บรรดาทหารยามต่างพากันคลี่ยิ้มเก้อเขินพยักหน้าทักทายกลับพัลวัน มีเพียงหมอหญิงสองคนที่เม้มปากกลอกตามองค้อนพวกบุรุษอย่างไม่ชอบใจนักลี่เซียนมิได้ถือสากับกิริยาอันแตกต่างนั่น นางยิ่งคลี่ยิ้มหวานละมุนงดงามจับตาแล้วถามเสียงใส“พวกท่านมีใครเห็นสิ่งของบางอย่างหรือไม่?”ทหารคนหนึ่งถามขึ้น “คือสิ่งใดหรือแม่นาง?”ลี่เซียนยกนิ้วเรียวขาวปานลำเทียนขึ้นกรีดอากาศเพื่อแจกแจงพลางนับจำนวน“คัมภีร์ครวญวสันต์ ภาพวาดอภิรมย์ ตำรารัญจวน ยังมีน้ำมันหอมเร้าอารมณ์ ตลับชาดสัมผัสรักตรึงใจ”อีกคราที่ทหารต้องเบิกตาโพลง หมอหญิงขมวดคิ้ววูบ ก่อนที่ทุกคนจะมีใบหน้าแดงเรื่อส่ายหัวแทบหลุดปฏิเสธแทบคลั่งสิ่งของเหล่านั้นต่อให้เคยผ่านตาหรือศึกษาจนแตกฉาน ย่อมไม่อาจตอบรับซึ่งหน้าแน่นอน“ไม่เลย ไม่เห็น ไม่มีๆ”ลี่เซียนเห็นทุกคนปฏิเสธอย่างสามัคคีก็ไม่เซ้าซี้เพียงรักษารอยยิ้มค้อมศีรษะขอบคุณแล้วเดินผ่านหน้าทุกคนไปด้วยท่าทางปกติเพื่อออกตามหาทุกสิ่งที่ว่าอย่างจริงจังด้วยตนเองทหารยามคนหนึ่งอายุสิบห้าปีนาม อี๋เป่า รู้สึกเป็นห่วงจึงเดินตาม “แม่นางมีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือไม่?”ลี่เซียนหันหน้าไปยิ้มให้ กำลังจะบอกขอบคุณในน้ำใจ ทว่าจังหวะนั
คล้อยหลังถังไห่เฉิงกับเว่ยฉีที่เดินออกจากเรือนไปลี่เซียนซึ่งกำลังนอนอยู่ทางห้องปีกข้างเริ่มสะลึมสะลือ สองมือควานหาความอบอุ่นกรุ่นร้อนแสนสบายเมื่อครู่ไปทั่ว ก่อนที่เรียวคิ้วงามจะขมวดมุ่นเมื่อพบว่าสิ่งนั้นได้หายไปแล้วหญิงสาวเม้มปากแน่น ในใจนึกเสียดายไม่น้อยถึงแม้ว่าเนื้อหนังจะสมานตัวรวดเร็ว ทว่าก็ใช่ว่าจะหายดี เพราะบางแผลเล็กตื้นไม่สาหัส แต่บางแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกซ้ำร้ายยังทะลุอวัยวะภายในสำคัญจนเสียหายหลายจุด ชีพจรที่ลมปราณสามารถทะลวงได้สำเร็จเกิดภาวะปิดกั้นชั่วคราว ลี่เซียนจึงยังคงบาดเจ็บอยู่มาก ทรมานสิ้นดี อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดนางค่อยๆ ลืมตาดึงสติตนเองให้กลับมาแล้วพยุงกายเปลือยลุกขึ้นนั่ง ระงับอาการบาดเจ็บปวดแปลบทั่วตัวเอาไว้เมื่อพบว่าเสื้อผ้างดงามของตนถูกถอดกองไว้ไม่ไกล จึงเอื้อมมือไปหยิบมาปัดคราบเปื้อนอย่างทะนุถนอมหวงแหน ก่อนใส่กลับคืนบนร่างงาม ยังไม่ลืมมองหาตำราครวญวสันต์ น้ำมันหอม ตลับขี้ผึ้ง และสิ่งของต่าง ๆ ที่พี่เย่เสียมอบให้ครั้นมองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ในใจให้นึกตระหนกไม่เบา“แย่แล้ว! หายไปไหน?”หญิงสาวเป็นคนให้ความสำคัญกับน้ำใจคนยิ่งนักหาใช่ยึดติดวัตถุนอกกายไม่นางเก
