LOGINในวันที่ครอบครัวกลายเป็นบุคคลล้มละลาย เพื่อนฝูงเมินหน้า คนรักปันใจให้หญิงอื่นซ้ำยังคิดจะทำเลวระยำกับเธอ ‘ศิร์กานต์’ ไขว่คว้าผู้ชายที่เข้ามาช่วยเหลือ เขาผู้เปรียบเสมือนขอนไม้กลางทะเลมรสุม โดยหารู้ไม่ว่าการเลือกครั้งนี้จะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล กันต์กฤษ หนุ่มวิศวกรรมการบินปี 3 หล่อ รวย ทรงแบด ไม่เคยคบสาวเกินหนึ่งคืน หน้าตาสะสวย แววตาเด็ดเดี่ยวร้ายกาจของศิร์กานต์กลับทำให้เขาสนใจ ยื่นข้อเสนอให้เธอเป็นเด็กของเขา ทว่า กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย คนอย่างเขาสนใจเธอแล้ว มีหรือจะยอมปล่อยให้หลุดมือ เขานี่แหละจะสอนให้เธอรู้ว่า... เป็นเด็กดีหรือจะสู้เป็นเด็กพี่ โดยเฉพาะเป็นเด็กของ ‘พี่เกียร์’ ** *** ** *** ** *** “จะทำอะไร” คนสวยหน้าตื่น ผงะออกห่างจนตัวเธอเอนไปด้านหลัง ต้องใช้มือหนึ่งค้ำพื้นพรมสักหลาด อีกมือใช้ดันอกผมไว้ ผมมองแล้วแสยะยิ้ม ขำที่เธอคิดว่าจะหนีพ้นมือถ้าผมเอาจริง “ทำอะไรดีล่ะ...” ผมละคำพูดไว้เพื่อปั่นเธอ “...เรียกร้องรางวัลที่พี่ควรได้ดีไหม...”
View More“พวกแก....ใช่น้องคนนั้นป้ะ”
“ใช่อะไรวะ”
“คนที่เขาพูดกันว่าบ้านล้มละลายไง พ่อยังไปโกงคนอื่นเยอะแยะ หนี้ท่วมหัวแล้วฆ่าตัวตายไง”
“ใช่ ๆ คนนี้แหละ”
“เบาหน่อยพวกแก เดี๋ยวเขาได้ยินหรอก”
“ได้ยินแล้วจะยังไงอะ ก็แค่ลูกคนขี้โกง ทีทำความเดือดร้อนให้คนอื่นยังไม่เห็นจะอายเลย”
นั่นสิ ทำไมฉันต้องอาย ผู้หญิงอย่างฉัน ที่รัก ศิร์กานต์ ฐิติวัสส์ ไม่ได้เป็นคนทำผิดคิดชั่วกับใคร ทำไมต้องสนใจเสียงนกเสียงกา คนพวกนี้ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง สักแต่พูดตามเรื่องซุบซิบนินทา
“แก...จัดสักหน่อยมั้ย”
“ช่างมันเถอะแก พ่อฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ทำไมฉันต้องอาย”
ฉันดึงแขนเพื่อนที่ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องพวกนั้น เชิดหน้าเดินผ่านกลุ่มคนเหล่านั้นไปหาโต๊ะนั่งราวกับไม่ได้ยินเรื่องอะไร ซึ่งตลอดสองอาทิตย์มานี้ เรื่องของฉันกลายเป็นเรื่องเมาท์สุดฮิตของคนในมหา’ลัยตั้งแต่มีข่าวเรื่องพ่อของฉันล้มละลายแถมยังโกงใครต่อใครนับไม่ถ้วน
พ่อของฉัน หรือที่ใคร ๆ ต่างรู้จักดีในชื่อนายสรนันท์จากกลุ่มสรนันท์กรุป คือชายที่ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รางวัลมากมาย ที่คฤหาสน์ต้องมีห้องเก็บใบประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัลต่าง ๆ โดยเฉพาะ ใครจะคาดคิดล่ะว่า วันหนึ่งกลับต้องเป็นบุคคลล้มละลาย หนี้ท่วมหัว ญาติพี่น้องเมินหน้าหนี สาเหตุแท้จริงมาจากการคดโกงกันเองในบริษัท พ่อซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง พ่อถึงกับช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อไม่มีพ่อ เจ้าหนี้ต่างรุมทึ้งเธอกับแม่ ทรัพย์สินประดามีจึงถูกขายเพื่อใช้หนี้จนแทบหมดตัว
เพราะแบบนั้น ฉันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวจึงต้องรับข้อครหามาด้วย เพื่อนร่วมห้องต่างพากันตีตัวออกห่าง ไม่อยากคบไม่อยากเสวนา เดินไปทางไหนในมหา’ลัยมีแต่คนนินทา
ในความโชคไม่ดี ฉันยังมี แสนดี หรือ อนุรดี ที่เป็นเพื่อนแท้ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนม.ต้น กระทั่งตอนนี้เรียนมหา’ลัยปี 1 คณะบริหารธุรกิจของมหา’ลัย A เพื่อนคนนี้ก็ยังอยู่เคียงข้าง หลายครั้งที่เพื่อนเสนอความช่วยเหลือให้ ฉันเองที่ปฏิเสธ เพราะเพื่อนเป็นแค่นักศึกษาตัวเล็ก ๆ ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยมากเข้าขั้นมหาเศรษฐีแม้จะมีธุรกิจหลายอย่าง นั่นก็เงินของพ่อแม่ไม่ใช่ของเพื่อน ปัญหาหลายอย่างฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนรู้ด้วย
นอกจากแสนดีแล้ว ยังมีเพื่อนรุ่นพี่อีกสองสามคนที่หยิบยื่นไมตรีและความช่วยเหลือให้
“นั่งตรงนี้แหละแก” ฉันดึงแขนเพื่อนรักให้นั่งตรงที่ว่าง โดยไม่สนใจว่าโต๊ะดังกล่าวอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มองฉันเป็นตาเดียว โรงอาหารแห่งนี้เป็นโรงอาหารกลางของมหา’ลัย ช่วงพักเที่ยงคนเลยเยอะมาก ฉันจึงตกเป็นเป้าสายตาของคนกลุ่มใหญ่ ถ้าไม่เพราะมีเรียนตึกรวม ฉันคงไม่มาเหยียบที่นี่แน่ แค่เป็นตัวประหลาดในคณะก็น่าเบื่อพอแล้ว
“ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา ทำยังกับไม่เคยเห็นคนไปได้” เป็นแสนดีที่บ่นอย่างไม่ชอบใจ
“ช่างเถอะน่า”
“มันน่าหงุดหงิดแทนแกนี่นา”
นึกขำเพื่อนรักที่ตวัดมองไปรอบ ๆ ตาขวาง ๆ
“กินข้าวเถอะ อย่าใส่ใจเลย”
“โอ๊ย! แม่พระจริงเพื่อนฉัน”
“แม่พระเพลิงสิไม่ว่า แค่ตอนนี้ฉันหิวมากเลยไม่อยากเผาใครเล่น”
