“คุณบอกว่าคุณชอบมันเหรอ?” ลุคถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำก่อนที่จะดึงเธอขึ้นมานั่งในบนบัลลังก์ของเขาในคราวเดียว การกระทำของเขาเร่งรีบและรุนแรงราวกับพายุ เธอรู้สึกถึงบัลลังก์ราวกับว่ากำลังจะถูกเขาพิพากษา ร่างกายของเธอชนเข้ากับกำแพงกล้ามเนื้อของเขา เขาตรึงตัวเธอไว้ดั่งเชลยเธอใช้เวลาครู่หนึ่งจึงรู้ว่าเธอตกอยู่ในอ้อมกอดอันแนบแน่นของชายผู้นี้“ผมจะทำให้คุณชอบมันมากขึ้นกว่านี้อีก!” ด้วยคำพูดเหล่านั้น ลุคกดเธอเข้ากับกระจกหน้าต่างภายในห้องกระเช้าอีกครั้ง สูงขึ้นไปในอากาศ เขาจุมพิตริมฝีปากอันอ่อนโยนและเป็นสีดอกกุหลาบของเธอ สัมผัสที่นุ่มนวลและเยือกเย็นถูกฉาบลงบนผิวของเธอ“อืม…” เธอรู้สึกว่าเขากำลังดูดดื่มริมฝีปากของเธออยู่ ด้วยความเย้ายวนชวนฝัน เธอเอื้อมมือไปโอบรัดเอวอันแข็งแกร่งของเขา…เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาเอื้อมมาใกล้ เขาเปิดปากและใช้ริมฝีปากอันเบาบางของเขาและเชื้อเชิญเธอไปมือน้อย ๆ ของเบียงก้าจับเอวของชายคนนั้นก่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนไหล่ที่กว้างและแข็งแรงของชายคนนี้ ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างตรงไปตรงมา เห็นได้ชัดว่าเธอชอบร่างชายที่ทรงพลังนี้เหลือเกินลิ้นเล็ก ๆ ของเธอ
เบียงก้ามองไปที่นีน่า เสียงของเธอเบาจนแทบจะกระซิบ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังกลัวอยู่ในขณะนี้ แล้วพูดว่า “ฉัน…ฉันได้ทำอะไรที่มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้รึเปล่า?”“แล้วฉัน ได้เจอผู้ชายบ้างไหม?”“ฉันไม่รู้เลย” นีน่าพูดอย่างเคืองใจ “ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นตอนที่เธอถูกวางยา แพทย์โทรหาฉันอีกที หลังจากที่พวกเขาควบคุมผลข้างเคียงของมันได้แล้ว” เบียงก้าเริ่มจับประเด็นได้ผลข้างเคียงอยู่ภายในความควบคุมของแพทย์นั่นหมายถึงมีคนโทรหาหมอให้เธอเบียงก้าถอนหายใจและใช้มือกุมหัวไว้ ขณะที่เธอคิดทบทวนอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นไม่นาน เธอพูดว่า “ฉันจำได้ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในลิฟต์ ฉันคิดว่าเขาบอกว่า… เขาต้องการพาฉันไปโรงพยาบาล?”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น”นีน่ารู้สึกกังขากับคำตอบนั้น “ฉันกังวลว่าจะมีคนที่หาประโยชน์จากอาการของเธอ ฉันเลยโทรไปเบอร์นั้นอีกครั้ง แต่คนที่รับสายคือแพทย์ เธอเป็นแพทย์หญิงด้วยนะ!”ในที่สุด ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมของนีน่าก็ทำให้หัวใจของเบียงก้าสงบในที่สุด“ขอดื่มน้ำหน่อยสิ?”"แน่นอนสิ!" นีน่ารีบหยิบแก้วน้ำมาป้อนที่ริมฝีปากของเบียงก้าหลังจากนั้น เธอเอื้อมมือไปหาผลไม้น
แม้ว่าเบียงก้าจะตอบสนองในทันทีและหันกลับมาสวมเสื้อผ้าของเธออย่างเร่งรีบ ผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ประตูยังคงเห็นทุกอย่างแล้ว“ทำไมคุณอยู่คนเดียวล่ะ?” เสียงทุ้มลึกของลุคเป็นสิ่งแรกที่ทำลายความเงียบในห้องเรื่องโกหกเมื่อครู่ถูกเปิดโปรงต่อเธอย่างง่ายดาย เบียงก้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น“ฉันหมายความว่ากำลังจะมาคนตามมาที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้มีคนอยู่กับฉันแล้ว”ชายคนนั้นมองดูเธอขณะที่เธอตื่นตระหนก เธอพยายามปกปิดคำโกหกนั้นอยู่ดวงตาของลุคมองไปรอบห้องเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ตำรวจติดต่อมาผม ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง? ร่างกายของคุณดีขึ้นใช่ไหม?” ชาร์ล็อตต์ถูกจับแต่เธอไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอด้วยปัญหาเช่นนี้ เธอจึงแจ้งชื่อลุคให้ตำรวจแทน นั่นเป็นเหตุผลที่ตำรวจติดต่อเขามาสมองของเบียงก้าจะระเบิด ดวงตาสีดำสดใสของชายคนนั้นมองตรงมาที่เธอ“ร่างกายของฉัน… สบายดีค่ะ…” เบียงก้าอึดอัดใจทุกสิ่งที่จะให้ผู้ชายผู้เป็นหัวหน้าของเธอรู้ว่าเธอถูกวางยาปลุกกำหนัด ดังนั้นเธอแทบจะไม่สามารถแม้แต่จะตอบ“เจสันขอลางานให้คุณหนึ่งสัปดาห์ พักผ่อนให้สบายนะ” ลุคกล่าวต่อ“ขอบคุณค่ะ และขอบคุณคุณดอยล์
