“แม่คะ ข้าวเช้า?”
“ไม่ ฉันรีบ แกกินไปเถอะ ไปเร็วตาโอบ” ผกากรองพาโอบนิธิเดินออกไป เทียนหยดไม่ทันได้ทักทายน้องชายด้วยซ้ำ
ศรีสุรางค์เดินลงบันไดมาพร้อมหลานชาย ทั้งสองจับจูงกันเข้ามาในห้องอาหาร พากันนั่งลงก่อนที่วงมื้อเช้าจะเริ่มต้นขึ้น สมัตถ์เพียรตักกับข้าวลงในถ้วยข้าวต้มจืดๆ ให้ภรรยา ท่าทีรักใคร่ห่วงใยนั้นทำให้เทียนหยดอดสมเพชไม่ได้ เพราะถ้าราตรีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจีรวัฒน์จริงละก็ สมัตถ์ก็คงเข้าข่ายถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัวเลย แต่บอกไปคงไม่มีใครเชื่อ ในเมื่อราตรีไม่ได้แสดงออกให้คนอื่นรู้เลยว่าหล่อนมีรสนิยมนอกใจสามี และหากบอกสมัตถ์ในเรื่องนี้ คงเป็นเธอมากกว่าที่อาจโดนด่าเปิงกลับมา ให้สืบจนรู้แน่ชัดก่อนเถอะ รับรองว่าทั้งราตรีและจีรวัฒน์ได้เจ็บไม่น้อยกว่าเธอแน่นอน
“ย่าปวดเข่าจังเลยตามัตถ์ เดินเหินไม่ค่อยจะคล่อง อึดอัด” ศรีสุรางค์ว่าพลางตักข้าวต้มเข้าปาก เทียนหยดหันมามองอย่างใคร่รู้
“ไปหาหมอไหมครับ ผมพาไป”
“ไม่ๆๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก” คนเป็นย่ารีบห้าม ด้วยไม่อยากรบกวนหลานชาย
“ความจริง...การออกกำลังกายเบาๆ ก็ช่วยได้นะคะ” เทียนหยดเสนอ ทุกคนหันมามอง ก่อนที่ศรีสุรางค์จะทำเมินใส่ “โอเคค่ะ ก็แค่เสนอน่ะ คนเราอยู่บ้านเดียวกัน”
“ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก ลูกหลานฉันก็มี”
หญิงชราตอบอย่างถือดีจนเทียนหยดต้องถอนหายใจอย่างระอา
“โอเคค่ะ คราวหน้าถ้านอนตายตรงหน้า หนูก็จะเดินข้ามค่ะ” ตอบแล้วยิ้มเพลียๆ แต่สะใจบอกไม่ถูก
“เทียนหยด!” สมัตถ์ปราม แต่เทียนหยดหรือจะกลัว
“ฉันพูดจริงค่ะ ฉันไม่เคยคิดร้ายกับคนบ้านนี้ ฉันมาเพราะพ่อเลี้ยงฉันสั่งไว้ ฉันพยายามทำดีกับพวกคุณนะคะ ฉันดีเท่าที่ดีได้ แต่อย่าให้ฉันร้ายก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันร้าย พวกคุณได้โกรธฉันยิ่งกว่านี้แน่ๆ ฉันเป็นคนเจ็บแล้วต้องเอาคืนค่ะ ทุกเรื่องด้วยนะ” บอกแล้วจ้องหน้าราตรีตาไม่กะพริบ มื้อเช้าวันนี้มันกร่อยสนิทเสียแล้วล่ะ
“เธอหมายความยังไงกันแน่” ราตรีพาลน้อยๆ ด้วยรู้สึกว่าเทียนหยดกำลังพูดกับเธอมากกว่าพูดกับคนอื่น
“หมายความตามนั้น ของของใครก็ต้องหวงเป็นธรรมดานะคะคุณราตรี” พูดกำกวมให้ทุกคนสงสัย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมายังที่นั่งของสมัตถ์ “ไปกันเถอะค่ะ สายแล้ว” บอกแล้วดึงแขนสมัตถ์ขึ้นมา
ชายหนุ่มลุกตามอย่างงงๆ ยิ่งตอนที่เทียนหยดคล้องแขนเข้ากับแขนแกร่งของเขา เขาก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก
ราตรีลุกมายืนอย่างไม่พอใจ ก้มมองแขนของเทียนหยดที่คล้องแขนสามีแล้วอ้าปากค้างพูดไม่ออก
“ไปกันเถอะค่ะ ฉันรีบ”
เทียนหยดบอกแล้วดึงสมัตถ์ออกมา ราตรีตามมาติดๆ จนถึงหน้าบ้าน