พวกนั้นทำได้ก็แค่มองแล้วซุบซิบนินทาแค่นั้นเอง ฉันยักไหล่บอกความไม่ยี่หระ ใครอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เมื่อยปากเมื่อไหร่ก็เลิกไปเองนั่นแหละ
หลังกินข้าวเสร็จ ฉันแยกไปห้องน้ำ ส่วนแสนดีวิ่งไปซื้อน้ำรอ ด้วยว่าคลาสเช้าอาจารย์ปล่อยช้า เหลือเวลากินข้าวเที่ยงไม่มาก กินอิ่มก็ใกล้ได้เวลาเรียนคลาสบ่าย
“นึกว่าใครที่แท้ก็คุณหนูตกยากนี่เอง”
ขณะกำลังล้างมือ เจ้ากรรมนายเวรที่ฉันไม่อยากเจอโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำ
“อุ๊ย! นี่รึเปล่าเกดที่เขาพูดกันว่านางฟ้าตกสวรรค์น่ะแก”
คนพูดเสริมหัวเราะคิกคัก พลอยให้เพื่อนในกลุ่มหัวเราะไปด้วย
ฉันไม่ได้สนใจมองหน้า เกด หรือชื่อเต็มก็คือ อัญชเกศ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของลุงฉันเอง มองเพียงมือที่กำลังล้างทำความสะอาดของตนเองเท่านั้น
ฉันกับเกดเราเป็นญาติกัน แม่เธอเป็นพี่สาวของพ่อฉัน แต่เลิกรากับสามีไปหลายปี ตอนเกิดเรื่องป้าก็เป็นคนแรกที่ตัดความสัมพันธ์กับพ่อ
“ทำเป็นนิ่งทำไมล่ะ ลืมเวลาระริกระรี้อยากได้พ่อฉันตัวซีดตัวสั่นทั้งแม่ทั้งลูกไปแล้วเหรอ”
“ใครไปอยากได้พ่อเธอ” ฉันตวัดสายแข็งกร้าวจิกมองคนหาเรื่องที่กำลังยิ้มเยาะ ว่าฉันฉันทนได้ แต่ว่าแม่ฉัน ฉันไม่ทน
“ไม่อยากได้ก็พากันไสหัวออกมาจากบ้านพ่อฉันสิ พูดแล้วก็นะ ถามหน่อย แกหรือแม่แกที่เอาตัวประเคนให้พ่อฉันจนพ่อยกบ้านให้อยู่หลังนึงน่ะ หรือว่าทั้งแม่ทั้งลูก”
คำพูดดูแคลนทำฉันควันออกหู
“แกกำลังดูถูกพ่อแกอยู่นะ หรือที่แหกปากปาว ๆ เนี่ย กลัวพ่อแกจะยกสมบัติให้ฉันแทนแกงั้นเหรอเกด”
“อีนี่” เกดตาลุกวาว ปรี่เข้ามาจะผลักอก ฉันตั้งหลักอยู่แล้วจึงเป็นฝ่ายผลักเธอเต็มแรงจนเซแซด ดีที่เพื่อนของเธอรับตัวไว้ไม่อย่างนั้นคงได้ล้ม
“อี!”
“หุบปาก! การที่ฉันไม่ถือสาหาความกับเธอเป็นเพราะเห็นแก่ลุงสิทธิ์หรอกนะ แต่ไม่ใช่ฉันจะยอมให้เธอมารังแกกันง่าย ๆ จำไว้”
กายแกร่งตามลงมาบนเตียง ดึงตัวฉันเข้าไปกอด ซุกหน้าเข้าหอมซอกคอจนรู้สึกจั๊กจี้ แต่ฉันก็กอดเขาไว้ ไออุ่นจากตัวพี่เกียร์ค่อย ๆ ทำให้ฉันตาปรืออีกครั้ง และคงจะหลับถ้าเขาไม่พูดขึ้นมา“ที่รัก...เดือนที่แล้วเมนส์ไม่มาใช่มั้ย”“หืม...”