“เจ้าชอบหรือ พี่จะซื้อให้” “ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ มันเก็บรักษายาก หากทำมันแตกข้าคงเสียดายมาก” “หากแตก พี่จะมาซื้อให้ใหม่” “อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้าเกรงใจ” “เมื่อครู่เสียดายพี่ไม่ได้ซื้อน้ำมันหอมให้ เช่นนั้นพี่จะซื้อของพวกนี้ให้” “ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากมาดูไม่ได้อยากซื้อสิ่งใด” “ระวัง!” เขาส่งเสียงเตือนก่อนจะรั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อหลบคนที่กำลังจะเดินชน “ขออภัยขอรับ” พ่อค้าที่ตัวอ้วนท้วมกล่าวก่อนจะเดินจากไป “เป็นไรหรือไม่” เขาถามสตรีในอ้อมกอด “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” นางกล่าวก่อนจะผละออกห่างซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี “หากอยากซื้อสิ่งใดก็บอกพี่ อย่าได้เกรงใจ” เขากล่าวก่อนจะลูบผมนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าค่ะ” นางตอบรับอย่างส่ง ๆ ก่อนจะเดินดูไปเรื่อย ๆ จนไปสะดุดตาเจ้ากับสร้อยข้อมือไข่มุก ‘งดงามยิ่งนัก’ เหอซือซือได้แต่เอ่ยชมในใจเพราะกลัวว่าพี่ชายของสหายผู้นี้จะเอ่ยปากซื้อให้ นางหยิบมันมาทาบแขนตนเองแล้วมองอย่างพึงพอใจ “แม่นางตาถึง
“ขออภัยคุณชายรองเจียงที่เสียมารยาท แต่ข้าขอสนทนากับซือซือได้หรือไม่” โหวซื่อจื่อกล่าวพลางปรายตามองมือของทั้งสองที่จับกันแน่นทั้งคุณหนูเหอก็ยืนแนบชิดกับอีกฝ่าย ประกายโทสะผ่านพาดในนัยน์ตาคมก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่จับจ้องอยู่แล้วเช่นเจียงเซวียนมีหรือจะไม่ทันเห็น “หากท่านผู้ตรวจการมีเรื่องใดอยากสนทนากับนางก็สามารถเอ่ยตรงนี้ได้เลย” “ข้าขอสนทนากับนางเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่” “ยามอยู่เมืองไห่หยางข้าคือผู้ดูแลนาง” “พี่เซวียนเจ้าคะ ข้าขอสนทนากับท่านผู้ตรวจการหลวนสักสองสามประโยคได้หรือไม่เจ้าคะ” นางก็อยากรู้เช่นกันว่าเขามีเรื่องใดอยากสนทนากับนางอีก ห่างเหินกันไปตั้งห้าปี ความสนิทสนมในวันวานล้วนเจือจาง “...” เจียงเซวียนหันมามองสตรีที่ยังคงจับมือเขาด้วยสายตาแฝงโทสะเล็กน้อย “ท่านแค่ยืนห่างออกไปสักสามก้าวก็พอเจ้าค่ะ ไม่ต้องไปยืนที่ไหนไกล” หลังจากนางเขย่งปลายเท้าเพื่อกระซิบที่ข้างหู ก็ทำให้สีหน้าของเขากลับมาแต่งแต้มรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นยามที่สนทนากับนางอีกครั้ง “พี่เข้าใจแล้ว” คุณชายรองเจียงตอบร
‘อยู่เมืองไห่หยางต่ออีกสักเดือนดีหรือไม่นะ’ หากไม่ติดว่าที่เมืองนี้มีโหวซื่อจื่อผู้ดูจะมีความหลังกับสตรีที่เขาพึงใจ นี่คงเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย เพราะจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกับสตรีที่พึงใจ ไม่ต้องปวดหัวกับความวุ่นวายที่เพิ่งเดินทางถึงเมืองหลวง คิ้วของเจียงเซวียนขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจหลังจากเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วพบว่าเหอซือซือนั่งก้มหน้านิ่ง “ซือซือ รอพี่อยู่หรือ เหตุใดไม่กินก่อน” เขาเอ่ยถามก่อนจะทรุดกายนั่งลง “มาแล้วหรือเจ้าคะพี่เซวียน” นางเอ่ยเรียกเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มหวานให้ ดวงตาที่ฉ่ำวาวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสตรีผู้นี้ ‘กำลังเมา’ “เจ้าดื่ม
