LOGIN“จะ... เจ้าเป็นคนของเสด็จพี่สะใภ้?” เมื่อเห็นหลี่ชิงหงพยักหน้า เขาจึงได้ถามต่อ “นางให้เจ้ามาดูแลที่นี่ นั่นหมายความว่าที่นี่เป็นของเสด็จพี่สะใภ้หรือ?”
อืม... แต่อาเยี่ยนให้ที่นี่เป็นชื่อของข้านะ...
“เรียนท่านอ๋อง ไท่จื่อเฟยเมตตาสงสารหม่อมฉันที่เป็นหลานของหมัวมัวผู้ถวายการดูแลไท่จื่อ จึงได้สร้างที่นี่มอบให้เป็นชื่อของหม่อมฉัน เพื่อให้หม่อมฉันได้มีการค้าสามารถดูแลตนเองได้เพคะ”
เซียวชิงฉี “...”
เสด็จพี่สะใภ้ช่างใจใหญ่นัก ถึงขั้นสร้างโรงน้ำชาใหญ่โตเพียงนี้ให้หลานสาวของหมัวมัวที่ดูแลเสด็จพี่เป็นเจ้าของ...
ข้าเป็นอนุชาที่เสด็จพี่สนิทสนมและรักใคร่มากที่สุดนะ!!
ไม่ได้การ! ข้าต้องหาทางเกาะชายกระโปรงของเสด็จพี่สะใภ้ไว้ให้มั่นเสียแล้ว...
ความคิดของเซียวชิงฉีเริ่มลอยไปไกล ในขณะที่เสียงกระเส่าจากข้างห้องก็ยังส่งเสียงครางไม่หยุด จนหลี่ชิงหงต้องกระแอมขึ้นเบา ๆ แล้วทูลเชิญ “วันนี้ นับว่าโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอเป็นเกียรตินักที่ฉีอ๋องเสด็จมาเพคะ หม่อมฉันหวังว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาเสวยชาบูอีกบ่อย ๆ อย่างไรหม่อมฉันจะนำทางกลับลงไปนะเพคะ”
เซียวชิงฉีพยัก
ตึ่ง!! เสียงแผ่นหลังของฉีอ๋องกระแทกบันไดปัง!! เสียงที่พี่รองเปิดบานประตูออกมาพอดี“อุ๊บ!!” ฉีอ๋องร้องโอดโอย หากแต่ถูกหลี่ชิงหงเลื่อนมือมากดปิดปากเขาพอดี ปล่อยให้ศีรษะของเซียวชิงฉีกระแทกบันไดอีกครั้งอย่างไม่แรงนักโอ๊ย... เห็นร่างบอบบางเช่นนี้ เหตุใดจึงตัวหนักมือหนักนักเล่า?พี่รองก้าวออกมาจากห้องรับรองกวาดสายตามองไปทั่วชั้นสี่อย่างระมัดระวัง ครั้นไม่พบเจอผู้ใดจึงได้หมุนตัวก้าวลงบันไดไป เมื่อหลี่ชิงหงได้ยินเสียงฝีเท้าเงียบลงแล้ว นางจึงรีบลุกขึ้นไปดูที่บันไดกลาง เพื่อเก็บรายละเอียดของพี่รองนางนั้นให้มากที่สุดหากแต่หลี่ชิงหงก็ต้องผิดหวัง เพราะนางนั้นสวมหมวกเช่นชาวยุทธ์สีขาวปิดบังใบหน้ามิดชิด สวมชุดชาวบ้านทั่วไป จนอยากจะกล่าวได้ว่านางคือผู้ใด มีฐานะเช่นไรโธ่เว้ย! คลาดตัวการไปจนได้...เสียงโอดครวญแผ่วเบาดังขึ้น หลี่ชิงหงจึงได้สติกลับไปดูใครอีกคนที่นอนเป็นฟูกให้นางล้มทับเมื่อครู่หลี่ชิงหงรีบปราดเข้าไปดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นจากบันได พลางขอโทษขอโพย “ขออภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ...” เซียวชิงฉีไม่ใช่ส
“เพราะคราวที่แล้ว ปล่อยให้หนิงกุ้ยเฟยโผล่ออกมา แสร้งร้องไห้เสียใจกับการจากไปของชุยเสียนเฟยได้อย่างน่าเวทนานัก หากข้ายังดึงดันโยนความผิดให้นาง เกรงว่าข้าจะตกเป็นฝ่ายที่น่าสงสัยแทน”“แต่จริงอย่างที่พี่รองกล่าว หากคราวที่แล้วสามารถกำจัดหนิงกุ้ยเฟยและชุยเสียนเฟยได้พร้อมกัน บุตรชายของท่านก็อาจจะได้เป็นไท่จื่อเสียแล้ว”“แต่บัดนี้ เฟิงอ๋องได้กลายเป็นไท่จื่อแล้ว อีกทั้งยังมีอำนาจของแม่ทัพหน้ากากเหล็กและกองทัพเงาพยัคฆ์ให้การสนับสนุนอีก