“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก
เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่
“แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ
เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง
“เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย
“ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า”
“เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ”
“อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย
“พอจะได้กลิ่นหรือไม่”
“หอมไม่น้อย พวกโฝหลางจีทำออกมาได้ดีทีเดียว”
“หากเจ้าชอบ คราวหน้าพี่รองไปเมืองไห่หยางอีก ข้าจะฝากซื้อเผื่อเจ้า”
“หากมันแพงเกินไป...”
“บอกแล้วอย่างไร ไม่แพง แค่มันน้ำหอมเหตุใดข้าจะซื้อให้สหายไม่ได้” เจียงเซียวเล่อบอกอย่างใจกว้าง
แค่ขวดละหนึ่งตำลึงทอง ไม่ทำให้สมบัติในคลังของพี่รองสะเทือนหรอก
“เจ้าดีจนข้ารู้สึกละอายเลยที่ไม่ได้เตรียมของไว้มอบให้เจ้า”
“สำหรับข้าของสิ่งใดล้วนไม่ล้ำค่าเท่ากับการที่เราได้เป็นสหายกัน ดังนั้นเจ้าอย่าได้คิดซื้อของมีค่าให้ข้าเลย แค่เพียงเจ้าเป็นสหายของข้าย่อมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าแล้ว” เจียงเซียวเล่อทราบดีว่าจวนตระกูลเหอของรองเจ้ากรมยุติธรรมมีความเป็นอยู่เรียบง่าย และแม้เหอฮูหยินจะมีสินเดิมเป็นโรงเตี๊ยมไฉ่เหวิน แต่ก็ใช่ว่าจะมีเงินถุงเงินถังให้บุตรสาวเอาไปใช้โดยไม่คิดได้
“เจ้าช่างดีกับข้า” เห็นคุณหนูจวนแม่ทัพผู้นี้แล้วอดคิดถึงหลิวอี้หลานไม่ได้
“ไม่เอา ไม่ร้องไห้ ข้าอยากกินเสี่ยวหลงเปา อีกสามวันเราออกไปกินด้วยกันดีหรือไม่”
“ย่อมได้ เจ้าอยากกินร้านใดหรือ” เหอซือซือเอ่ยถามก่อนจะส่งเสียงเอ่ยวาจาออกมาพร้อมกับสหาย
“เสี่ยวหลงเปาป้าจาง!”
“เจ้าก็ชอบเสี่ยวหลงเปาร้านนั้นหรือ” คุณหนูเจียงเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ใช่แล้ว คิดแล้วก็อยากกินอีก” กล่าวถึงเสี่ยวหลงเปาชื่อนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวเลย น่าลองไปกินสักครั้ง
“เช่นนั้นเราออกไปกินเลยดีหรือไม่”
“นี่ก็ปลายยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว ข้าว่าเสี่ยวหลงเปาคงหมดแล้ว”
“ขออภัยข้าลืมไปว่าเสี่ยวหลงเปาร้านป้าจางขายดีมาก”
“เช่นนั้นยามซื่อ (09.00-10.59) ในอีกสองวันข้างหน้า เราออกไปกินที่ร้านดีหรือไม่”
“อีกสองวันหรือ”
“เจ้าเป็นสตรี ออกจากจวนทุกวันคงไม่เหมาะสม อย่างไรเว้นสักวันสองวันแล้วค่อยออกไปเที่ยวด้วยกันดีหรือไม่”
“ตกลง ข้าจะมารับเจ้าที่จวนแล้วเราไปด้วยกันดีหรือไม่” พอได้ยินเหตุผลของสหาย ก็ยิ่งรู้สึกถูกใจสหายผู้นี้มากขึ้นไปอีกที่รู้จักคิดเผื่อตน
“ย่อมได้ เพื่อตอบแทนน้ำมันหอมเหมยกุ้ยขวดนี้ ข้าจะเลี้ยงเสี่ยวหลงเปาเจ้าเอง”
“ข้าบอกแล้วอย่างไรอย่าได้เกรงใจ”
“ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าบ้างเล่อเล่อ เอ่อ...เซียวเล่อ”
“เจ้าเรียกข้าว่าเล่อเล่อหรือ...ข้าชอบ” ท่าทางนิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้างของคุณหนูจวนแม่ทัพทำเอานางใจหล่นไปที่ตาตุ่ม ก่อนจะโล่งอกที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะชอบ
“เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าเล่อเล่อ ดีหรือไม่”
“ดี ๆ เล่อเล่อกับซือซือ เหมาะสมกันยิ่ง” วาจาของคุณหนูเจียงทำเอาสาวใช้ทั้งสองลอบมองหน้ากันอย่างหนักใจ
“หากเจ้าชอบข้าก็ดีใจ” ดูแล้วน้องสาวพระเอกผู้นี้คงจะเหงาจริง ๆ พอได้นางเป็นสหายจึงยิ้มไม่หุบเช่นนี้
“วันนี้ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วดีกว่า”
