“เป็นอะไรไปน่ะแบรดฟอร์ด ทำไมนอนคุดคู้แบบนั้น”
เมื่อได้ยินเสียงอาจารย์ใกล้มาก แขนเรียวเล็กก็คว้ากอดร่างของคนตัวสูงเข้าเต็มปังเหมือนคอยลุ้นตามว่าจะโดนจับได้หรือเปล่า ทำเอาเจย์เนสชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยายามดึงน้ำเสียงให้มั่นคงแล้วตอบกลับอาจารย์ไป “ปวดท้องครับ แต่...เดี๋ยวก็หายแล้ว” “งั้นเหรอ อืม ดูแลตัวเองแล้วกันนะ” ที่พูดเช่นนั้นเป็นเพราะอาจารย์ก็ไม่นึกฝันว่าแวมไพร์จะป่วยได้ เขาจึงไม่มีชุดความรู้ทางด้านนี้มาให้คำแนะนำว่าจะต้องทำเช่นไร จึงเลี่ยงหลบออกไปเสียดีกว่า เสียงประตูปิดลงพร้อมกับความเงียบที่หวนคืนสู่ห้อง แต่ทั้งคู่ก็ยังนอนนิ่งต่อไปอีกสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าอาจารย์จะไม่ย้อนกลับมาเปิดประตูห้องอีก อาเรียนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม ความเงียบนั้นทำให้เสียงหัวใจของเธอที่เต้นโครมครามเด่นชัดขึ้นอย่างน่าอาย “ปลอดภัยแล้ว” เขาพูดพลางมองไปที่ประตู แล้วหลังจากนั้นอาเรียก็รีบผุดใบหน้าแดงก่ำออกมาจากผ้าห่มเหมือนแอบสังเกตการณ์ก่อนจะตัดสินใจว่าจะลุกหรือไม่ลุกดี “ปล่อยได้แล้วมั้ง” เจย์เนสนอนนิ่งเมื่อยังมีแขนเรียวของอาเรียพาดกอดตัวเองอยู่ หญิงสาวที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำเรื่อถือวิสาสะก็รีบปล่อยกอดพร้อมลุกพรวดออกจากเตียงในทันที “ขอบคุณนะ...แต่ว่า...ทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ...” “ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่นี้ก็น่ารำคาญจะตายอยู่แล้ว” อาเรียกัดริมฝีปาก ถึงคนตรงหน้าจะพูดจาแทงใจดำไปหน่อยแต่เธอก็รู้สึกขอบคุณยิ่งนัก มือเรียวกอบกุมกล่องเข็มกลัดเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นของล้ำค่าที่ต้องรักษาเอาไว้เยี่ยงชีพ นอกจากนี้ รับรองได้เลยว่าเรื่องราวในคืนนี้จะต้องฝังใจฝังอยู่ในความทรงจำของเธอไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน เจย์เนสเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ แต่ลึก ๆ ก็อดเอ็นดูเสียไม่ได้ จึงตัดสินใจทำเรื่องสำคัญอีกอย่างให้ “ฉันจะร่ายเวทย์ให้เธอเดินออกไป จะไม่มีใครเห็น อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะกลับไปถึงหอพักตัวเอง” ได้ยินแบบนั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ อันที่จริงเธอก็พอจะทราบแล้วว่าตระกูลของเจย์เนสเป็นตระกูลแวมไพร์เก่าแก่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังเช่นนี้ด้วย เขายกมือขึ้นอีกครั้ง และพึมพำคำพูดบางอย่างที่อาเรียไม่เข้าใจ อาจเป็นภาษาของแวมไพร์โบราณก็เป็นได้ ดวงตาสีแดงของเขาเปล่งประกายวูบหนึ่ง ก่อนที่อากาศรอบตัวจะรู้สึกหนักแน่นขึ้น ราวกับมีพลังบางอย่างปกคลุมล้อมรอบตัวเธอ “จำเอาไว้ ทีหลังอย่าทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้อีกล่ะ” เสียงของเจย์เนสดังขึ้นจากด้านหลัง คำพูดของเขาฟังดูเย็นชา แต่ในสายตาของอาเรีย เธอกลับรู้สึกได้ว่าเหมือนเขาจะเป็นห่งมากกว่า ไม่ห่วงเธออย่างน้อยก็คงห่วงว่าตัวเองจะพลอยโดนหางเลขไปด้วยแหละนะ แต่อย่างน้อยมันก็ดีต่อตัวเธอ ก่อนจะเดินจากไป อาเรียก็ยังหันไปชายตามองเขาเล็กน้อยพร้อมทั้งค้อมศีรษะให้เหมือนเป็นการกล่าวขอบคุณ จากนั้นเธอก็หันหลังเดินตรงกลับสู่หอพักของตัวเอง ‘จะได้เรื่องหรือเปล่าเนี่ย’ เจย์เนสมองตามแผ่นหลังของเธอไป จนกระทั่งสุดวิสัยน์ของสายตาแล้ว เขาก็ยังไม่วางใจเสียอย่างนั้น ‘ให้ตายเถอะ ยัยนั่นยิ่งไม่เป็นงานอยู่ด้วย’ ว่าจบก็อดไม่ได้ที่จะก้าวตามไปห่าง ๆ และเมื่อเห็นว่าเธอกลับเข้าสู่เขตหอพักหญิงได้อย่างปลอดภัยแล้ว เขาก็เดินถอยกลับมาด้วยความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากกลับถึงหอพักหญิง อาเรียรีบหลบสายตาจากทุกคนในทางเดิน เธอเก็บเข็มกลัดของเจย์เนสไว้ในมือแน่น รู้สึกถึงเหงื่อที่ชุ่มฝ่ามือ แม้จะกลับมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย แต่หัวใจของเธอยังคงเต้นระส่ำจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเผชิญมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเดินไปถึงมุมห้องที่กลุ่มของโซเฟียและเพื่อน ๆ นั่งรวมตัวกันอยู่ อาเรียสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินเข้าไปหา โซเฟียมองเธอด้วยแววตาเย้ยหยันปนสนุก เธอไม่คิดว่าอาเรียจะสามารถทำภารกิจนี้สำเร็จ “กลับมาเร็วนะ คงไม่ได้มาล่ะสิ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาจากเพื่อนในกลุ่ม ขณะที่อาเรียเงยหน้ามองพวกเธอด้วยสายตาที่มั่นคง “นี่… โชคดีที่ไม่ต้องขโมยเพราะเขาเต็มใจให้ฉันมาเอง” เธอพูดสั้น ๆ ก่อนจะเปิดมือที่กำเข็มกลัดไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อเข็มกลัดสีเงินสลักคำว่า “แบรดฟอร์ด” เด่นหราท่ามกลางแสงไฟที่สะท้อนต้องกับมัน กลุ่มของโซเฟียก็ถึงกับอ้าปากค้างไปตามกัน “เป็นไปไม่ได้!” หนึ่งในพวกนักเรียนหญิงกลุ่มนั้นร้องขึ้น ก่อนที่โซเฟียจะหยิบเข็มกลัดขึ้นมาดูอย่างไม่เชื่อสายตา “นี่มันเข็มกลัดของเจย์เนส...” โซเฟียพึมพำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เธอไปเอามาได้ยังไง!” ไม่ว่าเปล่ายังกระชากคอเสื้อของอาเรียเข้าไปใกล้ราวกับต้องการจะรู้คำตอบอย่างยิ่งยวด อาเรียเห็นท่าทีของโซเฟียที่กำลังคลุ้มคลั่งก็แสยะยิ้มขึ้นพร้อมปลดมือที่คว้าคอเสื้อของเธออย่างถือวิสาสะนั้นออก ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ “ฉันทำตามที่พวกเธอขอแล้ว คิดว่าพจากนี้ไปพวกเธอจะรักษาคำพูดด้วยนะ” โซเฟียนิ่งงันไป ดวงตาของเธอจ้องเข็มกลัดในมืออย่างกับพยายามหาความผิดปกติ แต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่บ่งบอกว่ามันเป็นของปลอมหรือของเลียนแบบ “มัน…มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ” โซเฟียพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ไม่มีทางที่เจย์เนสจะให้เข็มกลัดกับคนอย่างเธอ!” “เธอขโมยมา” โซเฟียเอ่ยขึ้นพลางหรี่ตา มองอาเรียด้วยสายตาจับผิด ในตอนแรกเธอคิดว่าอาเรียจะไปหยิบของนักเรียนชายคนอื่น แต่ไหงเป็นเจย์เนสไปได้... ยิ่งเธอคิดอยากจะทำให้อาเรียมีข่าวฉาวโฉ่ข้อหาบุกรุกเข้าไปในหอพักชายยามวิกาล