อย่างไรก็คงเป็นการยากที่จะโค่นเขาลงมา” เสียงของพี่ใหญ่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “น้องรอง เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าแผนการในครั้งนี้จะได้ผล”“โธ่ พี่ใหญ่ ก็เมื่อคราวของชุยเสียนเฟย ยังมิมีผู้ใดจับได้เลยว่าเป็นแผนการของพี่รอง แล้วครั้งนี้พี่รองเตรียมการได้พร้อมกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนนัก พี่รองจะพลาดได้อย่างไร?”“น้องเล็กกล่าวได้ถูกแล้ว” พี่รองเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่สบายใจเถิด แผนการครั้งนี้ ข้าวางแผนไว้อย่างดีแล้ว อย่างไรก็ไม่มีทางจับได้ อีกทั้งข้ายังตั้งใจจะโยนความผิดให้หนิงกุ้ยเฟยอีกด้วย”“เอาเถิด หากเจ้ามั่นใจ พวกข้าก็พลอยสบายใจไปด้วย” พี่ใ
“จะ... เจ้าเป็นคนของเสด็จพี่สะใภ้?” เมื่อเห็นหลี่ชิงหงพยักหน้า เขาจึงได้ถามต่อ “นางให้เจ้ามาดูแลที่นี่ นั่นหมายความว่าที่นี่เป็นของเสด็จพี่สะใภ้หรือ?”อืม... แต่อาเยี่ยนให้ที่นี่เป็นชื่อของข้านะ...“เรียนท่านอ๋อง ไท่จื่อเฟยเมตตาสงสารหม่อมฉันที่เป็นหลานของหมัวมัวผู้ถวายการดูแลไท่จื่อ จึงได้สร้างที่นี่มอบให้เป็นชื่อของหม่อมฉัน เพื่อให้หม่อมฉันได้มีการค้าสามารถดูแลตนเองได้เพคะ”เซียวชิงฉี “...”เสด็จพี่สะใภ้ช่างใจใหญ่นัก ถึงขั้นสร้างโรงน้ำชาใหญ่โตเพียงนี้ให้หลานสาวของหมัวมัวที่ดูแลเสด็จพี่เป็นเจ้าของ...ข้าเป็นอนุชาที่เสด็จพี่สนิทสนมและรักใคร่มากที่สุดนะ!!ไม่ได้การ! ข้าต้องหาทางเกาะชายกระโปรงของเสด็จพี่สะใภ้ไว้ให้มั่นเสียแล้ว...ความคิดของเซียวชิงฉีเริ่มลอยไปไกล ในขณะที่เสียงกระเส่าจากข้างห้องก็ยังส่งเสียงครางไม่หยุด จนหลี่ชิงหงต้องกระแอมขึ้นเบา ๆ แล้วทูลเชิญ “วันนี้ นับว่าโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอเป็นเกียรตินักที่ฉีอ๋องเสด็จมาเพคะ หม่อมฉันหวังว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาเสวยชาบูอีกบ่อย ๆ อย่างไรหม่อมฉันจะนำทางกลับลงไปนะเพคะ”เซียวชิงฉีพยัก
คงต้องหาทางบอกอาเยี่ยนให้เตือนหนิงกุ้ยเฟยซะหน่อยแล้วหลี่ชิงหงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด ครั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าเซียวชิงฉีจิบน้ำชาล้างปากเสียแล้ว “อิ่มแล้วหรือเพคะ?”“อื้อ... อาหารมื้อนี้อร่อยนัก” เซียวชิงฉีส่งรอยยิ้มที่สะท้อนไปถึงดวงตา ความหม่นหมองเริ่มจางหายไป เมื่ออิ่มท้องด้วยของอร่อย “ข้าคงต้องมาฝากท้องที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอบ่อย ๆ เสียแล้ว”“โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอยินดีต้อน...”