มือสังหารสาวได้รับหน้าที่กำจัดท่านอ๋องปีศาจ นางต้องหาวิธีหลบหนีคมดาบของเขาเพราะถูกจับได้ นางจึงเลือกจบชีวิตด้วยการกระโดดหน้าผา ทว่าชะตาดันเล่นตลก นางได้ย้อนกลับมาในวันที่ตนอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวอีกครั้ง!
view moreเสียงล้อไม้เคลื่อนบดบนทางคับแคบริมหุบเขาเฟยหย่า กีบเท้าม้านับสิบห้อตะบึงตามหลังมาอึกทึกครึกโครม
“พระชายา ทำอย่างไรดีเพคะ ท่านอ๋องจะตามทันแล้ว”
ใบหน้าเกลี้ยงเกลายามนี้ผุดซึมไปด้วยหยาดเหงื่อวาวระยับ คิ้วสวยขมวดแน่นจนเกิดเป็นปม ลมหายใจติดขัดหนักหน่วง อกด้านซ้ายกระเพื่อมถี่เพราะกำลังอ่อนล้าโรยแรง
“ไม่มีเวลาแล้ว เป่าชุนเจ้าหนีไปไม่ต้องสนใจข้า”
เป่าชุนส่ายหน้าระรัว ประกายตาแดงก่ำ “ไม่เพคะ พระชายาจะไปที่ใดเป่าชุนจะขอติดตามท่านไปด้วย”
จูฟางหรงจนใจกับความดื้อดึงของสาวใช้ผู้ภักดี แม้พวกนางรู้จักกันที่วังหลวง ทว่าทั้งสองกลับผูกพันธ์กันเฉกเช่นพี่น้อง
“เป่าชุน เจ้าบอกว่าจะเชื่อฟัง และภักดีกับข้าใช่หรือไม่”
เป่าชุนพยักหน้า “เพคะ”
“เช่นนั้นเจ้าฟังข้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า หนีไป!”
ฟิ้ว…ฉึก!
เป่าชุนตาเบิกโพลงกายแข็งค้าง จูฟางหรงตื่นตระหนก นัยน์ตาหงส์ลดต่ำลงเรื่อย ๆ กระทั่งพบว่าเกาทัณฑ์ดอกหนึ่งที่พุ่งเฉียดข้างแก้มนางเมื่อครู่ ปักเข้าบริเวณอกซ้ายของเป่าชุนเสียแล้ว
“เป่าชุน!!”
จูฟางหรงรู้สึกคล้ายฟ้าดินพลิกผัน หัวใจแทบแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
“พะ…พระชายา เป่าชุนอกตัญญูคงร่วมเดินทางกับท่านไม่ได้แล้ว”
เป่าชุนโงนเงนดั่งต้นหญ้าต้องสายลม ม่านตาของจูฟางหรงขยายกว้าง มือเรียวคว้าไปเบื้องหน้าละล้าละลัง ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ร่างของเป่าชุนร่วงหล่นลงจากรถ ไม่นานเกาทัณฑ์ดอกที่สองก็โผเข้ามาเฉียดเหนือศีรษะ
จูฟางหรงไม่อาจประวิงเวลา บังเหียนรถม้าไร้สารถีบังคับ แขนซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำจากการถูกทัณฑ์ทรมานยกขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ จูฟางหรงสลัดความเศร้าโศกทิ้ง จากนั้นตั้งใจบังคับรถม้าเพื่อหลบเลี่ยงคมหอกห่าธนูที่พุ่งเข้ามาดั่งพายุคลั่ง
โครม!
