EP 15
น้ำตาสาวพรหมจรรย์
______________
เรี่ยวแรงของเทียนหยดเริ่มหดหาย ก็มิใช่มิเคยถูกจูบ กับเขาก็เคย กับจีรวัฒน์ก็เคย แต่รสชาติมันมิหวานบาดจิตบาดใจ มิได้รู้สึกดื่มด่ำเหมือนครั้งนี้ ลิ้นเขาที่จ้วงลงมาหาความหวานนั้นเหมือนจะเพิ่มระดับทุกๆ วินาที ลิ้นเขาทั้งร้อนทั้งสาก ทั้งเร่งปฏิกิริยาบางอย่างในร่างเธอให้ลุกฮือ สองมือเขาที่ประคองใบหน้าเธอไว้ก็เหมือนว่ามันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจเขาก็เช่นกัน มันราดรดใบหน้าเธอ ได้ยินเสียงครางเบาๆ แต่เชื่อไหมว่าเธอชอบมันเหลือเกิน อยากได้ยินมันอีก อยากได้ยินเสียงครางราวสมปรารถนาของเขาอีก และอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
“เฮือก!”
หญิงสาวผวาเฮือกเมื่อเขาถอนจูบแรงๆ หลังจากดูดลิ้นเธออย่างหนักหน่วง เขากลับไปนั่งพิงเบาะอย่างกระแทกกระทั้น ส่วนเธอนั้นทำได้เพียงยกมือปิดปาก รู้สึกเหมือนว่าริมปากเขายังทาบทับติดอยู่ก็มิปาน
“คุ...คุณจูบฉัน?”
“ใช่...ฉันจูบ อย่าถามล่ะว่าเพราะอะไร ฉันไม่มีคำตอบให้เธอหรอก” บอกด้วยเสียงที่ยังไม่เป็นปกตินัก ร่าง
“หนูเปล่า! ไม่มีอะไรระหว่างเขากับหนูทั้งนั้นแหละ แม่อย่าคิดมากสิ ก็แค่หนูเคยติดรถเขาไปทำงานไม่ได้หมายความว่าต้องมีอะไรๆ สักหน่อย”“แกร้อนตัวนะเทียนหยด” คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนท้วงทักอย่างมั่นใจ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเตชะทัตกับโสภณวิชญ์จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่นางมั่นใจว่ามันยังไม่ดีพอให้บุตรสาวกล้าสานต่อความสัมพันธ์ เจ้าตัวเพิ่งเลิกกับจีรวัฒน์ได้ไม่นาน ส่วนสมัตถ์ก็เพิ่งหย่ากับภรรยา ความรู้สึกของทั้งสองยังไม่หยุดนิ่งพอ มันยังแกว่งไกวและไร้ความมั่นคง“หนูเปล่า...เขาเพิ่งเลิกกับเมียนะ แม่อย่าพูดอย่างนี้สิ เดี๋ยวเขามาได้ยินเข้า หนูอาย” ติงมารดาอย่างงอนๆ กลอกตาไปมาสองสามที ทว่าพวงแก้มกลับขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างมิอาจห้ามปราม“ฉันแค่คาดเดาเพราะสงสัย พวกแกทำงานด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แกเคยได้ยินคำว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิดไหมล่ะ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ได้ห้ามหรอกนะ แค่อยากให้แกใช้สติในทุกๆ เรื่อง จำเอาไว้ดีๆ”“ค่า...”คนเป็นลูกรับคำอย่างระอา ก่อนจะลุกจากมาเพื่อเอากระป๋องเบียร์เปล่าไปทิ้
EP 15น้ำตาสาวพรหมจรรย์______________เรี่ยวแรงของเทียนหยดเริ่มหดหาย ก็มิใช่มิเคยถูกจูบ กับเขาก็เคย กับจีรวัฒน์ก็เคย แต่รสชาติมันมิหวานบาดจิตบาดใจ มิได้รู้สึกดื่มด่ำเหมือนครั้งนี้ ลิ้นเขาที่จ้วงลงมาหาความหวานนั้นเหมือนจะเพิ่มระดับทุกๆ วินาที ลิ้นเขาทั้งร้อนทั้งสาก ทั้งเร่งปฏิกิริยาบางอย่างในร่างเธอให้ลุกฮือ สองมือเขาที่ประคองใบหน้าเธอไว้ก็เหมือนว่ามันจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจเขาก็เช่นกัน มันราดรดใบหน้าเธอ ได้ยินเสียงครางเบาๆ แต่เชื่อไหมว่าเธอชอบมันเหลือเกิน อยากได้ยินมันอีก อยากได้ยินเสียงครางราวสมปรารถนาของเขาอีก และอยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป“เฮือก!”