สมัตถ์สะบัดแขนเทียนหยดออกอย่างแรงจนหญิงสาวเซน้อยๆ ทว่ามีรอยยิ้มที่มุมปาก มันสนุกที่ได้แกล้งราตรีให้ประสาทแตก
“เธอทำบ้าอะไรฮะ! มาควงแขนฉันทำไม!” สมัตถ์ว่า พอได้สติก็หัวเสียไม่น้อย หันมองร่างภรรยาที่เดินตามมาก็ยิ่งใจหาย ไม่แคล้วแม่คนขี้หึงได้คาดโทษเขาแล้วแน่ๆ
“ใช่! มีสิทธิ์อะไรทำแบบนี้ฮะ! ฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ!” ราตรีเดือดดาลอย่างที่สุด จะเข้าไปเอาเรื่องเทียนหยดตามประสาภรรยาขี้หึง แต่สามีดึงร่างไว้
เทียนหยดยิ้มเยาะ อย่างนี้แหละที่เธอต้องการ
“ทำไมจะควงไม่ได้ละคะ ทำมากกว่านี้ก็เคย หรือคุณว่าไงคะสมัตถ์ เรื่องเมื่อเช้าน่ะ”
“กรี๊ด...นังเทียน! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
ราตรีร้องกรี๊ดๆ ประหนึ่งนางร้ายในละครหลังข่าว
เทียนหยดยิ้มสมใจ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถอย่างผู้ชนะ ส่วนสมัตถ์นั้นหรือ ก็โดนทุบถองจากศรีภรรยาเสียน่วม
ตุบตับๆๆ
“โอ๊ย! ไนท์! พอๆๆ มันไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ไม่มีแล้วนังเทียนมันจะกล้าพูดแบบนั้นหรือฮะ! บอกมาเดี๋ยวนี้นะสมัตถ์!”
“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ” โป้ปดออกไปเพื่อเอาตัวรอด ขืนให้ราตรีรู้เรื่องเขากับเทียนหยดเมื่อเช้านี้ละก็ มีหวังวันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานแน่ๆ
“ไม่จริง! ไนท์ไม่เชื่อ นี่แน่ะๆๆ”
แล้วราตรีก็ใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบร่างสามีไปหลายที สมัตถ์เห็นท่าไม่ดีก็เตรียมเผ่น
“โอ๊ยไนท์! เอาไว้คืนนี้ค่อยคุยกันนะที่รัก ผมไปทำงานก่อน ไปแล้วนะ!” ว่าแล้วก็พากายออกห่างกำปั้นน้อยๆ ของศรีภรรยา เป็นจังหวะเดียวกับที่เทียนหยดกำลังจะเลี้ยวรถออกไปจากบ้าน เขาวิ่งเข้าไปขวางหน้า หล่อนเบรกกะทันหัน เขารีบเดินไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างหล่อน งานนี้เทียนหยดต้องมีคำอธิบาย!
“มัตถ์! มัตถ์คะ! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! กรี๊ด....”
ราตรียืนกรีดร้องอยู่ลำพัง ความไม่พอใจมันเอ่อท้นล้นอกราวกับใครเอาไฟสุมหัวใจก็มิปาน
“ไนท์? เป็นอะไรลูก” ศรีสุรางค์เดินออกมาถามหลานสะใภ้ สีหน้าท่าทางและเสียงร้องกรี๊ดๆ ของราตรีทำเอานางต้องลุกจากโต๊ะอาหารแล้วตามมาดู
“ก็นังเทียนสิคะ นังเทียนมัน...มัน...”
“มันอะไร” ศรีสุรางค์ย้อนอย่างใคร่รู้
ราตรีพูดไม่ออก เพราะจนแล้วจนรอดเธอก็ไม่รู้ว่าเมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสมัตถ์กับเทียนหยดกันแน่
“อะไรล่ะแม่ไนท์”
“โธ่...คุณย่าคะ! ไนท์ไม่รู้จะพูดยังไง!” ราตรีตะคอกหญิงชราแล้วสะบัดก้นจากมา หัวใจในอกร้อนรุ่มดั่งเพลิงกัลป์ มันกังวล มันคิดมาก ถ้าไม่มีมูลแล้วเทียนหยดจะกล้าเอ่ยออกมาได้อย่างไร
“โธ่เว้ย! มันเรื่องอะไรกันวะ!”
