Mag-log in"อย่าลืมที่พี่บอกไปตอนทานข้าวนะคะ"
"เรื่องไหนนะคะ?" บทสนทนาบนโต๊ะอาหารเช้าของวันนี้มันมากจนเธอเองก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกันว่าพระเพลิงหมายถึงเรื่องไหน แล้วเหมือนความไม่รู้นั้นจะทำให้อีกคนหงุดหงิดขึ้นมาเสียด้วยสิ
"สนใจเรื่องเรียนไปก่อน ถ้าใครมาจีบก็มาบอกพี่ด้วย" ถ้าพระเพลิงยังเอาแต่ย้ำเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้เธอควรรู้สึกยังไง ทั้งที่ใช้ความพยายามมากมายคอยห้ามความรู้สึกตัวเองไว้ แต่การกระทำของเขาก็เอาแต่ดึงเธอให้คิดเข้าข้างตัวเองไปไกลอยู่อย่างนั้
"ถ้าเกลบอกพี่ แล้วพี่จะทำอะไรคะ?"
"ก็ลองบอกมาก่อนสิคะ" เกวลินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไป พระเพลิงเองคงไม่รู้ว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งห่วงเธอเรื่องใครเข้ามาจีบเลย เพราะหัวใจดวงน้อยนี้ของเกวลินมีเอาไว้เพื่อรักแค่เขาเท่านั้น
ก้าวเดินไปตามทางเดินเข้าใต้ตึกคณะบริหาร กว่าพระเพลิงจะยอมปล่อยเธอลงมาจากรถก็คุยและย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกหลายครั้ง เธอชินเสียแล้ว
พระเพลิงมักเป็นอย่างนี้เสมอยามได้ยินมาว่าผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรือออกแนวชอบเธอในเชิงนั้น แต่อาการของเขาดูจะมากขึ้นก็ช่วงตั้งแต่เธออายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ละมั้ง
เกวลินยังจำวันนั้นได้ดีไม่มีวันลืมได้ลง ในช่วงอายุสิบแปดปีเธอพึ่งได้เข้ามหาลัยปีแรกแล้วมีรุ่นพี่เข้ามาจีบ พอพระเพลิงรู้เข้าก็เอาแต่เทียวรับเทียวส่งอยู่ทุกวัน แถมยังแอบไปสั่งห้ามให้รุ่นพี่คนนั้นมายุ่งกับเธอทั้งที่เธอไม่รู้เรื่องเลย กว่าจะได้รับรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นอีกทีก็ตอนที่ได้เจอรุ่นพี่ห้องเดียวกันกับคนที่จีบเธอมาเล่าให้ฟัง
ไม่รู้ว่าพระเพลิงเป็นคนหวงน้องสาวแบบนี้เป็นปกติไหม เพราะในครอบครัววรหิรัญก็มีพระเพลิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ พระเพลิงก็จะเอาแต่อ้างกับเธอว่าคุณลุงสั่งไว้ว่าให้ดูแลเธอให้ดี แล้วผู้ชายพวกนั้นก็ไม่ดีพอที่จะคู่ควรจะเป็นคนรักของเธอ แต่คำถามในใจของเกวลินที่ดังก้องมาตลอดยามได้ยินพระเพลิงพูดแบบนั้นก็คือ แล้วใครละที่ดีพอ..
"เกลมานั่งนี่เร็ว" เธอยิ้มให้กับเพื่อนที่เอ่ยเรียกเธออยู่ตรงแถวแรกของห้อง ถึงจะมีเพื่อนร่วมชั้นมากมายที่สามารถคุยกันได้ แต่ต้องยอมรับว่า คะนิ้ง คือเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอมีอยู่
เธอไม่ได้รู้สึกว่าการมีเพื่อนน้อยจะส่งผลอะไรให้ชีวิต ออกจะดีกับเธอเสียด้วยซ้ำ คนเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนมากมายก็ได้ ขอแค่มีเพื่อนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราในทุกจังหวะของชีวิต แค่เพียงคนเดียวก็มากพอแล้ว
"มายังไงวันนี้ พี่เพลิงมาส่งหรอ?"