หญิงสาวผวาเฮือกเมื่อเขาถอนจูบแรงๆ หลังจากดูดลิ้นเธออย่างหนักหน่วง เขากลับไปนั่งพิงเบาะอย่างกระแทกกระทั้น ส่วนเธอนั้นทำได้เพียงยกมือปิดปาก รู้สึกเหมือนว่าริมปากเขายังทาบทับติดอยู่ก็มิปาน“คุ...คุณจูบฉัน?”“ใช่...ฉันจูบ อย่าถามล่ะว่าเพราะอะไร ฉันไม่มีคำตอบให้เธอหรอก” บอกด้วยเสียงที่ยังไม่เป็นปกตินัก ร่าง
“คุณพูดบ้าอะไร!”“พูดความจริงไงคะ” บอกพลางน้ำตาไหลพรากๆ แต่ไม่ยอมพ่ายแพ้ ยังสู้ต่อไปแม้หนทางชนะจะริบหรี่ “หลายครั้งที่เทียนหยดทำเหมือนกับว่าจะแย่งคุณไปจากฉัน ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะจริง จนมาถึงตอนนี้ เธอเคยบอกว่าถ้าคิดจะแย่งคุณไปจากฉันละก็ ฉันจะไม่มีวันรู้ตัว และตอนนี้...ฉันเชื่อแล้วสมัตถ์ เธอได้คุณไปจริงๆ” ราตรีคิดเองเออเองตามที่สมองกำลังเรียบเรียงคนถูกกล่าวหาเริ่มโกรธ เธอไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นสักนิด ที่เคยพูดไปก็แค่อยากแกล้งให้หล่อนเต้นเป็นเจ้าเข้าเท่านั้น“เธอพูดบ้าอะไรของเธอฮะ!”เทียนหยดก้าวเข้ามาร่วมวง เธอไม่ได้ทำอย่างนั้น และราตรีไม่ควรมาปรักปรำ“พูดความจริงไงล่ะ สมใจเธอแล้วนี่” ราตรีเยาะ น้ำตายังไหลอยู่ “เธอแก้แค้นฉันสำเร็จแล้ว จำไว้นะสมัตถ์ ถ้าคุณตกหลุมพรางแม่นี่เมื่อไหร่ คุณได้เจ็บปางตายแน่ๆ เทียนหยดก็เห็นคุณเป็นแค่เครื่องมือแก้แค้นฉันเท่านั้น เอาสิ ตอนนี้ฉันก็หย่ากับเขาสมใจเธอแล้ว ฉากต่อไปเธอก็รอเสียบตำแหน่งเมียใหม่ได้เลย!”เผียะ!ราตรีหน้าหันตามแรงตบ แต่ก็
รุ่งเช้าวันใหม่กระเป๋าเสื้อผ้าของสองแม่ลูกถูกขนขึ้นรถเตรียมพร้อมออกจากบ้านโสภณวิชญ์ เทียนหยดเองก็เช่นกัน ผิดแค่ว่าเธอต้องรอสมาชิกอีกคนของบ้านนี้ ไม่สามารถไปพร้อมกับมารดาและน้องชายได้“แม่น่าจะให้เขาขับรถไปเอง” เธอโอดอยู่ข้างกระจกรถของมารดา มารดาและน้องชายขึ้นรถเรียบร้อย สตาร์ตรถแล้วอีกต่างหาก“เขาไม่รู้ทาง เดี๋ยวหลง” ผกากรองว่า ไม่ได้แปลกใจกับการไปด้วยของสมัตถ์ กลับกัน นางนึกยินดีหากมันจะช่วยให้สมัตถ์เข้าใจความเป็นเตชะทัตมากยิ่งขึ้น คงดีหากคนจากสองครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจมากกว่าความขัดแย้ง“โธ่...ก็หนูไม่อยากนั่งรถไปกับเขานี่นา”“ทีไปทำงานยังนั่งได้” ผกากรองเถียง“ก็มันไม่เหมือนกันนี่คะ ไปทำงานก็นั่งไปแป๊บๆ” เธอแย้ง ช่วงนี้สมัตถ์อารมณ์ไม่ค่อยปกติด้วย เธอคงเฉาเป็นผักตากแดดถ้าใช้อากาศร่วมกับเขานานๆ ถ้าเขาสดชื่นให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเมื่อก่อนก็คงดีกว่านี้“เรื่องมาก หลีก จะไปแล้ว”“โธ่...แม่!” ได้แต่โอดครวญอย่างขัดใจ เพราะมารดาที่รั
