินของอร่อยด้วยกัน ไปข้างนอกด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การสูญเสียครั้งนี้หนักหนาพอๆ กับครั้งที่ณัฐนิชาสูญเสียมารดาไป“เสียใจด้วยนะคิมหันต์”ญาติพี่น้องพากันมองเขาด้วยสายตาเวทนา นอกจากจะเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องมาเสียแม่ต่อทั้งที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ชายหนุ่มไม่พูดคุยกับใครอีกเลยตั้งแต่มารดาจากไปเมื่อวานซืนเขายังปากดีต่อล้อต่อเ
บทที่ 14 แม่รักคิมนะลูก“หนูขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวก็แยกตัวกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทันที คิมหันต์เองก็เช่นกัน เขากลับขึ้นไปบนห้องของตนเอง ถอดสูทตัวนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในหัวคิดถึงคำพูดของณัฐนิชาตอนอยู่บนรถ‘คนเราแค่เป็นหวัดยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวเลยไม่ใช่หรือคะ นับประสาอะไรกับโรคมะเร็ง...’เป็นคำตอบที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนแต่กลับทำให้เขาเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมามารดาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ภาพตอนเด็ก ๆ เวลาชายหนุ่มไม่สบาย เป็นไข้ที่ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง ทุกครั้งที่ลูกชายไม่สบาย คุณนายจิตตาจะแทบไม่ได้นอนนอกจากต้องคอยวัดไข้ป้อนยาแล้ว ยังต้องเช็ดตัวตลอดเพื่อให้ไข้ลด มันคือสิ่งที่มารดาของเขาทำเป็นประจำตั้งแต่คิมหันต์ยังเด็ก ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรได้ดูแลเวลาแม่ป่วยไข้บ้างกลับไม่ได้ทำสิ่งนั้น ความคิดที่ว่าท่านคือบ้าน คือคนที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอเป็นความคิดที่ผิดแบบสุด ๆคิมห
บทที่ 13 แม่ของผมณัฐนิชาคอยดูแลปรนนิบัติคุณนายจิตตาเป็นอย่างดีหลังมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา คนป่วยปลอดภัยแล้วจึงถูกย้ายมาห้องพักพิเศษ ก่อนหน้านี้ทนายไตรรัตน์โทรมาบอกหล่อนว่าคิมหันต์กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาตามไฟลท์ที่เขาจองให้ อีกสักพักก็คงจะถึงโรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานอยู่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึง...เละเทะเหมือนคนไม่ได้แตะหวีมาสามชาติ“คุณแม่อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ”เจ้าของใบหน้าซีดไร้เลือดฝาดตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะยังเจ็บปวดใจกับเรื่องของคิมหันต์ไม่หาย วิกผมที่ใส่มาตลอดถูกนำออกไปแล้ว ตอนนี้บนศีรษะของคุณนายจิตตาจึงไม่มีผมอยู่เลยสักเส้น“พี่คิมกำลังจะกลับมาหาคุณแม่ ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากและรอพี่คิมมาหานะคะ”“แม่ต้องขอบคุณหนูนิชามาก ๆ เลยน
บทที่ 12 ดื้อดึง“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”คุณนายจิตตาได้แต่มองดูณัฐนิชาด้วยความสงสาร คิดไม่ถึงเลยว่าคิมหันต์จะกล้าถึงขนาดเทงานแต่ง“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากให้พี่คิมเกลียดหนูไปมากกว่านี้แล้ว”“เกลียดอะไรกัน แม่เป็นแม่ของตาคิม ไม่ว่าอย่างไรตาคิมก็จะต้องตกหลุมรักหนูอย่างแน่นอน เชื่อแม่สิ”คนฟังได้แต่ทำหน้าเศร้า ทั้งลังเลและไม่คาดหวังด้วย ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหล่อนไม่มีวันมัดใจผู้ชายไม้เลื้อยอย่างเขาได้อยู่แล้ว“คุณนายครับ ผมตรวจสอบดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”“อะไรนะ!”คุณนายจิตตาลมแทบจับ ก่อนนี้คิดว่าอย่างมากคงหนีไปนอนกกผู้หญิงอยู่ไหนสักแห่งในประเทศ ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นหนีออกนอกประเทศอย่างนี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นลูกของเธอ วางแผนการไว้รอบคอบเพราะรู้ดีว่าถ้าหนีไปไม่ไกลพอคงถูกลากตัวกลับได้ง่าย ๆ“ต่อสายหาคิมหันต์เดี๋ยวนี้ บอกไปเลยว่า