ราตรีสบถเสียงดังลั่นเมื่อขึ้นมาถึงห้องนอนตัวเอง ผ้าปูที่นอนและผ้านวมซึ่งสาวใช้จัดไว้อย่างเรียบร้อย บัดนี้ถูกเจ้าของดึงทึ้งเพื่อระบายอารมณ์ แต่ยังก่อน มันยังไม่หมด อารมณ์โกรธไม่มีทางมอดดับจนกว่าเธอจะได้ปลดปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกับสมัตถ์ เธอไม่เคยเต็มอิ่มในเรื่องบนเตียงเลย มันจริงที่สมัตถ์ปรนเปรอให้เธออย่างเต็มกำลัง แต่มันยังไม่เต็มที่สำหรับเธอ เธอต้องการมากกว่านั้น ต้องการเมื่อไหร่ต้องได้ มิใช่แค่รอจากสามียามเข้านอน
มือเรียวหยิบสมาร์ตโฟนเครื่องเก่งมาเลื่อนหาเบอร์อันคุ้นเคย ก่อนจะกรอกเสียงส่งไป
“ฮัลโหล อยู่ไหม”
“อยู่สิครับ จะให้ไปไหนล่ะ”
“ดี...อีกยี่สิบนาทีเจอกัน” สั่งแล้วเลื่อนหน้าจอด้วยปลายนิ้วเพื่อวางสาย ก่อนจะเปลี่ยนชุดใหม่ คว้ากระเป๋าถือแล้วเดินลงไปด้านล่าง เลือกใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัย ด้วยว่าคนที่เธอกำลังจะไปพบ เขาจะต้องเป็นคนในความลับ มีหน้าที่บางอย่างเท่าที่เธอต้องการเท่านั้น เธอเป็นคนที่มีอารมณ์ปรารถนาร้อนแรง ในเมื่อสมัตถ์ให้เธอไม่มากพอ เธอก็ต้องไปหาเอาจากคนอื่น มันผิด เธอรู้ แต่เธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น เขาก็เป็นแค่เครื่องมือระบายความใคร่ เธอมั่นใจว่ายังรักสมัตถ์ และไม่มีวันปล่อยเขาให้หลุดมืออย่างแน่นอน
EP 3/8 พิษรักเวลาไล่เลี่ยกัน บนรถของเทียนหยดสมัตถ์นั่งหน้าบึ้งอยู่บนเบาะของตัวเอง เขายังไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่เอ่ยถาม “เธอทำแบบนี้ทำไม ป่วนประสาทไนท์?” เขาถามอีกเทียนหยดหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองท้องถนนอย่างเดิม“เพื่อ...ปูทางแก้แค้นมั้งคะ”“แก้แค้นอะไรกัน แค่นี้ยังเป็นศัตรูกันไม่พออีกเหรอ”“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกคุณเป็นศัตรู”“แล้วเป็นอะไรล่ะ” เขาย้อน“คนในครอบครัวมั้งคะ” ตอบนิ่งๆ ได้ยินเสียงสมัตถ์หัวเราะหึๆ ในลำคอราวอยากเยาะหยันในสิ่งที่ได้ยิน“เกลียดกันออกขนาดนี้ เธอยังคิดว่าจะญาติดีกันได้เหรอ”“ฉันไม่เคยเกลียดค่ะ ฉันพยายามบอกคุณอยู่”สมัตถ์อึ้งไปนิด ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเอนหลัง พาตัวเองดำดิ่งไปกับสิ่งที่เทียนหยดเอื้อนเอ่ย ในขณะที่เทียนหยดก็พาสมองดำดิ่งสู่เรื่องที่ค้างคาใจ จีรวัฒน์กำลังนอกใจเธอ จริงหรือไม่จริง และถ้าไม่จริง ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้ว่าเขามีเพื่อนชื่อราตรี เธอรู้จักแก๊งเพื่อนเขา เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวของเขาน่ะ รู้จักดี เคยไปนั่งดื่มกินด้วยกันก็บ่อย แต่ไม่มีใครเคยเอ่ยชื่อเพื่อนผู้หญิง ชื่อที่พอจะเป็นเจ้าของลิปสติกแท่งนั้นที่ราตรีแย่งไปเลย หรือว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น ลิปส