อีกด้านของความเป็นอยู่ของคู่ชู้แสนเสน่หา ราตรีซุกกายอยู่ใต้ผ้านวมของจีรวัฒน์ตั้งแต่เมื่อคืน เขาลุกไปทำงานที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ไม่สนใจแม้ว่าหล่อนจะส่งเสียงกรีดร้องตอนที่วางสายโทรศัพท์“ฉันจะฆ่ามัน!” ราตรีร้องออกมาดังๆ ด้วยความโมโหจีรวัฒน์หันมองอย่างระอา ส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนอยู่รอบเตียง หล่อนควรทำอย่างอื่นบ้างนอกจาก กิน นอน และมีเซ็กซ์กับเขา“เชิญคุณฆ่าเถอะ แต่ก่อนอื่น ลุกมาเก็บเสื้อผ้าก่อนได้ไหม มันไม่มีที่จะเดินแล้ว” เขาบอก หล่อนมาพักอยู่กับเขาได้ เขาไม่ว่าหรอก แต่ควรช่วยทำความสะอาดบ้าง ไหนๆ หล่อนก็เป็นผู้หญิง งานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ก็ควรทำ จะได้ไม่ต้องจ้างแม่บ้านแบบรายครั้งให้สิ้นเปลือง“โอ๊ย! ขี้เกียจ เรียกแม่บ้านสิ”อีกฝ่ายบอกอย่างหัวเสีย ลงจากเตียงไปหาเสื้อคลุมมาสวมลวกๆจีรวัฒน์ส่ายหน้าน้อยๆ “ไหนๆ ก็มาอยู่ด้วยกันแล้ว ผมอยากให้คุณทำ เมื่อก่อนเทียนยังทำให้ผมเลย” เขาเปรียบเทียบ นั่นยิ่งทำให้ราตรีไม่พอใจ“ช่างสิ ฉันไม่ใช่แม่นั่น อ้อ...รู้อะไรไหม ยัยนั่นเอ
[14]หัวใจดวงนี้เป็นของใคร_________สมัตถ์พยายามดึงแขนหล่อนออกจากกาย แต่หล่อนกอดเขาแน่น ไม่แคร์สายตาคนอื่นที่มองมา เวลานี้ใกล้เที่ยง ลานจอดรถจึงมีผู้คนเข้าออกคึกคักเพราะต้องขับรถออกไปหามื้อเที่ยงรับประทาน“ไนท์ขอโทษ...ฮึกๆ ไนท์ผิดไปแล้ว ฮือ...มัตถ์ขา ให้โอกาสไนท์สักครั้ง ไม่ต้องแต่งงานกัน ฮึกๆ ไม่ต้องยกย่องไนท์ก็ได้ แค่ขอให้ไนท์อยู่ด้วยคน ไนท์ไม่มีที่ไปแล้วสมัตถ์ ไนท์ขอโทษ ฮือ...”สมัตถ์น้ำตาคลอ ดึงราตรีออกจากอกด้วยแรงทั้งหมดที่มี“อย่า...พยายามเลยไนท์ ผม...เป็นควายมาชาติหนึ่งแล้ว ให้ผมเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้างเถอะ ถ้าคุณรักผมจริงละก็ ได้โปรด...ไปให้ไกลจากผม ปล่อยให้ผมเสียใจอยู่ตรงนี้แค่คนเดียวเถอะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมเสียใจแค่ไหนกับสิ่งที่คุณทำ ถ้าผมทำได้ ถ้าชีวิตนี้มันเป็นของผมแค่คนเดียว นาทีนี้คุณอาจไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของผมแล้วก็ได้ ให้เวลากันและกันเถอะไนท์ ทบทวนตัวเอง บางที...คุณอาจไม่ได้รักผม เพราะถ้าคุณรักผมสักนิด คุณจะไปนอนกับคนอื่นทำไม!”ราตรี
อรุณรุ่งวันใหม่เสียงหัวเราะคิกๆ กับเสียงดังก๊องแก๊งที่ดังมาจากด้านนอก ทำให้เทียนหยดต้องปรือตาขึ้นมามอง เธอกะพริบตาปริบๆ ควานหาโทรศัพท์มือถือเพราะนึกว่าเสียงดังมาจากมัน ทว่าเมื่อพิจารณาหน้าจอก็ไม่พบสิ่งใด นอกจากสายเรียกเข้าจากมารดาประมาณยี่สิบกว่าสายได้“โอ๊ย...แม่...จะโทรจิกอะไรนักหนา อีกไม่กี่ปีลูกแม่จะสามสิบแล้วนะ ไม่ใช่เด็กอายุสิบสามซะหน่อย” บ่นมารดาทว่ากดเบอร์ต่อสายกลับไป และกว่าจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว เธอก็โดนบ่นจนหูชา“ค่ะแม่ หรือคะ ค่ะๆ หนูทราบแล้ว หนูอยู่คอนโดฯ ค่าๆ” เธอรับคำที่มารดาเอื้อนเอ่ย และต้องติดอ่างเมื่อมารดาเอ่ยถึงเขา “เอ่อ...