Share

บทที่ 1458

Author: โม่เสียวชี่
ชั่วพริบตา บรรยากาศภายในโรงหมอก็ตึงเครียดดุจลูกธนูขึ้นสาย ประหนึ่งว่าโลหิตพร้อมจะสาดกระเซ็นได้ทุกเมื่อ!

เมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นว่าคนตระกูลมู่ไม่มีทีท่าว่าจะถอยแม้แต่น้อย นางจึงข่มความเจ็บปวดรวดร้าว ยืดแผ่นหลังเหยียดตรง พลางแค่นเสียงเย็นเยียบร้องเรียกแผ่วเบา “อิ๋งชี!”

“ขอรับ!” สิ้นเสียงเรียก สุรเสียงเย็นชาดุจเครื่องจักรสังหารก็ขานรับทันควัน

“เรียกหน่วยองครักษ์เงา!”

“ขอรับ!” อิ๋งชีรับคำสั่ง พลันงอนิ้วสอดเข้าปาก เป่าเป็นเสียงหวีดหวิวกังวานก้อง ฉีกกระชากความเงียบสงัดยามราตรี

ท่วงทำนองของเสียงผิวปากนั้นคล้ายจะมีการผันเสียงอยู่หลายช่วง

สิ้นเสียงสัญญาณหวีดหวิว บนชายคาด้านนอกพลันปรากฏร่างเงาดำทะมึนยืนเรียงรายกันอย่างหนาตา

เสียงคารวะดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง กึกก้องประดุจเสียงฟ้าร้องและกลองศึก “องครักษ์เงาแห่งหอบุปผาเร้นลับ คารวะท่านเจ้าสำนัก!”

ความเกรี้ยวกราดและจิตสังหารบนใบหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยแข็งค้าง

แม้เขาจะนำองครักษ์มามาก แต่บัดนี้กลับถูกองครักษ์พยัคฆ์และองครักษ์เงาล้อมไว้หนาแน่น หากลงมือจริง พวกเขาคงไม่ได้เปรียบ!

องครักษ์ตระกูลมู่ที่เมื่อครู่ยังฮึกเหิมเปี่ยมบารมี บัดนี้กลับตกอยู่ในสภ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1460

    ฉู่จืออี้อ่านความหมายในสายตานางออกในชั่วพริบตา!ความหนาวเหน็บระลอกหนึ่งแล่นพล่านขึ้นมาจากปลายสันหลัง เขาขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาลึกล้ำฉายแววเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ ริมฝีปากบางขยับเอื้อนเอ่ยนามหนึ่งออกมาอย่างเชื่องช้า “อิ๋งชี”เฉียวเนี่ยนเผลอสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าปอดโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นเยียบที่สำลักเข้าไปส่งผลให้บาดแผลเจ็บแปลบขึ้นมาวูบหนึ่งการคาดเดาของฉู่จืออี้มิใช่ไร้มูลความจริงนางจำได้แม่นยำว่าหลังจากผู้อาวุโสซุนรักษาอาการให้แล้ว ศิลาจันทราก็ยังคงอยู่กับตัวนางต่อมาเมื่อหนิงซวงช่วยนางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางก็เป็นคนสอดมันไว้ใต้หมอนด้วยมือตนเองหลายวันมานี้อาการบาดเจ็บสาหัสของนางยังไม่หายดี แทบจะไม่ได้ก้าวออกจากเรือนนี้แม้แต่ครึ่งก้าว กระทั่งลงจากเตียงยังนับครั้งได้นอกจากอิ๋งชีแล้ว นางคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีผู้ใดสามารถขโมยหินจันทราไปจากใต้หมอนของนางได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้!เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น สะกดกลั้นคลื่นอารมณ์ที่โหมซัดสาดในอก น้ำเสียงเจือความเหนื่อยล้าที่ยากจะสังเกตเห็น “ให้พวกเขาเข้ามากันให้หมดเถิด”ฉู่จืออี้พยักหน้า หันกายไปเรียกทุกคนที่อยู่หน้าประตูและภายในห้องให้เข้า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1459