“เดือนนี้ก็ยังไม่มา”จริงด้วย ฉันตาสว่างทันที พี่เกียร์ผงกหน้าขึ้นมามองหน้ากัน ก่อนที่มือหนาจะวางลงบนหน้าท้องฉัน ลูบวนเบา ๆ แป๊บเดียวเขาก็ดีดตัวลุกจากที่นอนจนฉันสะดุ้งไปด้วย“เดี๋ยวพี่มานะ”ได้แต่มองตามงง ๆ พี่เกียร์ก็ออกจากห้องไปแล้วหลังแต่งงานเราสองคนย้ายมาอยู่คฤหาสน์คิณณ์ภัทธเป็นหลัก เพนต์เฮาส์ของพี่เกียร์ก็ยังไปกันอยู่บ่อย ๆ แต่นานครั้งจะค้างสักคืนไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ฉันเลยคิดว่าล้างหน้าล้างตาลงไปทำอะไรให้พี่เกียร์กินมื้อเช้าดีกว่า สายสักหน่อยค่อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าฉันท้องจริงหรือเปล่าลูบท้องตัวเองเบา ๆ ในนี้มีเจ้าตัวเล็กของฉันกับพี่เกียร์อยู่หรือยัง ช่วงนี้งานยุ่งมากอาจจะเหนื่อยเลยเป็นสาเหตุมให้ประจำเดือนก็เป็นได้ แต่ก็อดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้เหมือนกัน อาการของพี่เกียร์เหมือนกับคนแพ้ท้องแทนเมียเลย ขอให้ฉันท้องจริง ๆ เถอะ ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาพยายามมากบอกอยา
“ไม่ลืมค่ะ” คนสวยคลี่ยิ้มหวานเอาใจ “แค่แปลกใจ ปกติเราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน หนูไม่คิดว่าพี่จะทำเรื่องโรแมนติกแบบนี้อีก”“ทำไมพี่จะไม่ทำล่ะ หืม...”ผมสวมกอดร่างนุ่มจากด้านหลัง ฝังจมูกกับนวลแก้ม ที่รักรู้ใจผินหน้ามารับจูบหวาน ๆ จนเราต่างซาบซ่านไปทุกอณูหลังจูบเธอจนหวามไปทั้งอก ผมชูลูกบอลสีเงินสวยขึ้น ขนาดของมันประมาณลูกเทนนิสได้“อะไรคะ”“เปิดดูสิ”ที่รักเลิกคิ้วเล็กน้อยและมีสีหน้าอ่อนใจด้วยคิดว่าผมคงมอบของมีค่าให้เธออีกแล้วอย่างที่ทำเสมอมาในวันครบรอบครั้นเธอหมุนมันเปิดออกก็ยืนนิ่งขึง จ้องสิ่งที่อยู่ในนั้นไม่ละสายตา“นี่มันอะไรคะ”ผมคลี่ยิ้ม จูบขมับเล็กเบา ๆ ก่อนจะหมุนร่างนุ่มหันหน้ามาหา ดึงของในมือเธอออกมา หยิบแหวนเพชรน้ำงามจากในลูกบอลก่อนจะนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า“แต่งงานกับพี่นะ”“พี่เกียร์...”“มาเป็นเด็กพี่ตลอดไป”ที่รักหลุดหัวเราะทั้งรอยยิ้ม ดวงตาคู่สวยมีน้ำขังคลอแต่กลับยิ่งทำให้มันเปล่งประกายจับสายตา หน้าสวยพยักหน้า“ฮื่อ...”ผมคลี่ยิ้ม สวมแหวนน้ำงามในนิ้วนางข้างซ้ายของคนที่สวยและงดงามที่สุดในชีวิตของผมอีกคนนอกจากแม่ อ้าแขนรับร่างนุ่มที่โถมเข้ากอดแทบไม่ทัน“วู้...วิ้ว...”เสียงเป่าปาก
