“นะ...นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” สองนิ้วเรียวพันวนกันไปมาแสดงความประหม่าอย่างชัดเจน
“นี่ห้องฉัน...” เขากดเสียงต่ำพลางเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ “แล้วอีกอย่าง ฉันอยู่ในนี้มาตลอด” ว่าจบก็มาหยุดยืนประชันหน้ากับเธอเข้าพอดี เขาจ้องมองหญิงสาวที่กำลังกก้มหน้างุดมองปลายเท้าอยู่เพียงครู่หนึ่ง “บางที นายควรจะเปิดไฟสักหน่อย...” ได้ยินแบบนั้น แวมไพร์หนุ่มก็แสยะยิ้มขึ้นมุมปาก ก่อนจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ราวกับอยากจะพินิจแววตาของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาเรียที่เห็นว่ามันใกล้เกินไปก็ค่อย ๆ เบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังจนเกือบหงายลงไปทั้งร่าง แต่ทันทีที่เธอเกือบจะล้มลงไปนั้น มือหนาของเขาประคองร่างเอาไว้ได้ทันเสียก่อน “เธอผิดประเด็นไปหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าเธอมาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่เอง ทำไมถึงได้มาตั้งคำถามใส่ฉัน” ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น หลังจากประคองร่างเธอให้ทรงตัวได้แล้ว เขาก็ยังยังคว้าจับข้อมือข้างหนึ่งของเธอ ซึ่งดูหมือนกำลังแอบซ่อนสิ่งของบางอย่างเอาไว้ในกำปั้นเล็กนั่น "ขโมยของเหรอ" น้ำเสียงนิ่งสงบแต่เฉียบขาด “เข็มกลัดนี่ขายไม่ได้ราคาหรอกคุณฟลอเรนซ์” ไม่ว่าเปล่ายังส่งสายตาเย็นชาใส่อย่างต่อเนื่อง “ฉันไม่ได้จะเอาไปขาย!” อาเรียตวาดดังลั่นเมื่อเห็นว่าเขาคิดว่าเธอต้องการเงิน โชคยังดีที่ห้องนี้เก็บเสียงพอสมควร ไม่อย่างนั้นทั้งชั้นคงรู้แล้วมีนักเรียนหญิงแอบเข้ามาในหอพักนักเรียนชายในยามวิกาล เหอะ คงจะได้ยินเข้าตอนที่กลุ่มผู้หญิงพวกนั้นพูดว่าบ้านเธอกำลังจะล้มละลาย จึงคิดว่าเธอต้องการเงินอย่างนั้นสิ!? “แล้วจะเข้ามาขโมยมันไปเพื่ออะไรล่ะ” “ฉัน...ฉันมีเหตุผล แต่ถ้านายอยากรู้รายละเอียดมากนัก ก็ลองไปขอให้สาว ๆ พวกนั้นเล่าให้ฟังสิ” เธอกำลังพูดถึงแก๊งของโซเฟียอยู่สินะ “ฉันไม่ได้รู้จักหรือคุ้นเคยกับพวกนั้นเป็นการส่วนตัว ทำไมฉันจะต้องไปลองถามด้วยล่ะ ฉันว่าเธอกำลังเบี่ยงประเด็นมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้น คราวหน้าคราวหลัง นายจะใจดีกับใครก็ช่วยใส่ใจคนที่ชื่นชอบนายหน่อยก็แล้วกัน” เป็นเพราะความโกรธที่เขาหาว่าเธอขโมยของเพราะเห็นแก่เงิน อาเรียจึงเอ่ยออกมาเช่นนี้ แต่อันที่จริงแล้วเธอชื่นชมในความใจดีที่เขามีให้อยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่าอยากจะเข้าร่วมเป็นแฟนคลับของเขาเลยล่ะ แถมยังรู้สึกผิดและอับอายขายหน้าที่ต้องมายืนต่อล้อต่อเถียงใส่เขาอยู่แบบนี้ด้วย “กลับออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะเรียกอาจารย์” เจย์เนสเอ่ยเสียงนิ่งพร้อมทั้งดึงเข็มกลัดออกมาจากมือเรียวอาเรียที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดเผือด ทำเอาเจย์เนสแสยะยิ้มอย่างได้ใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอเป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อสักครู่หญิงสาวตรงหน้ายังทำเป็นต่อล้อต่อเถียงปากเก่งใส่เขาอยู่เลย ทำยังไงดีอาเรีย แบบนี้เสียหายเป็นสองเท่าเลยนะ เข็มกลัดก็ไม่ได้แถมยังเสียหน้าอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังต้องกลับไปรับมือการก่อกวนจากกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นอีก “ฉัน...