Masukมือของเขาขยับลูบไล้ไปตามลำตัว อีกมือก็ประคองใบหน้าเอาไว้ส่งจูบที่เร่าร้อนจนทำให้หญิงสาวเผลอเปิดปาก ทำให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก จากนั้นก็ดูดกลืนลิ้นร้อนไปด้วยกัน
ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ไวน์ หรือเพราะเธอกำลังมัวเมากับสิ่งแปลกใหม่ ร่างกายแทนที่จะผลักไสเขาออกกลับยอมให้เขาแตะต้องตามใจ มือนั้นเคลื่อนไหวไปยังยอดปทุมถัน บีบนวดเคล้นอย่างเอาใจ ก่อนที่จะใช้ความชำนาญปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอออก
มินตราถูกไฟราคะครอบงำ สติสัมปชัญญะขาดหายไปสิ้น ร่างอรชรบิดกายไปมาด้วยความรุ่มร้อน มือขยำแขนอีกฝ่ายแล้วบีบแน่น จิกเล็บยาวลงไป จากนั้นก็เปล่งเสียงแห่งความสุข
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ้ม ก่อนเปลี่ยนมาจูบพรมตรงซอกคอแล้วฝังรอยจูบดูดกลืนจนเป็นรอยแดง คล้ายจะฝากให้เธอเอาไปมอบให้ชายอีกคน
มือร้อนยังคงขยำปทุมถัน จากนั้นก็ปลดเสื้อชั้นในออก มินตราลืมตาขึ้นมาก็รีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง “อย่ามองนะ” เธอไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน แม้แต่นาคินเองก็ไม่เคยทำเช่นนี้
สีหน้าของหวังเฉินดูพอใจกับท่าทางของเธอ แต่ก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอหรือเปล่า จนกว่าจะใช้แท่งร้อนแทรกเข้าไปในกายนั้น
เขาหันมาสนใจยอดปทุมอีกครั้ง ใช้มือบีบขยี้ยอดสีชมพูไปมา ร่างอรชรก็ขยับบิดไปมา เขาจึงใช้มืออีกข้างจับเอวคอดนั้นเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี มือใหญ่นั้นโอบเอวแล้วลูบไล้ลงไปด้านล่าง
“อย่าค่ะ” เธอห้ามเขาไปก็เท่านั้น มือใหญ่นั้นแตะไปยังใจกลางกาย ลูบสัมผัสเนินสวาทหยอกล้ออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้นิ้วร้อนแทรกเข้าไปในส่วนลับ บนกลีบทางรักนั้นก็บีบขยี้เอาใจจนเริ่มแข็งตามแรงมือ
มินตราถึงกับร้องออกมา “อ๊ะ เดี๋ยวก่อน” เธอยังไม่พร้อม แต่เขาไม่รอ จากที่คิดจะหยอกล้อเพียงครู่ก็เปลี่ยนเป็นใช้นิ้วหยาบแทรกเข้าไปด้านใน ผ่านร่องรักสัมผัสถึงเนื้ออุ่นด้านในที่บีบรัดนิ้วจนแน่น
“ไม่นะ” มินตราร้อง น้ำตาเริ่มไหลรินกับความเร่งเร้าของอีกฝ่าย เธอที่ไม่เคยเรื่องบนเตียงก็รีบพูด “ฉะ ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน คุณหวังช่วยเบามือหน่อย”