เพียงแค่นั้นมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาในห้องจากระยะไกลต่อมา พวกเขาได้ยินเสียงของเจสัน ดอยล์ขณะที่เขาถามอย่างเป็นทางการว่า “คุณเรย์นครับ ผมขอทราบได้ไหมว่าเจ้านายอยู่ที่นี่รึเปล่าครับ?”เบียงก้ามองไปทางประตู เธอหายใจไม่ค่อยออก"พ่อครับ?" นั่นคือเสียงของบลองช์พอได้ยินว่าคุณบีไม่สบาย เด็กชายก็มาเยี่ยมเธออย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่ที่ประตูห้องและรู้สึกหมดหวังที่จะเข้าไป เพราะเจสันหยุดเขาไว้“ทำไมพ่อไม่ให้ผมเข้าไป?”“ชู่ว…” เจสันเอานิ้วจิ้มริมฝีปากบอกนายน้อยของเขาให้เงียบไว้ เจสันยืนห่างออกไปสองเมตร ดูเป็นมืออาชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เขากังวลว่ามีบางอย่างที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นด้านใน และในฐานะลูกน้อง เขาไม่ต้องการที่จะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นด้วย"พ่อครับ?" บลองช์กระพริบตาและยกมือเล็ก ๆ ขึ้นเพื่อเคาะประตูทันใดนั้น ประตูเลื่อนเปิดจากด้านใน และพ่อของเขามองลงมาที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นราวกับน้ำแข็งพ่อใจร้ายมากที่มาเยี่ยมคุณบีโดยไม่เรียกเขามาด้วย! บลองช์ไม่สนใจพ่อของเขาและใช้กำลังทั้งหมดลากตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่และตุ๊กตาเข้ามาในห้อง จากนั้นเขาก็โผเข้ากอดเบียงก้า ขณะที่กอดเธอเอาไว้ เด็กชายก็เอ่ยถามว่
ผ่านไปนานมากจนขาเธอชาเพราะนั่งฟุบอยู่กับพื้นนาน ในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงของลุคมาจากห้องน้ำ มีเสียงแหบแห้งปนออกมาจากน้ำเสียงของเขาเขาพูดว่า “คุณเข้าไปได้แล้ว”เบียงก้ากัดริมฝีปากของเธอและกลืนความกระอักกระอ่วนลงไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเปิดประตูห้องน้ำอีกครั้งลุคมองมาที่เธอ สีหน้าและการกระทำของเขาดูซับซ้อนเบียงสบตาเขาครู่หนึ่ง แต่เธอไม่สามารถทนต่อดวงตาสีเข้มและลึกของเขาได้ ดังนั้นเธอจึงต้องหันหลังและมองไปทางอื่นที่นี่และเดี๋ยวนี้ ลุคแต่งตัวดูเป็นชายชาตรีไร้ที่ติ เขาเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมบูรณ์แบบตามปกติ แม้แต่คอเสื้อและแขนเสื้อก็ดูเรียบร้อยผิดหูผิดตาราวกับไม่เคยเข้าไปพัวพันกับผ้าขี้ริ้วผืนใดผืนหนึ่งก่อนหน้านี้ ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการด้านเดียวของเธอเท่านั้น เบียงก้ากำลังจะเข้าไป แต่แล้วเขาก็ขวางทางเธอไว้ร่างสูงและเรียวของชายคนนั้นยังคงมีกลิ่นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและฟีโรโมนของผู้ชาย มันทำให้เธอรู้สึกอลม่าน“ขอร้องแหละค่ะ ให้ฉันผ่านไป” เบียงก้าพูดพร้อมก้มหน้าลงลุคขมวดคิ้วเข้มแน่น และเขาเดินผ่านเธอ ปัดไหล่ของเธอขณะที่เขาจากไปเบียงก้าหายใจเข้าลึก ๆ และเข้าไปในห้อง
