LOGINเฉียวเนี่ยนตื่นขึ้นมาในยามที่แสงอาทิตย์อุ่นส่องเฉียงผ่านหน้าต่างมาตกต้องบนแก้มของนางพอดีม่านสีขาวบริสุทธิ์พลิ้วไหวเบาๆ ตามสายลม นี่ไม่ใช่เครื่องตกแต่งที่มีอยู่ในหอคัมภีร์แน่นอนนางเหม่อลอยอยู่ชั่วครู่ ดวงตาที่พร่าเลือนค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ความทรงจำพลันหลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำไหลนางจำได้ว่าในที่สุดตนเองก็เข้าใจแล้ว ว่าพิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณนั้นควรแก้อย่างไร และก็นึกถึงวินาทีที่เสิ่นม่อบุกเข้ามาในหอคัมภีร์ได้ดังนั้น... นางทำสำเร็จจริงๆ แล้วหรือ?นางพลันลุกพรวดขึ้น นัยน์ตาเหลือบมองฝ่ามือของตนเอง ก็เห็นว่าจุดดำที่เคยลามอยู่เต็มฝ่ามือหายไปอย่างไร้ร่องรอยแก้ได้แล้ว แก้ได้แล้วจริงๆ!ความตื่นเต้นในใจแทบจะเอ่อล้นออกจากอก เฉียวเนี่ยนรีบลุกจากเตียง มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือของเสิ่นม่อทันทีเคาะประตูไปสองครั้ง เสียงของเสิ่นม่อก็ดังขึ้นจากข้างใน “เข้ามา”เฉียวเนี่ยนผลักประตูเข้าไป ก็เห็นเสิ่นม่อนั่งอยู่หน้าตั่งเขียนหนังสือนางก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเสิ่นม่อ “ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่ช่วยชีวิตไว้”นางรู้ดี ว่าแม้ตนเองจะค้นพบวิธีแก้ได้ แต่ก็ไม่มีเวลาพอจะไปหาของมาปรุงยา
เสิ่นม่อยืนไขว้มือตรงบันไดหินหน้าหอคัมภีร์ เสื้อคลุมสีดำเข้มถูกลมยามโพล้เพล้พัดชายเสื้อเปิดออก เผยให้เห็นลวดลายสมุนไพรสีเข้มที่ปักอยู่ด้านในเขาเงยหน้ามองฟ้า เห็นเพียงแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดงกำลังถูกความมืดกลืนไป ราวกับเม็ดทรายสุดท้ายที่กำลังจะไหลหมดจากนาฬิกาทราย“ท่านอาจารย์ ตอนนี้เป็นเวลายามโหย่วช่วงที่สามแล้วขอรับ” เสิ่นเยว่ถือโคมแก้วเดินเข้ามา เปลวไฟสะท้อนเป็นเงาสั่นไหวบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา “ศิษย์น้อง...”เสิ่นม่อไม่ตอบเขารู้ดีว่าเสิ่นเยว่จะพูดอะไร คืนนี้คือคืนวันเพ็ญ และก็เป็นคืนที่พิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณในกายของเฉียวเนี่ยนจะกำเริบเป็นครั้งสุดท้ายหากเฉียวเนี่ยนยังไม่อาจหาวิธีแก้พิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณได้ หลังคืนนี้ไป ก็จะเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของเฉียวเนี่ยนเท่านั้นเห็นเสิ่นม่อเงียบไม่เอื้อนเอ่ย เสิ่นเยว่ก็เริ่มร้อนใจ “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องนั้นปัญญาเฉียบแหลม แม้ยังหาทางแก้พิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณไม่ได้ในคราวเดียว แต่ก็ไม่ควรมาสิ้นชีพลงเช่นนี้! ท่านไม่มีวันพบคนที่เหมาะสมกว่านางอีกแล้ว!”ปลายนิ้วของเสิ่นม่อสั่นไหวเล็กน้อยในใจของเขา แท้จริงแล้วร้อนรนยิ่งกว่าเสิ่นเย