EP 4ชู้รัก____________“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันอาจคิดไปเอง ฉันยังไม่มีหลักฐานมากพอ แต่มันเจ็บนะ ที่ฉันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงอีกคนของเขาเป็นใคร ฉันดันรู้จักหล่อนด้วย”“โอ...มันคง...ทรมาน..”เทียนหยดพยักหน้า เช็ดหน้าเช็ดตาแต่รู้ว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้น่ามองนัก มาสคาร่าแบบไม่ได้กันน้ำของเธอเปรอะเปื้อนผ้าเช็ดหน้าเขา มันทุเรศเหลือเกิน“บ้าจริง! ทำไมฉันต้องมาคร่ำครวญให้คุณฟังด้วยนะ น่าอายชะมัด!”สมัตถ์ส่ายหน้า“ไม่หรอก เรื่องมันละเอียดอ่อน คนเรามีความอ่อนแอทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมามากแค่ไหน”“คุณจะทำยังไง ถ้ารู้ว่าเมียนอกใจ” เธอโยนหินถามทาง สมัตถ์หันไปจ้องถนนเบื้องหน้าชั่วครู่ หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ย“ปล่อยเธอไปกับคนที่เธอรักละมั้ง”“จริงเหรอ” เธอถามอย่างทึ่งๆ น้ำตาเริ่มแห้งเมื่อเช็ดมันถี่ๆสมัตถ์ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่! จะฆ่าให้ตายทั้งคู่เลย!”“หา!” เทียนหยดเหวอรับประทาน ตาเบิกโต อ้าปากค้าง มาสคาร่าเลอะใต้ตากับสีลิปสติกที่เปรอะไปทั่วยิ่งส่งให้ใบหน้างามไม่น่าดูชมสมัตถ์กลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยหลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ก็ดูหล่อนเถิด ดูได้ที่ไหน“นี่คุณ! ขำอะไรฮะ ล้อฉันเหรอ”เขาพยั
ทั้งสองคนมาถึงบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd ในเวลาเกือบแปดโมงครึ่ง เป็นความเคยชินของพนักงานเสียแล้วที่จะเห็นผู้บริหารสูงสุดกับคุณเทียนหยดเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ทั้งสองก็จะขับรถอกจากบ้านโสภณวิชญ์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอสมัตถ์เริ่มต้นทำงานของเขาอย่างไม่รีบร้อนนัก เอกสารในรายงานบางแฟ้มเขาต้องถามเทียนหยดเพื่อความเข้าใจ ส่วนเทียนหยด หากว่าเว้นจากการช่วยสมัตถ์ หญิงสาวก็จะขลุกอยู่กับโน้ตบุ๊กเครื่องเก่ง มีสมาร์ตโฟนวางอยู่ใกล้ๆ ตาจ้องหน้าจอแล้วพิมพ์ข้อความเป็นระยะ การเป็นแม่ค้าออนไลน์ทำให้เทียนหยดไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก มีรายการสั่งซื้อเข้ามาตลอดทั้งวัน มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ตัวแทน แต่เท่านั้นเทียนหยดก็พอใจแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้ด้วยตัวเองเกือบสิบเอ็ดโมง สมัตถ์ละสายตาจากเอกสารแฟ้มสุดท้าย ท้องเขาร้องจ้อกๆ เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าอย่างที่ควรจะเป็น เทียนหยดปิดโน้ตบุ๊กบ้าง เหลือบมองหน้าจอสมาร์ตโฟนก็เห็นว่ายังไม่มีใครโทรเข้ามา“โทรหาเขาสิ ถ้าเธอคิดถึง” เขาแนะ แต่เทียนหยดส่ายหน้า“ฉันโทรหาเขาก่อนทุกที เป็นเวลาหลายปีแล้ว ลองให้เขาเป็นฝ่ายโทรหาฉันบ้าง ฉันจะได้รู้..
แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่สายตาสมัตถ์ก็ไม่อาจละไปจากริมฝีปากเทียนหยดได้เลย กระทั่งไอศกรีมคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก และหล่อนกวักมือเรียกพนักงานมาคิดเงิน เขาจึงได้ละสายตาออกมาแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์มาเปิด การ์ดสีทองใบหนึ่งถูกดึงออกมารอท่า“อ้าว? ไหนบอกให้ฉันเลี้ยง” เธอท้วง“ฉันเลี้ยงเอง”“ทำไม” เธอยังไม่เข้าใจ“ฉันสงสารน่ะ เดาว่าเธอคงไม่เคยถูกผู้ชายเลี้ยง ฉันเลี้ยงแหละดีแล้ว เพราะฉันเป็นสุภาพบุรุษ”เทียนหยดอ้าปากน้อยๆ รอจนพนักงานเอาเครดิตการ์ดของเขาไปจัดการจึงได้เอ่ยขึ้น “คุณสมัตถ์คะ”“ครับ”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย” บอกแล้วกำกำปั้นทุบอกซ้ายเบาๆ หน้าตาจริงจัง จนสมัตถ์นึกขัน“ความรักมันดีเทียนหยด แต่ต้องมีสติ แม่เธอพูดถูกนะ คนเป็นแม่ก็คงอยากให้ลูกได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถดูแลเธอได้ ไม่ใช่คอยแต่แบมือขอเงิน ไม่ใช่จะสั่งสอนหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้”หญิงสาวทำหน้าเบื่อโลก ก่อนจะลุกยืนเมื่อพนักงานเอาเครดิตการ์ดมาคืน เขาเซ็นอะไรยุกยิกก่อนจะดึงเครดิตการ์ดและใบเสร็จคืนมา“นั่นแหละเขาเรียกสอนค่ะ” ประชดน้อยๆ แล้วค้อนเขาสมัตถ์ยิ้มบางๆ ยื่นสูทให้หล่อนเอาไปบังแดดเสียเอง การอยู่ใกล้เทียนหยดทำให้ความสามารถในการค
“วันนี้กลับเร็วจัง” ท้วงถามแล้วสอดแขนกอดหล่อนจากด้านหลัง ใช้จมูกคมๆ สูดดมซอกคอภรรยาชาวบ้านจนชื่นปอด“ต้องไปสปา เดี๋ยวเขาสงสัยว่าไปจริงไหม”“คุณมันร้าย”“แล้วชอบไหมล่ะ” ถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่าจีรวัฒน์ไม่ได้รักเธอหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอไม่ปรารถนาจะรับรู้ว่าเจ้าหล่อนคือใคร“ที่สุดครับ ว่าแต่...อาทิตย์หน้าผมว่าง ไปเที่ยวกันไหม ใกล้ๆ ก็ได้”ราตรีมุ่นคิ้ว “สามีฉันเพิ่งเริ่มงานใหม่ อะไรๆ ยังไม่ลงตัว ที่สำคัญคือฉันต้องช่วยเขาเซฟค่าใช้จ่าย” เธออธิบาย“โอเค งั้นเอาไว้คราวหน้า แล้วคุณจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” เขาถามต่อ นึกถึงรสรักของราตรีแล้วอยากให้นอนรออยู่บนเตียงทุกคืนเลยล่ะ“ยังไม่รู้เลย แล้วจะโทรมาแล้วกัน ไปแล้วนะ” สั่งลาแล้วทำท่าจะก้าวออกไป แต่ถูกจีรวัฒน์ดึงแขนไว้ เขาดึงร่างเธอเข้าไปหาอีกรอบ แล้วโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตเสียดูดดื่ม ประหนึ่งว่ามิเคยจุมพิตกันเสียอย่างนั้น“เมื่อไหร่จะเลิกกับเขาแล้วมาสนุกด้วยกันอย่างถาวรนะ ชักต
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
แล้วจู่ๆ สมัตถ์ก็น้ำตาไหล เทียนหยดแลเห็นแวบๆ ทางหางตา และต้องหันมามองเต็มหน้า หัวใจเธอเต้นแรง นอกจากโอบนิธิแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายร้องไห้เลยสักคนบุตรสาวของผกากรองดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่ เอามันไปวางไว้บนหน้าขาของชายหนุ่ม เขาหันมา วงหน้าอมทุกข์ ดวงตาแดงก่ำและไร้รอยยิ้ม“คุณอาจต้องใช้ น้ำตาคุณ...” เธอบอกสั้นๆ ไม่อยากเอ่ยอะไรให้มากความ ด้วยรู้ว่าผู้ชายคงอับอายหากรู้ว่ามีคนอื่นเห็นหยดน้ำตา“เธอพูดบ้าอะไร” ถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หยิบผ้านิ่มๆ ผืนนั้นโยนใส่ตักเจ้าของ ก่อนจะเอามือลูบหน้าแรงๆ และยิ่งตื่นตะลึงเมื่อรู้ตัวว่ากำลังมีน้ำตาอย่างที่เทียนหยดว่าจริงๆ“ฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณเอ่อ...คิดแบบนั้นก็ได้” เอ่ยแล้วอยากเฉือนปากตัวเองทิ้งเสีย เรื่องที่เขาทะเลาะกับภรรยาคงหนักหนา และเธอคงไม่มีวันล่วงรู้หากเขาไม่บอก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ ไม่รู้สิ ยังไม่อยากให้เขารู้หรอก น่าสงสารหัวใจของสามีผู้จงรักภักดี มันคงบางยิ่งกว่ากระดาษเสียอีกสมัตถ์เงียบไปครู่ใหญ่ สมองกำลังประมวลผล มันสับสนวุ่นวายไปหมด“ถ้าเกิดฉันต้องหย่ากับไนท์”ประโยคสั้นๆ นั้นทำเอาดวงตาของเทียนหยดเบิกโต