บลองช์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขามองไปมองพ่อร่างใหญ่ด้านหลังเขาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น เขาก็หันหลังกลับและส่ายหัวให้เบียงก้า “ไม่ครับ เราจะไปที่ห้างสรรพสินค้ากันครับ”“ห้างสรรพสินค้าเหรอคะ? ไปทำไมคะ?"ทันทีที่พูดแบบนั้น เบียงก้าจึงนึกขึ้นได้ทันทีว่าไม่มีน้ำแร่ในตู้เย็นอีกแล้ว เด็กน้อยอาจกังวลว่าเธอจะไม่มีน้ำให้ดื่มเมื่อรู้สึกกระหาย“เราไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เดี๋ยวฉันจะต้มน้ำเองค่ะ”สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้คือให้พวกเขาสองคนจากไปโดยเร็วที่สุดอย่างไรก็ตาม เด็กชายส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “อืมคือ เอ่อ ผมกังวลว่าคุณจะไม่มีอะไรกินหรือดื่ม…”เบียงก้าทำอะไรไม่ถูก เธอส่งสายตาหาลุคราวกับการส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ ในฐานะผู้ปกครองของเด็กน้อย เบียงก้าหวังในใจว่าเขาจะพาเด็กน้อยกลับไปลุคกลับลูบหัวลูกชายเบา ๆ แล้วพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า “ลานี่กังวลมากจนเขาอาจจะยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่กับคุณคืนนี้เลยแหละ”เบียงก้า “...”ไม่มีอะไรที่เธอจะพูดต่อได้บอกตามตรงว่า ถ้าชะตากรรมของเธอต้องผูกติดอยู่กับตระกูลครอว์ฟอร์ดจริง ๆ เธอหวังอย่างมากว่าเธอจะได้พบกับ บลองช์ ครอว์ฟอร์ดทุกครั้ง เพื่อท
กลับมาที่โรงพยาบาลเบียงก้าจ้องที่ถุงช้อปปิ้งเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะไปแปรงฟันพ่อและลูกชายอยู่เพียงครู่เดียวและกลับไปหลังจากนั้น หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อย เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนและนอนบนเตียงเดี่ยวสีขาวของโรงพยาบาล เธอบีบหว่างนิ้วเป็นเวลานาน เพราะเธอหลับไม่ลงจริง ๆ เธอพลิกตัวพลิกตัวไปมา แต่กลับนอนไม่หลับเลย ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เบียงก้ากำลังคิดว่านี่เป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบสี่ปีที่มีคนสละเสื้อโค้ดให้แก่เธอโดยไม่ลังเลเมื่อเธอรู้สึกหนาวเธอคงโกหกเป็นแน่ถ้าบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยลุคพาลูกชายออกจากโรงพยาบาลเตรียมขับรถกลับคฤหาสน์ พวกเขาหยุดรถลงเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงจากนั้นลุคก็เปิดกระจกรถเพื่อสูบบุหรี่ เขาคีบบุหรี่ไว้หว่างนิ้ว เขาหยิบเคาะขี้บุหรี่เป็นครั้งคราว ดวงตาลึกของเขาจ้องมองตรงไปข้างหน้าและค่อย ๆ หรี่ลง“พ่อครับ พ่อเคยสอนผมว่าการแอบฟังโทรศัพท์ของคนอื่นมันหยาบคายมากนิครับ” บริเวณเบาะนั่งนิรภัยด้านหลัง ลานี่คร่ำครวญขณะที่กัดริมฝีปากเล็ก ๆ ของเขา “แต่พ่อกลับบอกให้ผมรับสายคุณบี…” ลุคเคาะขี้บุหรี่แล้วไม่พูดอะไร ลานี่กล่าวต่อ “แต่เราทั้งคู
ทันใดนั้น ฌองก็เดินไปที่ประตูห้องนอนและพยายามหมุนลูกบิดเขาหมุนลูกบิดสองสามครั้งแต่มันไม่ขยับณ จุดนั้น ลุคล็อคประตูจากด้านใน แต่ทว่านี่เป็นเพียงแค่ลูกประตูธรรมดา ไม่ได้แข็งแรงมาก หัวใจของเบียงก้าตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและไม่อาจกลับมาอยู่จุดเดิมได้อีก ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนบอกได้ว่าไม่มีเลือดไหลขึ้นมาเลี้ยงเลย...ริมฝีปากของเธอถูกผนึกด้วยจูบอันเร่าร้อนของชายคนนั้น เธอทำได้เพียงมองดูชายผู้นั้นด้วยความเศร้าโศกลึก ๆ ในดวงตา เธอสั่นศีรษะอย่างสิ้นหวังลุคจูบริมฝีปากของเธอนานเสียจนปล่อยใจไปกับจูบอันดูดดื่มนั้นขึ้นทุกที หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็ดึงลิ้นของเขาออกจากปากของเธอ แววตาของเขาเจิดจ้าด้วยเปลวเพลิงแห่งราคะที่ไม่สิ้นสุดใบหน้าอันหล่อเหลาด้านหนึ่งกำลังแนบอยู่กับแก้มข้างหนึ่งของเธอ ความอบอุ่นในร่างกายของพวกเขาหลอมรวมเข้าด้วยกัน และมือขนาดใหญ่ของเขาไม่ได้ทำให้ข้อมือของเธอคลายลงเลย ในทางกลับกัน อีกมือของเขาวางไว้หว่างขาของเขาออกแรงกดตรงนั้นมากขึ้น“อย่านะคะ...”เบียงก้าไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นได้อีกเข่าของเธออ่อนแรง และเธอต้องพิงอะไรบางอย่าง แต่ในความงุนงงของเธอ เธอโผเข้ากอดแน่นซ