เธอก็ยิ่งทำให้พวกเขาสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างนั้นเหรอ! “ฉันไม่ได้ขโมย เธอก็รู้ว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างฉันไม่มีทางจะขโมยของนักเรียนแวมไพร์ได้หรอก” เป็นเรื่องจริง เพราะสัญชาตญาณของแวมไพร์เร็วกว่ามนุษย์มาก หากยอมให้ขโมยจริงก็คงสมยอมเป็นแน่ และเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่โซเฟียยอมรับไม่ได้ และยิ่งยอมไม่ได้เข้าไปใหญ่ เมื่อคิดไปถึงว่าหากอาเรียไม่ได้ขโมยมา เจย์เนสก็คงตั้งใจมอบมันให้เธอโดยตรง! “เอาเถอะ...” โซเฟียพูดในที่สุด น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “ถือว่าเธอผ่านเกมนี้ไปได้ แต่จำไว้... นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกฉันจะยอมรับให้เธอเข้ามาอยู่ใกล้เจย์เนสได้หรอกนะ!” อาเรียพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจคำพูดนั้นเลยสักนิด เพราะสำหรับเธอการจบเรื่องนี้โดยไม่มีใครจับได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หญิงสาวหันหลังให้กับทุกคนในห้องนั่งเล่นรวม ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักของตัวเอง ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบและคำวิจารณ์ของกลุ่มนักเรียนหญิงที่ตามไล่หลังมา แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วล่ะ ขณะที่ก้าวเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเอง มือเรียวก็ยังคงกำเข็มกลัดที่ได้มาเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าทำไม การมีมันอยู่ด้วยจึงทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเขาคอยอยู่ข้าง ๆ เสียอย่างนั้น อีกด้านหนึ่ง ณ หอพักชาย ร่างสูงที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ เช่นกันก็เอาแต่นอนพลิกไปมาบนเตียงด้วยความหงุดหงิด “โง่จริง ๆ เลย คนอะไร ไม่เคยพบเคยเจอ!” เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่เข้ามาสะกิดใจเขาอย่างจังเชียวล่ะ น่าหงุดหงิดชะมัด คนอะไรเปราะบางและหลงเชื่อคนง่ายเสียขนาดนั้น ว่าแต่เหตุใดเขาต้องหงุดหงิดถึงเพียงนี้กัน มันไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นจากความรำคาญที่ส่วนใหญ่เขาจะรู้สึกกับคนอื่นเช่นนั้น แต่แบบนี้ รู้สึกเหมือนเป็นความว้าวุ่นใจแปลก ๆ เจย์เนสถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะพลิกตัวอีกครั้ง พยายามไม่สนใจความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว “เหอะ ยัยโง่เอ๊ย!” เขาเอ่ยเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเอง ว่าจบ เขาก็ซุกหน้าลงกับหมอน เพื่อพยายามปิดกั้นทุกความคิดเกี่ยวกับอาเรีย แต่ยิ่งพยายามลืมใบหน้าสวยใสแววตาออดอ้อนก็กลับยิ่งฉายชัดในหัวเข้าไปทุกที มิหนำซ้ำ ซุกไปซุกมาก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น “โธ่เอ๊ย กลิ่นยัยนั่นติดตัวติดเตียงฉันไปหมดแล้ว” เจย์เนสลุกขึ้นนั่งในที่สุด ท่าทางดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก่อนจะเดินออกจากห้องไปนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนสนิทของตนที่ห้องนั่งเล่นรวม “ไง องค์ชาย เล่นไพ่กันหน่อยไหม?” เจย์เนสพยักหน้าตอบรับ ทำเอากลุ่มเพื่อนต่างหากันเบิกตากว้าง เพราะปกติแล้วเขาเล่นอะไรแบบนี้เสียที่ไหนเล่า ชวนเล่นทีไรก็จะตอบกลับมาเพียงแค่ว่า “ไม่เอาหรอก น่าเบื่อ...” สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย “องค์ชาย กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่าเนี่ย” “จะเล่นไหม” เมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ ถามอย่างสู่รู้มากเกินไปจึงแสร้งทำเสียงเข้มเบี่ยงประเด็น “เล่นๆๆ” อย่างน้อยก็คงทำให้สมองเขาปลอดโปร่งจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปได้ไม่มากก็น้อยแหละนะถึงแม้สถานการณ์จะล่อแหลมถึงขนาดนี้ แต่เจ้าแวมไพร์ก็ยังเอาแต่นั่งนิ่ง มีหรือเขาจะพลาดโอกาสที่จะได้เห็นของดี จึงปล่อยให้เธอทำอะไรต่อมิอะไรไปอย่างไม่รู้ไม่ชี้กระทั่งสายตาของอาเรียเหลือบไปส่องกระจกตรงโต๊ะเครื่องแป้งเขา“เจย์เนส!?” เสียงหวานร้องหลงเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ในห้องด้วย ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วนี่...เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย! แถมยังนั่งเงียบไม่ให้ซุ่มให้เสียงอย่างกับพวกจงใจถ้ำมองอีก!เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา อาเรียก็รีบคว้าจับเสื้อตัวเองมาห่อตัวอีกครั้ง อีกแค่นิดเดียวมีหวังเธอได้ล่อนจ้อนต่อหน้าเขาแน่ ๆ“กว่าจะรู้ตัวนะ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะได้เห็นเธอถอดเสื้อผ้าจดหมดตัวหรือเปล่า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละได้ยินแบบนั้นดวงหน้าสวยก็ยิ่งขึ้นสีแดงแจ๋ อยากจะมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนีให้เสียรู้แล้วรู้รอด แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “นายมาทำอะไรที่นี่…แล้วเข้ามาได้ยังไง!?”เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของเธอแท้ ๆ แล้วทำไมเธอจะต้องเป็นฝ่ายเขินอายกันด้วยล่ะ“ก็ทางที่เคยออกไป...” ว่าพลางชี้ไปทางระเบียงห้องอาเ
และแล้ววันเปิดเรียนก็มาพร้อมกับช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่มาถึงพอดี เสียงพูดคุยในโรงเรียนดังเซ็งแซ่ไปทั่วนอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสีสันของวันวาเลนไทน์นั้น ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจและช็อกโกแลตที่ต่างคนต่างมีครอบครองกันเอาไว้ในมืออย่างน้อยคนละหนึ่งอัน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อจะนำไปมอบให้คู่หมายหรือคนที่แอบชอบอย่างไรล่ะอีกด้านหนึ่งในหอพักชายดูเหมือนว่าความครื้นเครงของเทศกาลจะขัดกับนิสัยของแวมไพร์หนุ่มเสียเหลือเกิน บอกตามตรงว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยให้ความสนใจเทศกาลอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ค่อนข้างจะมองว่าไร้สาระด้วยซ้ำแล้วใครจะไปคิดว่าเขาที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนอนกลับมีถุงใส่ช็อกโกแลตขนาดมหึมาตั้งวางอยู่ข้างกาย‘เฮ้อ เลือกว่ายากแล้ว เอาไปให้ยังยากกว่าอีก’ เจย์เนสถอนหายใจยาว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการจะนำช็อกโกแลตไปให้ใครสักคนจะต้องนั่งทำใจนานถึงเพียงนี้แล้วไอ้ความประหม่าที่ไม่เคยเป็นนี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย...นั่งอยู่นานจนกระทั่งเห็นว่าสายแล้ว เขาจึงตัดสินใจลุกออกไปเพื่อเตรียมเข้าคลาสเรียน จึงปล่อยกองช็อกโกแลตพวกนั้นเอาไว้ในห้องเสียก่อนระหว่างทาง สายตาคมก็แอบสอดส่องสำร
ในขณะที่เจย์เนสกับไอวี่เดินกลับออกไปจากโซนล็อคเกอร์ อาเรียที่ตอนแรกได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนชื่อเจย์เนสก็รีบหันควับกลับไปมองทันที ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนสาวคนนั้นภาพตรงหน้าทำให้ใจบางกระตุกวูบ เธอไม่รู้ว่าทั้งคู่อยู่ใกล้ตนขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีก็หันไปเห็นผู้หญิงคนนั้นสวมกอดเขาอยู่แล้ว ถึงจะดูเหมือนเล่นกัน แต่ท่วงท่าการกอดนั้นก็แนบแน่นใช้ได้คิ้วคู่สวยเริ่มขมวดพันกันยุ่ง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วยซ้ำ เธอก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด‘เขามีสิทธิ์เป็นร้อยที่จะกอดกับใครก็ได้...ทำไมฉันจะต้องสนใจด้วย’ คิดแบบนั้นก็รีบเดินออกไปจากตรงบริเวณล็อคเกอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงให้ภาพตรงหน้าพ้นตาเมื่อกลับมาถึงห้อง อาเรียก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเพดานนิ่ง ต่างจากในใจที่กำลังครุ่นคิดถึงภาพที่เพิ่งเห็นมาไม่นานนัก มอเรียวก้คว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำสิ่งที่หญิงสาวทุกคนถนัด นั่นก็คือ...พิมพ์ชื่อของผู้หญิงคนนั้นลงในช่องค้นหาของแอพโซเชียลมีเดีย จากนั้นไม่นาน บนหน้าจอโทรศัพท์ก็ฉายภาพใบหน้าของหญิงสาวเจ้าของ
หลังจากวันนั้น เจย์เนสก็เริ่มรู้สึกได้ว่าอาเรียต้องการหลบหน้าเขา เพราะอะไรกันนะ อยู่ๆเผะอก็เปลี่ยนไป จากก่อนหน้าที่ไม่ว่าเจอกันเมื่อไหร่ก็จะส่งยิ้มหวานกลับมาให้ตลอด แต่ตอนนี้กลับรีบก้มหน้าก้มตาแล้วเดินหลบเลี่ยงออกไปให้พ้นสายตาเสียอย่างนั้นยิ่งคิดก็ดูเหมือนว่าในใจจะว้าวุ่นอย่างไรก็ไม่รู้เอ๊ะ แล้วนี่เขากำลังว้าวุ่นเรื่องยัยฟลอเรนซ์อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้… คนอย่างเขาไม่เคยหวั่นไหวกับใครทั้งนั้นแหละดูเหมือนว่าเจ้าแวมไพร์หนุ่มจะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ค่อนข้างยากเอาการ ไม่เพียงเท่านัั้น เขายังทำเป็นเมินเฉยใส่กลับไปด้วยต่างหาก เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะมีใครสักคนพยายามเข้าหาแล้วพูดคุยกันให้เข้าใจไม่ใช่หรือไงหลายวันผ่านไป เขาก็ยังทำตัวเมินเฉยใส่อาเรียอย่างออกนอกหน้า แต่แล้วก็ต้องตกใจกับเรื่องราวที่ได้ยินในวันนี้“เฮ้อ ถ้าจะออกก็บอกกันก่อนสิ ครูจะได้หาคนมาแทนตั้งแต่เนิ่น ๆ” เสียงอาจารย์บรรณารักษ์เอ่ยต่อว่าอาเรียเบา ๆ เนื่องด้วยเป็นบริเวณห้องสมุดจึงสงวนการใช้เสียงดัง แต่นี่ก็คงถือเป็นเรื่องดีแหละนะเพราะน้ำเสียงที่อาจารย์ใช้นั้น ทำให้เธอไม่ค่อยรู้สึกเหมือนโดนต่อว่ามากนักส่
วันดีคืนดี จู่ ๆ ช่วงนี้อาเรียก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็จะบังเอิญเจอเขาไปเสียทุกที่ หรืออาจเป็นเพราะว่าความสนใจของเธอไปอยู่กับเขาหมดแล้วเป็นความบังเอิญแบบไหนน่ะเหรอ...“ยืมหนังสือ” ว่าจบเขาก็วางหนังสือที่ต้องการยืมสองเล่มลงตรงหน้าอาเรียที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยอาจารย์บรรณารักษ์เมื่อวานก็ยืมไปแล้วตั้งสองเล่ม อ่านจบแล้วหรือไงกัน อาเรียคิด แต่เอาเข้าจริง หากจะคิดว่าเขาตั้งใจมาหยิบยืมหนังสือเพื่อที่จะได้พบหน้าเธอ มันก็ดูจะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินไปหน่อยมือหนาคว้าหยิบหนังสือบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินไปดึงเก้าอี้ของโต๊ะตัวที่อยู่ไม่ห่างจากเคาน์เตอร์ยืมหนังสือมากนัก‘ไม่ใช่หรอก เขาไม่ได้ตั้งใจจะนั่งตรงนั้นเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ เราหรอกมั้ง’ อาเรียยังคิดไม่ตก แล้วอีกอย่าง...เรื่องของพวกเขาดูไม่มีหวังเลยสักนิด เขามาจากตระกูลแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ ส่วนเธอเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลที่ใกล้จะล้มละลายเต็มที ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่เหมาะสมเลยสักนิด หากเดินเคียงข้างกันคงตกเป็นที่ติฉินนินทาแน่แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงขั้นนั้นเลย แค่คิดว่าหากเข้าใกล้เขาแล้วจะโดนกลุ่มสาว ๆ พวกนั้นเล่นงานอีกก็ไม่ค่อยกล้าหวั
วันรุ่งขึ้น ทางโรงเรียนก็จัดงานฉลองเทศกาลปีใหม่ได้ทันเวลา ถึงแม้ว่าอาเรียจะพักผ่อนได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก เพราะกว่างานจะเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบจะตีสองแต่ระหว่างที่อาเรียกำลังเดินอยุ่ในงาน อยู่ ๆ เธอก็ถูกอาจารย์ฝ่ายกิจกรรมเรียกตัวไปพบ“อาเรีย อุปกรณ์ของโรงเรียนที่ใช้จัดงาน ลองนับดูแล้วมูลค่าการเสียหายหลายหมื่นอยู่นะ” อาจารย์กล่าวด้วยความกระอักกระอ่วนใจ เขาทราบดีว่าเธออาจไม่ได้ตั้งใจที่จะทำข้าวของเสียหาย แต่อย่างไรกฎก็ยังเป็นกฎ“แต่ว่า...หนูไม่ได้เป็นคนทำพังนะคะ” อาเรียคัดค้าน“เพื่อนในคลาสบีของเธอบอกว่าเธอเป็นผู้ดูแลของทั้งหมด ยังไง ทางคลาสบีของพวกเธอก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้กับทางโรงเรียนนะ”อาเรียถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าหากบอกว่าคลาสบี ก็คงโยนภาระหน้าที่มาให้แค่เธอกับลิเลียนเพียงสองคนนั่นแหละ“เข้าใจแล้วค่ะ หนูจะรีบหาเงินมาชดใช้ให้...” ว่าจบเธอก็เดินคอตกกลับเข้าไปในงาน โดยไม่รู้เลยว่า ขณะที่ตัวเองกำลังยืนถูกอาจารย์ตำหนิอยู่นั้น เจ้าแวมไพร์หนุ่มได้แอบมายืนฟังด้วยเช่นกัน และเขาก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าว ๆ แล้วด้วย‘เธอจะจ่ายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ’ เจย์เนสคิดในใจ คิ้วหนาขมวดงุ่น ดวงตาสีแ