สิบนาทีต่อมา…“ฉัน ฉันทำไม่ได้” เบียงก้ากล่าวด้วยท่าทางที่ตกใจและดวงตาที่เบิกกว้างลุคกดร่างกายของเขาเข้ากับเธอ ริมฝีปากอันเย้ายวนของเขากดลงบนริมฝีปากที่บอบบางและอ่อนโยนของเธอเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาแตะกับเธอเบา ๆ ร่างกายของเธอสั่นเทาในขณะที่เขารอการตอบสนองจากเธอ“ฉัน…ฉัน…” เธอหลับตาแล้วพูดขึ้นว่า “ฉัน ฉันทำไม่ได้...คุณอย่า...”ลุคมองดูหน้าอกที่สั่นเทาของเธอ จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นนั่งในที่นั่งคนขับของเขา ชายผู้นั้นเลื่อนกระจกรถลงและจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ราวกับว่าเขาทำมาเป็นพันครั้งแล้ว เขาเหลือบมองออกไปภายนอกและพ่นควันบุหรี่ เขายกนิ้วอันเรียวงามของเขาขึ้นมาและกดเข้าที่ขมับที่เจ็บปวดของเขาลุคยินดีรอจนกว่าที่เธอจะพร้อมจูบเขาหลังจากเติบโตมาได้ยี่สิบเก้าปี เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่เขาเคยได้รับ ก็มากกว่าจำนวนโรงแรมที่เธอเคยได้นอนเสียอีกอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้รบกวนจิตใจของเขาและทำตามใจชอบเหมือนที่ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่คงจะได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการไปแล้วเช่นเดียวกับที่เธอเคยพูด ทั้งหมดที่เขาทำคือทำให้ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องกระดิกนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอวบหรื
"มานัดบอดนี้ ฉันก็คงจะไม่ได้มองหาอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ"เธอแค่อยากจะออกจากสถานนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้นเธอรู้สึกเครียดมากขึ้นเมื่อลุคนั่งอยู่อีกฝั่งเหมือนเทวดาผู้พิทักษ์“คุณไม่มีผู้ชายในแบบนี้ที่คุณชอบเลยใช่ไหมครับ? ถ้างั้น ผมขอเล่าประวัติของผมให้คุณฟังก็แล้วกัน” ในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือของลีออนข้างถ้วยกาแฟก็ดังขึ้น “ขอโทษนะครับ แต่ผมต้องรับสายนี้”หลังจากที่ลีออนพูดเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนเบียงก้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้าพอที่จะขยับเขยื้อนใด ๆ เพราะกลัวว่าจะเผลอกันไปเจอสบตากับชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆลุคเองก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนอะไรมากมายเช่นกัน เขาเพียงแค่อ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟรสขมเป็นครั้งคราวหมายเลขนั้นแสดงชื่อ "ป้าอลิสัน"ลีออนรับสาย“ลีโอ นัดบอดเป็นยังไงบ้าง หลานป้า?” อลิสันถามอย่างกังวลใจและต้องการทราบผลการนัดดูตัวครั้งนี้โดยเร็วที่สุดลีออนเหลือบมองเบียงก้าซึ่งนั่งอยู่คนเดียวห่างออกไป และพูดอย่างเหลือทน “ป้าอลิสัน ผู้หญิงคนนี้สวยเหลือเกินครับ แต่ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอเลย”เมื่ออลิสันได้ยินว่าเขาพูดเช่นนั้น เธอเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา “ท
เบียงก้าเงยหน้าขึ้นและมองลุคตาไม่กะพริบหลังจากช่วงเวลาอันยาวนานผ่านไป ตอนนี้มันรู้สึกราวกับว่านาฬิกาได้หยุดหมุน เธอแทบจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยไม่ได้เลย และอารมณ์ที่เกินบรรยายยังคงปลุกเร้าเธออย่างถึงที่สุดภายใต้ขนตายาวและสั่นเทาของเธอ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลุค ครอว์ฟอร์ดคือรุ่นพี่ครอว์ฟอร์ดคนนั้นความสงสัยในใจของเธอเมื่อในอดีตแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพที่ประจักษ์ตรงหน้าเธอผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเธอเองก็เช่นกัน…โชคดีที่หลายปีผ่านไป จากสนามของโรงเรียนจนไปสู่สังคมการทำงาน