9 จดจำฝังลึกในใจ ห้องส่วนตัวด้านบนจะมีราคาสูงกว่าการนั่งที่โต๊ะด้านล่าง เมื่อเสี่ยวเอ้อที่ยกอาหารและสุราตามมาจัดวางเรียงบนโต๊ะเรียบร้อย คุณชายรองเจียงที่โอบอุ้มสตรีไว้จึงวางนางลงบนเก้าอี้ “ประเดี๋ยวยกหวนคำนึงมาอีกหนึ่งกา”&n
“เพราะเจ้าถูกข่มขู่และทำร้ายเช่นนั้น จึงจดจำใจฝังใจ?” “เจ้าค่ะ มันเป็นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และข้าก็เพิ่งรู้ตัวว่ายังหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้คนทั้งสองจนทุกวันนี้เจ้าค่ะ” ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าสั่งหวนคำนึงให้นางอีกหนึ่งกา จึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูเพื่อรับสุรากานั้นมา “พี่เข้าใจเจ้าแล้ว ซือซือ เจ้าเก่งมากรู้หรือไม่ที่ผ่านเรื่องราวเลวร้ายพวกนั้นมาได้” พอได้ยินที่นางเล่าเขาก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้รู้จักนางให้เร็วกว่านี้ จะได้ปกป้องนางจากคนชั่วช้าพวกนั้น “เจ้าค่ะ แต่ข้ายังไม่รู้เลยว่าหากต้องเจอเหรินเสี่ยวเหยาหรือพี่จิ้นฝานในงานเลี้ยงอีกข้าต้องทำเช่นไร ข้าจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้
ปัง! มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะเสียงดัง แววตาของผู้ตรวจการหนุ่มฉายชัดถึงโทสะ “ตะ ใต้เท้า ข้าน้อยเห็นแม่นางผู้นั้นจริง ๆ นะขอรับ” อู๋ซุนที่ติดตามโหวซื่อจื่อตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนางใหม่ ๆ ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายของตนมีโทสะเลยสักครั้งแม้จะเจอเรื่องใหญ่ยากจะควบคุมแต่เขาก็สามารถใช้ความเคร่งขรึมและสติปัญญาผ่านมันไปได้ ไหนเลยจะโกรธเคืองจนมีโทสะเช่นตอนนี้ “เหตุใดไม่รีบมารายงานข้า” นี่ก็ยามซวี (19.00-20.59) แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้นางเป็นเช่นไร “ขะ ขออภัยขอรับใต้เท้า ข้าเพียงคิดว่าเป็นแค่สตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน” เพราะม้วนภาพนี้ถูกส่งมาจากเมืองหลวงทุกปี ตนจึงไม่คิดว่าสตรีในภาพวาดจะมาปรากฏตัวที่เมืองนี้ “รีบไปโรงเตี๊ยมหนิงฟางกับข้า”&nb
“หึ! หลวนฟูเหรินของจวนโหว สูงส่งที่ใดกัน ถึงได้กล้ามองซือซือของข้าต้อยต่ำ” “ส่วนเรื่องของคุณหนูเหรินก็ไปมาหาสู่กับคุณหนูเหอได้ราวครึ่งปีก่อนจะห่างเหินไปพร้อมกับโหวซื่อจื่อ” “ก็แค่สหายในวัยเด็กสินะ ซือซือคิดเช่นนั้นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน” ทำตัวร้อนรนราวกับมดบนกระทะที่ร้อน หรือเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่องจึงคิดเข้าข้างตนเองว่านางน้อยใจกันนะถึงได้พยายามเข้าหาเช่นนี้ “ไปได้ เรื่องของเสี้ยนจู่ หากมีเรื่องใดให้รีบรายงานข้า” “ขอรับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทจากไปเขาจึงลอบปีนกลับเข้าไปในห้องของน้องน้อย ก่อนจะนั่งเฝ้ามองนางที่ข้างเตียงคล้ายกับกลัวว่าหากเผลอกะพริบตาชั่วครู่ นางก็อาจจะถูกบุรุษอื่นแย่งไป&n
เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วนางก็กลับเข้าห้องของตนก่อนจะนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พลันมุมปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ย้อนกลับไปเมื่อวาน การได้พบหน้าคนในความทรงจำของร่างนี้ทำให้นางรู้สึกได้แล้วว่าตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอำนาจต่อรองอันใดกับโชคชะตาเลย ทั้งยังมีศัตรูที่เป็นถึงลูกรักของสวรรค์ มีชื่อเสียงดีงามคนที่รักและพร้อมปกป้องรายล้อม ส่วนอีกคนก็มีชาติตระกูลเป็นถึงโหวซื่อจื่อ มีตำแหน่งขุนนางเป็นถึงผู้ตรวจการเรื่องอำนาจไม่ต้องพูดถึง ต่างจากนางที่เป็นสตรีไร้อำนาจ บิดาเป็นเพียงรองเจ้ากรมเล็ก ๆ ไม่มีญาติพี่น้องเป็นเชื้อพระวงศ์ไร้คนปกป้องหนุนหลัง หากถูกอีกฝ่ายบีบให้ตายเกรงว่านางก็คงไม่กล้ามีชีวิตรอด แต่หากนางสามารถเกาะแข้งเกาะขาลูกรักของสวรรค์ที่อย่างไรก็มีชีวิตรอดถึงตอนจบเช่นเจียงเซวียนได้ ชีวิตนางย่อมอยู่รอดปลอดภัยและไม่ต้องตายซ้ำอีกครั้ง
‘ข้าว่าแล้วแท้จริงสองคนนี้ไม่ถูกกัน มิเช่นนั้นคุณหนูเหอคงไม่แสร้งตกใจจนผลักคุณหนูเหรินล้มเช่นนี้’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคุณหนูเหอที่ผิด สตรีดีงามเช่นคุณหนูเหรินหรือจะทำร้ายผู้อื่น วันนั้นข้ายังเห็นนางเอาตัวเข้าบังคุณหนูเติ้งเพื่อช่วยเหลือจากการโดนแส้ฟาด’ เป็นสตรีคนหนึ่งป้องปากสนทนากับสหาย ‘ข้าเห็นด้วยกันเจ้า คุณเหอต้องริษยาที่คุณหนูเหรินงดงามและมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่หมายปองของบุรุษมากกว่าตนเป็นแน่’ “นี่พวกเจ้า!” จูเฉ่าเหมยตั้งใจจะหันไปตวาดใส่พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตัดสินผู้อื่นแล้ว แต่สหายเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะมือเป็นเชิงห้าม “ช่างเถิดอย่าได้สนใจเลย เราไปกันเถิด” นางหมดอารมณ์จะชมสวนแล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังหมุนตัวจะพาสหายเดินจากไป
“คุณหนูเจียงหรือ ใช่บุตรสาวแม่ทัพเจียงหรือไม่” มิใช่ว่ามีคุณหนูอยากเข้าหามากมายหรือ เพื่อใช้เป็นสะพานทอดไปหาพี่ชายคนรองที่มีแต่สตรีหมายปอง “ถูกแล้ว เล่อเล่อนางน่ารักและเป็นสหายที่ดีมาก” “หากคุณหนูเจียงไม่รังเกียจข้าที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า ข้าย่อมยินดีที่จะเป็นสหายกับนาง” “ดียิ่ง” นางยิ้มก่อนจะรีบวางจอกชาลงทันที เพราะสนทนากันอย่างเพลิดเพลินจึงลืมตัวหยิบจอกชาขึ้นมาและเกือบจะจิบมันเข้าไปแล้ว “ซือซือ ข้ามองหาเจ้าตั้งนานแท้จริงเจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เอง” สตรีดีงามผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากทักทายนาง ‘ตามหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองฝั่งบุร