ราตรีใจหายวาบ รีบหาทางแก้ต่างเป็นการด่วน“อะไรนะ! บ้าไปแล้วสมัตถ์ ไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้มาหาเรื่องกัน ไนท์จะมีกลิ่นแบบนั้นได้ยังไงฮะ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ไนท์โกรธ!” ราตรีทำเป็นตีโพยตีพาย แต่สมัตถ์ก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมมั่นใจ!”“ไปตายซะ! ไนท์อยู่ของไนท์ดีๆ มาว่าไนท์ทำไมฮะ! หรืออยากมีคนใหม่ ถ้าอยากมีก็ไปเลยสมัตถ์ ไม่ต้องมากล่าวหากันอย่างนี้!” ราตรีออกอาการเหวี่ยงวีน บีบน้ำตาจนมันไหลมาคลอเต็มสองเบ้าสมัตถ์ใจไหวยวบ น้ำตาผู้หญิงไม่เคยถูกจริตเขาเลย“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ตอบมาไนท์ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”“บ้าบอคอแตก ฆ่าไนท์เถอะถ้าจะให้ไนท์โกหก!”คำย้อนคืนของราตรีทำเอาสมัตถ์เริ่มไม่มั่นใจ“ก็มันจริง!” เขาเถียง ใบหน้าหล่อเหลาไร้แววรื่นรมย์ มันเครียดขมึง แดงก่ำและดวงตาเต็มไปด้วยโทสะราตรีร้องไห้กระซิกๆ ยืนมองสามี ริมฝีปากสั่นไหว“หลักฐานก็ไม่มี”“มี! แต่คุณอาบน้ำแล้วนี่” เขาเอ่ยออกมาเหมือนเยาะราตรีส่ายหน้าอย่างเหลืออด มือข้างหน
เสียงหัวเราะของราตรีช่างเจ้าเล่ห์เหลือร้าย สมัตถ์มุ่นคิ้วหนักๆ ความระแวงแคลงใจแล่นกลับสู่หัวใจอีกระลอก เขาตัดสินใจเคาะประตูก๊อกๆๆราตรีหันขวับมาหา ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย หน้าเจื่อน รีบเอาโทรศัพท์ซ่อนไว้ด้านหลัง“เอ้า...มาแล้วหรือคะ วันนี้กลับไวจัง” ทำเป็นทักทายอย่างปกติ มิให้พิรุธสมัตถ์หรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่วงหน้าก็ยิ้มแย้มเช่นเดิม เขาดึงเนกไทลงน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปสวมกอดหล่อน“อะไรคะนี่”“ก็คิดถึง อยากกอด” เขาว่า สองแขนโอบร่างหล่อน แต่สองตามองลงไปเบื้องล่าง โทรศัพท์มือถือของหล่อนยังไม่วางสาย มันยังขึ้นแถบสีเขียวสว่างจ้า ไม่ปรากฏชื่อคนที่โทรเข้ามา มีแต่เบอร์ที่เป็นตัวเลขเท่านั้น เขาจนใจจะจำมันได้ครบเพราะเห็นไม่ชัดเจน และไม่กี่วินาทีต่อมาหล่อนก็ผลักเขาออก“พอแล้วค่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนสิคะ เหม็นเหงื่อ”“เหม็นตรงไหน ออกจะหอม” เขาเถียง ราตรีกลอกตาไปมา“เอ่อ...ไนท์ ไนท์ว่าจะลงไปดูคุณย่าค่ะ แกเอนหลังตั้งแต่บ่าย ไม่รู้ตื่นหรือยัง” เอ่ยยิ้มๆ เอามือถือ
[11]ระแวงแคลงใจ___________เสียงไขกุญแจเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าประตู สมัตถ์รีบดึงผ้านวมขึ้นชิดปลายคาง ปกติเขาจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกหากได้หลับลึกไปแล้ว ทว่าวันนี้ดันดื่มน้ำอัดลมเยอะไปหน่อย ท้องไส้เลยไม่ปกติต้องลุกมาหายารับประทาน ต้องถือว่าเป็นความผิดของโอบนิธิละนะ เพราะเด็กน้อยผู้น่ารักดันชวนดวนน้ำอัดลมตอนออกมาจากวัด จัดกันไปคนละหลายขวดโดยมีเทียนหยดเป็นเจ้ามือ นอกจากท้องอืดจนรับประทานมื้อค่ำไม่ได้แล้ว เลยได้ของแถมเป็นการปวดท้องตอนใกล้เที่ยงคืนนี่อย่างไรแกรก...เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนให้ลงล็อก สมัตถ์ยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงสลัวในห้องนอน ไฟในห้องเขาไม่ได้เปิด เปิดไว้เพียงไฟในห้องน้ำ ทว่ามันก็ถูกแง้มไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสียงฝีเท้าของราตรีหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์ไร้สายของหล่อนจะดังขึ้นเบาๆ เสียงควานหามันในกระเป๋าดังตามมา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นดูเล็กน้อย ก่อนจะรีบหุบลงเมื่อหล่อนเหลือบมามอง“ฮัลโหล โทรมาทำไมฮะ”เสียงกระซิบกระซาบถามคนปลายสายสมัตถ์ม
เทียนหยดทำอย่างเดียวกับกับน้องชาย เหลือเพียงสมัตถ์ที่ยืนตัวแข็ง ใบหน้านิ่งเฉยไร้รอยยิ้ม“พี่มัตถ์ ไหว้พ่อสิครับ”สมัตนิ่งขึง เทียนหยดดึงชายเสื้อเขาแรงๆ เขาจึงยอมนั่งลง ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่ยังร้อนอยู่“เธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยอมยกโทษให้เขาเหรอ” เขาถามเสียงเบาเพียงกระซิบ แต่มั่นใจว่าเทียนหยดได้ยินชัดเจน“ไม่หรอก เผื่อฟลุกไง เปิดใจหน่อยน่าคุณ ท่านทำทุกวิธีแล้วนะ ไม่ยกโทษให้ท่าน ก็โกรธท่านน้อยลงก็ยังดี นะๆ”เทียนหยดร้องขอพร้อมรอยยิ้มซื่อใส ใบหน้าน้อยติดอ้อนอย่างเด็กสาว ทำให้ใจของสมัตถ์กระตุกเบาๆ ต้องรีบหันหน้ามาทางที่เด็กน้อยนั่งอยู่ รูปของรุ่งรดิศยังคลี่ยิ้มละไม เขาเพิ่งเห็นหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก็ตอนนี้ โครงหน้าเขา ดวงตาเขา หรือแม้แต่รอยยิ้ม คล้ายคลึงใบหน้าโอบนิธิไม่น้อยเลยสมัตถ์พ่นลมเบาๆ ออกจากปาก หน้าตาบอกบุญไม่รับ“พี่มัตถ์ร้อนเหรอ เดี๋ยวโอบยืนบังแดดให้นะ” ว่าแล้วโอบนิธิก็ลุกไปยืนบังแดดให้พี่มัตถ์ ด้วยยามบ่ายคล้อยดวงตะวันมิได้อยู่ตรงศีรษะ มันเลยส่องร่างด้านข้างของพี่มัตถ์ เข
เช้าวันอาทิตย์เสียมอันเล็กๆ ถูกเทียนหยดใช้ขุดดินดำๆ ที่ข้างสนามหญ้า หน้าห้องของเธอมีพื้นที่ว่างไม่น้อย และคงดีหากมีดอกไม้มาออกดอกให้ได้ยลโฉมบ้าง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายทั่วใบหน้างาม แต่ไม่ทำให้คนสวนจำเป็นย่อท้อ ยังตั้งใจขุดดินจนมันกลายเป็นแปลงขนาดสองคูณสี่เมตร ก่อนจะใช้ดินที่ซื้อมาคลุกเคล้าเข้ากับดินเดิมของมัน มีต้นดอกเทียนหยดอยู่ในถุงพลาสติก บางต้นเริ่มออกดอกสีม่วงสดใส บางต้นยังตูมอยู่ แต่พร้อมจะบานในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า“อะแฮ่ม”เสียงกระแอมดังขัดจังหวะเสียมที่กำลังปักลงดิน เทียนหยดลุกยืน สมัตถ์ในชุดอยู่บ้านสบายๆ เดินแบกไม้กอล์ฟมาทักทายเธอแต่เช้า“อะไรติดคอคะ”เขาทำหน้ายุ่งเมื่อถูกเบรก “ฉันแค่อยากรู้เลยหาเรื่องคุยกับเธอน่ะ”“อาฮะ เข้าใจแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ”“อยากรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรน่ะสิ”หญิงสาวมองค้อน เขาไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่“วันอาทิตย์ฉันว่าง ไม่ต้องไปหาผู้ชาย เลยหาอะไรทำแก้เซ็ง” เธอบอก หอบน้อยๆ เพราะเหนื่อยจากการออกแรงข