นักฆ่าพวกนั้นพกมีดพร้าเอาไว้บนแผ่นหลังสองเล่ม ถือในมืออีกหนึ่งเล่ม ประหนึ่งแค่ต้องการตัดไม้ทำฟืน แต่แท้ที่จริงคือนักล่าตัดหัวคนและเพราะอากาศหนาว พวกมันจึงแต่งกายด้วยผ้าป่านเนื้อหนาทั้งหนักทั้งหยาบแต่กลับป้องกันอาวุธร้ายได้ฉกาจนักระหว่างครุ่นคิด อ๋องหนุ่มยังได้ยินเส้นเสียงของเว่ยฉีเอ่ยอีกว่า “จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคนของเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิเทียนเป่ยทรงพิโรธเรื่องพ่ายศึกครานี้ จึงส่งคนมาตลบหลังพระองค์ช่วงที่กองกำลังของต้าถังยังไม่ทันฟื้นตัว”ถังไห่เฉิงได้ฟังพลันหรี่ตา “เทียนเป่ยหรือ?”เว่ยฉีรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะ”รุ่ยอ๋องยังคงคลึงถ้วยชาด้วยกิริยาสงบทั้งสุขุมเยือกเย็น เขาถามเนิบช้า “พวกมันตายหมดแล้วหรือยัง?”เว่ยฉีกล่าวต่อ “ยังพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกมันเพียงสิ้นสติสลบเหมือดอยู่ในห้องอาบน้ำของเรือนพักส่วนพระองค์ แต่เมื่อถูกคนของเราจับกุมเอาไว้อย่างแน่นหนาไร้หนทางหนี พวกมันต่างก็พากันฆ่าตัวตายทีละคนสองคน กระหม่อมตรวจสอบศพของมือสังหารและสืบหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียด ทุกสิ่งที่พบล้วนบ่งบอกได้ว่าพวกมันเป็นคนของแคว้นเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ”ถังไห่เฉิงวางถ้วยชาก่อนโบกมือเบาๆ ให้เว่ยฉีหยุด
บนเตียงนุ่มภายในห้องพักเรือนบัญชาการลี่เซียนยังคงนอนหลับใหลเปลือยเรือนร่างงดงามอร่ามล้อสายตาบุรุษอยู่เช่นนั้นโดยไม่รู้สึกรู้สา เพราะว่ากำลังถูกฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้นวดคลึง ทำให้อาการเจ็บปวดลดลง เลือดลมสูบฉีด ยังผลให้บาดแผลสมานตัวรวดเร็ว นางกำลังสบายตัวมากๆ อารมณ์โกรธเกรี้ยวก่อนหน้าจึงสลายหายไปสิ้นในขณะที่ถังไห่เฉิงเองยังคงจ้องมองทุกอณูเนื้อนางโดยไม่วางตาเช่นกัน เพราะกำลังถูกความสงสัยครอบงำไม่คลายชายหนุ่มไม่คิดว่าเป็นการล่วงเกินหญิงสาวแต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ที่ห้องอาบน้ำ นางเองก็เห็นของเขาหมดแล้วจนสิ้น เรียกได้ว่าเสมอภาคเท่าเทียมอ๋องหนุ่มจึงจับพลิกร่างนุ่มพินิจต่อไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นลำคอขาวผ่อง เนินอกอวบนูน เอวเล็กคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ เนินเนื้อบุปผา เรียวขาเสลา สะโพกกลมกลึง เท้าเล็กน่ารักอมชมพูระเรื่อ สัดส่วนทรวดทรงของโฉมสะคราญไม่มีส่วนใดที่สายตาบุรุษมองไม่เห็นเรียวนิ้วแกร่งลูบไล้สำรวจเรือนร่างอรชรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งนานยิ่งเห็นรอยแผลทั้งหลายสมานตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อแม้แววตาคมดำจะเผยความร้อนแรงวาบผ่านเป็นระยะ รู้สึกร้อนรุ่มตรงท้องน้อย ใจเต้นตุบๆ ในแบบที่ไ
