LOGINหลังจากวันนั้น ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปสืบความตามทางที่ตนถนัด เซียวชิงเฟิงสั่งให้ตงไฮ่ส่งคนเข้าไปสอดแนมทุกคนในตระกูลหลู่อย่างใกล้ชิด และคอยรายงานอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่หนิงกุ้ยเฟยเองก็สั่งให้นางกำนัลและขันทีคนสนิทคอยจับตาดูคนในตำหนักชุ่ยหลิวเก๋อของหลู่ซูเฟยและคนของตำหนักมู่ตานเตี้ยนของจวงเต๋อเฟยด้วยเช่นกัน
ส่วนหลี่ชิงหงก็กลับไปทำงานที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอตามปกติ เพื่อคอยจับตาดูว่า เซี่ยหมิงลี่ หลินจือฮุ่ยและหวังจิ้งถิงกลับมาใช้บริการอีกหรือไม่
หากแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเซียวชิงฉีที่แวะเวียนขอมาร่วมโต๊ะทานชาบูด้วยแทบจะวันเว้นวัน จนตอนหลังก็แทบจะเป็นการร่วมโต๊ะมื้อเย็นทุกวันภายใต้ข้ออ้างที่ว่ามาสอบถามความคืบหน้าของฮูหยินทั้งสาม
วันเวลาล่วงผ่านไปท่ามกลางความตึงเครียดของทุกคน จนกระทั่งอายุครรภ์ของจวงเต๋อเฟยล่วงเข้าเดือนที่เก้า เหล่าหมอหลวงและหมอตำแยคาดการณ์ว่าไม่เกินวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็น่าจะถึงกำหนดประสูติสายเลือดมังกร
ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้ชักชวนหลี่ชิงหงมาเข้าเฝ้าหนิงกุ้ยเฟยด้วยกัน โดยใช้บุตรชายอย่างเซียวชิงเจ๋อเป็นข้ออ้าง ในขณะที่เซียวชิงเฟิงแ
ในขณะที่หนิงกุ้ยเฟย ฉินเจียวเยี่ยน และหลี่ชิงหงเร่งก้าวเท้าเข้าไปในห้องบรรทมภายในตำหนักมู่ตานเตี้ยน บรรดานางกำนัลได้จัดการเก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว แม้ว่ายังจะมีกลิ่นคาวเลือดลอยอบอวลหลงเหลืออยู่บางเบาดวงตาของทั้งสามคนเข้มขึ้น เมื่อเห็นว่าจวงเต๋อเฟยกำลังยกถ้วยยาขับเลือดขึ้นดื่ม โดยที่ซิงเหยาคุกเข่าอยู่ข้างเตียง“อย่า!!” สามนางต่างร้องประสานเสียง เป็นหนิงกุ้ยเฟยที่เดินนำอยู่ด้านหน้ารีบสาวเท้าไปปัดถ้วยยานั้นจนตกแตกข้างเตียงเพล้ง!! ถ้วยยาแตกกระจายเช่นเดียวกับยาน้ำสีน้ำตาลที่สาดกระเซ็นไปทั่ว“หนิงกุ้ยเฟย!!” ซือหมัวมัวร้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพระสนมที่ยศสูงกว่าก้าวเข้ามาทำเช่นนี้กับเจ้านายของตน “เหตุใดท่านจึงขัดขวางมิให้จวงเต๋อเฟยดื่มยาขับเลือดกันเพคะ?”“เอ่อ.. ไม่ คือ...” หนิงกุ้ยเฟยไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพราะนางปักใจเชื่อตามคำวิเคราะห์ไปแล้วว่า อย่างไรก็ดียาถ้วยนี้ย่อมมีปัญหาอย่างแน่นอน“หนิงกุ้ยเฟย...” ใบหน้าซีดเผือดของจวงเต๋อเฟยช้อนมองด้วยความสงสัย ก่อนที่นางจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อ๊ะ โอ๊ย! ท้องของข้า ข้าปวดเหลือเกิน อ๊า
