ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่

ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-25
โดย:  ซือซิง SiXingอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel18goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
34บท
196views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

เขาเป็นบุรุษโง่เขลาในเรื่องรัก แต่งภรรยาชั่วร้ายไม่พอยังพาตระกูลพินาศล่มจม ส่วน ‘คุณหนูไป๋’ คือสตรีที่ปักใจต่อรักแรกเช่นเขา ในวันที่ผู้คนล้วนหันหลังให้ นางกลับไม่ทอดทิ้ง จะด้วยความดีที่ชายหนุ่มเคยกระทำหรือเทพเซียนเมตตาต่อหญิงสาวผู้เจ็บช้ำไม่ทราบ ตอนลืมตาอีกหน ‘โม่ซือเฉิน’ ถึงพบว่าทุกสิ่งคล้ายฝันตื่นหนึ่ง ราวกลิ่นและความหนืดข้นของโลหิตบนร่างกับความคับแค้นเป็นเพียงภาพมายา เมื่อได้รับโอกาสหวนคืนเพื่อแก้ไขจึงต้องเตรียมรับมืออย่างระมัดระวัง โม่ซือเฉินมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างซ้ำรอยแน่ “แต่งให้ข้า ให้ข้าได้ดูแลเอาใจใส่ ปกป้องคุ้มครอง ให้ข้าได้เป็นบิดาของบุตรชายบุตรสาวที่เกิดจากเจ้า ให้เราสองคนผูกผมร่วมกันและฝังร่างเคียงคู่ในยามความตายพรากจาก”

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

บทที่ 1

บทนำ

ทะเลโลหิตเจิ่งนองเบื้องหน้า เสียงตะโกนร้องขอความเป็นธรรมปะปนกับคำด่าทอรุนแรงดังไปทั่วลานกว้างของจวนแม่ทัพ สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นลานประหารชั่วคราว เสียงดาบแหวกอากาศช่างคุ้นหูเมื่อคนที่คุกเข่าส่วนใหญ่ต่างเคยแหวกว่ายอยู่ในสมรภูมิอย่างยาวนาน เปลี่ยนไปเพียงเวลานี้ผู้ที่ต้องเตรียมรับคมอาวุธของพวกเดียวกันหาใช่ศัตรู

“ทำพวกเจ้าลำบากแล้ว” โม่ซือเฉินกล่าว

“ท่านแม่ทัพ” หวังหย่งซึ่งถูกคุมตัวอยู่ไม่ห่างพึมพำ เขาจงรักภักดีติดตามอีกฝ่ายมาทั้งชีวิต “ตามท่านไปปรโลกไม่นับว่าลำบากอันใด”

กายสูงหลับตาก่อนหัวเราะเสียงดังราวได้ฟังเรื่องชวนขบขัน เวลานี้ไม่มีสิ่งใดน่าขบขันไปกว่าความโง่เขลาของตนอีกแล้ว หากต้องการเยาะเย้ยตนเองสักครั้งก่อนลาโลกจะมีใครกล้าขัดขวางอย่างนั้นหรือ

“แม่ทัพโม่” คนในชุดเกราะอ่อนกล่าวกับโม่ซือเฉินซึ่งคล้ายเสียสติไปแล้ว “มีสิ่งใดจะสั่งเสียหรือไม่ ตราบใดไม่ใช่การเนรคุณหรือกระทำเรื่องชั่วร้ายเลวทรามผิดต่อบ้านเมือง ข้ายินดีช่วยเต็มกำลัง”

ครั้นหัวเราะจนพอใจ ผู้ถูกถามถึงชำเลืองมองทหารสองนายที่กดไหล่ตนให้คุกเข่า

แม่ทัพว่านหรือว่านหมิงจวินเข้าใจในทันที เขาโบกมือสั่งลูกน้องถอยหลังไป ปล่อยแม่ทัพโม่ลุกยืนยืดกายเต็มความสูง

“แม่ทัพว่าน ข้ากับเจ้าออกศึกร่วมกันมาไม่น้อย น้ำใจครั้งนี้ข้าไม่อาจรับไว้ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจแต่เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ข้าปรารถนาเจ้าไม่มีวันทำได้”

โม่ซือเฉินใคร่เห็นความพินาศของคนสารเลวผู้นั้น ปรารถนาให้หายนะเกิดจากน้ำมือของเขาเอง

ว่านหมิงจวินถอนหายใจยาว ต่อให้เขากับโม่ซือเฉินไม่อาจนับได้ว่าเป็นสหายรัก กระนั้นผ่านคมหอกคมดาบมากมายมาด้วยกัน ยังถือเป็นมิตรภาพน่าชื่นชม ระหว่างพวกเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางส่วนตัว ทว่าการลงโทษคนสกุลโม่ในจวนแม่ทัพครั้งนี้เป็นราชโองการจากเบื้องบน เขาไม่อาจทัดทานได้ จำต้องตัดใจก้มหน้าทำตาม

