ปัง! มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะเสียงดัง แววตาของผู้ตรวจการหนุ่มฉายชัดถึงโทสะ
“ตะ ใต้เท้า ข้าน้อยเห็นแม่นางผู้นั้นจริง ๆ นะขอรับ” อู๋ซุนที่ติดตามโหวซื่อจื่อตั้งแต่เริ่มเป็นขุนนางใหม่ ๆ ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายของตนมีโทสะเลยสักครั้งแม้จะเจอเรื่องใหญ่ยากจะควบคุมแต่เขาก็สามารถใช้ความเคร่งขรึมและสติปัญญาผ่านมันไปได้ ไหนเลยจะโกรธเคืองจนมีโทสะเช่นตอนนี้
“เหตุใดไม่รีบมารายงานข้า” นี่ก็ยามซวี (19.00-20.59) แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้นางเป็นเช่นไร
“ขะ ขออภัยขอรับใต้เท้า ข้าเพียงคิดว่าเป็นแค่สตรีที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน” เพราะม้วนภาพนี้ถูกส่งมาจากเมืองหลวงทุกปี ตนจึงไม่คิดว่าสตรีในภาพวาดจะมาปรากฏตัวที่เมืองนี้
“รีบไปโรงเตี๊ยมหนิงฟางกับข้า”
&nb
“หึ! หลวนฟูเหรินของจวนโหว สูงส่งที่ใดกัน ถึงได้กล้ามองซือซือของข้าต้อยต่ำ” “ส่วนเรื่องของคุณหนูเหรินก็ไปมาหาสู่กับคุณหนูเหอได้ราวครึ่งปีก่อนจะห่างเหินไปพร้อมกับโหวซื่อจื่อ” “ก็แค่สหายในวัยเด็กสินะ ซือซือคิดเช่นนั้นแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน” ทำตัวร้อนรนราวกับมดบนกระทะที่ร้อน หรือเป็นเพราะยังไม่รู้เรื่องจึงคิดเข้าข้างตนเองว่านางน้อยใจกันนะถึงได้พยายามเข้าหาเช่นนี้ “ไปได้ เรื่องของเสี้ยนจู่ หากมีเรื่องใดให้รีบรายงานข้า” “ขอรับ” เมื่อลูกน้องคนสนิทจากไปเขาจึงลอบปีนกลับเข้าไปในห้องของน้องน้อย ก่อนจะนั่งเฝ้ามองนางที่ข้างเตียงคล้ายกับกลัวว่าหากเผลอกะพริบตาชั่วครู่ นางก็อาจจะถูกบุรุษอื่นแย่งไป&n
เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วนางก็กลับเข้าห้องของตนก่อนจะนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พลันมุมปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ย้อนกลับไปเมื่อวาน การได้พบหน้าคนในความทรงจำของร่างนี้ทำให้นางรู้สึกได้แล้วว่าตนเองเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอำนาจต่อรองอันใดกับโชคชะตาเลย ทั้งยังมีศัตรูที่เป็นถึงลูกรักของสวรรค์ มีชื่อเสียงดีงามคนที่รักและพร้อมปกป้องรายล้อม ส่วนอีกคนก็มีชาติตระกูลเป็นถึงโหวซื่อจื่อ มีตำแหน่งขุนนางเป็นถึงผู้ตรวจการเรื่องอำนาจไม่ต้องพูดถึง ต่างจากนางที่เป็นสตรีไร้อำนาจ บิดาเป็นเพียงรองเจ้ากรมเล็ก ๆ ไม่มีญาติพี่น้องเป็นเชื้อพระวงศ์ไร้คนปกป้องหนุนหลัง หากถูกอีกฝ่ายบีบให้ตายเกรงว่านางก็คงไม่กล้ามีชีวิตรอด แต่หากนางสามารถเกาะแข้งเกาะขาลูกรักของสวรรค์ที่อย่างไรก็มีชีวิตรอดถึงตอนจบเช่นเจียงเซวียนได้ ชีวิตนางย่อมอยู่รอดปลอดภัยและไม่ต้องตายซ้ำอีกครั้ง