หนู...หนูส่งเขาที่โรงแรมค่ะ แล้วค่อยกลับมาที่นี่ กะว่าสายๆ จะพาเขาไปเขต เขานัดไนท์ไว้สิบโมง”เธออธิบาย มารดาที่รักบอกว่าราตรีเข้าไปเก็บเสื้อผ้าบ้างแล้ว แต่ยังเอาไปไม่หมด เจ้าตัวพยายามเข้าหานางศรีสุรางค์ แต่ยังไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ล่าถอยไป“ค่ะแม่ แล้วหนูจะรีบกลับค่ะ” รับคำมารดาแล้ววางสายท่าน มารดาที่รักบอกให้เธอรีบกลับบ้านหลังจากพาสมัตถ์ไปที่เขต ท่
“อยากกลับก็กลับไปสิ ฉันยังไม่กลับ”เขาตอบ นั่งลงบนผืนทราย ไม่ได้แยแสเสื้อผ้าของตัวเองที่เปียกปอน“โอเค งั้นฉันขับรถกลับนะ ส่วนคุณก็เป็นบ้าอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ไปล่ะ” เธอใช้ไม้ตาย คงไม่ได้กลับบ้านง่ายๆ หากมัวแต่รอให้ผู้ชายใจสลายยอมใจอ่อนเทียนหยดเดินกลับมาที่รถ ไขกุญแจแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย และก่อนที่เธอจะสตาร์ทรถ ประตูอีกฝั่งก็ถูกเปิดออก บุรุษในชุดชุ่มน้ำทะเลกับเม็ดทรายก้าวเข้ามานั่งเอนหลังพิงเบาะแบบหมดสภาพ“ให้ตายเถอะ! คุณต้องจ่ายค่าล้างรถให้ฉัน!” เธอประกาศดังๆ อยากจะร้องไห้ เบาะผ้าสวยๆ นุ่มๆ ของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำทะเลเค็มปี๋และเม็ดทรายเล็กละเอียด ส่วนเขายิ้มเยาะแล้วหัวเราะในลำคอราวสะใจ“พรุ่งนี้...ฉันจะโสดแล้วนะ เป็นการโสดที่ทรมานเหลือเกินเทียน ฉัน...ยังรักไนท์ แม้ว่าเขาจะร้าย...ฉันก็ยังรักอยู่ ทำไมใจฉันมันดื้อด้านอย่างนี้นะ ไม่ยอมรับความจริงบ้างเลย”“มันคงต้องการเวลาแหละคุณ หรือไม่ก็...ต้องการใครสักคน...มาดูแลมัน” เธอว่าแล้วยิ้มบางๆ หัวใจเธอก็เช่นกัน มันยังโหยหาค
“ฉันต่างหาก...ที่ต้องถามคำถามนั้น!”เสียงสั่นเครือแต่หนักหน่วงของใครบางคนแทรกเข้ามาตอบคำถามนั้นของราตรี หญิงสาวมุ่นคิ้ว ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะได้เบิกโตเมื่อสมัตถ์โผล่ออกมาจากข้างประตู เขายืนอยู่หลังเทียนหยด ดวงตาก่ำแดงพร้อมจะหลั่งหยดน้ำตา“มะ...มัตถ์!” เธอร้องเรียกชื่อสามีอย่างไม่เชื่อสายตา สมัตถ์มาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่มีวันรู้ เธอทำทุกอย่างอย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอน“หึๆ ขอบใจนะ ที่ยังจำผัวตัวเองได้...” พูดไปก็ข่มกลั้นโมหะโทสะ สองมือกำแน่นอยู่ข้างลำตัว โกรธจนร่างชาดิก หัวใจเต้นกระหน่ำปานจะทะลุออกมากจากอก พอข่มกลั้นความโกรธไว้มากเข้า มันก็ผลักดันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบที่เรียกว่าหยดน้ำตา“มัตถ์คะ คือว่า...” ราตรีหน้าเสีย มือสั่นปากสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดี“รู้อะไรไหม ตอนนี้ฉันอยากเอาปืนมาจ่อหัวพวกเธอทั้งสองคน! แต่ว่า...ฉันจะไม่ทำแบบนั้น ฉันจะไม่พาความยุ่งยากมาใส่ตัวเองอย่างเด็ดขาด ถ้าพวกเธอมีความสุขกับการเสพสังวาสที่ผิดศีลธรรมจรรยา งั้นก็เอาเลยราตรี! ฉันจะหลีกทางให้ พรุ