หวังเฉินได้ยินก็ยิ้มมุมปาก ในใจก็คิดว่าโชคดีที่มองมินตราไม่ผิด จากที่คิดว่าถึงเธอจะเคยนอนกับนาคินเขาก็ไม่สน ขอเพียงแค่ได้เชยชมเธอสักครั้งก็ถือว่าสมปรารถนาแล้ว มาตอนนี้พอรู้ว่าเป็นคนแรก ความหวง ห่วง และอยากได้เป็นของตนคนเดียวก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
นิ้วร้อนแทรกเข้าไปในร่องรัก เนื้อนิ่มนุ่มด้านในก็บีบสู้ จังหวะนั้นเขาก็โน้มจูบหญิงสาวเพื่อให้ผ่อนคลายความเจ็บปวดแรก จนกระทั่งแรงบีบบนนิ้วเริ่มคลายตัวลง เขาจึงขยับนิ้วไปมา
“อ๊ะ คุณหวัง ดะ เดี๋ยวก่อน เอามันออกไปก่อน”
มีหรือที่เขาจะฟังคำขอนั้น ชายหนุ่มขยับมือระรัวเร่งความเร็วกระแทกนิ้วไม่ยั้งเข้าไปในร่อง ดึงเข้าออกจนหญิงสาวตัวสั่นเทา ปากก็ร้องครางออกมาอย่างไม่อาย รู้สึกปวดมวนท้องน้อยคล้ายจะเป็นลม
“ไม่นะ อ๊ะ อือ ฉันเจ็บ” เธอร้องขอเท่าไรนิ้วเขาก็เอาแต่ใจ ขยับเร่งโดยไม่มีแผ่ว
“ไม่ต้องเก็บเอาไว้ ปล่อยมันออกมาเลย”
มินตราที่พยายามระงับความรู้สึกเงยหน้ามองเขา สบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยไฟราคะ จากนั้นเขาก็โน้มจูบแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากอีกครั้งเพื่อปลอบประโลม และนำทางให้เธอ
“อ๊ะ” น้ำเสียงขาดห้วงไปชั่วขณะ จนเธอปล่อยจูบเขา จากนั้นก็ร้องดังออกมา เนื้อตัวสั่นเทา ดวงตาพร่ามัว เมื่อมองไปยังด้านบนก็พบภาพสีขาว แต่สมองกลับรู้สึกโล่ง และเบาหวิวราวกับเธอกำลังลอยอยู่บนทะเล
ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองก็ก้มลงประทับจูบหน้าผากซับเหงื่อของอีกฝ่ายที่ไหลรินลงมา มองดูแก้มชมพูระเรื่อริ้วยาวบนใบหน้างามด้วยความเขินอาย
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงนิ้วของตัวเองออกมา มีธาราสวาทสีขาวของหญิงสาวไหลออกมา
“ช่วยผมหน่อย” ชายหนุ่มขยับกายขึ้น แต่ยังไม่ออกจากการคร่อมอยู่บนตัวเธอ เขาปลดกางเกงออกมา จากนั้นก็เผยให้เห็นท่อนเอ็นขนาดใหญ่
ใบหน้าแดงก่ำมองแล้วก็รีบก้มหน้าลงต่ำเพื่อทำเป็นมองไม่เห็น แต่เขาก็ขยับมาตรงหน้าเธอ แล้วจับมือเธอขึ้นมากุมมันไว้
“ช่วยผมหน่อย”
“ชะ ช่วยยังไงคะ” เธอไม่ประสาเรื่องแบบนี้ และเขาก็เป็นครูสอนที่ดี จับมือเธอที่จับท่อนเอ็นร้อน เส้นเอ็นกระตุกเพราะแรงปรารถนาที่ใกล้จะพุ่งออกมาแล้วขยับมือขึ้นลงอย่างแผ่วเบา
“ซี้ด” เขาครางต่ำออกมา เพลิงพิศวาสในกายทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านร้อนรุ่มจนใกล้จะทนไม่ไหว “ใช้ปากของคุณ”
มินตราเงยหน้ามองเขา ก่อนเบิกตากว้างมองท่อนเอ็นตรงหน้าที่ขยายใหญ่ขึ้นอีก “มันใหญ่กว่าปากของฉันอีก”
“กินได้ และอร่อยด้วย คุณต้องลองถึงจะรู้ว่ามันใส่เข้าไปได้”