10 ใครหลงใหลใคร ข้าชักไม่แน่ใจ หลังจากได้อาบน้ำเหอซือซือก็รู้สึกสบายตัวขึ้น แต่ยังคงหลงเหลืออาการปวด ใบหน้าจึงยังดูซีดเซียวอยู่บ้าง “ซือซือเจ้ามาแล้ว ข้าสั่งของขึ้นชื่อที่นี่เอาไว้ให้เจ้าสองสามอย่าง หากไม่พอก็ลองดูเถิดว่าอยากกินอะไร” “ขอบคุณเล่อเล่อ เจ้าช่างใส่ใจข้า” “ไม่ต้องมาส่งยิ้มออดอ้อนให้ข้าเลย ดื่มสุราเช่นใดถึงได้เมามายเพียงนั้น ในเมืองที่มีแต่คนแปลกหน้าเช่นนี้ มันอันตรายไม่รู้หรือ” เจียงเซียวเล่อบ่นสหาย “ข้าขอโทษ ข้าเห็นชื่อไพเราะจึงคิดว่าเป็นน้ำชาตำรับพิเศษที่มีขายเฉพาะที่โรงเตี๊ยมนั่น จึงสั่งมาพอจิบไปจิบมาก็ไม่รู้ตัวเสียแล้ว” “สุรานั่นมีนามว่าอะไร เหตุใดเจ้าถึงได้คิดว่ามันคือน้ำชา” “มันมีนามว่า เสียงแว่วหวาน ข้าเห็นคนสั่งมากจึงคิดว่าเป็นน้ำชา ไหนจะยังมีหวนคำนึงอีก แต่ข้าอยากลองจึงสั่งเพียงอย่างเดียว” และเพราะหวนคำนึงอีกนั่นแหละที่ทำให้ภาพทั้งหมดดับวู
นางไม่อยากมองหาสหายคนใหม่หรอกนะ... “ไม่เป็นไร ข้าจะนั่งมองคนเดินผ่านไปมาชั่วครู่ แล้วค่อยขึ้นไปนอน เจ้าไปเที่ยวทุ่งดอกไม้เถิด หากสายกว่านี้แดดจะร้อนเกินไป” “ก็ได้ เจ้านี่นะ” เจียงเซียวเล่อยิ้มก่อนจะเอานิ้วจิ้มแก้มของสหาย “คุณหนูเหอ เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน” เผยหลี่จุนกล่าวด้วยยิ้มสมใจ “เชิญตามสบายเจ้าค่ะ” คล้อยหลังเจียงเซียวเล่อและประมุขแห่งปราสาทเมฆาไม่นาน คุณหนูเหอก็หันไปมองบุรุษที่นั่งจิบชาอย่างตั้งใจก่อนจะกุมสองมือไว้บริเวณอกแล้วเอ่ยวาจาออดอ้อน “เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าพี่เซวียนจะไปงานประมูลสินค้าหรือเจ้าคะ” “ถูกต้อง” เขาตอบรับพลางปรายตามองสตรีน่าเอ็นดูที่ยามนี้ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาก “ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่” นางอยากเห็นการประมูล “เจ้าปวดหัวอยู่ไม่ใช่หรือ” “ข้าไม่ได้ใช้หัวอันใดในการประมูล ข้าแค่อยากจะไปดูเฉย ๆ เจ้าค่ะ” “เจ้าอยากไปหรือ” “เจ้าค่ะ” นางส่งสายตาอ้อนวอนพลางคิด หากไม่อยากไปจะเอ่ยปากอ้อนวอนเขาหรือ “แต่ที่งานประมูลคนม
“อ้าว! เช่นนั้นหรือที่แท้เป็นพี่จำผิด แล้วที่ทำไปเมื่อครู่พี่ขอคืน” กล่าวจบเขาก็กดจมูกลงบนหน้าผากมนอย่างอารมณ์ดี มุมปากหยักแต่งแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาที่มองนางพราวระยับอย่างเปิดเผย ‘คนผู้นี้มากเล่ห์ยิ่งนัก’ นี่นางเลือกคนถูกหรือไม่ ที่จะคิดจะทำให้เขาหลงใหลจนยอมช่วยเหลือและปกป้องให้นางรอดพ้นจากอันตรายและคนพวกนั้น “ขอบคุณที่เจ้าย้ำเตือน และหากจะฟ้องเล่อเล่ออย่าลืมฟ้องด้วยว่าพี่ทำเช่นนี้” กล่าวจบเขาก็จับแขนนางขึ้นมาก่อนจะกดจมูกไล่ตั้งแต่มือขึ้นไปหาแขน “พอแล้วเจ้าค่ะ อายคนเขา” ประเดี๋ยวคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวห้องอื่นก็เห็นเข้าหรอก “ที่เมืองไห่หยางนี้ คนไม่ค่อยสนใจผู้อื่นหรอก” เขากล่าวก่อนจะเลิกแกล้งนางแล้วใช้มือปัดปอยผมที่ระใบหน้าของนางเอาไว้