เพราะบริเวณนี้หินก้อนใหญ่มีมาก เป็นเหตุให้รถม้าเซถลาเสียหลัก ร่างระหงกลิ้งหลุน ๆ ตกลงมาอย่างรุนแรง
จูฟางหรงทั้งเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก เสียงที่ไล่ตามหลังมาตลอดระยะทางสงบลงแล้ว มิใช่พวกเขาจากไปทว่ากำลังมองนางด้วยความสังเวชอยู่ต่างหาก จูฟางหรงรู้สึกว่าหูของตนอื้ออึงไปหมด นัยน์ตาหงส์พร่าเบลอไม่ชัดแจ้ง
บุรุษร่างสูงเยื้องย่างใกล้เข้ามาเนิบช้าพร้อมกระบี่อ่อนที่ถือไว้มั่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาช่างเย็นชาและดุดันดุจปีศาจ
เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ “จูฟางหรง เจ้าจะกลับไปกับข้าเพื่อยอมรับผิดดี ๆ หรือเจ้าเลือกที่จะตายอย่างทรมานอยู่ตรงนี้”
จูฟางหรงแค่นยิ้ม แขนเรียวพยายามดันพื้นเพื่อพยุงร่างของตนให้ยืนขึ้นด้วยความทุลักทุเล อาภรณ์แสนงดงามยามนี้เปื้อนเขรอะไปด้วยเศษฝุ่นคราบโลหิต ริมฝีปากสีกุหลาบกระอักของเหลวสีแดงฉานออกมาคำโต
“ท่านอ๋อง ข้ายอมรับว่าข้ากระทำผิดที่คิดทำร้ายท่าน แต่เป่าชุนไร้ความผิด ไยท่านต้องสังหารนาง”
เขาไม่ได้ตอบกลับ ทว่าบุรุษร่างสูงฝั่งตรงข้ามยังยืนสงบนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งยังแผ่กลิ่นอายครั่นคร้ามออกมาจนคนมองเสียวสันหลังวาบ
หากถูกเขาจับกุม นางจะต้องถูกเขาทรมานจนตาย ผู้ใดก็ว่าโหย่วอี้อ๋องเหี้ยมโหดอำมหิต ในเมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายไม่อาจลุล่วง เช่นนั้นจูฟางหรงขอเลือกทางเดินที่ไม่ต้องเจ็บซ้ำซ้อนเสียยังดีกว่า
ร่างระหงถอยร่นไปเบื้องหลังทีละก้าว คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง เขาจดจ้องสตรีตรงหน้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ
“ท่านอ๋อง!”
องครักษ์ผู้ติดตามง้างธนูรอฟังคำสั่งอยู่นานเห็นผู้เป็นนายนิ่งสนิทก็เร่งเอ่ยปาก ดูเหมือนว่าเชลยของพวกเขากำลังเล่นแง่บางอย่าง
มือแกร่งยกขึ้นเป็นสัญญาณ บรรดาทหารและองครักษ์ก็หุบปากฉับ จากนั้นลดธนูลง
จูฟางหรงหัวเราะประหนึ่งคนเสียสติ “ทำไมเพคะ ท่านยิงสิ ยิงเลย หรือว่าท่านยังติดใจเรื่องที่เรายังเป็นสามีภรรยากัน”
“เจ้ากลับมา”
“กลับรึ กลับให้ท่านทรมานข้าก่อนตายงั้นหรือ จะฆ่าก็ไม่ฆ่า จะปล่อยก็ไม่ปล่อย ท่านสนุกมากหรือไม่ที่ได้เห็นข้าเหมือนตายทั้งเป็น โหย่วอี้อ๋อง…”
เท้าเล็กเปิดขึ้นและเริ่มเข้าใกล้ขอบผาเรื่อย ๆ หน้าหล่อเหลาก็ยิ่งหม่นทะมึน
“ข้าบอกให้เจ้ากลับมา!”
“คนเผด็จการ ท่านมันอ๋องปีศาจ!”
จูฟางหรงตัดสินใจกระโดดลงหน้าผาอย่างไม่ลังเล บรรดาทหารเบื้องหลังวิ่งกรูเข้ามา ต่างเบิกตากว้างตะลึงลาน จูฟางหรงประสานกับนัยน์ตาคมกริบของเขา แววตาของบุรุษผู้นี้ช่างเยือกเย็นและน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้าย
เขาไม่ได้เห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาแม้สักเสี้ยว กักขังหน่วงเหนี่ยวทรมานนางอย่างแสนสาหัส วันนี้จูฟางหรงเลือกจบชีวิตอันแสนบัดซบนี้ลง หวังว่าโลกหน้านางจะไม่ต้องเกิดมาเป็นมือสังหารให้ใครหลอกใช้ และไม่ถูกสามีข่มเหงเฉกเช่นชาตินี้อีก
ลาก่อนหลงโหย่วอี้
.