    คนตระกูลมู่ต่างตื่นตระหนกน้ำเสียงของมู่เจิ้นไห่สั่นเครืออย่างไม่อาจระงับ “ผู้ที่เฝ้ายามแดนต้องห้ามในคืนนี้ คือยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในจวนถึงสองคน!”มู่ซ่างเซวี่ยได้ยินดังนั้น พลันนึกถึงบางสิ่งได้ ร่างกายก็หมุนขวับ หันไปจ้องมองใบหน้าอันซีดเผือดทว่าสงบเยือกเย็นของเฉียวเนี่ยนอย่างเขม็งเสียงที่เล็ดลอดจากลำคอบิดเบี้ยวแหบพร่าด้วยความตระหนกสุดขีดและโทสะที่พุ่งพล่าน “การจะเปิดแดนต้องห้ามต้องใช้ศิลาจันทรา!”ทุกถ้อยคำราวกับถูกเค้นลอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก คลุ้งไปด้วยกลิ่นอายคาวเลือดเฉียวเนี่ยนย่อมเข้าใจนัยที่แฝงมาในวาจานั้นนางใช้มือข้างหนึ่งยึดราวจับบันไดอันเย็นเฉียบไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างกดทับบาดแผลบริเวณหน้าท้อง พยายามข่มความเจ็บปวดที่แล่นพล่านและความรู้สึกเปียกชื้นเหนอะหนะทว่าแววตาของนางกลับคมกริบดุจคมดาบน้ำแข็งในสระลึก ปราศจากความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย จ้องสบสายตาของมู่ซ่างเสวี่ยที่ราวกับจะกลืนกินผู้คนคู่นั้นอย่างไม่ลดละ “ศิลาจันทราอยู่กับข้า มิเคยห่างกาย!” น้ำเสียงของนางมิได้ดังนัก ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำร่างที่เกร็งเขม็งของมู่ซ่างเสวี่ยผ่อนคลายลงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็นหากไร้ซ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1458

    ชั่วพริบตา บรรยากาศภายในโรงหมอก็ตึงเครียดดุจลูกธนูขึ้นสาย ประหนึ่งว่าโลหิตพร้อมจะสาดกระเซ็นได้ทุกเมื่อ!เมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นว่าคนตระกูลมู่ไม่มีทีท่าว่าจะถอยแม้แต่น้อย นางจึงข่มความเจ็บปวดรวดร้าว ยืดแผ่นหลังเหยียดตรง พลางแค่นเสียงเย็นเยียบร้องเรียกแผ่วเบา “อิ๋งชี!”“ขอรับ!” สิ้นเสียงเรียก สุรเสียงเย็นชาดุจเครื่องจักรสังหารก็ขานรับทันควัน“เรียกหน่วยองครักษ์เงา!”“ขอรับ!” อิ๋งชีรับคำสั่ง พลันงอนิ้วสอดเข้าปาก เป่าเป็นเสียงหวีดหวิวกังวานก้อง ฉีกกระชากความเงียบสงัดยามราตรีท่วงทำนองของเสียงผิวปากนั้นคล้ายจะมีการผันเสียงอยู่หลายช่วงสิ้นเสียงสัญญาณหวีดหวิว บนชายคาด้านนอกพลันปรากฏร่างเงาดำทะมึนยืนเรียงรายกันอย่างหนาตาเสียงคารวะดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง กึกก้องประดุจเสียงฟ้าร้องและกลองศึก “องครักษ์เงาแห่งหอบุปผาเร้นลับ คารวะท่านเจ้าสำนัก!”ความเกรี้ยวกราดและจิตสังหารบนใบหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยแข็งค้างแม้เขาจะนำองครักษ์มามาก แต่บัดนี้กลับถูกองครักษ์พยัคฆ์และองครักษ์เงาล้อมไว้หนาแน่น หากลงมือจริง พวกเขาคงไม่ได้เปรียบ!องครักษ์ตระกูลมู่ที่เมื่อครู่ยังฮึกเหิมเปี่ยมบารมี บัดนี้กลับตกอยู่ในสภ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1457

    “วันนี้ข้าเคยย่างกรายเข้าไปในจวนตระกูลมู่แม้ครึ่งก้าวเสียเมื่อใด? ไร้สาระสิ้นดี!” คิ้วของเซียวเหอขมวดมุ่นจนแทบเป็นปม รู้สึกว่าการจะพูดเหตุผลกับคนพวกนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับสีซอให้ควายฟังเมื่อเห็นเซียวเหอปฏิเสธเสียงแข็ง ความอดทนเฮือกสุดท้ายของมู่ซ่างเสวี่ยก็ขาดผึง เขาโกรธจัดจนหัวเราะออกมา นิ้วชี้หน้าด่ากราดไปที่เซียวเหอ “เซียวเหอ! ในอดีตเจ้าเคยเป็นถึงแม่ทัพผู้บัญชาการทหารนับพัน มาบัดนี้กลับตกต่ำกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาว กล้าทำแต่ไม่กล้ารับเยี่ยงนั้นรึ?!”เซียวเหอกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วลั่นกรอบแกรบ โทสะอันมหาศาลที่ถูกกดข่มไว้แทบจะระเบิดทะลุออกมา เขาสูดลมหายใจลึก น้ำเสียงเย็นเยียบประดุจเกล็ดน้ำแข็ง “ดี! ต่อให้ข้า ‘ข่มขู่’ ท่านจริง! แล้วข้าจะมีเหตุผลอันใดต้องไปข่มขู่ท่าน? หวังสิ่งใดจากตระกูลมู่ของท่านงั้นรึ?!”“ท่านต้องการบุกรุกแดนต้องห้ามของตระกูลมู่! เพื่อขโมยยาแก้พิษไปให้ไอ้เด็กเซียวเหิงนั่นอย่างไรเล่า!” มู่ซ่างเสวี่ยตะคอกสุดเสียงจนหลังคาแทบสะเทือนเซียวเหอได้ฟังถึงกับหัวเราะลั่นด้วยความเดือดดาล ส่ายหน้าไปมา เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกสมเพชและเย้ยหยัน “ช่างเป็นคำกล่าวหาที่ไร้เหตุผลสิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1456