“ไม่นะเทียน ก็แค่รูป เทียนอยู่ในใจจีเสมอ เทียน...อย่าร้องไห้ จีขอโทษ ปล่อยจีแล้วเรามาคุยกันนะเทียน” เขาวอนขอ รู้สึกวูบวาบหวามไหวขึ้นมาอีกแล้ว แม้จะถูกความจริงสาดใส่หน้าจนด้านชา ทว่าความรู้สึกปรารถนาเรื่องอย่างว่ายังคงมีอยู่ บ้าจริง! ทำไมเป็นแบบนี้ เหตุใดถึงควบคุมมันไม่ได้นะ!“ทรมานไหมคะ หึๆ”“อะไร? หมายความว่าไงฮะ!”เขาร้องถาม ยิ่งเห็นหล่อนหัวเราะเยือกเย็นยิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง“ก็ทรมานเพราะอยากมีเซ็กซ์ไงล่ะ ชอบไม่ใช่เหรอ คืนนี้ได้ตายคาเตียงแน่จีรวัฒน์!”คนถูกขู่กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ ชักไม่มั่นใจแล้วว่าสถานการณ์นี้มันจะปกติ“เทียน แก้มัดเถอะ ขอร้อง”“ไม่...รู้อะไรไหมจีรวัฒน์ ดอกเทียนหยดน่ะ มันงดงาม น่ารักน่าทะนุถนอมจะตาย แต่ว่า...อย่าเผลอไปทำลายมันเข้าล่ะ เพราะพิษมันร้าย อาจทำให้คุณถึงตายได้เชียวนะ แต่อย่ากังวลไปเลย สิ่งที่คุณทำกับเทียนมันร้ายแรงก็จริง แต่เทียนไม่เอาคุณถึงตายหรอก ก็แค่ จดจำไปตลอดชีวิต จดจำชื่อเทียนหยดไปตลอดชีวิตเท่านั้นเอง...”&ldqu
[10]แด่คนสารเลว____________สมัตถ์มองวงหน้าน้อยอย่างพิจารณา ดูเอาเถิด หล่อนร้องไห้น่าสงสารนัก ตาหล่อนแดงก่ำ ปลายจมูกหล่อนแดงไปหมด มีแต่ซีกแก้มข้างที่เขาประคองอยู่นี้ที่มันมีสีม่วงอ่อนแซมจางๆ ผิวหล่อนเนียนนุ่มมือ ทั้งยังขาวสะอาด ไม่สมควรมีรอยอย่างนี้ให้ต้องมีตำหนิเลย“ฉันขอโทษจริงๆ”เธอพยักหน้าหงึกๆ “ฉันรู้ค่ะ” ฝืนยิ้มให้เขา หัวใจเต้นแรงยามปลายนิ้วเรียวเกลี่ยหยดน้ำตาออกให้ เขาคงทำไปเพราะความเคยชินกระมัง คนอย่างสมัตถ์แคร์ความรู้สึกสุภาพสตรีเสมอ โดยเฉพาะภรรยาเขา และครั้งนี้ ความเผลอคงทำให้เขาแบ่งปันมันมาให้เธอ“อ่า...ขอโทษที ฉัน...” ไร้คำแก้ต่างใดๆ ยามรู้ตัว สมัตถ์ดึงมือออกช้าๆ เทียนหยดมองมันอย่างแสนเสียดาย“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ...ขอโทษจริงๆ รู้ไหม...ตอนนี้ฉันอยากยืมแผ่นหลังคุณจัง มันคงซับน้ำตาฉันได้ดีกว่ากระดาษเช็ดหน้าแน่ๆ” บอกเขาขำๆ มีรอยยิ้มทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่“ไม่...ไม่ดีหรอก...ไม่ได้”“
วันรุ่งขึ้นผกากรองยืนอยู่ข้างรถตัวเอง นางกำลังจะไปส่งบุตรชายที่โรงเรียน แต่อยากถามบางอย่างจากสมัตถ์ก่อน เขาเดินออกมาขึ้นรถตามปกติ ราตรีตามมาส่งเขาแต่กลับเข้าบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวค่ะคุณสมัตถ์”สมัตถ์ชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถ รับรู้ถึงการมาของสตรีวัยเลยสาว“ครับ”“คุณเจอยัยเทียนบ้างไหม ฉันไม่ได้เจอลูกมาสองสามวันแล้ว อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ” นางบ่นสมัตถ์ถอนหายใจเบาๆ ภาพเมื่อคืนจู่โจมเขาจนรู้สึกอึดอัด ต้องขยับเนกไทให้หลวมยิ่งกว่าเดิม “เอ่อ...เธอคงยุ่งอยู่กับแฟนมั้งครับ”“งั้นเหรอ เฮ้อ...ยัยเทียนนะยัยเทียน จะเลิกกับนายนั่นอยู่แล้ว ไม่รู้จะไปข้องแวะทำไมอีก”“นั่นสิครับ” เขาสำทับผกากรองตาเบิกโต “คุณรู้เรื่องด้วยหรือคะ”เขาพยักหน้า “เธอระบายน่ะ อกหัก แฟนมีคนอื่นและเธอกำลังหาทางเอาคืน” เขาอธิบายผกากรองหนักใจยิ่ง “ฉันไม่เห็นด้วยเลย ผู้ชายยังไงก็เป็นผู้ชาย มันอันตรายจะตายไป ถ้ายังไงถึงบริษัทแล้ว รบกวนคุณช่วยบอกเธอให