อย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่านางจะรักกับบุรุษที่มีสมญานามว่า ‘จิ้งจอกเก้าหาง’ คนมากเล่ห์ผู้นั้นไม่เหมาะสมกับสตรีอ่อนหวานและซื่อตรงเช่นเหอซือซือหรอก เจียงเซวียนประมูลยาถอนพิษปลุกกำหนัดและยาถอนหมื่นพิษมาให้สตรีตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอด ยามเขาไม่สนใจของประมูลชิ้นนั้น เขาก็จะก้มมองสตรีที่เอนตัวหลับอยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตารักใคร่แล้วจับมือนางขึ้นมาจุมพิตอย่างหลงใหล “การประมูลไปถึงไหนแล้วหรือเจ้าคะ” “การประมูลใกล้จบแล้ว เหลือของที่จะเข้าประมูลอีกสามรายการ” “เหตุใด ท่านไม่ปลุกข้า เกือบอดดูการประมูลแล้วสิเจ้าคะ” “ขออภัยเห็นเจ้ากำลังหลับอย่างเป็นสุข
11 อดีตที่ไม่อยากพูดถึง นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ห้องตรงข้ามพลางส่งยิ้มเย้ยหยันให้ เขาแสดงความเป็นเจ้าของนางถึงเพียงนี้ หวังว่าจะทำให้สหายในวัยเด็กที่คิดไม่ซื่อกับนางรู้ตัวเสียที ว่ายามนี้นางคือว่าที่ฮูหยินของเขา เรื่องราวเก่าก่อนควรจะถูกฝังไปพร้อมกับความหวาดกลัวของนาง “ท่านกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ” “พี่พึงใจเจ้า พี่ย่อมปรารถนาจะตักตวงความอิ่มเอมใจจากเจ้า” ‘ของที่จะมาประมูลชิ้นต่อไปคือกู่ฉินล้ำค่าของปรมาจารย์หลี่เต๋อขอรับ” “หยุดกินเต้าหู้และกล่าวคำหวานข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ กู่ฉินที่ท่านเล็งไว้มาแล้ว” “ขอเพียงเจ้าไม่ปิดกั้นเช่นก่อนหน้านี้ พี่ย่อมมีเวลาเกี้ยวพาและเปลี่ยนให้เจ้ามาลุ่มหลงพี่” กล่าวจบก็กดริมฝีปากลงบนหน้าผากนางเป็นการปิดท้าย ‘หลงใหลข้าเช่นนี้ ข้าไม่ต้องทำสิ่งใดแล้วกระมัง’ นางคิดตอบโต้ในใจ ‘ไม่ได้สิ จิตใจของบุรุษโลเลไม่มั่นคง ข้าควรต้องทำ
‘แต่จวนราชครูหาได้ร่ำรวยเช่นนั้นไม่ จะมีเงินมาจ่ายหรือ’ หากเทียบกัน นางว่าตระกูลเหอของนางที่มีมารดาขยันขันแข็งยังมีเงินถุงเงินถังมากกว่า “เงินแค่สองหมื่นตำลึง ไม่ทำให้ราชครูเหรินสะทกสะท้านหรอก” “ท่านคิดกำไรหนึ่งหมื่นตำลึงหรือเจ้าคะ” นางตาโตด้วยความตกใจ แพงยิ่งนัก “สินสอดของเจ้าจะได้เพิ่มขึ้นเยอะ ๆ ถือว่านางชดเชยความรู้สึกให้เจ้าที่ทำให้เจ้าไม่กล้าออกจากจวนหลายปี แม้พี่คิดว่ามันจะน้อยเกินไปก็เถิด หรือเราเรียกเก็บไปสักห้าหมื่นตำลึงทองดี” “ท่านเป็นพ่อค้านะเจ้าคะ หากเรียกเก็บไปห้าหมื่นตำลึงทองอาจเสื่อมเสียชื่อเสียงของท่านเอาได้ ข้าคิดว่าสองหมื่นตำลึงทองกำลังดีเจ้าค่ะ” หน้าเลือดเกินไปประเดี๋ยวเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแล้วจะแย่เอา
“เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่” เจียงเซวียนเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกวาดสายตามองสตรีในดวงใจอย่างพิจารณา “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านเล่า” “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “อะแฮ่ม! พวกเจ้าลืมสิ่งใดไปหรือไม่” “ถวายพระพรพระชายา” “ตามสบาย ถ้าข้าไม่ทัก เจ้าก็คงไม่เห็นข้าหรอกกระมัง” “กระหม่อมมัวแต่ห่วงใยนาง จึงไม่ทันได้สังเกตผู้อื่น” “ปากดีเช่นนี้ ช่างไม่เหมาะสมกับซือซือ”
18 เป็นเพียงความเข้าใจผิด ด้านเหอซือซือที่ยอมเดินตามนางกำนัลผู้นั้นมาก็เพราะมั่นใจในความปลอดภัยของตน ว่าจะไม่พลาดพลั้งเนื่องจากว่าก่อนลงจากรถม้านางได้กินยาถอนหมื่นพิษและยาถอนพิษปลุกกำหนัดมาแล้ว และนางคิดว่าการที่เหรินเสี่ยวเหยาเลือกใช้วิธีสาดพิษปลุกกำหนัดใส่นางเช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงกินยาถอนพิษปลุกกำหนัดมาแล้วเช่นกัน ชั่วช้าไม่เปลี่ยนจริง ๆ&nb