.
.
“เฮือก!!”
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
เสียงนี่ เสียงสตรีผู้นี้นี่ใครกัน หรือข้าอยู่ในปรโลกแล้ว…
จูฟางหรงหันรีหันขวางทว่ากลับรู้สึกคล้ายคนตาบอดสนิท ดูเหมือนยามนี้ศีรษะของนางกำลังถูกบางอย่างปกคลุมไว้ หนำซ้ำจูฟางหรงยังรู้สึกคล้ายกับว่าตนกำลังนั่งอยู่บนบางอย่างซึ่งลอยตัวเหนือพื้นดิน
มือเรียวยกขึ้นด้วยอาการสั่นเทา เสียงเล็กจากด้านนอกยังคงถามย้ำ ทว่าหูของจูฟางหรงนั้นอื้ออึงไปตั้งนานแล้ว
เสียงลมหายใจหอบถี่ดังวนเวียนภายในโซนสมองพลางกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอประหนึ่งลำบากยากยิ่ง ไม่นานผ้าที่คลุมปกปิดการมองเห็นก็ถูกเลิกขึ้นจนสุด
นัยน์ตาหงส์เบิกค้างตะลึงลาน
เรายังไม่ตายอีกหรือ!?
จูฟางหรงควานหาบางอย่างบริเวณเข็มขัดผ้า และได้พบเรื่องอัศจรรย์ที่ว่ายามนี้ นางกำลังนั่งอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเครื่องแต่งกายบนเรือนร่างมันได้ยืนยันบางอย่างจนแจ่มชัด
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไม ทำไมข้ากลับมาที่นี่ล่ะ”
ซองกระดาษขนาดเล็กร่วงแหมะลงบนตัก จูฟางหรงคลี่อ่านข้อความด้านในก็นิ่งค้างไปอีกหน มือเรียวยกขึ้นกุมขมับ
ภารกิจลับของนางคือการลอบสังหารโหย่วอี้อ๋องโดยแฝงตัวในฐานะคุณหนูสกุลจูลูกสาวเสนาบดีผู้ถือครองตำแหน่งปิงปู้ [1] แห่งแคว้นช่านเป่ย ซึ่งแน่นอนนางเติบโตมาในคราบของคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลจูตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยมีหอหงฮวาเป็นผู้หนุนหลัง
การวิวาห์ครั้งนี้ก็หาใช่งานพิธีการเล็ก ๆ จูฟางหรงกำลังเข้าสู่ประตูวิวาห์กับโหย่วอี้อ๋องอีกครั้ง แน่นอนว่าหากนางเลือกลงจากเกี้ยวตามแผนการ ไม่นานจูฟางหรงก็ต้องพบจุดจบเดิม
นั่นคือความตายและความทรมาน!