แทบจะในชั่วพริบตาเดียว เลือดทั่วร่างของฉู่จืออี้ก็พลันเดือดพล่านขึ้นมาหากเพียงแค่เซียวเหิงหายตัวไป เรื่องอาจยังไม่ใหญ่โตนักแต่องครักษ์พยัคฆ์นั้นเป็นคนที่เขาฝึกสอนมากับมือ และในแต่ละเมือง เขาล้วนจัดให้มีคนอยู่สองนาย คอยดูแลกันและกันบัดนี้กลับขาดการติดต่อพร้อมกันทั้งหมด นั่นย่อมแสดงถึงเพียงเรื่องเดียวได้เท่านั้นฮ่องเต้แห่งแคว้นถังกับตระกูลมู่ลงมือแล้วต่อให้เซียวเหิงกับองครักษ์พยัคฆ์จะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของทั้งแคว้นได้คิดถึงตรงนี้ ฉู่จืออี้ก็อดหันไปมองเสิ่นเยว่อีกครั้งไม่ได้ “สำนักราชาโอสถรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”จดหมายลับฉบับนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าสิบขียนส่งมา โดยเร่งให้หน่วยวายุแปดร้อยลี้ส่งถึงจวนอ๋องผิงหยาง แล้วจึงส่งต่อโดยลุงเกิ่งมาถึงมือเขายังไม่ทันได้เปิดอ่านแต่เสิ่นม่อกลับเตรียมยาไว้ให้เขามากมายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ารู้บางอย่างอยู่ก่อนแล้วเพียงเห็นเสิ่นเยว่ยิ้มอย่างลึกลับ “ความสามารถของสำนักราชาโอสถนั้น มากกว่าที่ท่านอ๋องทรงคิดไว้มากนัก”ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้ก็ไม่ถามต่อเพียงแต่แววตายิ่งทมิฬลึกขึ้นเล็กน้อยเขามองลงไปยังหุบเหวเบื้องล่างด้วยแววตากัง
ดังนั้นยาถ้วยนี้จึงไม่มีทางเอาชีวิตนางไปได้!คิดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็เดินไปข้างหน้า ยกถ้วยยาขึ้นดื่มหมดในรวดเดียวน้ำยาที่อุ่นร้อนเข้าปาก รสขมขื่นจนแทบกลืนไม่ลง นางกลับพยายามค้นหาความรู้สึกพิเศษบางอย่างท่ามกลางความขมขื่นนั้นทว่าในลำคอพลันรู้สึกแสบร้อนราวถูกไฟลวก ต่อมานางก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจลำบากขึ้นมาด้วยความตกใจ นางพยายามอ้าปากหายใจเต็มแรง แต่กลับไม่สามารถสูดอากาศเข้าอกได้แม้แต่น้อยความรู้สึกขาดอากาศห่อหุ้มร่างนางไว้ ไม่นานนักภาพเบื้องหน้าก็มืดสนิท นางหมดสติไปเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้านอกห้องได้มืดแล้วเฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าตนเองสลบไปนานเท่าไร มองถ้วยยาที่ว่างเปล่าบนโต๊ะ ใจมีเพียงความรู้สึกโล่งใจที่ยังมีชีวิตอยู่เสิ่นม่อเป็นอย่างที่นางคาดจริงๆ เขาไม่คิดจะฆ่านาง เพียงแต่จะให้บทเรียนเท่านั้นเขาจะให้คำใบ้ แต่มิได้ให้ยาถอนพิษโดยตรงดังนั้น หญ้าแดนอัสดงจึงไม่สามารถแก้พิษจากผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณได้นางลดสายตามองจุดดำกลางฝ่ามือตนเองไม่รู้ว่าเป็นเพียงการคิดเองหรือไม่ แต่เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่าจุดดำนั้นเหมือนจะเล็กลงเล็กน้อยหรือว่าจะเป็นเพราะหญ้าแดนอัสดง?หญ้าแดนอัสดง