“ไม่หรอกครับ ไม่ว่า... พี่จำเราไม่ได้จริง ๆ แต่ก็ชอบเราทันทีที่เจอกันอีกครั้ง นี่เรียกว่าพรหมลิขิตหรือเปล่านะ”“ตอนนั้นที่พี่พันแผลให้หนู พี่ไม่ได้พันแค่มือแต่พันหัวใจหนูไว้ด้วย เพราะฉะนั้น พี่ชอบหนูก็ถูกต้องที่สุดแล้ว”ฉันบีบจมูกโด่งหยอกเย้า พี่เกียร์ก็ไล่งับไล่จูบมือข้างนั้นอยู่นาน เลยมาปิดปากฉัน มอบจูบแสนหวานให้ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง อุ้มตัวฉันขึ้นซ้อนตัก คว้าแก้วไวน์จ่อปาก“ฉลองกัน”“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”“โอกาสที่เราตกหลุมรักกัน ได้อยู่ด้วยกันไงครับ นี่เป็นโอกาสพิเศษ ควรฉลองสุด ๆ ว่าไหม”นั่นสินะ การได้มีพี่เกียร์เป็นคนรักเป็นความพิเศษสุด ๆ ในชีวิตของฉันจริง ๆฉันกุมมือทาบมือใหญ่ดันแก้วไวน์ขึ้นจ่อปากอีกครั้ง ดื่มด่ำรสชาติของมันด้วยความรู้สึกละเมียดละไมดื่มไปครึ่งแก้ว พี่เกียร์ก็ดื่มที่เหลือจนหมด ก่อนจะรินใหม่ ป้อนฉันและเขา เราสลับกันป้อนกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรู้สึกละเอียดอ่อนความคิดซุกซนวาบขึ้นในหัวในตอนหนึ่ง ฉันยกขวดไวน์ขึ้นดื่มโดยไม่รินใส่แก้ว ปล่อยให้บางส่วนไหลออกมาตรงมุมปาก อาบลำคอจนถึงทรวงอกเปลือย เห็นสายตาคมเข้มข้นดำดิ่ง ลำคอหนากลืนน้ำลายจนเห็นลูกกระเด
เขาถามเหมือนถามไปงั้นไม่ต้องการคำตอบ ฉันจะดึงแขนหนี เขาก็ยึดไว้ ตวัดตาคมมาดุฉันด้วย ก่อนจะทำให้ฉันนิ่งงันอีกรอบด้วยการดึงเนกไทของเขาออกมาพันรอบแขนตรงที่เป็นแผลถลอก “ปิดแผลไว้ก่อน กลับไปบ้านก็หาแอลกอฮอล์ล้างดี ๆ รู้ไหม จะได้ไม่ติดเชื้อ”“อะ อืม”เพื่อนเขาอีกสองคนพากันยืนมองยิ้ม ๆ พูดให้คลายกังวล“ไม่ต้องกลัวหรอก เราไม่ทำอะไรน้องหรอก” “ต่อไปอย่าเดินคนเดียวแบบนี้อีกล่ะ” “อื้อ”ฉันพยักหน้ารับรัว ๆ เมื่อเขาพันแขนให้เสร็จ ฉันรีบเอ่ยขอตัว“ขอบคุณพวกพี่มาก หนูขอตัวก่อนนะ”ไม่กล้ามองพวกเขาอีก หันหลังเดินเร็ว ๆ ออกไปทางปากซอย แต่ได้ยินเสียงพวกเขาพูดคุยกันตลอดเวลาดังตามมา พอมาถึงป้ายรถเมล์พวกเขาพากันแยกไปยืนอยู่มุม ไม่ได้สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ หากเป็นฉันที่แอบมองเขา ความปลื้มปริ่มท่วมท้นล้นใจ และรู้สึกว่าพี่เขาหล่อมาก เท่มาก ฉันคิดว่าพวกเขามารอรถเมล์แต่ไม่ใช่ รถเมล์มากี่คันพวกเขาก็ไม่ได้พากันขึ้น กระทั่งลุงขับรถของฉันมาจอด ตอนจะขึ้นรถ ฉันหันไปมองเขาอีกครั้ง พี่เกียร์พยักหน้าเหมือนเป็นการบอกลากัน ก่อนเขากับเพื่อนจะพากันเดินไปอีกทาง ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เขายืนอยู่เป็นเพื่อนฉัน เขาคนนั้นชื่อ...พี่เกีย