ฉันจะกลับออกไป แต่ว่า...” อาเรียเอ่ยเสียงสั่นระคนว่ากำลังอ้อนวอนไปในตัว “ขอยืมเข็มกลัดของนายไปด้วยได้ไหม” เจย์เนสทิ้งตัวนั่งพิงหัวเตียงพร้อมยกแขนขึ้นกอดอกขณะเดียวกันสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังอาเรียด้วยแววตาเรียบเฉย บ่งบอกว่าเขาไม่สนใจข้อเสนอนี้เลยสักนิด “ทำไมฉันจะต้องให้เธอยืมไปด้วยล่ะ” ขณะเอ่ยถาม คิ้วหนาก็เลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน มือหนาจับเข็มกลัดของตัวเองใส่ลงในกล่องซึ่งอยู่ข้างหัวเตียง ท่าทีประหนึ่งหมาป่าเดินมาเจอเหยื่อที่เดินมาติดกับดักของตน และกำลังข้อร้องอ้อนวอนอย่างไรอย่างนั้น ได้ยินแบบนั้น ความรู้สึกสิ้นหวังก็โถมใส่อาเรียอย่างจัง ดวงหน้าสวยก้มงุดลงมองปลายเท้าพร้อมดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ “ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้…แต่พวกนั้น…พวกนั้นบังคับ…” ท่าทางของคนตรงหน้าทำเอาเจย์เนสชะงักอยู่ไม่น้อย จากที่ตอนแรกเขาแอบหัวเราะอย่างได้ใจ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นจ้องมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์แทน ความเงียบงันทำให้บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่เริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด เจย์เนสก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย พร้อมเอื้อมมือไปหยิบกล่องเข็มกลัดของตัวเองขึ้นมาจากข้างหัวเตียง “เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องฟังคำพูดของยัยพวกนั้น” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวตรงไปหาอาเรียที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะเครื่องเขียนของเขาอีกครั้ง “ครั้งหน้า...หวังว่าเธอจะคิดให้รอบคอบกว่านี้” ถึงจะพูดเชิงตำหนิ แต่ก็ยังอดช่วยเสียไม่ได้แหละนะ มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวของเธออย่างถือวิสาสะก่อนจะยัดกล่องเหล็กที่ใส่เข็มกลัดของตนลงไป อาเรียเห็นแบบนั้นจากแววตาสิ้นหวังก็เปล่งประกายขึ้นมาแทบจะทันที ทำเอาร่างสูงที่ยืนมองถึงกับต้องรีบหันหลบท่าทางร่าเริงแสนอันตรายนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ อันที่จริงก็สามารถทำเมินต่อคำร้องขอนั้นแล้วไล่เธอกลับออกไปก็ใช้ได้แล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะช่วย มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย “กลับไปซะก่อนที่ใครจะมาเห็น แล้วหวังว่าเธอจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีกนะ” ว่าจบก็เดินไปเปิดประตูออก ทว่าในจังหวะที่อาเรียกำลังจะก้าวออกไปนั้น เสียงฝีเท้าบริเวณโถงทางเดินในหอพักชายก็ดังขึ้น อาเรียไม่ทันได้ยินอะไร เป็นเพราะประสาทสัมผัสไม่ได้ไวเท่าแวมไพร์ เธอจึงไม่ทราบถึงเสียงที่กำลังมุ่งตรงมายังพวกเขาทั้งคู่ แต่เจย์เนสที่สัญชาตญาณไกว่ากลับคว้าข้อมือแล้วดึงเธอกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ก่อนจะลากเธอไปที่เตียงของตัวเอง “นี่! นายจะทำอะไร…” อาเรียพยายามจะพูดพร้อมทำท่าตื่นตกใจ นี่เขาคงไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอกนะ! “เงียบ” เจย์เนสเอ่ยปากสั่งพลางดึงเธอลงมานอนบนเตียงด้วยกัน ก่อนจะใช้มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวพวกเขาทั้งคู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้ขายาวกอดก่ายร่างบางทำราวกับว่าเธอเป็นหมอนข้างภายใต้ผ้าห่มอย่างไรอย่างนั้น อาเรียที่ถูกกระทำเช่นนั้นก็เริ่มหน้าร้อนผ่าว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะพยายามขยับหนี แต่ก็ยังไม่วายถูกเจย์เนสรวบตัวเอาไว้แน่น “อยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่อยากโดนจับได้” ไม่ทันขาดคำ เสียงเปิดประตูห้องพักก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของชายวัยกลางคน พร้อมกับเงาของเขาที่ขยับเข้ามาใกล้เตียงมากขึ้นเรื่อย ๆถึงแม้สถานการณ์จะล่อแหลมถึงขนาดนี้ แต่เจ้าแวมไพร์ก็ยังเอาแต่นั่งนิ่ง มีหรือเขาจะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นของดี จึงปล่อยให้เธอทำอะไรต่อมิอะไรไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้กระทั่งสายตาของอาเรียเหลือบไปส่องกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้งเขา“เจย์เนส!?” เสียงหวานร้องหลงเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ในห้องด้วย ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วนี่...เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย! แถมยังนั่งเงียบไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างกับพวกจงใจถ้ำมองอีก!เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา อาเรียก็รีบคว้าจับเสื้อตัวเองมาห่อตัวอีกครั้ง อีกแค่นิดเดียวมีหวังเธอได้ล่อนจ้อนต่อหน้าเขาแน่ ๆ“กว่าจะรู้ตัวนะ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะได้เห็นเธอถอดเสื้อผ้าจดหมดตัวหรือเปล่า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละได้ยินแบบนั้นดวงหน้าสวยก็ยิ่งขึ้นสีแดงแจ๋ อยากจะมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนีให้เสียรู้แล้วรู้รอด แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “นายมาทำอะไรที่นี่…แล้วเข้ามาได้ยังไง!?”เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเธอแท้ ๆ แล้วทำไมเธอจะต้องเป็นฝ่ายเขินอายกันด้วยล่ะ“ก็ทางที่เคยออกไป...” ว่าพลางชี้ไปทางระเบียงห้องอาเ
และแล้ววันเปิดเรียนก็มาพร้อมกับช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่มาถึงพอดี เสียงพูดคุยในโรงเรียนดังเซ็งแซ่ไปทั่วนอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสีสันของวันวาเลนไทน์นั้น ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจและช็อกโกแลตที่ต่างคนต่างมีครอบครองกันเอาไว้ในมืออย่างน้อยคนละหนึ่งอัน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อจะนำไปมอบให้คู่หมายหรือคนที่แอบชอบอย่างไรล่ะอีกด้านหนึ่งในหอพักชายดูเหมือนว่าความครื้นเครงของเทศกาลจะขัดกับนิสัยของแวมไพร์หนุ่มเสียเหลือเกิน