หอหงฮวาเป่าหูและหลอกใช้นางมาโดยตลอดทั้งที่หอบัดซบนี่คือเบื้องหลังการตายทั้งหมดของครอบครัวนาง จูฟางหรงก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานเท่านั้น เมื่อใดที่นางล้ม หอเส็งเคร็งนั่นก็พร้อมกำจัดนางทิ้งในทันที ไม่ว่าจูฟางหรงคิดเลือกเส้นทางใด ก็ล้วนมีจุดจบที่ไม่สวยหรูทั้งสิ้น
จูฟางหรงตริตรองเพื่อหาทางรอดให้ตนเองอยู่นาน เหงื่อก็ผุดซึมเต็มฝ่ามือ ยามนี้หลงโหย่วอี้ยังไม่รู้จักหรือระแคะระคายในตัวของนาง เช่นนั้นโอกาสบัดซบที่ไม่ต้องการ
จูฟางหรงขอเลือกคว่ำกระดานหมากดูสักครา
“วางเกี้ยว…ถึงลานพิธี เชิญเจ้าสาวลงจากเกี้ยว…”
สีหน้างดงามยามนี้เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มกระวนกระวายใจ มือทั้งสองบีบบี้เพื่อปลอบประโลมตนเอง
หรงหรง คิดสิ หนี หรือเดินหน้าต่อ
“คุณหนู ถึงเวลาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงแม่สื่อดังขึ้น จูฟางหรงหลุดจากภวังค์ ผ้าแพรสีชาดที่วางทิ้งไว้ถูกคลุมลงบนศีรษะอีกครั้ง
จูฟางหรงกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติ ร่างระหงยืดกายขึ้นแช่มช้า ขาเสลาก้าวออกมาจากเกี้ยวด้วยท่วงท่างามสง่า
ในโลกนี้ขอแค่มีชีวิตรอดถึงไม่ยุติธรรมก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมิใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะขอกำหนดชะตาชีวิตใหม่ด้วยตัวข้าเอง
^เสนาบดีกรมกลาโหม หรือปิงปู้ (兵部) เสนาบดีกรมนี้ทำหน้าที่ด้านธุรการทางทหารมากกว่าถือกำลัง
จูฟางหรงเดินวนไปมาละล้าละลัง เดี๋ยวเหลือบมอง เดี๋ยวล้มตัวลงนอน กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงต้นยามอิ๋น [1] นางเองก็รู้สึกอ่อนล้า ทว่านอกหน้าต่างภายใต้ฝนที่กำลังหลั่งรินพร้อมอากาศเย็นเฉียบนั่นยังมีบุรุษนั่งคุกเข่าอยู่ภาพในวันนั้นก็หวนปรากฏขึ้นในมโนสำนึก“พี่ชาย ท่านยังไม่กลับจวนหรือเจ้าคะ”“ข้าจะอยู่ช่วยเจ้าตามหาพ่อแม่ก่อน หลังจากเจ้าปลอดภัยข้าจะกลับ”เด็กหญิงอมยิ้ม จากนั้นยื่นแบ่งถังหูลู่ให้แก่เขา “ข้าแบ่งให้ท่าน”ไม่นานเสียงดอกไม้ไฟก็ดังสนั่น ทั้งสองแหงนมองท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยไฟหลากสี ชายหนุ่มผินมองหน้าเด็กหญิง เขาจำนางได้ดีคนที่ป้อนลูกกวาดรสหวานให้แก่เขา คนที่ดึงสติยามเขาท้อแท้ มือกว้างถอดหยกแขวนข้างเอวออกมา จากนั้นใช้สร้อยของตนคล้องเอาไว้ แล้วจึงสวมหยกเฟิ่งหวงสีแดงให้กับเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม“เจ้าเก็บนี่เอาไว้นะ ยามที่เจ้าเติบโต เจ