‘ข้าว่าแล้วแท้จริงสองคนนี้ไม่ถูกกัน มิเช่นนั้นคุณหนูเหอคงไม่แสร้งตกใจจนผลักคุณหนูเหรินล้มเช่นนี้’ คุณหนูผู้หนึ่งกล่าว ‘ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นคุณหนูเหอที่ผิด สตรีดีงามเช่นคุณหนูเหรินหรือจะทำร้ายผู้อื่น วันนั้นข้ายังเห็นนางเอาตัวเข้าบังคุณหนูเติ้งเพื่อช่วยเหลือจากการโดนแส้ฟาด’ เป็นสตรีคนหนึ่งป้องปากสนทนากับสหาย ‘ข้าเห็นด้วยกันเจ้า คุณเหอต้องริษยาที่คุณหนูเหรินงดงามและมีชื่อเสียงดีงามเป็นที่หมายปองของบุรุษมากกว่าตนเป็นแน่’ “นี่พวกเจ้า!” จูเฉ่าเหมยตั้งใจจะหันไปตวาดใส่พวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็ตัดสินผู้อื่นแล้ว แต่สหายเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะแตะมือเป็นเชิงห้าม “ช่างเถิดอย่าได้สนใจเลย เราไปกันเถิด” นางหมดอารมณ์จะชมสวนแล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังหมุนตัวจะพาสหายเดินจากไป
“คุณหนูเจียงหรือ ใช่บุตรสาวแม่ทัพเจียงหรือไม่” มิใช่ว่ามีคุณหนูอยากเข้าหามากมายหรือ เพื่อใช้เป็นสะพานทอดไปหาพี่ชายคนรองที่มีแต่สตรีหมายปอง “ถูกแล้ว เล่อเล่อนางน่ารักและเป็นสหายที่ดีมาก” “หากคุณหนูเจียงไม่รังเกียจข้าที่เป็นบุตรสาวพ่อค้า ข้าย่อมยินดีที่จะเป็นสหายกับนาง” “ดียิ่ง” นางยิ้มก่อนจะรีบวางจอกชาลงทันที เพราะสนทนากันอย่างเพลิดเพลินจึงลืมตัวหยิบจอกชาขึ้นมาและเกือบจะจิบมันเข้าไปแล้ว “ซือซือ ข้ามองหาเจ้าตั้งนานแท้จริงเจ้ามาหลบอยู่ที่นี่เอง” สตรีดีงามผู้มีรอยยิ้มอ่อนหวานเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปากทักทายนาง ‘ตามหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่’ นางคิดก่อนจะปรายตามองฝั่งบุร
‘เขาดูหลงใหลข้าเช่นนี้ดีไม่น้อย’ แค่นางกอดขาเขาให้แน่น เพียงเท่านี้ทางรอดของนางก็สว่างไสวแล้ว หลังจากคืนนั้นคุณชายรองเจียงก็ไม่ว่างมาปีนเข้าเรือนคุณหนูเหออีก มีเพียงจดหมายถามไถ่และเล่าเรื่องราวที่กำลังทำอยู่ให้นางทราบพร้อมทั้งส่งของปลอมประโลมที่ทำให้นางต้องคิดถึงเขาเป็นเครื่องประดับล้ำค่าและน้ำมันหอมสลับกันไปจนถึงวันที่มีการจัดงานเลี้ยงในวังหลวง ว่าด้วยงานเลี้ยงจิบชาชมดอกไม้ของฮองเฮา ไม่ต่างจากงานเลือกคู่ดูตัวเท่าใดนัก เพราะมีคุณชายคุณหนูวัยออกเรือนเข้าร่วมมากมาย แต่ละคนนั้นแต่ตัวงดงามจนเรียกได้ว่าแย่งชิงความโดดเด่นจากดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ในสวน ‘งานเลี้ยงที่ไม่มีเล่อเล่อช่างน่าเบื่อหน่าย’ เหอซือซือลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เห็นสหายว่าติดพ
17 พบเจอสหายคนใหม่ แม้จะมีเวลาเพียงหนึ่งเค่อก่อนจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับองค์รัชทายาท เจียงเซวียนก็ยังแวะเวียนมาจวนตระกูลเหอและปีนหน้าต่างเข้าเรือนคุณหนูของจวนหวังจะได้สนทนากันสักสองสามประโยคให้ชื่นใจก็ยังดี “ซือซือ เจ้ามานั่งรอพี่หรือ” วันนี้เขาอารมณ์ดี