“เราเป็นสหายกัน อย่าได้เรียกว่ารบกวนเลย” ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสาวของพระเอก ต้องอยู่รอดปลอดภัยจนถึงตอนจบแน่ ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องดีที่นางจะสนิทสนมกับสตรีผู้นี้ ซึ่งนางคิดว่าตนเองสามารถทำได้ไม่ยาก เพราะเจียงเซียวเล่อดีกับนางมาก
“น่าเสียดายที่ข้าต้องไปทำธุระให้พี่ชายมิเช่นนั้นคงอยู่สนทนากับเจ้าจนถึงเวลารับสำรับเย็น”
“เอาไว้คราวหน้าเจ้าก็มาค้างที่เรือนข้าบ้างก็ได้ เราจะได้สนทนากันทั้งคืน” นางกับหลิวอี้หรานก็เคยทำเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง
“ได้หรือ!” คุณหนูเจียงตื่นเต้น
“ย่อมได้”
“ข้าจะจำคำของเจ้าไว้ วันนี้ข้าต้องไปแล้ว” เจียวเซียวเล่อกล่าวก่อนจะสลดลงเมื่อต้องบอกลาสหาย
“เดินทางดี ๆ นะอีกสองวันเจอกัน”
“อืม เจ้าไม่ต้องไปส่งข้าหรอก เป็นสหายกันอย่าได้เกรงใจ”
“รีบไปเถิด หากชักช้าเจ้าจะโดนพี่ชายดุเอาได้”
“อืม ไว้เจอกัน” คุณหนูจวนแม่ทัพยิ้มกว้างก่อนจะหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้สาวใช้เดินตาม
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งทอดมองตามหลังสหายไปจนอีกฝ่ายหายลับตา ‘เล่อเล่อ ข้าจะชี้แนะเจ้าแต่ในทางที่ดี เพื่อมิตรภาพและชีวิตของข้า’
ส่วนเจียงเซียวเล่อเมื่อขึ้นไปอยู่บนรถม้าตามลำพังแล้ว ก็ได้แต่เอามือปิดหน้ากรีดร้องเสียงเบา
‘เหตุใดเจ้าถึงได้น่ารักเช่นนี้’ ยิ่งคิดถึงใบหน้าน่ารักของสหาย ยิ่งทำให้ใบหูของนางแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว
นานมาแล้วที่นางไม่ได้รู้สึกสบายใจและอบอุ่นเช่นนี้ มือเรียวที่ไม่ค่อยจะเรียบเนียนเพราะชอบแอบฝึกยิงธนูอยู่บ่อยครั้งยกขึ้นกุมอก เมื่อครู่นางเกือบอดใจไม่ไหวโผเข้ากอดอีกฝ่ายแล้ว
สตรีผู้นี้ยิ่งมองยิ่งน่ารัก อยากพากลับจวนด้วยเสียจริง...
สือหลิวได้แต่ทอดถอนใจเมื่อเห็นคุณหนูของตนนั่งยิ้มให้กับกระจกแล้วเอียงซ้ายเอียงขวาด้วยท่าทางแปลกประหลาด หลังจากกลับจากงานเลี้ยงของคุณหนูตระกูลเหว่ย คุณหนูที่ร่างกายไม่ค่อยดีตั้งแต่พลัดตกน้ำในวัยสิบหนาว ก็เกิดป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก่อนจะมีนักพรตผู้หนึ่งเดินมาที่หน้าจวนแล้วกล่าววาจาว่า หากคุณหนูรอดพ้นจากอาการป่วยครั้งนี้ไปได้คุณหนูจะกลายเป็นคนใหม่ที่ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย สุดท้ายคุณหนูก็รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
แต่ไม่คิดว่า กลายเป็นคนใหม่ที่ท่านนักพรตหมายถึงคือนิสัยที่เปลี่ยนไป จากเรียบร้อยพูดน้อยคล้ายคนเก็บกด กลายเป็นสตรีที่มีนิสัยซุกซน ซึ่งนายท่านและฮูหยินนั้นปลื้มปีติที่ลูกสาวกลับมาแข็งแรงหลังจากเจ็บป่วยมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“สือหลิว ข้ายิ้มเช่นนี้น่าเอ็นดูหรือไม่” เหอซือซือกระตุกชายอาภรณ์ของสาวใช้ก่อนจะส่งยิ้มให้ดู
“ตามใจท่านเจ้าค่ะ” นางโถมกายเข้าหาเขา บดเบียดอกอวบอิ่มลงบนอกเขาด้วยดวงหน้าที่แดงก่ำ ยามถูไถส่วนอ่อนไหวกับแท่งหยกของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าความปรารถนาของเขา แต่นางก็ถูกปลุกเร้าไปด้วยเช่นกัน บุรุษรูปร่างกำยำผิวสีเข้มเล็กน้อยโอบอุ้มฮูหยินของตนไปที่เตียง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างรีบร้อนก่อนจะจับเรียวขางามแหวกออกเผยให้เห็นดอกเหมยที่ดูคับแน่น เขากดนิ้วแกร่งเคล้นคลึงหวังกระตุ้นน้ำหวาน “ดูเหมือนเจ้าจะปรารถนาในตัวพี่ไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าเมื่อแตะนิ้วลงไปสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะลื่นไหลจึงยิ่งเคล้นคลึงปลุกเร้าน้ำหวานให้ซึมออกมามากขึ้น “ท่านเล่าเจ้าค่ะปรารถนาในตัวข้าเพียงใด” “มากล้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงตรงจุดอ่อนไหวลิ
“ฮูหยิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” “เล็กน้อยเจ้าค่ะ” เพราะชุดเจ้าสาวหนักเกินไปจึงทำให้นางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่” “ไม่ใช่ต้องเป็นข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำหรือเจ้าคะ” “ให้พี่ปรนนิบัติเจ้าก่อนดีกว่า” กล่าวจบเขาก็โอบอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปที่ถังอาบน้ำซึ่งมีน้ำอุ่นอยู่เต็มถัง เขาวางนางลงยืนในถังก่อนจะรีบปลดเปลื้องอาภรณ์เผยให้เห็นแท่งหยกที่แข็งขึงใหญ่โต “ขะ ข้าคิดว่าข้ารีบอาบน้ำดีกว่าเจ้าค่ะ” แม้จะได้เรียนรู้จากพี่สาวนางโลมมาแล้ว ศึกษาตำราปกขาวมาก็ไม่น้อย แต่นางไม่คิดว่าแท่งหยกของบุรุษที่พี่สาวนางโลมบอกว่าสามารถทำให้สตรีทั้งเจ็บปวด
“ฮูหยินของข้าอยู่ที่ใด” เจ้าของเสียงเย็นชาตวาดใส่สาวใช้ “ดะ ด้านบนเจ้าค่ะ” “ผู้ดูแลอยู่ที่ใด” “ข้าอยู่ที่นี่เจ้าค่ะท่านประมุข” แท้จริงผู้ดูแลเช่นตนเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำท่าจะออกไปต้อนรับก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแห่งปราสาทเมฆาจึงตั้งใจจะรีบหนีไปซ่อนตัว ใครบางในเมืองนี้ไม่รู้ว่าหากเขาได้ลงมือเขาจะไม่ไว้ไมตรีใด ๆ “พาข้าไปหาฮูหยินของข้า” “จะ เจ้าค่ะ” ผู้ดูแลนึกก่นด่าตนเองที่ไม่น่าเห็นเงินก้อนทองสีแวววาวแค่ไม่กี่ก้อนเลย ใครจะคิดว่าท่านประมุขจะมีโทสะรุนแรงเช่นนี้ เพียงแค่ฮูหยินแอบมาเรียนวิชาการเอาใ
‘ขนาดข้าบอกว่าตนป่วยยังจะกินเต้าหู้ข้าอยู่นะ’ นางคิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาเขาก็กลับเข้าห้องมาอีกครั้ง บุรุษรูปร่างกำยำยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียงก่อนจะจับมือของนางไปกุมไว้ “เซียวเล่อยามนี้ที่เรื่องราวที่เมืองหลวงถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เสี้ยนจู่ได้รับสมรสพระราชทานแต่งกับโหวซื่อจื่อแซ่หลวน” “ช่างดีจริงแล้ว ซือซือสหายข้าปลอดภัยหรือไม่” “คุณหนูเหอมีเจียงเซวียนอยู่ใกล้ ๆ เขาไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายหรอก” รักปานดวงใจเช่นนั้นมีหรือจะปล่อยให้เป็นอันตราย “เซียวเล่อ เจียงเซวียนกับคุณหนูเหอมีใจให้กันอีกไม่นานก็คงหมั้นหมายและตบแต่ง พี่ที่ควรจะแต่งฮูหยินแล้วอยา
ฮูหยินของท่านประมุข (2) ทุ่งดอกหมู่ตานสีขาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาทำให้เจียงเซียวเล่อรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก “ถูกใจหรือไม่” “เจ้าค่ะข้าไม่คิดว่าจะมีใครปลูกดอกหมู่ตานเป็นทุ่งใหญ่ขนาดนี้” “เป็นพี่ลงมือปลูกมันเองทุกต้น เพื่อรอเจ้า” “จริงเจ้าคะ” “ตั้งแต่พี่รู
“พี่ย่อมกลับมาหาเจ้า พี่รักเจ้านะเซียวเล่อ” สิ้นเสียงเขาก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มอย่างง่ายดายก่อนจะกวาดต้อนความหวาน ตักตวงจนพอใจก่อนจะยอมผละออก “...” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ต่างจากใบหูที่แดงก่ำ “เซียวเล่อ เจ้าทำให้พี่ไม่อยากจากไปเลย” กล่าวจบเขาก็กดจุมพิตลงบนหน้าผากมนอีกครั้งอย่างพยายามห้ามใจ “ค่ำคืนนี้ท่านต้องออกไปที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” “ไม่เลย” ในทุกวันหลังจากมากินเต้าหู้นางจนอิ่มเอมแล้ว เขาที่กลับเรือนไปก็นอนไม่หลับสุดท้ายจึงไปนั่งทำงานต่อ “เช่นนั้นท่านก็นอนที่เรือนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้แค่นอนนะเจ้าคะไม่ให้ทำอย่างอื่น” นางกล่าวพลางหลุ