ก๊อก ก๊อก“พี่หญิง ข้านอนไม่หลับ ข้าเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ”จูฟางหรงผละห่างจากบานหน้าต่าง เพราะเกรงว่าหลงโหย่วอี้จะสังเกตเห็นตน“เข้ามาสิ”ดรุณีแรกแย้มจึงเข้ามา สีหน้าของนางเป็นกังวลอย่างมาก “พี่หญิง ดูเหมือนคืนนี้พายุจะเข้านะเจ้าคะ ท่านจะไม่ให้ท่านอ๋องเข้ามาพักจริงหรือ”จูฟางหรงผินหน้ามองไปนอกหน้าต่างอย่างนึกกังวล แต่กลับฝืนใจเอ่ย “เขาไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอฝนตกลงมา เขาก็คงหาที่หลบเอง”“แต่…”“ไม่ต้องแต่แล้ว เจ้านอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้หรอกหรือ หากเจ้ากลัวว่าหน้าร้านเราจะมีคนตาย เช่นนั้นก็…”จูฟางหรงแสร้งขบคิด อันที่จริงนางเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว “เจ้าเอานี่ไปทำแผลให้เขา ถ้าได้ทำแผลก็น่าจะไม่ตายง่ายดายกระมัง”ลี่ซือมองยาสมานแผล และอุปกรณ์พยาบาลในมือ “พี่หญิง แล้วไยท่านไม่ไปเองเล่าเจ้าคะ ข้าไม่กล้า”“เจ้าไม่ไปก็ช่าง ข้าก็ไม่อยากไปเช่นกัน งั้นก็ปล่อยเขาไว้อย่างนั้นเดี๋ยวก็จากไปเองนั่นล่ะ”จูฟางหรงเอื้อมมือหมายหยิบอุปกรณ์ในมือลี่ซือกลับคืน แต่ลี่ซือก็เบี่ยงหลบ “ชะ…เช่นนั้นข้าจะช่วยทำแผลให้ท่านอ๋องเอ
“กระหม่อมว่าฝ่าบาทรักษาพระวรกายนานเกินไปแล้ว หากพระองค์ประชวรอยู่จริง ก็ควรให้พวกเราได้เข้าเฝ้า” เสียงทุ้มดังขึ้นที่กลางโถงใหญ่ไทเฮาที่นั่งหลังม่านเริ่มประหม่า ทว่าก็ยังรักษาอาการเยือกนิ่งได้เป็นอย่างดี “เฟยหมิงอ๋อง ท่านไม่วางใจเพียงนี้เชียวหรือ ฝ่าบาทมิอาจออกมาต้องแดดต้องลมเย็น หรือประทับว่าราชการหลายชั่วยามได้ ตราประทับและลายมือนั่น ยังเป็นเครื่องยืนยันไม่ได้เชียวหรือว่าฝ่าบาทยังอยู่ที่ราชวัง”บุรุษร่างสูงย่างกรายออกมา เขาประสานมือค้อมศีรษะ “ทูลไทเฮา ใช่ว่ากระหม่อมคลางแคลงใจเพียงนั้น เพียงแต่บัลลังก์มังกรว่างเว้นมานาน หากเป็นเช่นนี้จะถือไม่เป็นมงคลต่อผืนแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าเป็นไทเฮา บิดาแห่งโอรสสวรรค์ นั่งอยู่ตรงนี้โทนโท่ ท่านยังจะกลัวความไม่เป็นมงคลใดอีกหรือ... เฟยหมิงอ๋อง”เสียงสตรีเอ่ยเย็นเยียบ เหล่าขุนนางซ้ายขวาพร้อมใจกันเงียบสงัด นับตั้งแต่หลงโหย่วอี้ไม่ได้สติ ไทเฮาก็สามารถบริหารบ้านเมืองและตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดมาโดยตลอดทว่าบัลลังก์มังกรย่อมไม่อาจปล่อยร้าง ขุนนางชรานายหนึ่งจึงสาวเท้าออกมา พร้อมฮู่ป่าน
น้ำเสียงใสที่เปล่งออกมาคล้ายหนักแน่น ทว่ายามนี้กายของจูฟางหรงมันสั่นสะท้านไปเสียหมด ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดจิตสับสนใดขึ้นมา ดูเหมือนปากกับใจมันช่างไม่ตรงกันพิกล แต่จะให้ตนยอมรับว่ามีใจให้คนที่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจตนจนบาดเจ็บสาหัสมันดูจะย้อนแย้งไปหน่อยกระมัง“แต่ข้าชอบเจ้า ในใจของข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวมาตลอด ข้าไม่มีทางเขียนหนังสือหย่าอย่างแน่นอน ทางเดียวที่ข้าจะทำ คือทำให้เจ้ากลับมาชอบข้าให้ได้”จู่ ๆ ร่างสูงก็ปรี่เข้าหาจูฟางหรงรวดเร็วประหนึ่งอสนีเคราะห์ เขาคว้ามือเรียวขึ้นมาจากนั้นยัดมีดสั้นส่งให้นาง จูฟางหรงตะลึงลาน“ทำอะไรเพคะ”“ข้าจะชดเชยทุกสิ่งที่ทำให้เจ้า”ฉึก!