“ยาขับเลือดของจวงเต๋อเฟยยังไม่เสร็จอีกหรือเจ้าคะ?” เสียงนางกำนัลนามว่า ซิงเหยา ประจำตำหนักมู่ตานเตี้ยนถามขึ้น ในขณะที่โผล่หน้ามาที่ห้องยาหลวงหมอหลวงที่มีหน้าที่ต้มยาให้แก่พระสนมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าซิงเหยา ก่อนจะพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นนางกำนัลของจวงเต๋อเฟยจริง ๆ “ใกล้จะเสร็จแล้ว”ยาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำในหม้อดินเผาถูกเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ จนกระทั่งงวดได้ที่ หมอหลวงจึงนำยามากรองด้วยผ้าละเอียดหลายชั้น เพื่อแยกกากสมุนไพรออกให้หมด ให้เหลือเพียงน้ำยาที่ใสและปราศจากสิ่งเจือปนหมอหลวงใช้ทัพพีที่ทำจากเงินคนยาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ยาเข้ากันดีและมีอุณหภูมิที่สม่ำเสมอ แล้วจึงเทใส่ถ้วย ใช้กระดาษชุบน้ำหมาด ๆ ปิดทับลงบนปากถ้วยยา จากนั้นใช้เชือกที่ทำจากเส้นไหมมัดปากถ้วยยาและพันรอบตัวถ้วยให้แน่นหนาสุดท้ายจึงใช้ขี้ผึ้งสีแดงหยอดลงบนปมเชือกที่มัดไว้ แล้วประทับด้วยตราประทับประจำตัวของหมอหลวงผู้ปรุงยา“เอาล่ะ เจ้าจงรีบนำไปถวายจวงเต๋อเฟยให้ดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดได้โดยเด็ดขาด!”“เจ้าค่ะ ท่านหมอหลวง” ซิงเหยาก้าวเข้าไปใกล้แล้วยกถาดไม้ที่มีถ้วยยาขึ้นมา “จวงเต๋อเฟย
ด้านหน้าตำหนักมู่ตานเตี้ยนนั้น บรรดานางกำนัลและขันทีต่างวิ่งเข้าวิ่งออกอย่างวุ่นวาย ท่ามกลางเสียงร้องอย่างกระสับกระส่ายของจวงเต๋อเฟยที่เล็ดลอดออกมาจากห้องบรรทมเป็นระยะ ๆซือหมัวมัว คนสนิทของจวงเต๋อเฟยมีสีหน้าเคร่งขรึมและสั่งการอย่างรวดเร็ว “รีบไปต้มยาสมุนไพรตำรับที่สาม และน้ำแกงไก่สำหรับขับเหงื่อ”สิ้นเสียงของซือหมัวมัว ความวุ่นวายก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ภายในตำหนักก็มีความวุ่นวายไม่ต่างกัน หมอตำแยได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เมื่อเห็นจวงเต๋อเฟยจิกมือจนเลือดไหล นางพยายามปลอบประโลมให้พระสนมตั้งสติอยู่เสมอ แต่ก็ดูเหมือนว่านางจะไม่มีสติมากพอจะรับฟังคำพูดนั้นแล้ว“จวงเต๋อเฟย... ได้โปรดทำใจให้สบายเพคะ” หมอตำแยกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่จวงเต๋อเฟยก็ยังคงกรีดร้องออกมา“กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ทำให้ทุกคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกอดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้ โดยเฉพาะขบวนจากตำหนักเฟิ่งอี๋กงที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงเสียงกรีดร้องของจวงเต๋อเฟยทำให้ฉินเจียวเยี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้‘ยามนั้นข้ากรีดร้องดังเพียงนี้หรือไม่น
หลังจากวันนั้น ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปสืบความตามทางที่ตนถนัด เซียวชิงเฟิงสั่งให้ตงไฮ่ส่งคนเข้าไปสอดแนมทุกคนในตระกูลหลู่อย่างใกล้ชิด และคอยรายงานอย่างต่อเนื่องในขณะที่หนิงกุ้ยเฟยเองก็สั่งให้นางกำนัลและขันทีคนสนิทคอยจับตาดูคนในตำหนักชุ่ยหลิวเก๋อของหลู่ซูเฟยและคนของตำหนักมู่ตานเตี้ยนของจวงเต๋อเฟยด้วยเช่นกันส่วนหลี่ชิงหงก็กลับไปทำงานที่โรงน้ำชาเชิ่งเยี่ยนเกอตามปกติ เพื่อคอยจับตาดูว่า เซี่ยหมิงลี่ หลินจือฮุ่ยและหวังจิ้งถิงกลับมาใช้บริการอีกหรือไม่หากแต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเซียวชิงฉีที่แวะเวียนขอมาร่วมโต๊ะทานชาบูด้วยแทบจะวันเว้นวัน