ก่อนที่หลี่ชิงหงจะเอ่ยจบประโยค เสียงร้องครางกระเส่าก็ดังขึ้นมาจากห้องข้าง ๆ เสียก่อน“อ่ะ อ่า อื้อ...” เสียงร้องครางที่ไม่มีประโยคใจความสมบูรณ์ หากแต่สองคนต่างสบตาเข้าใจความนั้นได้ในทันที ใบหน้าทั้งคู่แดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อะแฮ่ม...” เซียวชิงฉีกระแอมในลำคอ แม้ว่าเสียงนั้นจะยังครวญคราง ยิ่งเขาเงยหน้าเห็นแก้มนวลขึ้นสีแดงระเรื่อของหลี่ชิงหงก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ “ผู้ใดกันช่างมาทำเรื่องไม่งามในโรงน้ำชาแห่งนี้?”“เอ่อ...” หลี่ชิงหงอึกอัก ยิ่งทำให้ฉีอ๋องเข้าใจว่า ผู้ที่ใช้บริการอยู่ห้องข้าง ๆ นั้นมีอิทธิพลที่แม้แต่เจ้าของโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกออ
“เพคะ เอาล่ะ หม้อทองแดงจะร้อนหน่อย รบกวนท่านอ๋องใช้ผ้าจับที่ด้ามหูนะเพคะ” หลี่ชิงหงกล่าวพลางส่งผ้าให้เขาเดินเข้ามายกหม้อทองแดงนั้นออกมาจากตู้ ส่วนตัวนางเองก็ยกถาดใหญ่ที่วางอุปกรณ์ที่เหลือออกมาวางบนโต๊ะข้างตู้นั้นก่อนที่หลี่ชิงหงจะปิดหน้าต่างเล็ก แล้วสั่นกระดิ่งเบา ๆ เสียงกรุ๊งกริ๊งดังกังวานเป็นสัญญาณ เสียงครืดคราดดังขึ้นตอบรับสองสามครั้ง เมื่อเสียงนั้นเงียบลง นางก็เปิดหน้าต่างอีกครั้ง ครานี้ปรากฏเหยือกน้ำซุป กาน้ำชาและจอกน้ำชาสองใบเซียวชิงฉีที่ยังคงถือหม้อร้อน ๆ นั้นในมือ “!!!”กลอุบายใดกัน ยามปิดหน้าต่างไร้ซึ่งสิ่งใด แต่เพียงพริบตา เปิดอีกครากลับปรากฏเหยือกสองใบขึ้นมาได้เล่า!?หลี่ชิงหงไม่ปล่อยให้เซียวชิงฉีแปลกใจนาน นางพาเขากลับมาที่ห้องอีกครั้ง แล้วเริ่มจัดแจงสาธิตวิธีกินชาบูให้เขาดู“อู้ว...” เสียงร้องของเซียวชิงฉี เมื่อเนื้อแพะร้อน ๆ นุ่ม ๆ เข้าไปในปาก รสชาติเค็ม หวาน และมันของน้ำจิ้มงากลมกล่อม กลิ่นงาคั่วหอมอวลไปทั่วทั้งปาก “ข้าไม่เคยกินเนื้อแพะต้มที่ใดรสเลิศเท่าชาบูหม้อนี้เลย”“สิ
“สิ่งนี้เรียกว่าตะบันไฟเพคะ หม่อมฉันกับสหายได้ร่วมกันออกแบบและสร้างขึ้นมา ไม่เพียงสิ่งนี้ ยังรวมถึงโรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอแห่งนี้ด้วยเพคะ” หลี่ชิงหงตอบยิ้ม ๆ“ตะบันไฟหรือ?” เซียวชิงฉีพยักหน้าอย่างพยายามทำความเข้าใจ พลางเอ่ยพึมพำ “หากได้นำไปใช้ในกองทัพ นับว่ามีประโยชน์มากทีเดียว...”หลี่ชิงหงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ตอบสิ่งใด เพราะเซียวชิงเฟิงได้นำตะบันไฟจากการจุดไฟถ่านต้มหม้อชาบูของพวกนางไปใช้ในกองทัพเงาพยัคฆ์เรียบร้อยแล้วแต่มีหรือที่คนอย่างฉินเจียวเยี่ยนจะยอมเสียเปรียบ นางเรียกไถ่เงินทองจากสวามีเป็นค่าความคิด ที่หลี่ชิงหงมองว่าเป็นลิขสิทธิ์ทางปัญญา เซียวชิงเฟิงจึงเสนอจ่ายด้วยร่างกายของเขาจนฉินเจียวเยี่ยนปฏิเสธแทบไม่ทัน แต่สุดท้าย นางก็ถูกเซียวชิงเฟิงหิ้วตัวเข้าไปชำระค่าเสียหายบนเตียงในตำหนักอยู่ดีรอยยิ้มของหลี่ชิงหงยกยิ้มกว้าง เมื่อนึกถึงสหายคนสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นยามนั้นหรือยามนี้ก็กำลังถูกเซียวชิงเฟิงลงโทษอยู่บนเตียงร่ำไป โดยไม่เกี่ยงสถานที่เลยแม้แต่น้อยเซียวชิงฉีที่กำลังจ้องเปลวไฟกลางกระถาง เหลือบขึ้นไปมองใบหน้าของคนที่เพิ่งจุดไฟ จึงได้เห็นรอยยิ้มจา