    “ส่งตัวเฉียวเนี่ยนออกมาเดี๋ยวนี้!”เสียงตวาดเกรี้ยวกราดจากชั้นล่างดังทะลุเข้ามาในโสตประสาทของเฉียวเนี่ยนอย่างชัดเจนมาเพื่อหาเรื่องนางหรือ?เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วมุ่น นางคว้าเสื้อคลุมข้างเตียงขึ้นมาคลุมกาย แล้วกัดฟันข่มความเจ็บปวด ฝืนก้าวเดินออกไปทีละก้าวทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นหนิงซวงและเกอซูอวิ๋นยืนรออยู่หน้าห้องแล้วเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา หนิงซวงก็รีบปราดเข้ามาหา “คุณหนูออกมาทำไมเจ้าคะ? ท่านยังบาดเจ็บอยู่นะเจ้าคะ!”“ข้าไม่เป็นไร” น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนแม้จะอ่อนแรงแต่กลับเยือกเย็นยิ่งนัก นางปัดมือหนิงซวงออกเบา ๆ ใช้มือยันผนังที่เย็นเฉียบ แล้วค่อย ๆ ลากสังขารเดินไปที่หัวมุมบันไดภาพเบื้องหน้าทำให้หัวใจของนางดิ่งวูบลงสู่ก้นเหวเห็นเพียงโถงโรงหมอที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ทว่ากลับถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศสังหารอันน่าสะพรึงท่านหมอชราผู้ใจดีและเด็กรับใช้ยาต่างคุกเข่าอยู่กับพื้น ถูกองครักษ์ตระกูลมู่ที่มีท่าทางดุร้ายราวกับยักษ์มารกดแขนไพล่หลังเอาไว้อย่างหยาบคาย ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและคราบน้ำตาประตูใหญ่เปิดอ้า ด้านนอกมีเงาคนวูบไหว เห็นได้ชัดว่าถูกล้อมไว้หมดแล้วแ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1455

    “ว่ากระไรนะ?!” มู่ซ่างเสวี่ยตกใจอย่างมาก พลันลุกพรวดขึ้นยืน ทว่าเบื้องหน้ากลับมืดมิด วิงเวียนศีรษะจนต้องทิ้งตัวกลับลงไปบนเตียงอย่างแรงเขาหลับตาลง ปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นัยน์ตาฉายแววตื่นตระหนกแกมไม่อยากเชื่อเป็นครั้งแรก!“ข้าสั่งให้เจ้าส่งคนไปเฝ้าเอาไว้แล้วมิใช่หรือ?!”“เฝ้าแล้ว! เฝ้าแล้วขอรับ!” มู่หงเสวี่ยโบกไม้โบกมือด้วยความตื่นเต้นระคนร้อนรน “ที่หอเป่าเสียงทางทิศตะวันออก ท่านปู่ห้านำยอดฝีมือองครักษ์สิบสองคนที่เก่งกาจที่สุดไปนั่งบัญชาการด้วยตนเองเลยนะขอรับ! เฝ้าชนิดไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว!”ท่านปู่ห้ามู่เจิ้นไห่ ดูแลกองกำลังองครักษ์ของตระกูลมู่มานานหลายสิบปี ใต้สังกัดชุบเลี้ยงยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในยุทธภพไว้นับไม่ถ้วน นับเป็นหนึ่งในปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลมู่วันนี้เซียวเหอมาด้วยเจตนาไม่ดี มู่หงเสวี่ยจึงมิกล้าชะล่าใจ อุตส่าห์ไปเชิญเสาหลักผู้นี้ ให้ช่วยนำกำลังไปเฝ้าจุดสำคัญที่น่าจะตกเป็นเป้าหมายมากที่สุดด้วยตนเองทว่าใครจะคาดคิด... สุดท้ายก็ยังเกิดเรื่องขึ้นจนได้!มู่ซ่างเสวี่ยรู้สึกจุกแน่นในอกประหนึ่งถูกหินผาพันชั่งกดทั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status