จนตอนหลังก็แทบจะเป็นการร่วมโต๊ะมื้อเย็นทุกวันภายใต้ข้ออ้างที่ว่ามาสอบถามความคืบหน้าของฮูหยินทั้งสามวันเวลาล่วงผ่านไปท่ามกลางความตึงเครียดของทุกคน จนกระทั่งอายุครรภ์ของจวงเต๋อเฟยล่วงเข้าเดือนที่เก้า เหล่าหมอหลวงและหมอตำแยคาดการณ์ว่าไม่เกินวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็น่าจะถึงกำหนดประสูติสายเลือดมังกรฉินเจียวเยี่ยนจึงได้ชักชวนหลี่ชิงหงมาเข้าเฝ้าหนิงกุ้ยเฟยด้วยกัน โดยใช้บุตรชายอย่างเซียวชิงเจ๋อเป็นข้ออ้าง ในขณะที่เซียวชิงเฟิงแ
ฉินเจียวเยี่ยนนึกสะท้อนในอก สองมือกุมมือของพระสวามีแน่นราวกับต้องการส่งกำลังใจ เพราะตั้งแต่ที่ทราบความทั้งหมด เขาเอาแต่นิ่งเงียบจนนางนึกกังวล “เหนียงเหนียงต้องการจะบอกว่า ชุยเสียนเฟยสิ้นพระชนม์เพราะเสียเลือดในตอนคลอดใช่หรือไม่เพคะ?”หนิงกุ้ยเฟยพยักหน้า “ข้าจำได้เพียงเท่านี้ ส่วนสาเหตุที่ว่ามิมีผู้ใดสงสัยเลยหรือว่านางจะถูกลอบทำร้าย เพราะตั้งแต่ที่นางเริ่มตั้งครรภ์ หมอหลวงหลายคนก็ได้ทูลต่อฝ่าบาทตลอดว่าร่างกายของชุยเสียนเฟยนั้นไม่แข็งแรง กอปรกับการคลอดลูกที่ราวกับก้าวเท้าข้างหนึ่งสู่ยมโลก การที่นางเสียเลือดมากเกินไปจึงพอเข้าใจได้”“นอกจากนี้ หมอหลวง หมอตำแย และนางกำนัลที่เข้าไปช่วยทำคลอดให้ชุยเสียนเฟยก็ล้วนแต่เป็นคนของนางทั้งสิ้น การลอบทำร้ายจากผู้อื่นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้”ทุกคนต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง ใคร่ครวญหาช่องโหว่ของแผนการนี้อย่างลึกซึ้ง‘สาเหตุของการเสียชีวิตคือเสียเลือดมากเกินไป...’‘ชุยเสียนเฟยเป็นที่รักของฝ่าบาทมากเพียงนั้น จะไม่บำรุงร่างกายให้แข็งแรงพร้อมสำหรับตั้งครรภ์
ฉีอ๋องลุกขึ้นประสานมือตรงหน้า “หมู่เฟย ลูกเองก็อยู่ในสถานที่เกิดเหตุพ่ะย่ะค่ะ ทุกสิ่งที่แม่นางหลี่เล่ามาล้วนแต่เป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”หนิงกุ้ยเฟยหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนักที่เห็นบุตรชายแสดงตนเข้าข้างคนนอกอย่างชัดเจนเพียงนี้“หนิงกุ้ยเฟยจะไม่เชื่อคำกล่าวของหม่อมฉันก็ได้เพคะ แต่หม่อมฉันขอทูลรายละเอียดเพิ่มเติมอีกส่วน” หลี่ชิงหงเว้นวรรคหายใจ “ทั้งสี่นางกล่าวอย่างชัดเจนว่าตั้งใจจะลงมือกับจวงเต๋อเฟยด้วยวิธีการเดียวกับที่ทำต่อชุยเสียนเฟย และในครั้งนี้จะโยนความผิดทั้งหมดให้แก่หนิงกุ้ยเฟยเพคะ ไม่เพียงเท่านี้ ห้องรับรองที่พวกนางจองและสนทนาแผนการนี้ก็ล้วนแต่ใช้ชื่อของท่านในการจองทั้งสิ้น”หลี่ชิงหงเงียบไปอีกนิด “หากสืบสวนให้ดี นามของพระองค์ปรากฏในโรงน้ำชาของหม่อมฉัน มีการสนทนาแผนร้ายกันเช่นนั้น มิหนำซ้ำ พระนางก็ยังทูลขอฝ่าบาทเสด็จออกจากวังหลังในวันนั้นด้วยมิใช่หรือเพคะ?”หนิงกุ้ยเฟย “!!!”“เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าพวกนางหมายมั่นที่จะโยนความผิดให้แก่พระนางทั้งสิ้น ไม่เพียงเท่านี้ หากเกิดเหตุจวนตัว หม่อมฉันเชื่อว่า ฮูหยินทั้งสามนางนั้นก็พร้อมใจที่จะอ้า