“พิษ?!”เสิ่นเยว่มีสีหน้าตกใจ พลางยกชามยาขึ้นมาดมอย่างละเอียดด้วยความไม่อยากเชื่อในที่สุดก็จับกลิ่นหอมแปลกปลอมเจืออยู่ในกลิ่นยาบำรุงอันเข้มข้นนั้นได้ คล้ายดอกเหมยในคืนเหมันต์ที่เปื้อนสนิมเหล็ก“หญ้าแดนอัสดง?” เสิ่นเยว่ตะลึงงันเขาติดตามเสิ่นม่อตั้งแต่เยาว์วัย รู้จักสมุนไพรและพิษนับร้อยนับพันชนิด แต่ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้จะเป็นเฉียวเนี่ยนที่ได้กลิ่นก่อนหญ้าแดนอัสดงนั้นเป็นพิษร้ายแรงเหมือนพิษโลหิตดับลมปราณ ผู้ที่กลืนกินเข้าไป แทบไม่ทันได้หายใจได้เป็นครั้งที่สองก็สิ้นใจตายทันทีแต่เหตุใดท่านอาจารย์ถึงให้เฉียวเนี่ยนกินหญ้าแดนอัสดงกัน?“ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ข้าจะไปถามท่านอาจารย์!”พูดจบ เสิ่นเยว่ก็ทำท่าจะถือยาจากไป แต่ไม่คาดว่าจะถูกเฉียวเนี่ยนกดข้อมือไว้ “วางยาไว้ที่นี่”เสิ่นเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ศิษย์น้อง หญ้าแดนอัสดงมิใช่ของเล่น ห้ามทำอะไรสะเพร่ามั่วซั่วเชียวนะ!”เฉียวเนี่ยนยิ้มให้เสิ่นเยว่ “ศิษย์พี่วางใจเถิด ข้ารักชีวิตของตัวเองมาก!”ได้ยินเช่นนั้น เสิ่นเยว่จึงปล่อยมือ พลางถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยว่า “เขามาแล้ว”เสิ่นเยว่ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่เฉียว
"ศิษย์น้องไม่เป็นอะไรหรอก"ในที่สุดเสิ่นเยว่ก็เอ่ยขึ้นมา เขาไม่เหมือนเสิ่นม่อ ที่พูดครึ่งเดียว จนคนฟังอึดอัดตายหรือร้อนใจตายก็ยังไม่พูดให้จบแต่ฉู่จืออี้ไม่เชื่อเสียงกรีดร้องเมื่อครู่จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน หากมิใช่เจ็บปวดถึงขีดสุด เหตุใดจะส่งเสียงโหยหวนเช่นนั้นออกมาได้?"หลีกไป"เขาเอ่ยเสียงเย็นเสิ่นเยว่ถอนหายใจอย่างจนใจ "ศิษย์น้องได้รับพิษผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณ ทุกคืนวันเพ็ญพิษจะกำเริบ ครบเก้าครั้งจึงจะสิ้นชีพ ตอนนี้นางกำลังค้นหาวิธีปรุงยาถอนพิษของผงเก้ากระบวนตัดวิญญาณอยู่ในหอคัมภีร์ เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านอ๋องบุกเข้าสำนักราชาโอสถได้ ก็ไม่อาจพาศิษย์น้องไป มีแต่จะถ่วงเวลาที่นางจะหายาถอนพิษได้เท่านั้น"ฉู่จืออี้รู้ว่าเสิ่นเยว่พูดความจริง นึกถึงคำพูดของเสิ่นม่อในตอนกลางวัน มือที่กำดาบไว้แน่นยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว "เหตุใดถึงให้พิษแก่นาง? เจ้าสำนักของพวกเจ้าคิดอะไรกันแน่?"เสิ่นเยว่เงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวงบนฟ้า แล้วจึงเอ่ยว่า "ท่านอาจารย์คงอยากมอบสำนักราชาโอสถให้ศิษย์น้องกระมัง!"ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้ขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเสิ่นเยว่กล่าวต่อ "หากศิษย์น้องสามารถถอนพิษผงเก้ากระบวน







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)