“เรื่องที่ข้าจะรบกวนเจ้ามีแค่-”

“ท่านแม่ทัพ” ลูกน้องของว่านหมิงจวินก้าวมาเร็ว ๆ ก่อนประสานมือ แววตาปรากฏความยุ่งยากใจชัดเจน “บ่าวสกุลไป๋มาขอร้องอยู่หน้าประตู บอกว่าเจ้านายอยากพบหน้าโม่ซือเฉิ…พบแม่ทัพโม่เป็นครั้งสุดท้าย”

คนรายงานกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาสบเข้ากับโม่ซือเฉินโดยบังเอิญ แววตาคมกริบเย็นเยือกนั่นทำเอาชื่อแซ่ที่ขานออกมาถูกกลืนลงคอ เปลี่ยนเป็นการเรียกอย่างให้เกียรติดังเดิม

ว่านหมิงจวินเตรียมสั่งทหารไปไล่ พวกเขาปิดประตูลงดาลสังหารคนตามราชโองการ เบื้องบนกำชับให้ทุกอย่างรัดกุมและรวดเร็วด้วยไม่ปรารถนาให้ข่าวแพร่ออกไปเร็วนัก นึกไม่ถึงกลับมีคนรู้เข้าจนได้

“ผู้ใดมา” โม่ซือเฉินเอ่ยถาม

ทหารนายนั้นมีท่าทางละล้าละลัง รอกระทั่งว่านหมิงจวินพยักหน้าให้พูด “ตอบแม่ทัพโม่ไปตามจริง”

“บ่าวสกุลไป๋แจ้งว่าคนบนรถม้าเป็นคุณหนูของพวกเขา”

หวังหย่งกับผู้ติดตามที่เหลือของโม่ซือเฉินลอบมองหน้ากัน พวกเขาถูกคุมตัวคุกเข่าบนพื้น ไม่อาจเห็นสีหน้าท่านแม่ทัพซึ่งยืนหันหลังอยู่ได้ เนิ่นนานหลายอึดใจจวบจนเสียงร้องขอชีวิตจากสาวใช้บนลานอีกสิบกว่าคนถูกประหาร แม่ทัพผู้เคยนำความเกรียงไกรมาสู่บ้านเมืองพลันถอนหายใจ

วันสุดท้ายของชีวิต ไร้เงาภรรยาข้างกาย ไม่มีทายาท ซ้ำสร้างมลทินแก่วงศ์ตระกูล ทำคนอื่นเดือดร้อน ผู้ติดตามเขาไปมีเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาแสนซื่อสัตย์กลุ่มหนึ่ง นึกไม่ถึงสตรีผู้นั้นยังสู้อุตส่าห์มาขอพบ โม่ซือเฉินไม่ทราบว่านางรู้เรื่องในคืนนี้ได้อย่างไร

“แม่ทัพว่าน”

ว่านหมิงจวินเงียบ รอฟังอย่างตั้งใจ

“นี่คือคำขอสุดท้ายของข้า…”

รถม้าสกุลไป๋จอดอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพมาครู่ใหญ่ ถนนด้านหนาเงียบสงัด ร่างสมส่วนเกาะขอบหน้าต่างด้วยใจจดจ่อ เผลอกัดริมฝีปากจนเลือดซึม นัยน์ตาดอกท้อคู่งามจับจ้องบนประตูสีเข้มไม่วางตา กระทั่งมันถูกเปิดจากด้านใน ว่านหมิงจวินยกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายลงมาสนทนาด้านล่างเพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง

เมื่อดวงอาทิตย์ฉายแสงตรงขอบฟ้าบ่งบอกถึงวันใหม่ ความโหดร้ายชวนหดหู่ในสถานที่แห่งนี้จะถูกเล่าขานให้ผิดแผกไป ความจริงเป็นเช่นไรว่านหมิงจวินเองไม่กระจ่างเช่นกัน ทว่าเพื่อความอยู่รอดของสกุลว่าน เขาไม่อาจไม่ทำหน้าที่ยามได้รับมอบหมาย อย่างไรเสียเหตุการณ์นองเลือดคืนนี้เป็นคำสั่งจากท่านผู้นั้นซึ่งผ่านความเห็นชอบของขุนนางใหญ่หลายคน

“แม่ทัพว่าน”

ชายหนุ่มในชุดเกราะอ่อนผงกศีรษะหนหนึ่งตามมารยาทเขาทราบดีว่านางเป็นใคร ต่อให้ตนไม่ค่อยพำนักอยู่เมืองหลวง ยังพอจดจำใบหน้าลูกหลานขุนนางใหญ่ได้พอสมควร