ภายในห้องนอนของเรือนบัญชาการลี่เซียนยังคงหลับตาพริ้มรู้สึกสบายเพราะอ้อมแขนอุ่น ถังไห่เฉิงอุ้มคนตัวนุ่มเดินอาดๆ เข้ามาถึงหน้าเตียงนอนก่อนวางลงบนฟูกแล้วจับนางถอดผ้าออกจนสิ้น เผยเรือนร่างเปล่าเปลือยทั้งตัวภายใต้แสงเทียนเรืองรองที่สว่างไสวกว่าแสงสีนวลของดวงจันทร์ที่กลางป่า ยังผลให้ดวงเนตรบุรุษสามารถมองกวาดเห็นผิวขาวผ่องนวลสล้างเด่นชัดความงามของดรุณีวัยสะพรั่งสะท้อนม่านตาจนแสบพร่า ทว่าถังไห่เฉิงกลับทำเพียงมองกราดทะลุทะลวง พินิจบาดแผลโดยละเอียดทุกซอกทุกมุม มิให้เล็ดลอดแม้แต่แผลเดียว เพื่อที่ว่ายามหมอทหารมาจะได้ทำการรักษาได้ตรงจุด ตำแหน่งแผลใดเสี่ยงใกล้จุดตายย่อมต้องได้รับการเยียวยาก่อนอย่างรวดเร็วหลังจากจับพลิกเจ้าของเนื้ออ่อนอยู่ครู่หนึ่ง เรียวคิ้วเข้มพลันขมวดมุ่น แววตาเผยความตื่นตะลึงวาบผ่าน ความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นในใจจนยากจะเอื้อนเอ่ยชายหนุ่มคิดว่าก่อนหน้านี้แม้ราตรีมืดสลัวหากแต่สายตาของเขาที่ฝึกฝนจนเคยชินกับความมืดมิดย่อมมองไม่ผิดพลาด หญิงสาวผู้นี้มีบาดแผลฉกรรจ์มากมายบนเรือนกายจนนับไม่ถ้วน ในห้องอาบน้ำนางถูกอาวุธทำร้ายต่อหน้าต่อตาให้เห็นชัดเจนไฉนยามนี้บาดแผลที่ควรสาหัสกลับกลายเป
สตรีผู้กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราเหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ น่าทะนุถนอมมากถังไห่เฉิงค่อยๆ จับพลิกร่างนุ่มมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนพาลี่เซียนทะยานกายไปทางเรือนพักอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนพักส่วนตัวที่เกิดเรื่องก่อนหน้าเรือนแห่งนี้เป็นเรือนบัญชาการ ถังไห่เฉิงกระโจนตัวลงมาทางหน้าเรือน จงใจเปิดเผยตัวให้ทหารยามเห็นเพื่อเป็นสัญญาณว่าตัวเขาปลอดภัย ให้คนมารายงานเรื่องมือสังหารที่เรือนบัญชาการได้ตลอดเวลาเรือนนี้มีห้องพักขนาดย่อมติดกับห้องสั่งงานขนาดใหญ่ ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนอุ้มคนงามเข้าไปในห้องนั้นแม้ทุกคนจะเคยเห็นรุ่ยอ๋องสวมหน้ากากเงินตลอดเวลา กระนั้นพวกเขาย่อมจดจำใบหน้าคมคายที่โผล่พ้นหน้ากากสีดำครึ่งซีกได้แม่นยำ และทุกการกระทำของอ๋องหนุ่มยามนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของบรรดาทหารยามพวกเขาต่างเบิกตาโพลง สีหน้าเหลอหลาไปตาม ๆ กัน บางคนถึงกับขยี้ตาแรงๆ อย่างไม่อาจเชื่อ จังหวะนั้นยังได้ยินเสียงสั่งการอันดุดันเล็ดลอดออกมาจากห้องพักว่า‘ให้คนไปตามหมอหญิงมา’คำสั่งนั้นคล้ายล่องลอยไม่เข้าหูทหารยามเลยสักคนเพราะแต่ไหนแต่ไรมา รุ่ยอ๋องไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้า ทั้งไม่เคยพาสตรีเข้าห้องนอน ที่สำคัญการโอบด้