บอกตามตรงว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยให้ความสนใจเทศกาลอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ค่อนข้างจะมองว่าไร้สาระด้วยซ้ำแล้วใครจะไปคิดว่าเขาที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนอนกลับมีถุงใส่ช็อกโกแลตขนาดมหึมาตั้งวางอยู่ข้างกาย‘เฮ้อ เลือกว่ายากแล้ว เอาไปให้ยังยากกว่าอีก’ เจย์เนสถอนหายใจยาว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการจะนำช็อกโกแลตไปให้ใครสักคนจะต้องนั่งทำใจนานถึงเพียงนี้แล้วไอ้ความประหม่าที่ไม่เคยเป็นนี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย...นั่งอยู่นานจนกระทั่งเห็นว่าสายแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกออกไปเพื่อเตรียมเข้าคลาสเรียน จึงปล่อยกองช็อกโกแลตพวกนั้นเอาไว้ในห้องเสียก่อนระหว่างทาง สายตาคมก็แอบสอดส่องสำร
ในขณะที่เจย์เนสกับไอวี่เดินกลับออกไปจากโซนล็อคเกอร์ อาเรียที่ตอนแรกได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนชื่อเจย์เนสก็รีบหันควับกลับไปมองทันที ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวคนนั้นภาพตรงหน้าทำให้ใจบางกระตุกวูบ เธอไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่ใกล้ตนขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็หันไปเห็นผู้หญิงคนนั้นสวมกอดเขาอยู่แล้ว ถึงจะดูเหมือนเล่นกัน แต่ท่วงท่าการกอดนั้นก็แนบแน่นใช้ได้คิ้วคู่สวยเริ่มขมวดพันกันยุ่ง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วยซ้ำ เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด‘เขามีสิทธิ์เป็นร้อยที่จะกอดกับใครก็ได้...ทำไมฉันจะต้องสนใจด้วย’ คิดแบบนั้นก็รีบเดินออกไปจากตรงบริเวณล็อคเกอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงให้ภาพตรงหน้าพ้นตาเมื่อกลับมาถึงห้อง อาเรียก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเพดานนิ่ง ต่างจากในใจที่กำลังครุ่นคิดถึงภาพที่เพิ่งเห็นมาไม่นานนัก มอเรียวก้คว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำสิ่งที่หญิงสาวทุกคนถนัด นั่นก็คือ...พิมพ์ชื่อของผู้หญิงคนนั้นลงในช่องค้นหาของแอพโซเชียลมีเดีย จากนั้นไม่นาน บนหน้าจอโทรศัพท์ก็ฉายภาพใบหน้าของหญิงสาวเจ้าของ
หลังจากวันนั้น เจย์เนสก็เริ่มรู้สึกได้ว่าอาเรียต้องการหลบหน้าเขา เพราะอะไรกันนะ อยู่ๆเผะอก็เปลี่ยนไป จากก่อนหน้าที่ไม่ว่าเจอกันเมื่อไหร่ก็จะส่งยิ้มหวานกลับมาให้ตลอด แต่ตอนนี้กลับรีบก้มหน้าก้มตาแล้วเดินหลบเลี่ยงออกไปให้พ้นสายตาเสียอย่างนั้นยิ่งคิดก็ดูเหมือนว่าในใจจะว้าวุ่นอย่างไรก็ไม่รู้เอ๊ะ แล้วนี่เขากำลังว้าวุ่นเรื่องยัยฟลอเรนซ์อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้… คนอย่างเขาไม่เคยหวั่นไหวกับใครทั้งนั้นแหละดูเหมือนว่าเจ้าแวมไพร์หนุ่มจะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ค่อนข้างยากเอาการ ไม่เพียงเท่านัั้น เขายังทำเป็นเมินเฉยใส่กลับไปด้วยต่างหาก เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะมีใครสักคนพยายามเข้าหาแล้วพูดคุยกันให้เข้าใจไม่ใช่หรือไงหลายวันผ่านไป เขาก็ยังทำตัวเมินเฉยใส่อาเรียอย่างออกนอกหน้า แต่แล้วก็ต้องตกใจกับเรื่องราวที่ได้ยินในวันนี้“เฮ้อ ถ้าจะออกก็บอกกันก่อนสิ ครูจะได้หาคนมาแทนตั้งแต่เนิ่น ๆ” เสียงอาจารย์บรรณารักษ์เอ่ยต่อว่าอาเรียเบา ๆ เนื่องด้วยเป็นบริเวณห้องสมุดจึงสงวนการใช้เสียงดัง แต่นี่ก็คงถือเป็นเรื่องดีแหละนะเพราะน้ำเสียงที่อาจารย์ใช้นั้น ทำให้เธอไม่ค่อยรู้สึกเหมือนโดนต่อว่ามากนักส่