มีดสั้นที่อยู่ในมือของจูฟางหรงปักลงตรงอกซ้ายของเขาอั๊ก!โลหิตสีแดงฉานไหลทะลักออกจากปาก และเปื้อนเขรอะเต็มฝ่ามือคนทั้งสอง จูฟางหรงตัวสั่นเทิ้ม“ทำอะไรเพคะ อยากตายหรือไง”ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มบาง “หากความตายของข้า มันชดเชยให้เจ้าได้ ข้าก็ยินดี”“ปล่อยนะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ต้องการชีวิตพระองค์เสียหน่อย”“แต่ข้าต้องการยกทั้งชีวิตนี้ให้เจ้า หร
จูฟางหรงดีดแข้งดีดขาอยู่นานก็ไม่อาจต้านทานไหว กระทั่งเข้ามาถึงด้านใน เขาจึงปล่อยนางให้เป็นอิสระ“ท่านอ๋อง ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนะเพคะ” จูฟางหรงวิ่งวนไปยังอีกด้านของเตียงนอน นางไม่รู้ว่าเขาจะบ้าดีเดือดใดขึ้นมาอีกหรือไม่ เพราะยามปกติจูฟางหรงอยู่ใกล้เขาคราใดนางก็ต้องเจ็บตัวครานั้น หนนี้นางจะไม่ยอมเป็นทาสรองมือรองเท้าเขาอีกแล้ว“หรงเอ๋อร์ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่ที่บอกไม่เหมาะสมก็ไม่ถูกต้อง เราทั้งสองเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือ”จูฟางหรงแค่นยิ้ม “ที่หม่อมฉันยอมแต่งกับพระองค์เพราะภารกิจงี่เง่าของหอหงฮวาต่างหาก อีกอย่าง ขณะที่หม่อมฉันพยายามเข้าหา ท่านอ๋องก็เอาแต่ผลักไสหม่อมฉัน ซ้ำยังต่อว่าด่าทอสารพัด แล้วมายามนี้ท่านยังรังแกหม่อมฉันไม่สาแก่ใจอีกหรือเพคะ ไยจึงไม่คิดบ้างว่าจูฟางหรงคนเดิมนั้นตายไปแล้ว”“ยัยตัวยุ่ง ฟังพี่ชายคนนี้ก่อนไม่ได้หรือ เรื่องที่ผ่านมาข้าผิด เป็นข้าที่ทำผิดพลาดทั้งหมด”“ใครเป็นน้องของพระองค์ หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าท่านอ๋องจะมาตามวุ่นวายหม่อมฉันไปทำไม”“เพราะเจ้าส
“อ้อ…ที่ตามหานางเพียงเพราะต้องการหย่างั้นหรือ เช่นนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมาเองก็ได้ ท่านเกรงว่าตนจะไม่สามารถมีชายาใหม่ได้งั้นหรือ” ถังซือหงจงใจทำลายความประดักประเดิดไม่นานสตรีร่างเล็กก็ตามออกมา“พี่หญิงเกิดเรื่องอะไรเจ้าคะ”จูฟางหรงส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร อาซือ เจ้าไปรอที่หลังร้านเถอะนะ”ดูจากสีหน้าของทุกคนคร่ำเคร่งเป็นอย่างมาก ลี่ซือจึงไม่อยากเซ้าซี้ต่อ นางเดินจากไปอย่างเชื่อฟัง “เจ้าค่ะ”จูฟางหรงจึงกลับมาสนใจบุรุษตรงหน้าต่อ นางแตะไหล่ถังซือหงเบา ๆ “ศิษย์พี่ เรื่องนี้ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”“แต่เขา…”จูฟางหรงส่ายหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าเราจะเจรจากันอย่างสันติ” จูฟางหรงผินหน้าไปยังบุรุษตัวสูงฝั่งตรงข้าม “จริงหรือไม่เจ้าคะ ท่านอ๋อง”หลงโหย่วอี้พยักหน้า เขายังคงเขม้นมองถังซือหงอย่างไม่พอใจ นางยังเป็นชายาของเขา ไยจึงอาศัยอยู่กับบุรุษอื่นชายผู้นี้คงมิใช่สามีใหม่นางกระมัง หรงเอ๋อร์ เจ้าต้องหยามน้ำใจข้าเพียงนี้เชียวหรือ“ท่านอ๋อง พระองค์คงอยากมาคุยเรื่องหย่ากับหม่อมฉัน”หล
Mga Comments