ชุดนักเรียนที่กว้างและหละหลวมไปจนถึงชุดทำงานมืออาชีพ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังคงได้พบกับชายผู้ครอบครองหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธออยู่เสมอน่าเศร้าใจเหลือเกิน ตอนที่เธอออกจากโรงเรียนมัธยมไป ชีวิตเธอไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ควรและเธอก็ชักนำตนเองเข้าไปสู่คำว่ามลทินอีกด้วยเมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน เบียงก้าก็จำจุมพิตอันร้อนแรงที่พวกเขาทำร่วมกันในรถเมื่อไม่นานได้ ทันใดนั้น อารมณ์รุนแรงและเร่าร้อนผุดขึ้นในใจเธอ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมาเธอไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ดูเหมือนว่าเวลาจะหมุนย้อ
เบียงก้าไม่สามารถทนฟังเรื่องราวได้อีกแล้ว"ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ" เธอวางแก้วลงแล้วลุกขึ้นเธอยอมรับ! เธออิจฉา และหึงหวงอย่างมากในช่วงยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา เธอไม่มีความสุขเลยนับตั้งแต่พบว่าแท้จริงชีวิตเป็นอย่างไร เธอไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอมีความสุข สมัยยังเด็ก มื้ออาหารทุกมื้อของเธอช่างเย็นชืดและเธอยังถูกเด็กคนอื่นรังแกอีก และจากนั้นสมัยมัธยมปลาย เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นทั้งล้อเลียนและตำหนิต่าง ๆ นานาเธอรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยว่าเธอไม่มีสิ่งที่เด็กคนอื่นเขามีกันตอนที่เกิดมานั่นคือแม่หากเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องอ้อนวอนและทำงานหนักเพื่อสิ่งนั้น เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางได้สิ่งนั้นมาครอบครองเหมือนลุค ครอว์ฟอร์ด ในที่สุด เธอก็กลายเป็นผู้ใหญ่และถึงวัยที่ทุกคนบอกว่าเป็นวัยแห่งอิสระและเสรีภาพ เธอไม่เคยรู้สึกถึงอิสระหรือความสุขจากสิ่งเหล่านั้นเลย ทั้งหมดที่เธอมีก็เป็นเพียงโซ่ตรวนแห่งความจริงอันโหดร้ายเพียงเท่านั้น‘เบียงก้า ชาติที่แล้ว เธอคงทำบาปทำกรรมเอาไว้หนักหนาพอตัวสินะ‘นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อไถ่บาปที่ผ่านมาของเธอในชีวิตนี้’ในคฤหาสน์มีห้องน้ำอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว
หญิงสาวทุกคนหลงรักกับคำสารภาพเช่นนี้แน่นอนจากจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ หญิงสาวคนหนึ่งไม่ต้องการอะไรนอกจากความเอาใจใส่และความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยเบียงก้ารู้ดีว่าลุคคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด และหญิงสาวที่เขาจะแต่งงานด้วยต้องมีสถานะชั้นชนสูงที่ทัดเทียมกับเขาด้วยเช่นกันน่าเสียดายที่เธอไม่ได้มีฐานะทางครอบครัวที่เป็นเช่นนั้นเลยดังนั้นแล้ว เส้นทางแห่งความรักของพวกเขาจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่มีทางมาบรรจบกันหากคำสารภาพเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีก่อน เรื่องทุกอย่างก็คงจะจบลงด้วยการเลิกราเพราะเขาอยู่ในวัยที่จำเป็นต้องเชื่อฟังพ่อแม่และยังไม่มีอิสระมากพอ มีคนที่เกี่ยวข้องมากเกินไปและมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไปถ้าเช่นนั้น ความรักของทั้งสองก็รังแต่จะทรมานพวกเขาเพียงเท่านั้น ถึงกระนั้น พวกเขาอาจสานสัมพันธ์ความรักของทั้งสองไปอย่างลับ ๆ ก็ได้ แม้ว่าความรักแบบนั้นจะเหน็ดเหนื่อย แม้จะแข็งแกร่งตั้งแต่แรก แต่ความเป็นจริงข้อนี้คงจะบดบี้ให้พวกเขากลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย สิ่งที่เหล่านี้จึงทำให้พวกเขานั้นมีแต่ก้มหน้ายอมจำนนและเดินไปตามทางของตนเพียงเท่านั้นคงหลงเหลือเพียงแต่บาดแผลบาดลึกที่ถ