ก็อย่างที่เคยบอก มารยาดอกบัวขาวมีแต่บุรุษที่โง่เขลาเท่านั้นแหละที่มองไม่ออก จะมาเทียบมารยาชั้นครูเช่นนางได้อย่างไร ด้านคุณหนูเหรินที่วันนี้ได้รับคำเชิญจากหลวนโหวซื่อจื่อ ให้มาพบที่จวนโหว ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจในท่าทางของสตรีที่ตนเคยมองว่าเป็นเบี้ยล่างมาตลอด ก่อนจะยิ้มให้ดูอ่อนหวานที่สุดแล้วเดินเข้าจวนโหว “พี่จิ้นฝานรอข้านานหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางมองอีกฝ่ายอย่างเพ่งพิศ แม้จะรูปงามน้อยกว่าคุณชายรองเจียง แต่ทว่าฮูหยินโหวซื่อจื่อนั้นมีศักดิ์สูงกว่า หรือนางจะเปลี่ยนใจมาล่อลวงบุรุษผู้นี้ดี ในอดีตความสัมพันธ์ก็ดีงาม หากนางต้องการสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “เจ้ามาแล้วหรือ” โหวซื่อจื่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อ
“คุณชายฮุ่ย ข้าเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอมไม่แปลกที่ท่านจะหวั่นไหวและอยากตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกาย แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่ายามนี้ตัวข้านั้นมีบุรุษที่พึงใจแล้ว และเขาก็พึงใจข้า อีกไม่นานเราสองตระกูลก็คงจะได้เกี่ยวดองกัน ดังนั้นข้าไม่อาจตอบรับการตอบแทนบุญคุณของท่านได้จริง ๆ เจ้าค่ะ” คำพูดของนางคล้ายของหนักที่กดศีรษะของอีกฝ่ายให้ก้มหัวลงเรื่อย ๆ ในขณะที่นางกอดอกกล่าววาจาด้วยท่าทางมั่นใจ แม้เขาจะมีมัดกล้ามที่แน่นน่าสัมผัสไม่น้อย แต่ก็ชะตาชีวิตเขาก็สู้ลูกรักของสวรรค์อย่างเจียงเซวียนไม่ได้ และต่อให้นางมีโอกาสได้เลือกใหม่อีกครั้งนางก็ยินดีจะเลือกพ่อค้าเช่นพี่ชายของสหายมากกว่าหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรอย่างเขาที่มีหน้าที่จะต้องปกป้องผู้สูงศักดิ์ก่อนปกป้องตนเองและครอบครัว เหตุใดนางถึงรู้น่ะหรือ ว่าฮุ่ยหลานซีคนนี้เป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร ก็นางเห็นหยกพกประจำตำแหน่งของเขาอย่างไรเล่า
‘ขอเพียงท่านตอบตกลง ข้าสามารถทำให้ท่านคู่ควรกับข้าได้’ ‘ข้ามิบังอาจ และหากท่านจำไม่ผิดข้าปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับท่านมาโดยตลอด ดังนั้นเลิกป่าวประกาศว่าข้าเป็นคนรักของท่านได้แล้ว และหยุดระรานผู้อื่นด้วย’ ‘เจียงเซวียนแม้ท่านจะใจร้ายกับข้า แต่ข้าก็ยังรักท่าน พวกเจ้าจงจำเอาไว้ นอกจากข้าไม่มีใครคู่ควรกับเขา หากยังมีสตรีใดกล้ามองเขา ข้าจะควักลูกตามันออกมาให้หมด’ กล่าวจบเหลียงจิ่วเม่ยก็ก้มเก็บแส้แล้วรีบเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที ‘คุณหนูเติ้งท่านปลอดภัยดีหรือไม่’ สตรีผู้งดงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา ‘ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเหรินที่ช่วยเหลือ’ เติ้งจูหลี่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคุณหนูที่แทบ