จริงเหรอ เธอเป็นคนเชื่อคนง่ายเสียด้วย เขาบอกว่าได้เธอก็ต้องทำได้ ชายหนุ่มประคองให้เธอนั่ง จากนั้นเขาก็ขยับขาข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนโซฟา ส่วนอีกข้างก็เอียงขยับไปยังใบหน้าหญิงสาว ส่งท่อนเอ็นร้อนจ่อปากเธอเอาไว้
“ลองกินมันดู แล้วคุณจะชอบมัน”
มินตรามองท่อนเอ็นใหญ่แล้วก็ก้มลงอ้าปาก ชายหนุ่มรีบแนะแนวทาง “แลบลิ้นออกมาแล้วแตะปลายยอดของมัน จากนั้นก็ใช้ปากกลืนมันเข้าไปเหมือนที่คุณกินไอติมรสโปรด”
มินตราไม่ได้สนใจนาคินอีกแล้ว เธอติดตามหวังเฉินไปยังโรงแรมที่จองเอาไว้ โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวที่ใหญ่ที่สุดในพัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมคัดเลือกนักธุรกิจในการสร้างโรงแรมจากความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย ห้องที่หวังเฉินจองเอาไว้นั้นเป็นห้องสวีตที่แพงที่สุด สามารถมองเห็นทะเลของพัทยา และแสงสีเสียงทั่วทั้งเมือง พอมาถึงเด็กน้อยก็เลือกที่จะเล่นสระน้ำ เขาชอบสระน้ำประเทศไทย เพราะว่ามีน้ำอุ่นๆ และบรรยากาศก็ไม่ได้เย็นอย่างฮ่องกง มินตราเดินไปสำรวจห้องนอน พบว่ากระจกบานใหญ่นั้นสามารถมองวิวทะเลได้ 360 องศา พอเห็นทะเลเธอก็รู้สึกมีความสุข รู้สึกถึงความอิสระเสรี แม้ว่าอิสระเสรีครั้งนี้จะเป็นการผูกมัดครั้งใหม่ แต่หวังเฉินก็ดูแลเธออย่างดี “จริงสิคะ คุณหยางไม่ได้มาด้วยเหรอคะ” เธอไม่เห็นเขาอีกเลยตั้งแต่ศึกแย่งไก่วันนั้น หวังเฉินทำสีหน้าไม่พอใจที่มินตราพูดถึงผู้ชายอีกคน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นบอดีการ์ดคนสนิทของเขาก็ตาม เขาบอกด้วยน้ำเสียงขุ่น “ผมใช้เขาไปทำงานสำคัญ” ร่างสูงนั้นขยับเข้ามาหาเธอจากทางด้านหลังแล้วกอด สาย
ชายหนุ่มครางต่ำออกมา ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองหญิงสาวอย่างไม่ให้คลาดสายตา ใบหน้าขึ้นริ้วแดง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าชม เหงื่อหยดบนใบหน้าทั้งที่แอร์กำลังเย็นฉ่ำ เข่าของเธอกำลังงอลงต่ำเรื่อยๆ เหมือนใกล้ยืนไม่ไหว “อะ อืม ซี้ด” เธอริมฝีปากจนเลือดซึมออกมา แต่ดวงตานั้นก็ยังจับจ้องมองเขาที่กำลังช่วยเหลือตัวเอง เหมือนเทพบุตรที่ลงจากสวรรค์แล้วมาโชว์ของดีให้เธอ อยากกินมันแล้ว เธอใกล้เสร็จแล้ว ร่างกายบิดเกร็งไปทั่วร่าง เธอขยับนิ้วเข้าออกเร่งเข้าเร่งอีก เสียงครางที่ร้องประสานกันสองคนยิ่งทำให้แรงปรารถนาในใจผุดขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน จนสุดท้ายแล้วตัวเธอก็สั่นเทาทั่วร่าง หญิงสาวไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอตรงไปหาเขา จากนั้นก็คุกเข่าจับท่อนเอ็นเข้ามา แล้วอ้าปากกลืนไปทั้งแท่ง ดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำอีก “ตอนนี้คุณเก่งมาก เก่งจนทำให้ผมทนไม่ไหวแล้ว” เขาจับท่อนเอ็นออกจากปากเธอ จากนั้นก็ฉีดพ่นน้ำเหนียวสีขาวใส่หน้าเธอ พอเห็นภาพเหล่านั้นแล้วเขาก็ยิ่งตื่นเต้น และไม่อยากจะจบแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เอาเถอะ พวกเขายังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองไทย น้ำขาวขุ่นที่มีกลิ่นเฉพาะคร
“ถือว่าฉันเตือนคุณแล้ว ถ้าคุณไม่ฟังก็ตามใจคุณ แต่คุณจะทนได้หรือเปล่าที่ต้องเห็นเขาแต่งงานกับคนอื่น เข้าหอกับคนอื่น นอนกับคนอื่น มีอะไรกับคนอื่นและตัวเองพร้อมๆ กัน เขาใช้ท่าไหนกับคุณ เขาก็ใช้ท่านั้นกับผู้หญิงอีกคน คุณจะมีความสุขจริงๆ เหรอ ฉันขอถามตรงๆ ที่ฉันละลาบละล้วงก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันต้องทนทุกข์ทรมานถึง 4 ปี นอนคิดถึงลูกทุกวัน แต่ไม่สามารถมาได้ เพราะเขาไล่ฉัน จับฉันทำสัญญาไม่ให้ติดต่อกับลูกอีกเลยตลอดชีวิต” จู่หลิงยังคงพูดอีกว่า “ตอนนี้คุณยังมีทางเลือก คุณยังสามารถหนีออกมาได้ ภาระที่คุณแบกเอาไว้คุณไม่จำเป็นต้องรับเพียงคนเดียว ปล่อยให้พวกเขารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำบ้าง” หญิงสาวหยิบทิชชูขึ้นมาแล้วเขียนเบอร์โทรด้านใน “ถ้าคุณต้องการหนีก็โทรหาฉัน มีคนที่จะสามารถพาคุณหนีได้” หญิงสาวพูดจบก็รีบจากไปทันที ในจังหวะนั้นก็เดินสวนกันกับเด็กน้อย แต่หญิงสาวไม่แม้แต่ชายตามองสักนิด หวังซื่อเดินมาที่โต๊ะแล้วถาม “ไอติมมาหรือยังครับ” ทันทีที่พูดจบพนักงานก็มาเสิร์ฟไอศกรีมที่โต๊ะพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หวังเฉิน ไ
ทั้งชีวิตเธอถูกกระทำ ถูกเอาเปรียบ มีแต่คนหาผลประโยชน์จากเธอมากกว่าจะใส่ใจและรักเธอจริง อย่างเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เธอควรรับรู้ตั้งแต่แรกว่า เขาคือเจ้าหนี้ ไม่ใช่คนที่เธอควรรัก ดังนั้นความรู้สึกที่เธอมีให้เขาควรถอยห่างให้มากที่สุด และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ให้เขามีความสุขในสิ่งที่เขาต้องการ “ทำไมถึงเงียบไป” หวังเฉินหันมองคนข้างๆ ที่เงียบตั้งแต่เขาออกจากห้องประชุมแล้ว ส่วนเหมยลี่กลับไปนานแล้ว เพราะคิดว่าเธอได้บรรลุจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องคุยกับหวังเฉินอีก มินตราหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เก็บความรู้สึกตัวเองไว้“รู้สึกเหนื่อย เหมือนจะปวดหัวค่ะ อาจจะเพราะเมื่อคืนนอนดึก” อย่าเรียกว่านอนดึกเลย เรียกว่าไม่ได้นอนมากกว่า แถมตอนเช้ายังต้องรีบตื่นขึ้นมาจัดการให้เด็กน้อยไปโรงเรียน และตามเขามาที่กาสิโน ใช้ข้ออ้างเรื่องนี้เขาคงไม่สงสัย ว่าเธอรู้ว่าแม่ของอาซื่อกำลังจะกลับมา จังหวะรถติดไฟแดงพอดี ชายหนุ่มหันมายกมือแตะหน้าผากเพื่อดูว่าหญิงสาวตัวร้อนหรือเปล่า เพราะถ้าหากป่วย เขาจะแวะโรงพยาบาลก่อน แต่แทนท
เธอหันมองนาฬิกาข้างฝาก็เห็นว่าใกล้เวลาโรงเรียนเข้าแล้ว ตอนนี้ไม่ทันแล้ว เธอจึงตัดสินใจแทน “ถ้าเช่นนั้นเราไปส่งอาซื่อก่อนแล้วค่อยไปที่ทำงานของคุณนะคะ พวกเราไม่ต้องเถียงกันแล้ว” เธอรีบจูงมือสองพ่อลูกขึ้นรถก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจหรือทะเลาะกันอีก โรงเรียนของอาซื่อเป็นโรงเรียนขนาดกลาง ไม่ได้ใหญ่มากอย่างที่เธอคิด เมื่อสำรวจตึกข้างในก็พบว่ามีเพียงไม่มีกี่หลัง แต่จำนวนครูกลับมีมากกว่าหรือพอๆ กับนักเรียน แสดงว่าหวังเฉินใส่ใจในการเลือกโรงเรียนให้เด็กน้อย ไม่ได้ปล่อยปละละเลยอย่างที่ทุกคนเห็น ครูที่หน้าโรงเรียนรีบโค้งให้เมื่อเห็นคุณหวังเฉินลงจากรถ แล้วรีบทักทาย “วันนี้คุณพ่อมาส่งที่โรงเรียนเลยเหรอครับ” หวังซื่อยิ้มหน้าบาน และพูดต่อ “หม่าม้าก็มาส่งครับ” จากนั้นก็จูงมือเธอไปแนะนำให้คุณครูรู้จัก คุณครูหน้าเจื่อนเล็กน้อย เพราะเข้าใจว่าพ่อของเด็กเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาตลอด เด็กน้อยแนะนำคุณครูแล้ว ก็จูงมือเธอไปแนะนำให้เพื่อนๆ ในห้องได้รู้จักอีก มินตรายิ้มและทักทายทุกคน ก่อนจะฝากว่าฝากดูแลอาซื่อ และเอ็นดูด้วย เด็กก็คือเด็
“เขาบอกว่าคนที่พูดเสียงดังคือคนนิสัยไม่ดี แสดงว่าคุณอาก็เป็นคนนิสัยไม่ดี ถ้าอย่างงั้นผมก็ไม่ควรช่วย” “อ้าว แล้วก็ทิ้งหน้าตาเฉย กลับมาช่วยฉันก่อน” เด็กคนนี้ใจดำเหมือนใครนะ คนที่สร้างเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนใจจับจูงมือมินตราเข้าไปในห้องนอน เมื่อประตูปิดลงเขาก็จู่โจมจูบอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นก้มลงสูดดมกลิ่นตรงผมก็ได้กลิ่นน้ำมันทอดไก่ “เหม็นน้ำมันค่ะ ฉันขออาบน้ำก่อน” ไม่รู้ว่ารอบนี้จะขอสำเร็จหรือเปล่า “ที่จริงแล้วไก่วันนี้ผมยังกินไม่อิ่ม ถ้าได้กินต่ออีกหน่อยก็คงดี”ก็กำลังหมายถึงฉันที่กำลังจะเป็นไก่หรือเปล่า ว่าแต่เธอเป็นไก่ที่มีชีวิตหรือไก่ที่ตายแล้วที่พร้อมทอดกันนะ พร้อมทอดหรือเปล่า