"อื้ม" ที่คะนิ้งเอ่ยปากถามเพราะบางครั้งพระเพลิงก็ไม่ว่างและจะเป็นคุณลุงที่มาแวะส่งเธอแทน เพื่อนสนิทคนนี้รู้ทุกเรื่องของเธอดี แม้กระทั่งเรื่องของความรู้สึกที่เธอมีต่อพระเพลิงด้วย
คะนิ้งเป็นเพื่อนที่รับฟังเธออย่างดีมาตลอด แล้วก็คอยเชียร์อัพเธอว่าให้สารภาพกับเขาไปเสียที แต่เป็นเธอเองที่ไม่กล้าพอจะพูดมันออกไป จะให้กล้าพูดออกไปได้ยังไงในเมื่อเธอเองก็รู้ดีว่าพระเพลิงมีคนในใจอยู่แล้ว
"เที่ยงนี้กินอะไรดีอ่ะ ข้าวคลุกกะปิร้านป้าต้อยดีม่ะ?"
"นี่ยังเช้าอยู่เลย ยังไม่ทันได้เรียนก็นึกถึงมื้อเที่ยงแล้วหรอ" เกวลินบีบแก้มกลมของเพื่อนอย่างทุกที คะนิ้งเป็นสาวอวบที่มีแก้มน่าบีบอยู่ตลอดแล้วเธอก็ชอบที่เพื่อนเ็นแบบนี้ เธอมองว่าเพื่อนเธอน่ารักแต่ก็ไม่วายโดยคนบางกลุมบูลลี่อยู่อย่างนั้น โลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน เพียงแค่แตกต่างก็ดันถูกมองว่าแปลกประหลาดไปเสียอย่างนั้น
อาจารย์บอกเลิกคลาสแล้วแต่เกวลินก็ยังคงจดจ่อกับกระดาษตรงหน้า เธอตั้งใจกับการจดงานที่อาจารย์สั่งให้อย่างละเอียด คะนิ้งชินแล้วกับความรอบคอบของเพื่อน เกวลินเป็นแบบนี้ไงทุกครั้งที่เราสองคนทำงานส่งถึงได้ไม่เคยผิดพลาดเลย
สนใจอยู่กับหน้ากระดาษก่อนจะโดนดอกไม้ช่อเล็กช่อหนึ่งที่ยื่นมาในกรอบสายตาดึงความสนใจของเธอ เกวลินเงยมามองก็สบตากับ ภูผา อาจารย์ฝึกสอนที่พึ่งเข้ามาสอนได้เพียงไม่กี่เดือน
ก็อย่างที่เห็นและคงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ ถึงเขาจะไม่ได้บอกตามตรงแต่การกระทำของเขาก็คือกำลังจีบเธอ เกวลินเพียงรับมาตามมารยาทแล้วเหลือบมองคะนิ้งที่นั่งนิ่ง
เธอเคยได้ยินเพื่อนพูดพร่ำเพ้อถึงภูผาอยู่ทุกวันตั้งแต่ช่วงเดือนแรกที่อีกคนมาสอน เกวลินยังเคยช่วยคะนิ้งหาโอกาสในการสร้างความประทับใจให้เขาอยู่บ่อยครั้ง
แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นผล คนที่เขาสนใจไม่ใช่เพื่อนของเธอ แต่เป็นตัวเธอเอง หลายต่อหลายครั้งที่รู้สึกอึดอัดยามที่เขามาหากัน แต่ด้วยความเกรงใจที่เขาเป็นถึงอาจารย์ฝึกสอนก็เลยไม่กล้าพูดอะไรออกไป
"จะไปทานข้าวกันใช่ไหม พี่ไปด้วยได้ไหมครับ?"