‘เขาดูหลงใหลข้าเช่นนี้ดีไม่น้อย’ แค่นางกอดขาเขาให้แน่น เพียงเท่านี้ทางรอดของนางก็สว่างไสวแล้ว หลังจากคืนนั้นคุณชายรองเจียงก็ไม่ว่างมาปีนเข้าเรือนคุณหนูเหออีก มีเพียงจดหมายถามไถ่และเล่าเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ให้นางทราบพร้อมทั้งส่งของปลอมประโลมที่ทำให้นางต้องคิดถึงเขาเป็นเครื่องประดับล้ำค่าและน้ำมันหอมสลับกันไปจนถึงวันที่มีการจัดงานเลี้ยงในวังหลวง ว่าด้วยงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ของฮองเฮา ไม่ต่างจากงานเลือกคู่ดูตัวเท่าใดนัก เพราะมีคุณชายคุณหนูวัยออกเรือนเข้าร่วมมากมาย แต่ละคนนั้นแต่ตัวงดงามจนเรียกได้ว่าแย่งชิงความโดดเด่นจากดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ‘งานเลี้ยงที่ไม่มีเล่อเล่อช่างน่าเบื่อหน่าย’ เหอซือซือลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห็นสหายว่าติดพ
17 พบเจอสหายคนใหม่ แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับองค์รัชทายาท เจียงเซวียนก็ยังแวะเวียนมาจวนตระกูลเหอและปีนหน้าต่างเข้าเรือนคุณหนูของจวนหวังจะได้สนทนากันสักสองสามประโยคให้ชื่นใจก็ยังดี “ซือซือ เจ้ามานั่งรอพี่หรือ” วันนี้เขาอารมณ์ดี
ก็อย่างที่เคยบอก มารยาดอกบัวขาวมีแต่บุรุษที่โง่เขลาเท่านั้นแหละที่มองไม่ออก จะมาเทียบมารยาชั้นครูเช่นนางได้อย่างไร ด้านคุณหนูเหรินที่วันนี้ได้รับคำเชิญจากหลวนโหวซื่อจื่อ ให้มาพบที่จวนโหว ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจในท่าทางของสตรีที่ตนเคยมองว่าเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ก่อนจะยิ้มให้ดูอ่อนหวานที่สุดแล้วเดินเข้าจวนโหว “พี่จิ้นฝานรอข้านานหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพิศ แม้จะรูปงามน้อยกว่าคุณชายรองเจียง แต่ทว่าฮูหยินโหวซื่อจื่อนั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรือนางจะเปลี่ยนใจมาล่อลวงบุรุษผู้นี้ดี ในอดีตความสัมพันธ์ก็ดีงาม หากนางต้องการสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “เจ้ามาแล้วหรือ” โหวซื่อจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อ
“คุณชายฮุ่ย ข้าเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไม่แปลกที่ท่านจะหวั่นไหวและอยากตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกาย แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่ายามนี้ตัวข้านั้นมีบุรุษที่พึงใจแล้ว และเขาก็พึงใจข้า อีกไม่นานเราสองตระกูลก็คงจะได้เกี่ยวดองกัน ดังนั้นข้าไม่อาจตอบรับการตอบแทนบุญคุณของท่านได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” คำพูดของนางคล้ายของหนักที่กดศีรษะของอีกฝ่ายให้ก้มหัวลงเรื่อย ๆ ในขณะที่นางกอดอกกล่าววาจาด้วยท่าทางมั่นใจ แม้เขาจะมีมัดกล้ามที่แน่นน่าสัมผัสไม่น้อย แต่ก็ชะตาชีวิตเขาก็สู้ลูกรักของสวรรค์อย่างเจียงเซวียนไม่ได้ และต่อให้นางมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้งนางก็ยินดีจะเลือกพ่อค้าเช่นพี่ชายของสหายมากกว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรอย่างเขาที่มีหน้าที่จะต้องปกป้องผู้สูงศักดิ์ก่อนปกป้องตนเองและครอบครัว เหตุใดนางถึงรู้น่ะหรือ ว่าฮุ่ยหลานซีคนนี้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ก็นางเห็นหยกพกประจำตำแหน่งของเขาอย่างไรเล่า
‘ขอเพียงท่านตอบตกลง ข้าสามารถทำให้ท่านคู่ควรกับข้าได้’ ‘ข้ามิบังอาจ และหากท่านจำไม่ผิดข้าปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับท่านมาโดยตลอด ดังนั้นเลิกป่าวประกาศว่าข้าเป็นคนรักของท่านได้แล้ว และหยุดระรานผู้อื่นด้วย’ ‘เจียงเซวียนแม้ท่านจะใจร้ายกับข้า แต่ข้าก็ยังรักท่าน พวกเจ้าจงจำเอาไว้ นอกจากข้าไม่มีใครคู่ควรกับเขา หากยังมีสตรีใดกล้ามองเขา ข้าจะควักลูกตามันออกมาให้หมด’ กล่าวจบเหลียงจิ่วเม่ยก็ก้มเก็บแส้แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที ‘คุณหนูเติ้งท่านปลอดภัยดีหรือไม่’ สตรีผู้งดงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา ‘ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเหรินที่ช่วยเหลือ’ เติ้งจูหลี่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูที่แทบ
16 เสี้ยนจู่แห่งแดนเหนือผู้ร้ายกาจ วันนี้ย่านการค้ายังคงคึกคักและมีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเช่นเดิม อาจเพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ที่ถูกจัดขึ้นโดยฮองเฮา จึงมีคุณชายและคุณหนูที่ถูกเชิญเข้าร่วมต่างออกมาซื้ออาภรณ์และเครื่องประดับใหม่ “สือหลิวเจ้านั่งลงเถิด” “จะดีหรือเจ้าคะคุณหนู” “จะให้ข้านั่งกินคนเดียวโดยมีเจ้ายืนมอง ข้าจะกินลงได้อย่างไร มิสู้เจ้านั่งกินด้วยกัน ข้าจะได้เจริญอาหารขึ้น” “แต่ว่ามันไม่เหมาะสม” “หากเจ้าไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับข้า เช่นนั้นก็กลับจวนไปก่อน ข้าจะนั่งจิบชากินขนมคนเดียวเงียบ ๆ” “...” “ว่าอย่างไร หากไม่นั่งก็รีบกลับจวนไปซะ” “บ่าวนั่งก็ได้เจ้าค่ะ” สือหลิวบอกเสียงอ่อน “ดีมาก” ต้องให้เอ่ยวาจาร้ายกาจก่อนถึงจะยอมใช่หรือไม่ เมื่อสาวใช้ยอมนั่งร่วมโต๊ะแล้วนางก็หยิบขนมแล
“ข้าเจอท่านครั้งแรกที่ใดกันนะ...” นางแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด คนผู้นี้ขี้อิจฉาจริง ๆ ไม่ยอมขาดทุนแม้เพียงเล็กน้อย “นั่นสิ! ที่ใดกันนะ” “ข้าจำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” “ให้นึกดี ๆ อีกครั้ง หากจำไม่ได้ คืนนี้พี่จะช่วยเจ้าทบทวนความจำทั้งคืนดีหรือไม่” จะต้อนสตรีเจ้าเล่ห์ต้องแฝงคำข่มขู่ที่แสนหวาน “อ๋อ! ข้านึกออกแล้วเจ้าค่ะ ท่านแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปากับข้า” นางกล่าวพลางส่งยิ้มออดอ้อนเขา “น่าเสียดายจริง ๆ พี่ก็นึกว่าจะได้ช่วยเจ้าทบทวนความทรงจำแล้ว” “ท่านจัดการเรื่องของเสี้ยนจู่เหลียงจิ่วเม่ยให้แล้วเสร็จก่อนเถิดเจ้าค่