“นี่คือคำขอสุดท้ายของเขา ข้าอยากให้ท่านเปิดดูตามลำพัง”

ไป๋อวี้เสวียนพยักหน้า ยื่นมือรับห่อผ้าขนาดเล็กด้วยตนเอง

ต่อให้แววตาไหววูบสักเพียงใด ยังบังคับสุ้มเสียงให้เรียบเรื่อยดังปกติ ฝืนปกปิดความสะเทือนใจ “ร่างของแม่ทัพโม่เล่า”

“ดึกมากแล้ว คุณหนูไป๋รีบเดินทางกลับเถิด”

ว่านหมิงจวินตัดบทด้วยการไล่อย่างสุภาพ หมุนกายกลับเข้าไปด้านใน

คล้อยหลังเขาประตูใหญ่ถูกปิดลงอีกครั้ง สาวใช้กับบ่าวชายที่ติดตามคุณหนูมาได้กลิ่นคาวเลือนชวนคลื่นเหียนโชยมาตามลมวูบหนึ่งยามทหารเฝ้ายามหับบานประตู

เสียงดังตึงไม่เบานั่นราวตัดขาดโลกภายนอกกับนรกบนดินด้านในออกจากกันโดยเบ็ดเสร็จ

“พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” คนฟังตอบรับเบา ๆ แล้วปิดหน้าต่าง

ไป๋อวี้เสวียนจำไม่ได้ว่าตนเองกลับถึงสกุลไป๋ยามอะไร หรือผู้ใดเป็นคนประคองลงจากรถม้าเพื่อกลับเรือน

นางจำได้แค่ตนเองนั่งมองสิ่งที่ได้รับมาอยู่ค่อนคืน ภายใต้แสงเทียนปลายนิ้วเรียวลูบไล้ห่อผ้าขนาดเล็กเบานัก คล้ายเกรงว่ามันอาจฉีกขาดหรือของด้านในจะบุบสลาย ครั้นเปิดผ้าไหมสีอ่อนลื่นมือออกดู ภายในพบแหวนหยกดำสนิทเนื้อดี ด้านนอกของแหวนอุณหภูมิต่ำกว่าด้านในซึ่งสัมผัสและซึมซับไอกายของผู้สวม

ไป๋อวี้เสวียนเม้มริมฝีปากจนซีดขาว น้ำตาซึ่งเพียรกลั้นเอ่อล้นขอบตานอกจากแหวนหยก บนผ้าด้านในยังปรากฏอักษรเลือดแสนบาดใจ

‘คนผู้นั้นรื้อสะพานทิ้ง[1]เสียแล้ว อย่าได้ดื้อดึงพยายามว่ายข้ามมา ข้าที่อยู่ฝั่งนี้ขออวยพรให้เจ้าพบเจอผู้ที่เพียบพร้อม ได้สร้างครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไป๋อวี้เสวียนหากย้อนเวลาได้ขอให้เจ้าไม่ต้องพบเจอบุรุษเช่นข้า’

เมื่อครู่ เมื่อครู่แหวนหยกดำวงนี้ยังอยู่บนนิ้วของโม่ซือเฉินแท้ ๆ เมื่อครู่เขายังมีลมหายใจ

ร่างบนเตียงคู้กาย มือกอดทั้งแหวนและผ้าไหมแนบอก ราวกับปรารถนาให้มันหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ไหล่บอบบางสั่นสะท้าน สะอึกสะอื้นราวเด็กน้อย มิอาจสะกดกลั้นเสียงคร่ำครวญอีกต่อไป

ฝันหรือตื่นไม่สำคัญ รักหรือชิงชังหาได้ใส่ใจ ขอเพียงได้เห็นโม่ซือเฉินอยู่ในสายตา

โม่ซือเฉิน…ไม่ว่าชาติภพใดข้าไป๋อวี้เสวียนไม่เคยเสียใจที่ได้พบท่าน

- - - - - - - - - - -

เชิงอรรถ

[1] ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน หมายถึงเมื่อกระทำการใดสำเร็จลุล่วงก็กำจัดคนที่ช่วยเหลือทิ้ง โดยในข้อความที่โม่ซือเฉินเขียนอ้างอิงถึงสำนวนนี้เพื่อบอกความนัยเกี่ยวกับการถูกประหารของตน ขอให้ไป๋อวี้เสวียนไม่ต้องเอาตัวเองมายุ่งเกี่ยว นอกจากนั้นยังเปรียบเปรยว่าเมื่อสะพานถูกรื้อแล้ว ทั้งสองจึงอยู่คนละฝั่ง ในที่นี้หมายถึงฝั่งคนเป็นและคนตาย

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น
34
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status