เกวลินเดินตรงมารอแท็กซี่ที่หน้ามหาวิทยาลัย โชคดีที่วันนี้ไม่เรียนบ่ายเธอก็เลยเอ่ยปฏิเสธการชวนทานข้าวของภูผาไปได้
ก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือที่พระเพลิงเป็นคนซื้อให้เมื่อตอนวันเกิดปีที่แล้ว พึ่งจะบ่ายโมงตรงถ้าจะกลับบ้านก็คงไม่มีอะไรให้ทำแน่ เกวลินตัดสินใจนั่งรถตรงไปที่บริษัทของลุงดนัย พระเพลิงเองก็ทำงานอยู่ที่นั่นในตำแหน่งรองประธานด้วย อย่างน้อยได้ไปช่วยงานก็คงจะดีกว่ากลับไปนั่งนอนอยู่เฉยๆ
เธอทำแบบนี้เสมอเวลาที่ไม่มีเรียน เกวลินสามารถเข้าออกบริษัทของบ้านวรหิรัญได้อย่างสะดวกสบายแบบที่คนที่บริษัทรู้จักเธอกันหมด
แต่ถึงแบบนั้นก็มีบ้างบางครั้งที่เธอได้ยินเสียงนินทาผ่านตามหลังมา คงเป็นเพราะทุกคนคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่กาฝากที่คุณลุงดนัยเอามาเลี้ยงเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าสมบัติที่พ่อและแม่เธอสร้างไว้ให้ก่อนจะเสียไป ต่อให้เธอใช้จนตายมันก็ยังไม่หมด
และก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเป็นเธอที่มอบเงินส่วนหนึ่งให้ลุงดนัยในการประคับประคองบริษัทในช่วงที่บริษัทอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นแล้วการอธิบายให้ทุกคนฟังมันจะไปมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนพวกนั้นไม่ได้มีผลกับการใช้ชีวิตของเธอเลยแม้สักนิด
2 เดือนผ่านไปอ้วกกกกกพระเพลิงง่วนอยู่กับการลูบหลังให้คนน้อง เกวลินแพ้ท้องหนักมากทานอะไรแทบไม่ได้ พอได้กลิ่นอาหารก็เอาแต่อาเจียนออกมา บางครั้งทานเข้าไปแล้วได้เพียงพักหนึ่งก็ไปอาเจียนจนหมด ส่งน้ำให้น้องบ้วนล้างปาก พยุงให้มานั่งลงบนเตียงนอนแล้วลูบหัวน้องอย่างเห็นใจ พึ่งเคยเห็นว่าเวลาผู้หญิงท้องลำบากมากขนาดนี้เลยเช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตาให้น้อง แต่เกวลินก็ยิ่งร้องไห้มากกว่าเก่า ดูท่าแล้วอีกคนน่าจะทรมานมากกับอาการแพ้ที่เป็นอยู่ พระเพลิงดึงเกวลินเข้าสู่อ้อมกอดแล้วโยกตัวน้องไปมา พักหลังเธอชอบให้เขากอดโอ๋เธอแบบนี้ แล้วอาการเธอก็จะดีขึ้น"ฮึก ทรมานจังเลยค่ะ""ไม่เป็นไรนะคะ พี่อยู่นี่""เกลขอโทษนะคะ ฮึก ที่บางครั้งเกลงอแงกับพี่เพลิง" คำพูดน้องมีแต่ความรู้สึกผิด น้องงอแงขึ้นแล้วก็เอาแต่ใจบางในบางครั้ง เขาตามอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเกวลินแทบไม่ทัน แต่ว่าก็พอเข้าใจได้ถึงอาการของคนท้อง พอเขาคิดว่าทำไปด้วยความรัก เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องอดทนอะไรมากมายนัก แค่ทำไปเพราะรักก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว"ไม่ต้องขอโทษเลยค่ะ เกลจะงอแงเท่าไหร่ก็ได้ พี่รับมือไหวอยู่แล้ว อย่าคิดมากนะคะคนดี" พระเพลิงหอมแก้มน้องแล้วขยับ