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยืนถือไม้เท้าอยู่ในสนามหน้าบ้านพลางกวาดสายตามองจากระยะไกล เมื่อหลานชายของเขากลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูแปลกพิกล ชายชราก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ในที่สุดหนุ่มหล่อพราวเสน่ห์แสนบ้าบิ่นก็มีคู่ครองเสียที!เรนนี่ปีนป่ายขึ้นบนหลังของพ่อเธอ เธอยืนเขย่งปลายเท้าและเอียงคอมองดู เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานว่า "พ่อคะ หนูไม่รู้มาก่อนว่าพ่อใช้วีแชทด้วย"เรนนี่รู้ว่าคุณปู่ทวด คุณย่า คุณย่าซูซาน และอาหลุยส์มีวีแชททุกคนยกเว้นพ่อ และเธอไม่เคยเห็นเขาใช้วีแชทมาก่อนเลยลุคนั่งบนโซฟาพร้อมกับขมวดคิ้วขณะจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างจดจ่อและกังวลเขาไม่ได้รับคำตอบจากเบียงก้า'หรือคำตอบนั่นคือไม่?' ในขณะนั้นเอง หลุยส์ก็ลงมาชั้นล่าง เมื่อเขาได้ยินว่าลุคมีวีแชทแล้ว เขาเดินเข้าไปหาพี่ชายด้วยความประหลาดใจและเหลือบมองจากด้านข้าง "นี่นายยังไม่ตั้งรูปภาพโปรไฟล์ด้วยซ้ำ"ลุคปิดหน้าจอที่แสดงการแชทของเขากับเบียงก้าลงและทำหน้าบูดบึ้ง'ทำไมเธอไม่ตอบล่ะ?'“คุยกับผู้หญิงงั้นเหรอ?” หลุยส์นั่งอีกฝั่งของโซฟา เขาดูเหมือนเด็กรวยที่ยกเท้าพาดบนโต๊ะขณะที่สายตาจับจ้องไปยังพี่ชายหน้าเย็นชาที่อยู่อีกฟากหนึ่ง “รู
เมื่อเบียงก้าเดินออกจากละแวกบ้านของเธอ เธอเห็นชายคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลายืนอยู่ ณ มุมหนึ่งทุกอณูในร่างกายของลุคกำลังรอคอยให้เธอมาหา เมื่อเธอออกมา เขาก็เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปในที่สุด และยื่นถ้วยเครื่องดื่มร้อนไปไว้ในมือเธอแม้แต่ในฤดูร้อน ก็มีลมพัดเล็กน้อยตอนรุ่งเช้าเวลาตีสามเบียงก้ารู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเธอหลังจากที่ขึ้นรถ เธอก็ผล็อยหลับไปก่อนที่เธอจะออกไป เธอบอกตัวเองว่าอย่าเผลอหลับไปและต้องอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนเขาเสียก่อน เพราะถ้าเธอง่วง เขาก็จะง่วงนอนด้วยเหมือนกันลุคขับรถอย่างระมัดระวัง รถสปอร์ตแล่นไปตามท้องถนนในตอนกลางคืนซึ่งเงียบกว่าตอนกลางวันมาก เขาขับรถเป็นเวลายี่สิบนาทีก่อนจะถึงจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเขาเหลือบดูเวลาบนนาฬิกาแล้วมองดูเธอที่กำลังหลับอยู่ เขาทำใจไม่ได้ที่จะปลุกเธอให้ตื่นถ้าเธอพลาดพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาอาจลองอีกครั้งในวันอื่นในขณะนั้น ก็มีรถวิ่งผ่านไปมาบนถนนและบีบแตรเสียงดัง!เบียงก้าตื่นขึ้นด้วยความตกใจลุคจ้องมองรถที่วิ่งผ่านไปและหันไปมองเธอขณะที่เอ่ยอย่างแผ่วเบา “เราถึงแล้ว ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”เบียงก้ามองออกไปด้วยความงุนงง มันเป็นทางเข้าอาคารบริษ
ระหว่างทางไปบ้านของลุงลุค ลุค ลานี่ และเรนนี่ ครอบครัวสามคน รวมทั้งเบียงก้ารับประทานอาหารเช้า ณ ร้านแห่งหนึ่ง เบียงก้าเขินอายอย่างมากเพราะเธอรู้สึกว่าลุคกับเธอดูไม่เหมาะสมกันเลย โชคดีที่เธอสวมชุดทำงานในวันนั้น เธอกังวลว่าพอถึงเวลาทำงานหลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น เธอจะไม่มีเวลากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอหวังเพียงว่า หากมีใครเผลอมองมา ก็ขอให้พวกเขาคิดว่าเธอเป็นเลขาสาวของลุคก็พอเบียงก้าสังเกตว่าลานี่และเรนนี่ดูเหมือนกลัวพ่อของพวกเขามากเมื่อพ่อไปเข้าห้องน้ำ เรนนี่กินแยมสตรอว์เบอร์รีเต็มปากแล้วบ่นว่า “น้าบีคะ พ่อทำเหมือนเด็กยังไม่โตเลยอะ พ่อน่ะทำให้หนูร้องไห้ตลอดเลย”“พี่ชายเก่งกว่าหนูตั้งเยอะ พี่เข้มแข็งกว่าหนู พี่ก็เลยไม่เคยร้องไห้เพราะพ่อเลยสักครั้ง”ลานี่พยักหน้าเห็นด้วย “พ่ออารมณ์ไม่ดีและไม่ชอบพูดคุยกับคนอื่น เราแค่อยากดูแลปัญหาจิตใจของพ่อจริง ๆ แต่ดูเหมือนพ่อจะไม่เคยยอมรับว่าพ่อป่วยเลย”เบียงก้าหัวเราะและเช็ดปากของเรนนี่ที่ติดมีแยมไปทั่วเมื่อลุคกลับมาจากห้องน้ำและเห็นบรรยากาศที่เป็นกันเองในโต๊ะอาหาร เขาจึงเอ่ยถามด้วยความอิจฉา "คุยอะไรกันอยู่น่ะ? ทั้งสามคนดูมีความสุขกันมากเ