วันดีคืนดี จู่ ๆ ช่วงนี้อาเรียก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะบังเอิญเจอเขาไปเสียทุกที่ หรืออาจเป็นเพราะว่าความสนใจของเธอไปอยู่กับเขาหมดแล้วเป็นความบังเอิญแบบไหนน่ะเหรอ...“ยืมหนังสือ” ว่าจบเขาก็วางหนังสือที่ต้องการยืมสองเล่มลงตรงหน้าอาเรียที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์เมื่อวานก็ยืมไปแล้วตั้งสองเล่ม อ่านจบแล้วหรือไงกัน อาเรียคิด แต่เอาเข้าจริง หากจะคิดว่าเขาตั้งใจมาหยิบยืมหนังสือเพื่อที่จะได้พบหน้าเธอ มันก็ดูจะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยมือหนาคว้าหยิบหนังสือบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินไปดึงเก้าอี้ของโต๊ะตัวที่อยู่ไม่ห่างจากเคาน์เตอร์ยืมหนังสือมากนัก‘ไม่ใช่หรอก เขาไม่ได้ตั้งใจจะนั่งตรงนั้นเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ เราหรอกมั้ง’ อาเรียยังคิดไม่ตก แล้วอีกอย่าง...เรื่องของพวกเขาดูไม่มีหวังเลยสักนิด เขามาจากตระกูลแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ ส่วนเธอเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลที่ใกล้จะล้มละลายเต็มที ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่เหมาะสมเลยสักนิด หากเดินเคียงข้างกันคงตกเป็นที่ติฉินนินทาแน่แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงขั้นนั้นเลย แค่คิดว่าหากเข้าใกล้เขาแล้วจะโดนกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นเล่นงานอีกก็ไม่ค่อยกล้าหวั
วันรุ่งขึ้น ทางโรงเรียนก็จัดงานฉลองเทศกาลปีใหม่ได้ทันเวลา ถึงแม้ว่าอาเรียจะพักผ่อนได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก เพราะกว่างานจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบจะตีสองแต่ระหว่างที่อาเรียกำลังเดินอยุ่ในงาน อยู่ ๆ เธอก็ถูกอาจารย์ฝ่ายกิจกรรมเรียกตัวไปพบ“อาเรีย อุปกรณ์ของโรงเรียนที่ใช้จัดงาน ลองนับดูแล้วมูลค่าการเสียหายหลายหมื่นอยู่นะ” อาจารย์กล่าวด้วยความกระอักกระอ่วนใจ เขาทราบดีว่าเธออาจไม่ได้ตั้งใจที่จะทำข้าวของเสียหาย แต่อย่างไรกฎก็ยังเป็นกฎ“แต่ว่า...หนูไม่ได้เป็นคนทำพังนะคะ” อาเรียคัดค้าน“เพื่อนในคลาสบีของเธอบอกว่าเธอเป็นผู้ดูแลของทั้งหมด ยังไง ทางคลาสบีของพวกเธอก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้กับทางโรงเรียนนะ”อาเรียถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าหากบอกว่าคลาสบี ก็คงโยนภาระหน้าที่มาให้แค่เธอกับลิเลียนเพียงสองคนนั่นแหละ“เข้าใจแล้วค่ะ หนูจะรีบหาเงินมาชดใช้ให้...” ว่าจบเธอก็เดินคอตกกลับเข้าไปในงาน โดยไม่รู้เลยว่า ขณะที่ตัวเองกำลังยืนถูกอาจารย์ตำหนิอยู่นั้น เจ้าแวมไพร์หนุ่มได้แอบมายืนฟังด้วยเช่นกัน และเขาก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าว ๆ แล้วด้วย‘เธอจะจ่ายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ’ เจย์เนสคิดในใจ คิ้วหนาขมวดงุ่น ดวงตาสีแ