"เพลิงไม่อยากช่วยดาแล้วหรอ ทำไมละ?" พระเพลิงถอนหายใจ เขาขับรถมาหาดารกาถึงที่นี่เพื่อเคลียเรื่องระหว่างเขากับเธอ ในตอนนี้เขาจัดการแฟนเก่าเธอให้แล้ว และมันคงไม่กล้ามายุ่งด้วยอีก ดารกาเองก็ดีขึ้นมาก ร่องรอยแผลก็จางไปแล้ว เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องดูแลอีกคนต่อ"เราไม่อยากให้น้องคิดมาก""เพลิงรักน้องเกลไปแล้วจริงๆหรอ เพลิงจะลืมดาง่ายๆได้ยังไง ทั้งที่เพลิงรักดามากขนาดนั้น" "เพลิงรักน้อง รักมาก แล้วเพลิงก็รู้นะว่าดาคิดอะไรถึงได้กลับมาที่นี่ เพราะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่ายังไงเพลิงก็ไม่มีวันหันหลังให้ดาได้ เพราะดารู้อยู่แล้วว่าต่อให้วันหนึ่งดาไม่เลือกเพลิงอีกครั้ง เพลิงก็จะไม่ไปไหน แล้วรอดาอยู่ตรงนี้"ใช่ ดารการู้ดีอยู่แล้วว่าพระเพลิงคนนี้รักมากแค่ไหน เขายอมทำได้ทุกอย่าง และคอยยืนเคียงข้างอีกคนมาตลอด ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ดารกาหันมา ก็จะเจอเขายืนรออยู่เสมอ แต่พระเพลิงในตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามีสิ่งที่มีค่ากับชีวิตและหัวใจที่มากกว่านั้น และเขาไม่มีวันยอมสูญเสียมันไปแน่"แต่เพลิงรักดามากไม่ใช่หรอ มั่นใจหรอว่าจะขาดดาได้อ่ะ""ตอนดาไม่อยู่ เพลิงได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลยรู้ไหม เพลิงไม่รู้สึกว่ากา
"ก่อนเกลจะโกรธพี่ เกลถามพี่ก่อนไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมพี่ถึงไปช่วยดา ทำไมพี่ถึงเจ็บตัวแบบนี้ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับดาบ้าง เกลถามพี่บ้างหรือยัง ไม่ใช่คิดถึงแต่ความรู้สึกตัวเอง อยากจะโกรธ จะงอนอยู่ท่าเดียว""ตาเพลิง!" เกวลินได้แต่มองเขาด้วยแววตาวูบไหว ในใจดวงน้อยปวดหนึบไปหมดในยามที่ได้ยินคำพูดเขา สรุปว่าการที่เธอนั่งรอเขาแล้วเขาไม่มารับ การที่เธอไม่แม้แต่จะถามเพราะเธอไม่ได้อยากรับรู้ว่าเขาห่วงดารกาแค่ไหนกลายเป็นความผิดอีกแล้วใช่ไหม พระเพลิงกำลังพูดเหมือนกับว่าเธอเห็นแก่ตัว งอแงเอาแต่ใจ ทั้งๆที่ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้เลย เกวลินยอมพระเพลิงทุกอย่าง และยอมมันมาตลอด ถึงแม้ว่าการยอมของเธอจะทำให้เธอเจ็บ แต่ขอแค่เป็นพระเพลิงเธอก็พร้อมที่จะเจ็บแล้วยอมให้เขาทุกอย่าง"ดาถูกแฟนทำร้ายอีกแล้ว พี่ก็เลยไปจัดการมัน ถึงได้ลืมนัดเกล เหตุผลแค่นี้ไม่พอให้เกลเข้าใจพี่หรือไง""แล้วทำไมพี่จะต้องไปจัดการ""ก็มันทำดาเจ็บ!""เขาก็เคยทำเกลเจ็บเหมือนกัน!! เกลเจ็บกว่าที่พี่ดาเจ็บด้วยซ้ำ แต่พี่ไม่เห็นจะไปจัดการให้เลย!! พี่ดาโดนไม่ถึงครึ่งของที่เกลโดน พี่ก็ไปเจ็บตัวเพื่อช่วยเอาคืนให้ แล้วแบบนี้พี่จะให้เกลคิดยังไง!
พระเพลิงยืนผูกเนกไทอยู่หน้าตู้กระจก เขาจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้มีระเบียบก่อนจะหันไปมองน้องที่ยังนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม วันนี้เป็นวันหยุดเขาก็เลยไม่อยากปลุกน้องขึ้นมาแต่เช้า เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วหอมแก้มนุ่มไปหนึ่งฟอด แค่เพียงได้หอมแก้มก็เหมือนกลับได้พลังมาเต็มเปี่ยม กำลังจะลุกขึ้นก็โดนน้องรั้งแขนเอาไว้ก่อน ทั้งที่เขาพายามระวังแล้วแท้ๆ แต่ก็กวนจนน้องตื่นจนได้"พี่กวนหรอคะ?""พี่เพลิงจะไปไหนแต่เช้าคะ วันนี้.....""พี่แค่จะเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทหน่อยค่ะ เดี๋ยวก่อนเที่ยงจะมารับ เกลแต่งตัวรอนะคะ" เกวลินอมยิ้มดีใจ ตอนแรกคิดว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันครอบรอบวันตายของพ่อแม่เธอ แล้วพระเพลิงก็เป็นคนสัญญาไว้ว่าจะพาเธอไปทำบุญ พระเพลิงลูบหัวเธอแล้วโยกไปมา เขาใช้นิ้วจิ้มที่แก้มแล้วหันมาหาเธออย่างไม่พูดอะไร เกวลินรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไรก็เลยขยับไปหอมแก้มเขา แล้วพระเพลิงก็หอมแก้มเธอตอบเธอนอนหลับไปอีกครั้งเพราะยังรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียมาก ก่อนจะตื่นมาอีกรอบช่วงสายก็รีบอาบน้ำแต่งตัวรอพระเพลิงตามนัด ชุดเดรสสีชมพูอ่อนที่เขาซื้อให้ถูกเลือกมาใส่ในวันนี้ ทั้งสร้อยคอและสร้อยข้อมือก็เป็นของขวัญที่ได
"หนูเกลลูก เลือดไหลแล้ว" เกวลินก้มมองนิ้วตัวเองที่คุณป้าหทัยดึงไปดู เธอกำลังช่วยคุณป้าปอกเปลือกกระเทียมแต่เพราะเหม่อเลยไม่ทันระวังทำให้มีดบาดลงบนนิ้ว คุณป้าเอากระดาษมาให้จับไว้ก่อนจะรีบลุกไปเอาพลาสเตอร์ให้เธอเปิดออกดูแผลแล้วกดเอาไว้อีกรอบ ถึงบาดแผลจะไม่ใหญ่มากแต่ก็เยอะพอสมควรจนเลือดไหลออกมาเยอะ ระหว่างที่มัวก้มมองดูมือตัวเองจู่ๆก็ถูกใครบางคนจับมือเธอไปดูบ้าง เงยขึ้นไปถึงเห็นว่าเป็นคนที่เธอไม่ได้คุยกับเขามาสามมาสี่วันได้เธอไม่รู้เลยว่าช่วงนี้พระเพลิงกำลังยุ่งเรื่องงานหรอยุ่งเรื่องใครอีกคนอยู่ เขาออกจากบ้านไปแต่เช้าทุกวัน เย็นบางวันกลับมาบ้านแล้วก็ออกไปข้างนอกอีกครั้งจนเราแทบไม่ได้คุยกัน ช่วงนี้ต่างคนต่างนอนที่ห้องของตัวเอง และไม่มีแม้แต่ข้อความของเขาที่ส่งมาบอกเธอถึงเหตุผลที่กับบ้านดึกเลยแม้แต่ข้อความเดียว"เจ็บไหมคะ?""ไม่ค่ะ" คุณป้าหทัยกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์ยา พระเพลิงรับมาแล้วติดให้เธออย่างระวัง เกวลินในตอนนี้นิ่งเงียบมาก น้องไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้เลยสักนิด ต้นเหตุมันก็คงมาจากเขา ที่ไม่เข้าหาไม่ใช่ว่าไม่แคร์ แต่เขาแค่อยากให้น้องเข้าใจด้วยตัวเอง อย่างน้อยเกวลินควรโตมากพอที่จะเ
"นะค๊าา พี่เพลิงพาเกลไปซื้อหน่อยนะ"พระเพลิงนั่งมองคนที่กำลังออดอ้อนเขาอยู่ เกวลินกอดแขนเขาไว้แน่นแล้วเอาหน้าถูไถไปมาราวกับว่าอยากให้เขาตอบตกลง น้องมาขอให้เขาพาไปซื้อหนังสือเล่มใหม่ในงานหนังสือที่จัขึ้นวันนี้ ไม่ใช่ว่าพระเพลิงจะไม่พาไปหรอก เขาก็แค่อยากจะเห็นว่าน้องจะอ้อนเขาให้ตกลงได้ยังไงก็แค่นั้นเขาตีหน้านิ่งแล้วทิ้งตัวพิงโซฟาไป ทำเหมือนว่ากำลังไม่สนใจในสิ่งที่น้องพูดเลยสักนิด เกวลินพยายามเขย่าแขนเขาอยู่พักหนึ่งแล้วสุดท้ายน้องก็ผละตัวออกไป พระเพลิงรู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติก็เลยเหลือบมอง เกวลินนั่งอยู่ข้างเขาไม่ได้ไปไหน แต่เธอเอาแต่ก้มหน้า ไหล่เล็กสั่นเทิ้มทำให้เขาตาโตด้วยความตกใจ อย่าบอกว่าน้องร้องไห้อีกแล้วนะ"เกลคะ ร้องทำไม?" พระเพลิงรีบขยับไปหาน้องแล้วดึงมากอดเอาไว้ ลูบหัวน้องปลอบโยนแล้วได้แต่โทษตัวเอง แต่เรื่องแค่นี้ไม่น่จะทำให้เกวลินร้องไห้ได้ด้วยซ้ำ แต่ไหงถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาว่าเขาก็ไม่ได้แกล้งน้องแรงเลยสักนิดเกวลินโผเข้ากอดเขา เธอสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารจนเขาอดจะรู้ผิดไม่ได้ แต่พอผละออกมาเกวลินก็เป็นฝ่ายขอโทษเขาก่อน เธอเอาแต่พูดว่าไม่ได้อยากเป็นแบบนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม







